ซ่างตงเยว่กำลังนอนอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าเจ็บปวด บริเวณอกมีโลหิตไหลออกมาไม่หยุดเวลานี้นางหลับตาแน่นและหายใจรวยรินข้างกายมีคนชุดดำจำนวนหนึ่งนอนอยู่คนผู้นั้นถูกฉู่จวินสิงสังหารตายในกระบี่เดียวหากไม่ได้รับการรักษาที่ทันเวลา เกรงว่าจะไม่รอดชีวิตเจี่ยนอันอันรีบบอกฉู่จวินสิง “รีบอุ้มนางเข้าไปในลานบ้าน”ฉู่จวินสิงเก็บกระบี่แล้วอุ้มซ่างตงเยว่เข้าไปในลานบ้าน“เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น ซ่างตงเยว่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เจี่ยนอันอันตรวจดูบาดแผลของซ่างตงเยว่ไปด้วย ถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นไปด้วยฉู่จวินสิงตอบด้วยเสียงลึกทุ้ม “หลังจากที่เจ้าไปก็มีคนอีกกลุ่มบุกเข้ามาลอบสังหาร”“ซ่างตงเยว่คงจะเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้า นางเพิ่งจะวิ่งมาถึงที่นี่ก็ถูกแทงบาดเจ็บ”เจี่ยนอันอันฟังแล้วขมวดคิ้วแน่น เดิมทีนางคิดว่าตัวเองทำการจัดการนักฆ่าทั้งหมดให้กลายเป็นน้ำหนองไปแล้วเสียอีกคิดไม่ถึงว่าจะมีคนอีกกลุ่มบุกมาลอบสังหารที่นี่ เจี่ยนอันอันไม่มีเวลามาพูดอะไรมาก นางให้ฉู่จวินสิงอุ้มซ่างตงเยว่เข้าไปในบ้านหลังจากที่ฉู่จวินสิงออกไป นางก็รีบปิดประตูห้องให้สนิทและถอดเสื้อของซ่างตงเยว่ออกโลหิตยังคงไหลออกม
หลังจากที่เจี่ยนอันอันทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย นางก็พันผ้าพันแผลให้กับบาดแผลของซ่างตงเยว่จากนั้นเดินไปฟังความเคลื่อนไหวด้านนอกที่ประตูไม่นาน ฉู่จวินสิงก็กลับมาและพูดกับคนทั้งสามที่อยู่ในลานบ้านว่า “คนด้านนอกถูกข้าสังหารหมดแล้ว”เจี่ยนอันอันได้ยินดังนี้ก็ค่อยเปิดประตูออกไปฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันออกมาก็ถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ซ่างตงเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?”เจี่ยนอันอันเช็ดเหงื่อที่หน้าผากก่อนจะตอบเสียงเบา “ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว”“แต่อาการบาดเจ็บของนางค่อนข้างสาหัส คงไม่ฟื้นในเร็วๆ นี้”เจี่ยนอันอันพูดจบก็พิจารณาฉู่จวินสิงโดยละเอียดครั้นเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บก็ค่อยโล่งใจในที่สุดฉู่อันเจ๋ออดถามไม่ได้ว่า “พวกเขาเป็นผู้ใดกันแน่ เหตุใดจึงมีคนมาลอบสังหารเยอะขนาดนี้?”ฉู่จวินสิงนำป้ายคำสั่งที่ค้นเจอจากพวกนักฆ่ามาโยนให้ฉู่อันเจ๋อ“พวกเขาเป็นคนของผู้ว่ามณฑลจงโจว”“กระไรนะ เป็นแค่ผู้ว่ามณฑลจงโจวแต่กลับกล้าส่งคนจำนวนมากขนาดนี้มาลอบสังหาร”“นี่ผู้ว่ามณฑลจงโจวไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร?”ฉู่อันเจ๋อพูดด้วยความโมโหเดือดดาลตอนนี้พวกเขาเป็นเสือร่วงพื้นราบสุนัขรังแกโดยแท้ แม้แต่ผู้ว
ฮูหยินใหญ่เดินไปหาพวกฉู่จวินด้วยสีหน้าร้อนใจและถามด้วยความเป็นห่วง “พวกเจ้าปลอดภัยดีหรือไม่?”เจี่ยนอันอันไม่อยากให้ฮูหยินใหญ่เป็นห่วงจึงตอบด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ พวกข้าปลอดภัยดีเจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”ฮูหยินรองมองฉู่อันเจ๋อ ครั้นเห็นว่าเขาปลอดภัยจริงๆ ก็เบาใจลงในที่สุดนางถามด้วยความสงสัย “พวกคนเมื่อครู่เป็นผู้ใดกัน เหตุใดต้องปองร้ายครอบครัวของเราด้วย?”ฉู่จวินสิงตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ “พวกเขาเป็นคนของผู้ว่ามณฑลจงโจว”ถ้อยคำของฉู่จวินสิงทำให้สมาชิกในครอบครัวทั้งหมดมีอาการตกใจมากพวกเขาเพิ่งจะมาอยู่เมืองอินเป่ยได้ไม่นาน ไม่ได้รู้จักกับผู้ว่ามณฑลจงโจวอะไรนั่นเหตุใดอีกฝ่ายต้องปองร้ายพวกเขาด้วย?เจี่ยนอันอันไม่ได้เล่าเรื่องราวที่ได้ยินมาจากคนกลุ่มนั้นให้ทุกคนฟังนางตั้งใจว่าจะบอกเรื่องนี้กับพวกฉู่จวินสิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ เห็นศพที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมนอนกองกันในลานบ้านแต่ละคนต่างมีสีหน้าหวาดกลัวในอากาศมีกลิ่นของหนังหมูย่างลอยคละคลุ้งคิดว่าคงต้องใช้เวลาหนึ่งคืนกว่ากลิ่นจะหายไปฉู่จวินสิงมองพ่อบ้านหลิว “พ่อบ้านหลิว ท่านพาคนมาลากศพพวกนี้ไปฝัง”พ่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็ถามฉู่จวินสิง “ร่างของพวกนักฆ่ากลุ่มสุดท้ายอยู่ที่ใด?”ฉู่จวินสิงเข้าใจความหมายของเจี่ยนอันอัน เขาจับมือนางพร้อมกับพูดว่า “ตามข้ามา”ทั้งสองคนเดินออกจากลานบ้านไปเพียงไม่ไกลก็พบกับศพสิบกว่าร่างที่นอนกระจัดกระจายบนพื้นเจี่ยนอันอันนำถุงมือแบบพิเศษจากในห้วงมิติออกมาสวม ตามด้วยโปรยผงสลายศพกำหนึ่งลงบนศพศพเหล่านั้นละลายเป็นน้ำหนองภายในชั่วพริบตาซ่างตงเยว่ถูกพาไปนอนพักรักษาตัวที่ห้องของเหยียนเซ่าส่วนเหยียนเซ่าต้องไปพักอยู่ห้องเดียวกันกับฉู่อันเจ๋อเจี่ยนอันอันพูดกับเหยียนเซ่าด้วยความเกรงใจเมื่อต้องทำแบบนี้ “คงต้องลำบากให้ท่านนอนกับอันเจ๋อสักสองสามวันแล้ว”เหยียนเซ่าส่ายมือตอบอย่างไม่ยี่หระ “ไม่ได้ลำบากอะไร สมัยที่อยู่ค่ายทหารก็เคยนอนกับคนหลายสิบเป็นประจำ”เจี่ยนอันอันประทับใจในตัวเหยียนเซ่าไม่น้อยเลย แม้เขาจะพูดน้อยแต่ก็มีคุณธรรมดีมากฉู่อันเจ๋อไม่ได้มีปัญหาอะไรเช่นกัน ความจริงแล้วเขาก็ค่อนข้างชอบคบค้าสมาคมกับเหยียนเซ่าค่ำคืนนี้ ไม่มีผู้ใดนอนหลับสนิทเจี่ยนอันอันพลิกตัวไปมาอย่างไรก็นอนไม่หลับในหัวเอาแต่คิดว่าผู้ใดกันที่ต้องการสังหารนางมากถึงเพ
ถึงอย่างไรซ่างตงเยว่ก็อายุแค่หกขวบแต่กลับต้องเผชิญความยากลำบากมากมายขนาดนี้ความเจ็บปวดที่หน้าอกทำให้นางต้องกัดริมฝีปากแน่นนางไม่ได้เปล่งเสียงร้องไห้ เพียงแต่ปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมาเจี่ยนอันอันผลักประตูเข้ามาก็พบกับภาพที่สองพ่อลูกกำลังร้องไห้นางไม่ได้รบกวนพ่อลูกคู่นี้ แต่ถอยออกไปและปิดประตูให้อย่างแผ่วเบาเจี่ยนอันอันไปหาฉู่จวินสิงและบอกเขาว่าตัวเองต้องการไปมณฑลจงโจวเพื่อคิดบัญชีกับผู้ว่าคนนั้นฉู่จวินสิงต้องการที่จะทำแบบนั้นเช่นกัน ต่อให้เจี่ยนอันอันไม่ไป เขาก็คิดที่จะใช้กระบี่ปลิดชีพผู้ว่ามณฑลจงโจวอยู่แล้วแต่ก่อนที่จะทำแบบนั้น พวกเขาต้องไปหาเซิ่งฟางที่ที่ว่าการอำเภอก่อนมีเพียงเซิ่งฟางที่รู้ตำแหน่งที่ตั้งของมณฑลจงโจวหลังจากที่ทั้งสองคนกินมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางไปที่ว่าการอำเภอรอบนี้ฉู่อันเจ๋อกับเหยียนเซ่าต่างก็โวยวายที่จะตามไปด้วยแม้แต่พี่ใหญ่อย่างฉู่จวินหลุนก็ยังอยากตามมาด้วยเช่นกันเจี่ยนอันอันรู้สึกว่า หากไม่ทิ้งผู้ที่มีศิลปะการต่อสู้ไว้ที่บ้านสักคนเกิดว่ามีคนบุกมารอบสังหารอีกรอบ เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดปกป้องสมาชิกคนอื่นในครอบครัวได้นางมองฉู่จวินสิงแล
เหยียนเซ่าทำหน้าเย็นชา แต่น้ำเสียงที่พูดออกมากลับอ่อนโยนอย่างยิ่ง“เด็กดี อย่าได้ขยับไปทั่ว หากว่าลงไปจะกระแทกได้”เด็กหญิงตัวน้อยไม่ได้ฟังคำของเหยียนเซ่าเลย ยังคงพยายามดิ้นรนอย่างแรงเหยียนเซ่าน้อยนักที่จะมีความอดทนไปเกลี้ยกล่อมเด็กน้อยทว่าครั้งนี้ เขากลับมีความอดทนอย่างแปลกประหลาด“เชื่อฟัง พวกเราล้วนแต่ไม่ใช่คนเลว ไม่มีทางทำอะไรแม่ของเจ้า”เด็กหญิงตัวน้อยถึงได้ฟังคำของเหยียนเซ่า นางกะพริบดวงตาคู่โตที่เปียกชื้น แล้วมองไปยังเหยียนเซ่าด้วยเสียงสะอื้นไห้โชคดีในที่สุดเด็กหญิงตัวน้อยถึงได้หยุดร้องตะโกนออกมา และก็ทำให้ข้างหูของเหยียนเซ่าถึงได้เงียบสงบลงมากเจี่ยนอันอันให้ฉู่จวินสิงคอยมองดูคนเหล่านั้น ไม่ให้พวกเขาเข้ามาใกล้นางลดม่านรถลง แล้วดึงเสื้อผ้าหยาบๆ บนกายหญิงสาวคนนั้นออกเสียงฉีกเสื้อผ้าออกนั้น ดังลอยออกมาจากรถม้าคนที่นอนอยู่บนพื้นเหล่านั้น พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดบนร่างกาย แล้วคลานไปยังรถม้ามือของฉู่จวินสิงถือดาบยาวเอาไว้ ยืนอยู่ด้านหน้าของรถม้าใบหน้าของเขาดูเย็นชา ใช้สายตาเย็นเยียบจ้องมองไปยังคนทั้งหลาย“พวกเจ้าอย่ามาเตะต้องคุณหนูของข้า รีบปล่อยนางเสีย”เด็กรั
นางไม่สนใจความเจ็บปวดของร่างกาย ทันใดนั้นก็คุกเข่าลงต่อหน้าของเจี่ยนอันอัน“ข้าขอร้องพวกเจ้า ปล่อยตั๋วตั่วของข้าไปเถิด นางยังมีอายุเพียงแค่สามขวบเท่านั้น”“ข้าตายไปไม่เป็นไร อย่าให้ตั๋วตั่วของข้าถูกฝังไปพร้อมกับข้าได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคิดคำนึงถึงลูกของนางเช่นนี้ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างทำอะไรไม่ได้นางหันไปเปิดม่านรถ แล้วพูดออกมากับเหยียนเซ่า “พี่เหยียนนำเด็กน้อยมานี่เถอะ”เหยียนเซ่าอุ้มตั๋วตั่วไปยังรถม้าอย่างเชื่อฟังตั๋วตั่วเมื่อเห็นว่าตนเองออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายแล้ว ก็รีบวิ่งไปยังเบื้องหน้าของหญิงสาว แล้วพุ่งเข้าในอ้อมแขนนางหญิงสาวเองก็เอื้อมมือออกไป อย่างจะรับเด็กน้อยเอาไว้ทว่ามือของทั้งสองยังไม่ทันได้แตะกัน ตั๋วตั่วของเจี่ยนอันอันก็ถูกดึงเอาไว้“บนกายแม่ของเจ้ายังมีบาดแผลอยู่ หากว่าเจ้ากระโจนเข้าไป จะต้องทำให้นางบาดเจ็บยิ่งขึ้น”ตั๋วตั่วมองไปยังบาดแผลของหญิงสาว ตรงนั้นกำลังมีคราบเลือดเปื้อนแดงฉานตั๋วตั่วตกใจเสียจนไม่กล้าเข้าใกล้ ปล่อยให้เจี่ยนอันอันจับนางเอาไว้“แม่ของข้าจะตายหรือไม่?” ตั๋วตั่วพูดออกมา น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลลงมาเจี่ยนอันอันไม่อยากทำใ
กวนซินพูดขึ้น แล้วดึงมือของตนเองกลับมาเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นดวงตาของกวนซินกะพริบไปมา ราวกับว่ากำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นนางก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ โน้มตัวไปยังริมใบหูของกวนซิน แล้วพูดออกมาเสียงเบา“หากว่าเจ้าได้ยินมาว่าสามีของข้าเป็นนักโทษที่สมคบคิดกับศัตรูทรยศแคว้นแล้ว เช่นนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องเชื่อ”“สามีของข้ากระทำการตรงไปตรงมาโดยตลอด เขาเพียงแต่ประสบความสำเร็จมากจนเกินไป”“ถึงได้ทำให้ฉู่ชางเหยียน ตั้งข้อกล่าวหาว่าสามีของข้าเป็นนักโทษสมคบคิดกับศัตรู”“พวกเราเองก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน ไม่เพียงแต่ถูกยึดจวน ยังถูกเนรเทศมาที่นี่อีก”เมื่อเจี่ยนอันอันพูดจบ ก็มองไปยังกวนซินอย่างจริงจังกวนซินไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ ถึงขั้นกล้าเรียกชื่อฉู่ชางเหยียนออกมาโดยตรงหากว่าคำนี้ถูกคนนอกได้ยินเข้า จะต้องลอยไปถึงหูของฉู่ชางเหยียนแน่กวนซินคำนึงถึงเจี่ยนอันอันที่มีบุญคุณช่วยชีวิตเอาไว้นางละความคับข้องในใจ แล้วพูดกับเจี่ยนอันอันเสียงแผ่วเบา“เจ้าอย่าเชื่อคำของคนด้านนอกเหล่านั้น ในหมู่พวกเรามีสายสอดแนมของฮ่องเต้อยู่”“ฮ่องเต้ส่งพวกเขามา นอกจากค
ขณะที่เรื่องนี้เกิดขึ้นหลังจากเจี่ยนอันอันถูกเนรเทศไปพร้อมกับครอบครัวฉู่จวินสิงหากไม่ใช่เพราะเจี่ยนอันอันต้องติดตามครอบครัวฉู่จวินสิงเดินทางไปยังแดนเนรเทศ ไม่สามารถนำสิ่งของล้ำค่ามากมายขนาดนั้นติดตัวไปด้วยเจี่ยนกั๋วกงคงสงสัยไปแล้วว่าเงินเหล่านั้นถูกเจี่ยนอันอันขโมยไปแต่เรื่องที่คลังหลวงถูกปล้นก็ทำให้เจี่ยนกั๋วกงรู้สึกถึงความผิดปกติของเรื่องนี้ขึ้นมาอีกครั้งคราวก่อนเขาเข้าวังไปเข้าเฝ้าฮ่องเต้ เดิมตั้งใจว่าจะกราบทูลเรื่องนี้ด้วยแต่คิดไม่ถึงเลยว่าตนเองเพิ่งเอ่ยถึงเรื่องที่ว่าครอบครัวฉู่จวินสิงอาจยังไม่ตายก็ถูกฉู่ชางเหยียนตำหนิเอาอีกแล้วเขาไหนเลยจะมีความกล้าเอ่ยถึงเรื่องนี้กับฉู่ชางเหยียนอีกแต่ตอนนี้พอมาใคร่ครวญดีๆ แล้ว โจรที่ปล้นจวนกั๋วกงผู้นี้มีความเป็นไปได้มากว่าจะเป็นโจรที่ปล้นคลังหลวงเดิมนั้น เจี่ยนกั๋วกงอยากสืบสวนเรื่องที่บ้านตนเองถูกปล้นอย่างเงียบๆอย่างไรเสียเรื่องนี้พูดออกมาแล้วก็มีแต่จะทำให้พวกขุนนางที่เป็นอริกับเขาหัวเราะเยาะแต่เวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว เขากลับจับไม่ได้กระทั่งเงาของเจ้าโจรร้ายผู้นั้นยามนี้คลังหลวงถูกปล้นมานานขนาดนี้ก็ยังไม่มีใครจับตัวโจรผู้นั
จังหวะที่พวกเขาเพิ่งเดินออกมาจากคุกหลวง ทหารรักษาการณ์กลุ่มหนึ่งก็ลาดตระเวนผ่านมาพอดีเมื่อพวกเขาเห็นพวกฉู่จวินสิงก็ล้วนประหลาดใจ“พวกเจ้าเข้าไปทำอะไรในคุกหลวง?” ทหารรักษาการณ์ที่นำหน้ามาถามด้วยความประหลาดใจเขาเห็นว่าทหารรักษาการณ์สิบกว่าคนนี้ล้วนไม่คุ้นหน้า แต่พวกเขาก็ไม่ได้คิดอะไรมากอย่างไรเสียทหารรักษาการณ์ในวังหลวงก็มีอยู่จำนวนมาก ถึงมีคนหน้าไม่คุ้นปรากฏตัวขึ้นก็ไม่ใช่เรื่องแปลกฉู่จวินสิงกล่าวเสียงขรึม “ตอนพวกข้าลาดตระเวนมาถึงที่นี่ ได้ยินเสียงร้องดังมาจากข้างในจึงเข้าไปตรวจดู”“ดีที่ข้างในมีแค่คนที่ถูกทรมานส่งเสียงร้อง แต่ไม่เจอตัวโจรร้ายที่โกนหัวฝ่าบาท”ทหารรักษาการณ์เหล่านั้นได้ยินแล้วก็พยักหน้าน้อยๆ เป็นเชิงเข้าใจ“ในเมื่อเป็นอย่างนั้น พวกเราก็ลาดตระเวนต่อกันเถอะ”“พวกเจ้าไปลาดตระเวนทางนั้น พวกข้าจะไปลาดตระเวนทางนี้”ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็แยกจากทหารรักษาการณ์กลุ่มนั้นฉู่จวินสิงนำทหารเหล่านั้นตรงไปยังทางออกของวังหลวงเมื่อเจอกับทหารรักษาการณ์กลุ่มอื่นระหว่างทาง ต่างฝ่ายก็เพียงแต่พยักหน้าให้กันเล็กน้อยเท่านั้นไม่มีใครสังเกตว่าพวกเขาเป็นคนที่ปลอมตัวเป็นทหารรักษาการณ
เจี่ยนอันอันยิ้มกล่าว “พรุ่งนี้ข้าก็สามารถไปจากที่นี่ได้แล้ว”ฉู่จวินสิงจึงตัดสินใจค้างคืนกับเจี่ยนอันอันที่นี่เขาไม่อยากกลับไปที่โรงเตี๊ยม ที่นั่นเสียงดังเกินไป บวกกับเขาคิดถึงเจี่ยนอันอันหลายวันที่ผ่านมา เขาไม่ได้นอนหลับเต็มอิ่มเลยฉู่จวินสิงอยู่ค้างคืนด้วยได้ เจี่ยนอันอันย่อมดีใจอยู่แล้วอย่างไรเสียก็คงไม่มีใครบุกเข้ามาในห้องนี้อย่างปุบปับอยู่แล้วพอถึงพรุ่งนี้เช้า ฉู่จวินสิงค่อยทำเหมือนกับว่าเพิ่งมารับเจี่ยนอันอัน คนทั้งสองก็สามารถจากไปพร้อมกันได้แล้วทั้งคู่นอนอยู่บนเตียง เนื่องจากไม่ได้เจอกันหลายวันพวกเขาจึงเริ่มอิงแอบแนบชิดกัน ฉู่จวินสิงออกแรงอย่างนุ่มนวลด้วยกลัวว่าจะกระทบกระเทือนทารกในครรภ์เจี่ยนอันอันหลังเสร็จกิจแล้ว ทั้งคู่ก็สวมกอดกันนอนหลับไปจนถึงเช้าตรู่วันถัดมา ฉู่จวินสิงก็ทำให้ตัวเองล่องหนระหว่างที่เจี่ยนอันอันกำลังทำอาหารอยู่ ฉู่จวินสิงก็มาเคาะประตูเรือนโดยทำเหมือนกับว่าแวะมาเยี่ยมกะทันหันฮวาหลานเอ๋อร์ไปเปิดประตู เห็นว่าฉู่จวินสิงมาแล้ว คราวนี้นางไม่ได้เย็นชาเหมือนครั้งก่อน แต่ยิ้มแฉ่งให้ฉู่จวินสิง“เยียนอ๋องมาหาพี่หญิงเจี่ยนสินะ พี่หญิงเจี่ยนของข้าทำ
“หลังกินข้าวมื้อนี้เสร็จ เจ้าก็ไปจากที่นี่เสียเถอะ สิ่งที่ข้าควรสอนก็สอนไปหมดแล้ว เจ้าไม่มีความจำเป็นต้องพักอยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”ซางหมิงกินข้าวเสร็จอย่างรวดเร็วแล้วลุกขึ้นก้าวยาวๆ ออกไปจากห้องกินข้าวเจี่ยนอันอันรู้ว่าซางหมิงยังโกรธเรื่องเมื่อเย็นวาน นางเป็นฝ่ายผิดก่อนจึงไม่ได้โกรธเพราะคำพูดของซางหมิงเพื่อชดเชยให้กับเรื่องเมื่อเย็นวาน เจี่ยนอันอันจึงรีบกินข้าวให้เสร็จแล้วไปหาซางหมิงนางมาถึงสถานที่ที่ซางหมิงทำหน้ากากก็เห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งทำหน้ากากอยู่ที่โต๊ะเจี่ยนอันอันหยิบยาถอนพิษที่ต้มไว้ตั้งแต่เมื่อเย็นวานออกมาจากในมิติแล้ววางลงตรงหน้าซางหมิง“ผู้วิเศษซาง นี่คือยาถอนพิษที่ข้าต้มเอง ท่านดื่มยานี้ก่อนแล้วข้าค่อยไปก็ยังไม่สาย”ซางหมิงเหลือบมองยาถอนพิษสองถ้วยนั้นแล้วมองไปทางเจี่ยนอันอัน“เจ้าแน่ใจนะว่ายาสองถ้วยนี้สามารถกำจัดพิษในร่างข้าได้?”เห็นเจี่ยนอันอันพยักหน้ายิ้มๆ เขาก็ไม่พูดมาก หยิบถ้วยยาขึ้นมาดื่มอึกใหญ่ทันทีหลังดื่มยาสองถ้วยนั้นจนหมด ซางหมิงก็รู้สึกว่าพิษในร่างกำลังสลายไปอย่างรวดเร็วบริเวณที่เดิมทียังเจ็บปวดอยู่บ้างก็รู้สึกโล่งสบายหาใดเปรียบ เพราะได้ดื่มยาสอง
เรือนผมที่เคยยาวดกดำ ภายในคืนเดียวมลายหายไปสิ้นเห็นเพียงศีรษะที่โกร๋นโล่งเตียนไม่เหลือแม้แต่ผมเส้นเดียว!เจียงหวยตกใจจนหน้าซีดเผือด พลางทรุดร่างลง ‘โครม’ ที่หน้าพระแท่นมังกรฉู่ชางเหยีนมองดูสีหน้าตกตะลึงของเจียงหวย พลันยิ่งบันดาลโทสะมากขึ้น“เจ้าถูกผีหลอกเข้าหรือไร?”เจียงหวยกลัวจนตัวสั่นงันงก พร้อมกล่าวด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “ฝ่า...ฝ่าบาท เส้นพระเกศา...”ทันใดนั้นเอง ฉู่ชางเหยียนเพิ่งตระหนักว่าศีรษะเย็นผิดปกติจึงรีบเอามือลูบศีรษะตนเองโดยพลันไม่ลูบยังพอว่า ลูบไปเจอแต่ศีรษะโล้นเลี่ยนนี่สิ!“เกิดเรื่องอันใดขึ้น ผมของข้าเล่า? บังอาจนัก ผู้ใดมาโกนผมของข้าไปหมด?”“ทหาร รีบไปจับคนที่เมื่อคืนแอบเข้ามาในตำหนักข้า ข้าจะจับมากุดหัวเสีย แล้วถลกหนังมันด้วย”เจียงหวยหัวใจหล่นไปถึงตาตุ่ม เคราะห์ดีเมื่อคืนเขาไม่ได้ถวายงานอยู่ในตำหนักหลงเหอแต่ไปเลี้ยงอาหารนกแร้งสองตัวนั้น กว่าจะป้อนจนอิ่มหนำก็ค่ำมืดเต็มทีเขาเห็นว่าดึกมากแล้ว จึงมิได้กลับเข้าตำหนักหลงเหออีก ด้วยเกรงว่าจะรบกวนการบรรทมของฮ่องเต้ปรากฏว่าเพียงคืนเดียวที่เขาไม่ได้อยู่ถวายงาน กลับเกิดเรื่องใหญ่โตเช่นนี้ขึ้นเขากลัวว่าถ้าฮ
เมื่อเจี่ยนอันอันดูถึงตรงนี้ มุมปากได้เหยียดขึ้นนานแล้วนางเห็นเจี่ยนกั๋วกงหน้าไม่อายผู้นั้น เมื่อถูกฮ่องเต้ตวาดเข้า ก็ทำตัวหงอ หดคอราวกับลูกเต่าตัวหนึ่งเป็นสิ่งที่นางรู้สึกสะใจยิ่ง!เจี่ยนกั๋วกงยังคิดเอาหน้าต่อหน้าพระพักตร์ฮ่องเต้ คิดจะให้ส่งคนไปสืบสวนครอบครัวฉู่จวินสิงที่อยู่ในเมืองอินเป่ยอีกสุดท้ายลูกคิดรางแก้วของเขาก็พังทลาย ซ้ำยังถูกฮ่องเต้ชั่วด่าใส่หน้าอีก!เจี่ยนอันอันยังคิดว่าเจี่ยนกั๋วกงถูกด่าเบาไปด้วยซ้ำ ฮ่องเต้ชั่วน่าจะลงโทษฐานสร้างความวุ่นวายใจแก่เบื้องบนอีกกระทงหนึ่งเพราะอย่างไรก็ล้วนมิใช่คนดีทั้งคู่ ตายคนหนึ่งแผ่นดินจะได้สูงขึ้นบ้างแต่เสียดายฮ่องเต้ชั่วกลับมิได้ทำเช่นนั้น ข้อนี้ทำให้เจี่ยนอันอันอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าและถอนหายใจ“หากตอนนี้ข้าเป็นฮ่องเต้ชั่วนั่น คงไม่ปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ต่อไปแน่”หลังจากเจี่ยนอันอันแอบแช่งชักหักกระดูกในใจ พลันนึกไปถึงนกแร้งสองตัวนั้นตอนที่นางกับฉู่จวินสิงสังหารอิ่นเจียงนั้น ก็เคยเห็นนกแร้งสองตัวนี้แต่ไม่คิดว่าจะเป็นสัตว์เลี้ยงของฉู่ชางเหยียนที่อยู่ในวังหลวงคราวก่อนที่ๆ พวกมันปรากฏตัว คงถูกฉู่ชางเหยียนส่งให้ไปสังเกตความเค
ฉู่ชางเหยียนหันมาทางเจี่ยนกั๋วกงต่อ น้ำเสียงเย็นชา “ท่านบอกว่าฉู่จวินสิงยังไม่ตาย แล้วนี่จะอธิบายอย่างไร?”เจี่ยนกั๋วกงรู้ดีว่า ฉู่ชางเหยียนได้เลี้ยงนกแร้งไว้สองตัวเมื่อครู่ขณะเห็นนก เขายังนึกว่าพวกมันคงหิวในเวลาค่ำคืน จึงออกมาหากินที่ไหนได้ แท้จริงแล้วพวกมันถูกฉู่ชางเหยียนส่งไปเมืองอินเป่ยต่างหากแม้แต่นกแร้งสองตัวนี้ยังยืนยันว่าครอบครัวฉู่จวินสิงได้เสียชีวิต แล้วเขาก็ไม่มีหลักฐานที่จะพิสูจน์ข้อสันนิษฐานของตนเองจึงหวาดกลัวจนรู้สึกขนหัวลุกชัน พร้อมรีบคุกเข่าลง“ทูลฝ่าบาท กระหม่อมเพียงสงสัยว่าฉู่จวินสิงและครอบครัวยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่มีหลักฐานยืนยัน ขอฝ่าบาททรงอภัยด้วย”ฉู่ชางเหยียนทำเสียงฮึในลำคอ พลางตะโกนไปยังด้านนอก “ใครก็ได้!”ไม่นานจึงมีองครักษ์ผู้หนึ่งเข้ามา“ไปตามอิ่นเจียงมาพบข้า ข้าจะถามเขาให้รู้”องครักษ์รับบัญชา พร้อมรีบถอยออกไปเจี่ยนกั๋วกงยังคงคุกเข่าอยู่ที่เดิม ในใจไม่สู้สบายนักถ้าอิ่นเจียงมาถึง พร้อมกล่าวยืนยันอีกครั้งว่าตนได้สังหารฉู่จวินสิงและครอบครัวไปแล้วจริงๆแล้วเขาจะทำอย่างไรให้ฮ่องเต้ทรงเชื่อในคำสันนิษฐานของเขาได้?ซ้ำยังมีความรู้สึกว่า เรื่องนี้อ
เขารู้ว่าขุนนางกลุ่มนี้มิได้เห็นตนถูกปลดเป็นสามัญชน ซ้ำยังถูกเนรเทศไปอยู่เมืองอินเป่ย จนเลือกที่จะสวามิภักดิ์ต่อฉู่ชางเหยียนแต่กลับวางแผนเงียบๆ ว่าจะล้างมลทินให้ตนได้อย่างไร เพื่อให้กลับมาเมืองจิงโจวอีกครั้ง ครองตำแหน่งเยียนอ๋องตามเดิมฉู่จวินสิงรู้สึกปลื้มใจยิ่ง เขาคิดว่าตนดูคนไม่ผิด ขุนนางเหล่านี้มีความภักดีที่จะอยู่กับเขาอย่างจริงใจเพียงแต่ฐานะเขาตอนนี้ยังไม่เหมาะจะเผยตัว จึงมิได้ปรากฏตัวให้เหล่าขุนนางได้เห็นฉู่จวินสิงด้านหนึ่งเป็นห่วงเจี่ยนอันอัน อีกด้านก็นึกถึงอนาคตว่าจะบุกเข้าเมืองจิงโจวได้อย่างไรและขุนนางเหล่านั้นต่างก็มีกำลังทหารอยู่ในมือรอจนเขากลับไปจิงโจวเมื่อใด จะเป็นเวลาที่จะได้ชิงอำนาจกลับคืนมาอีกครั้ง......เจี่ยนอันอันมองดูยาในหม้อที่ต้มเสร็จแล้ว จึงรินเอาน้ำออกมา ส่วนกากยาถูกเททิ้งไปยาสองชามนี้เพียงพอที่จะขจัดพิษในตัวซางหมิงได้หมดนางนำยาไปเก็บไว้ในห้วงมิติ รอเพียงพรุ่งนี้เช้าซางหมิงตื่นมา ก็จะให้เขาดื่มเจี่ยนอันอันกลับเข้าห้องนอน พร้อมนำแว่นตาล่องหนออกมาใส่ไม่นานจึงมองเห็นฉู่ชางเหยียนนั่งอยู่ในห้องทรงอักษรและในห้องนั้นไม่เพียงมีฉู่ชางเหยียนกับมหา
เป็นครั้งแรกที่ฮวาหลานเอ๋อร์ได้เห็นโจ๊กแปดสมบัติ นางมองดูกระป๋องนั้นด้วยความแปลกใจ ไม่รู้ว่าควรจะเปิดอย่างไรดีเจี่ยนอันอันตบหน้าผากตนเอง พลันฝากระป๋องจึงเปิดออกง่ายดาย นำช้อนที่อยู่ข้างในกางออกเรียบร้อย พร้อมส่งให้ฮวาหลานเอ๋อร์“นี่ก็คือโจ๊กแปดสมบัติ รสชาติหอมหวาน แม้จะเย็นชืดไปบ้าง แต่กินไม่ยาก”เจี่ยนอันอันกล่าวพลาง ยื่นโจ๊กให้แก่ฮวาหลานเอ๋อร์ฮวาหลานเอ๋อร์ได้กลิ่นหอมของโจ๊กมาเตะจมูก จึงรีบตักเข้าปากเร็วพลันรสชาติหอมหวานและเนียนนุ่ม อบอวลอยู่ในปากนางทันที“พี่เจี่ยน โจ๊กแปดสมบัตินี้ช่างอร่อยจริง”ฮวาหลานเอ๋อร์กล่าวพลาง รีบอ้าปากกินแล้วกินอีกไม่นานโจ๊กแปดสมบัติทั้งกระป๋องก็ถูกนางกินหมดเกลี้ยงนางมิได้ถามเจี่ยนอันอันเอาโจ๊กชนิดนี้มาจากที่ใด คิดแต่ว่าเจี่ยนอันอันคงจะทำเอง“อิ่มแล้วก็กลับไปพักผ่อนเสีย ข้าอยู่ทางนี้ยังต้องต้มยาอีกสักพัก”เจี่ยนอันอันไม่ต้องการให้ฮวาหวานเอ๋อร์มาอยู่ข้างกาย เพราะเป็นเด็กอายุยังน้อย ต้องการการพักผ่อนอย่างเต็มที่ฮวาหลานเอ๋อร์ยิ้มให้เจี่ยนอันอันอย่างมีความสุข พลางยืนขึ้นแล้วกระโดดโลดเต้นเดินจากไปเจี่ยนอันอันอยู่ในครัวต้มยาต่อไปอีก จากนั้นจึงร