ซ่างตงเยว่กำลังนอนอยู่บนพื้นด้วยใบหน้าเจ็บปวด บริเวณอกมีโลหิตไหลออกมาไม่หยุดเวลานี้นางหลับตาแน่นและหายใจรวยรินข้างกายมีคนชุดดำจำนวนหนึ่งนอนอยู่คนผู้นั้นถูกฉู่จวินสิงสังหารตายในกระบี่เดียวหากไม่ได้รับการรักษาที่ทันเวลา เกรงว่าจะไม่รอดชีวิตเจี่ยนอันอันรีบบอกฉู่จวินสิง “รีบอุ้มนางเข้าไปในลานบ้าน”ฉู่จวินสิงเก็บกระบี่แล้วอุ้มซ่างตงเยว่เข้าไปในลานบ้าน“เมื่อครู่นี้เกิดอะไรขึ้น ซ่างตงเยว่มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”เจี่ยนอันอันตรวจดูบาดแผลของซ่างตงเยว่ไปด้วย ถามโดยไม่เงยหน้าขึ้นไปด้วยฉู่จวินสิงตอบด้วยเสียงลึกทุ้ม “หลังจากที่เจ้าไปก็มีคนอีกกลุ่มบุกเข้ามาลอบสังหาร”“ซ่างตงเยว่คงจะเป็นห่วงความปลอดภัยของเจ้า นางเพิ่งจะวิ่งมาถึงที่นี่ก็ถูกแทงบาดเจ็บ”เจี่ยนอันอันฟังแล้วขมวดคิ้วแน่น เดิมทีนางคิดว่าตัวเองทำการจัดการนักฆ่าทั้งหมดให้กลายเป็นน้ำหนองไปแล้วเสียอีกคิดไม่ถึงว่าจะมีคนอีกกลุ่มบุกมาลอบสังหารที่นี่ เจี่ยนอันอันไม่มีเวลามาพูดอะไรมาก นางให้ฉู่จวินสิงอุ้มซ่างตงเยว่เข้าไปในบ้านหลังจากที่ฉู่จวินสิงออกไป นางก็รีบปิดประตูห้องให้สนิทและถอดเสื้อของซ่างตงเยว่ออกโลหิตยังคงไหลออกม
หลังจากที่เจี่ยนอันอันทำการผ่าตัดเสร็จเรียบร้อย นางก็พันผ้าพันแผลให้กับบาดแผลของซ่างตงเยว่จากนั้นเดินไปฟังความเคลื่อนไหวด้านนอกที่ประตูไม่นาน ฉู่จวินสิงก็กลับมาและพูดกับคนทั้งสามที่อยู่ในลานบ้านว่า “คนด้านนอกถูกข้าสังหารหมดแล้ว”เจี่ยนอันอันได้ยินดังนี้ก็ค่อยเปิดประตูออกไปฉู่จวินสิงเห็นเจี่ยนอันอันออกมาก็ถามด้วยสีหน้าจริงจัง “ซ่างตงเยว่เป็นอย่างไรบ้าง?”เจี่ยนอันอันเช็ดเหงื่อที่หน้าผากก่อนจะตอบเสียงเบา “ตอนนี้ปลอดภัยดีแล้ว”“แต่อาการบาดเจ็บของนางค่อนข้างสาหัส คงไม่ฟื้นในเร็วๆ นี้”เจี่ยนอันอันพูดจบก็พิจารณาฉู่จวินสิงโดยละเอียดครั้นเห็นว่าเขาไม่ได้รับบาดเจ็บก็ค่อยโล่งใจในที่สุดฉู่อันเจ๋ออดถามไม่ได้ว่า “พวกเขาเป็นผู้ใดกันแน่ เหตุใดจึงมีคนมาลอบสังหารเยอะขนาดนี้?”ฉู่จวินสิงนำป้ายคำสั่งที่ค้นเจอจากพวกนักฆ่ามาโยนให้ฉู่อันเจ๋อ“พวกเขาเป็นคนของผู้ว่ามณฑลจงโจว”“กระไรนะ เป็นแค่ผู้ว่ามณฑลจงโจวแต่กลับกล้าส่งคนจำนวนมากขนาดนี้มาลอบสังหาร”“นี่ผู้ว่ามณฑลจงโจวไปกินดีหมีหัวใจเสือมาหรือไร?”ฉู่อันเจ๋อพูดด้วยความโมโหเดือดดาลตอนนี้พวกเขาเป็นเสือร่วงพื้นราบสุนัขรังแกโดยแท้ แม้แต่ผู้ว
ฮูหยินใหญ่เดินไปหาพวกฉู่จวินด้วยสีหน้าร้อนใจและถามด้วยความเป็นห่วง “พวกเจ้าปลอดภัยดีหรือไม่?”เจี่ยนอันอันไม่อยากให้ฮูหยินใหญ่เป็นห่วงจึงตอบด้วยรอยยิ้ม “ท่านแม่ พวกข้าปลอดภัยดีเจ้าค่ะ ท่านไม่ต้องเป็นห่วง”ฮูหยินรองมองฉู่อันเจ๋อ ครั้นเห็นว่าเขาปลอดภัยจริงๆ ก็เบาใจลงในที่สุดนางถามด้วยความสงสัย “พวกคนเมื่อครู่เป็นผู้ใดกัน เหตุใดต้องปองร้ายครอบครัวของเราด้วย?”ฉู่จวินสิงตอบด้วยสีหน้าราบเรียบ “พวกเขาเป็นคนของผู้ว่ามณฑลจงโจว”ถ้อยคำของฉู่จวินสิงทำให้สมาชิกในครอบครัวทั้งหมดมีอาการตกใจมากพวกเขาเพิ่งจะมาอยู่เมืองอินเป่ยได้ไม่นาน ไม่ได้รู้จักกับผู้ว่ามณฑลจงโจวอะไรนั่นเหตุใดอีกฝ่ายต้องปองร้ายพวกเขาด้วย?เจี่ยนอันอันไม่ได้เล่าเรื่องราวที่ได้ยินมาจากคนกลุ่มนั้นให้ทุกคนฟังนางตั้งใจว่าจะบอกเรื่องนี้กับพวกฉู่จวินสิงเพียงไม่กี่คนเท่านั้นสมาชิกในครอบครัวคนอื่นๆ เห็นศพที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมนอนกองกันในลานบ้านแต่ละคนต่างมีสีหน้าหวาดกลัวในอากาศมีกลิ่นของหนังหมูย่างลอยคละคลุ้งคิดว่าคงต้องใช้เวลาหนึ่งคืนกว่ากลิ่นจะหายไปฉู่จวินสิงมองพ่อบ้านหลิว “พ่อบ้านหลิว ท่านพาคนมาลากศพพวกนี้ไปฝัง”พ่
เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็ถามฉู่จวินสิง “ร่างของพวกนักฆ่ากลุ่มสุดท้ายอยู่ที่ใด?”ฉู่จวินสิงเข้าใจความหมายของเจี่ยนอันอัน เขาจับมือนางพร้อมกับพูดว่า “ตามข้ามา”ทั้งสองคนเดินออกจากลานบ้านไปเพียงไม่ไกลก็พบกับศพสิบกว่าร่างที่นอนกระจัดกระจายบนพื้นเจี่ยนอันอันนำถุงมือแบบพิเศษจากในห้วงมิติออกมาสวม ตามด้วยโปรยผงสลายศพกำหนึ่งลงบนศพศพเหล่านั้นละลายเป็นน้ำหนองภายในชั่วพริบตาซ่างตงเยว่ถูกพาไปนอนพักรักษาตัวที่ห้องของเหยียนเซ่าส่วนเหยียนเซ่าต้องไปพักอยู่ห้องเดียวกันกับฉู่อันเจ๋อเจี่ยนอันอันพูดกับเหยียนเซ่าด้วยความเกรงใจเมื่อต้องทำแบบนี้ “คงต้องลำบากให้ท่านนอนกับอันเจ๋อสักสองสามวันแล้ว”เหยียนเซ่าส่ายมือตอบอย่างไม่ยี่หระ “ไม่ได้ลำบากอะไร สมัยที่อยู่ค่ายทหารก็เคยนอนกับคนหลายสิบเป็นประจำ”เจี่ยนอันอันประทับใจในตัวเหยียนเซ่าไม่น้อยเลย แม้เขาจะพูดน้อยแต่ก็มีคุณธรรมดีมากฉู่อันเจ๋อไม่ได้มีปัญหาอะไรเช่นกัน ความจริงแล้วเขาก็ค่อนข้างชอบคบค้าสมาคมกับเหยียนเซ่าค่ำคืนนี้ ไม่มีผู้ใดนอนหลับสนิทเจี่ยนอันอันพลิกตัวไปมาอย่างไรก็นอนไม่หลับในหัวเอาแต่คิดว่าผู้ใดกันที่ต้องการสังหารนางมากถึงเพ
ถึงอย่างไรซ่างตงเยว่ก็อายุแค่หกขวบแต่กลับต้องเผชิญความยากลำบากมากมายขนาดนี้ความเจ็บปวดที่หน้าอกทำให้นางต้องกัดริมฝีปากแน่นนางไม่ได้เปล่งเสียงร้องไห้ เพียงแต่ปล่อยให้น้ำตารินไหลออกมาเจี่ยนอันอันผลักประตูเข้ามาก็พบกับภาพที่สองพ่อลูกกำลังร้องไห้นางไม่ได้รบกวนพ่อลูกคู่นี้ แต่ถอยออกไปและปิดประตูให้อย่างแผ่วเบาเจี่ยนอันอันไปหาฉู่จวินสิงและบอกเขาว่าตัวเองต้องการไปมณฑลจงโจวเพื่อคิดบัญชีกับผู้ว่าคนนั้นฉู่จวินสิงต้องการที่จะทำแบบนั้นเช่นกัน ต่อให้เจี่ยนอันอันไม่ไป เขาก็คิดที่จะใช้กระบี่ปลิดชีพผู้ว่ามณฑลจงโจวอยู่แล้วแต่ก่อนที่จะทำแบบนั้น พวกเขาต้องไปหาเซิ่งฟางที่ที่ว่าการอำเภอก่อนมีเพียงเซิ่งฟางที่รู้ตำแหน่งที่ตั้งของมณฑลจงโจวหลังจากที่ทั้งสองคนกินมื้อเที่ยงเสร็จเรียบร้อยก็เดินทางไปที่ว่าการอำเภอรอบนี้ฉู่อันเจ๋อกับเหยียนเซ่าต่างก็โวยวายที่จะตามไปด้วยแม้แต่พี่ใหญ่อย่างฉู่จวินหลุนก็ยังอยากตามมาด้วยเช่นกันเจี่ยนอันอันรู้สึกว่า หากไม่ทิ้งผู้ที่มีศิลปะการต่อสู้ไว้ที่บ้านสักคนเกิดว่ามีคนบุกมารอบสังหารอีกรอบ เกรงว่าจะไม่มีผู้ใดปกป้องสมาชิกคนอื่นในครอบครัวได้นางมองฉู่จวินสิงแล
เหยียนเซ่าทำหน้าเย็นชา แต่น้ำเสียงที่พูดออกมากลับอ่อนโยนอย่างยิ่ง“เด็กดี อย่าได้ขยับไปทั่ว หากว่าลงไปจะกระแทกได้”เด็กหญิงตัวน้อยไม่ได้ฟังคำของเหยียนเซ่าเลย ยังคงพยายามดิ้นรนอย่างแรงเหยียนเซ่าน้อยนักที่จะมีความอดทนไปเกลี้ยกล่อมเด็กน้อยทว่าครั้งนี้ เขากลับมีความอดทนอย่างแปลกประหลาด“เชื่อฟัง พวกเราล้วนแต่ไม่ใช่คนเลว ไม่มีทางทำอะไรแม่ของเจ้า”เด็กหญิงตัวน้อยถึงได้ฟังคำของเหยียนเซ่า นางกะพริบดวงตาคู่โตที่เปียกชื้น แล้วมองไปยังเหยียนเซ่าด้วยเสียงสะอื้นไห้โชคดีในที่สุดเด็กหญิงตัวน้อยถึงได้หยุดร้องตะโกนออกมา และก็ทำให้ข้างหูของเหยียนเซ่าถึงได้เงียบสงบลงมากเจี่ยนอันอันให้ฉู่จวินสิงคอยมองดูคนเหล่านั้น ไม่ให้พวกเขาเข้ามาใกล้นางลดม่านรถลง แล้วดึงเสื้อผ้าหยาบๆ บนกายหญิงสาวคนนั้นออกเสียงฉีกเสื้อผ้าออกนั้น ดังลอยออกมาจากรถม้าคนที่นอนอยู่บนพื้นเหล่านั้น พยายามอดทนต่อความเจ็บปวดบนร่างกาย แล้วคลานไปยังรถม้ามือของฉู่จวินสิงถือดาบยาวเอาไว้ ยืนอยู่ด้านหน้าของรถม้าใบหน้าของเขาดูเย็นชา ใช้สายตาเย็นเยียบจ้องมองไปยังคนทั้งหลาย“พวกเจ้าอย่ามาเตะต้องคุณหนูของข้า รีบปล่อยนางเสีย”เด็กรั
นางไม่สนใจความเจ็บปวดของร่างกาย ทันใดนั้นก็คุกเข่าลงต่อหน้าของเจี่ยนอันอัน“ข้าขอร้องพวกเจ้า ปล่อยตั๋วตั่วของข้าไปเถิด นางยังมีอายุเพียงแค่สามขวบเท่านั้น”“ข้าตายไปไม่เป็นไร อย่าให้ตั๋วตั่วของข้าถูกฝังไปพร้อมกับข้าได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าหญิงสาวคิดคำนึงถึงลูกของนางเช่นนี้ ก็ถอนหายใจออกมาอย่างทำอะไรไม่ได้นางหันไปเปิดม่านรถ แล้วพูดออกมากับเหยียนเซ่า “พี่เหยียนนำเด็กน้อยมานี่เถอะ”เหยียนเซ่าอุ้มตั๋วตั่วไปยังรถม้าอย่างเชื่อฟังตั๋วตั่วเมื่อเห็นว่าตนเองออกจากอ้อมแขนของอีกฝ่ายแล้ว ก็รีบวิ่งไปยังเบื้องหน้าของหญิงสาว แล้วพุ่งเข้าในอ้อมแขนนางหญิงสาวเองก็เอื้อมมือออกไป อย่างจะรับเด็กน้อยเอาไว้ทว่ามือของทั้งสองยังไม่ทันได้แตะกัน ตั๋วตั่วของเจี่ยนอันอันก็ถูกดึงเอาไว้“บนกายแม่ของเจ้ายังมีบาดแผลอยู่ หากว่าเจ้ากระโจนเข้าไป จะต้องทำให้นางบาดเจ็บยิ่งขึ้น”ตั๋วตั่วมองไปยังบาดแผลของหญิงสาว ตรงนั้นกำลังมีคราบเลือดเปื้อนแดงฉานตั๋วตั่วตกใจเสียจนไม่กล้าเข้าใกล้ ปล่อยให้เจี่ยนอันอันจับนางเอาไว้“แม่ของข้าจะตายหรือไม่?” ตั๋วตั่วพูดออกมา น้ำตาเม็ดใหญ่ไหลลงมาเจี่ยนอันอันไม่อยากทำใ
กวนซินพูดขึ้น แล้วดึงมือของตนเองกลับมาเจี่ยนอันอันเมื่อเห็นดวงตาของกวนซินกะพริบไปมา ราวกับว่ากำลังหวาดกลัวอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นนางก็นึกถึงอะไรบางอย่างขึ้นมาได้ โน้มตัวไปยังริมใบหูของกวนซิน แล้วพูดออกมาเสียงเบา“หากว่าเจ้าได้ยินมาว่าสามีของข้าเป็นนักโทษที่สมคบคิดกับศัตรูทรยศแคว้นแล้ว เช่นนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องเชื่อ”“สามีของข้ากระทำการตรงไปตรงมาโดยตลอด เขาเพียงแต่ประสบความสำเร็จมากจนเกินไป”“ถึงได้ทำให้ฉู่ชางเหยียน ตั้งข้อกล่าวหาว่าสามีของข้าเป็นนักโทษสมคบคิดกับศัตรู”“พวกเราเองก็ไม่ได้รับความเป็นธรรมเช่นกัน ไม่เพียงแต่ถูกยึดจวน ยังถูกเนรเทศมาที่นี่อีก”เมื่อเจี่ยนอันอันพูดจบ ก็มองไปยังกวนซินอย่างจริงจังกวนซินไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะกล้าหาญถึงเพียงนี้ ถึงขั้นกล้าเรียกชื่อฉู่ชางเหยียนออกมาโดยตรงหากว่าคำนี้ถูกคนนอกได้ยินเข้า จะต้องลอยไปถึงหูของฉู่ชางเหยียนแน่กวนซินคำนึงถึงเจี่ยนอันอันที่มีบุญคุณช่วยชีวิตเอาไว้นางละความคับข้องในใจ แล้วพูดกับเจี่ยนอันอันเสียงแผ่วเบา“เจ้าอย่าเชื่อคำของคนด้านนอกเหล่านั้น ในหมู่พวกเรามีสายสอดแนมของฮ่องเต้อยู่”“ฮ่องเต้ส่งพวกเขามา นอกจากค
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ
ยามนี้เขารู้สึกเสียใจยิ่ง เมื่อครู่ไม่ควรกล่าวถึงท่านอารองออกมาเร็วถึงเพียงนั้นแต่บัดนี้ลูกน้องไปเชิญท่านอามาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะทำอย่างไรดี?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฝิงซานกวงรีบกล่าวต่อลูกน้องอีกคน “เจ้าไปบอกให้อู่เฉียงกลับมา”ลูกน้องผู้นั้นรับคำสั่งกำลังจะรีบวิ่งไปแต่เดินได้ไม่ถึงสองก้าว พลันถูกฉู่จวินสิงขวางหน้าไว้ก่อน“ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน ข้าจะให้ผู้นั้นเลือดนองอาบพื้นดินในบัดดล”ลูกน้องผู้นั้นได้แต่หวาดกลัวจนชะงักงัน พร้อมหันไปมองเฝิงซานกวง“ลูกพี่...”เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไปก็ไม่ได้อยู่ต่อก็มีความผิดเฝิงซานกวงโกรธจนกำหมัดแน่น เสียงขบฟันดังกรอดจนได้ยินชัด“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”เขาเริ่มรู้แล้วว่า วันนี้ตนน่าจะเจอจิ้งจอกเขี้ยวลากดินเข้าให้แล้วดูท่าหากไม่ต้อนรับขับสู้พวกเขาให้ดี เกรงว่าอีกประเดี๋ยวจะมีจุดจบที่ไม่สู้งามนักเจี่ยนอันอันเห็นว่าเฝิงซานกวงน่าจะอับจนปัญญา จึงเอาสัญญาที่เฉียวซื่อมอบให้นางออกมา“เฝิงซานกวง นี่คือสัญญาที่เจ้าทำไว้กับเฉียวซื่อ ในนี้มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ข้าอาจต้องแก้ไขเล็กน้อย”เฝิงซานกวงกัดฟันกรอดอีกครั้ง บันดาลโทสะเสียจนใบหน้าที่อยู
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”
เหล่าคนงานที่เข้าออกเหมืองแร่เห็นเหตุการณ์เข้า ต่างก็ตกใจเป็นอย่างมากเพราะเป็นครั้งแรกที่พวกเขาได้เห็นลูกน้องของนายจ้างถูกผู้อื่นทำร้ายเช่นนี้แม้แต่ละคนจะมีความตกใจ แต่ลึกๆ กลับรู้สึกสะใจมากกว่าเพราะบริวารของเฝิงซานกวงเหล่านี้ ปกติมักจะใช้กำลังกับพวกเขาบ่อยๆทุกครั้งที่พวกเขาขุดหาแร่ออกมาไม่ได้ปริมาณตามที่ต้องการ ลูกน้องเฝิงซานกวงก็พากันมารุมซ้อมพวกเขาอย่างหนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าไปบอกใครบางคนเคยคิดหนีไปจากที่นี่ แต่ครั้งใดที่มีผู้หลบหนี มักถูกจับกลับมาแล้วซ้อมหนักยิ่งกว่าเดิมอีกที่สำคัญพวกเขาแทบจำไม่ได้ว่าตนคือใคร บ้านช่องอยู่ที่ใดจึงได้แต่ใช้แรงกายแลกกับเงินน้อยนิดเพียงสองอีแปะในแต่ละวัน อดทนทำงานอยู่ที่นี่ต่อไปเมื่อชายสองคนถูกทำร้ายเข้า จึงมีลูกน้องเฝิงซานกวงตามออกมาอีกทุกคนเมื่อเห็นว่ามีคนมาก่อเรื่อง จึงกรูกันเข้าหาฉู่จวินสิงทันทีแต่มิต้องรอให้พวกเขามาเข้าใกล้ ฉู่จวินสิงใช้กำลังภายในซัดออกไปก่อนแล้วทุกคนต่างทยอยล้มลง พลางกลิ้งไปมา ร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดทันใดนั้นเอง มีเสียงหนึ่งตะคอกดังขึ้น “ผู้ใดกล้าบังอาจมาก่อเรื่องในเหมืองของข้า อยากตายหรืออย่างไร?”ใบ
แต่บัดนี้นางเปิดร้านมาสิบกว่าวัน ขายได้เพียงรูปสัตว์โลหะไม่กี่ตัวเท่านั้นเฉียวซื่อบอกเล่าสิ่งที่พบเจอให้เจี่ยนอันอันฟัง ทำให้นางเกิดความเข้าใจขึ้นทันทีที่แท้เฉียวซื่อถูกเฝิงซานกวงหลอกลวงมาแต่แรกเจี่ยนอันอันเพียงคิดว่าต่อให้นางซื้อของตกแต่งเหล่านี้กลับไป ก็มิได้ใช้ประโยชน์นักจึงนำหนูโลหะตัวเล็กในมือวางกลับที่เดิมเฉียวซื่อเห็นเจี่ยนอันอันทำเช่นเดียวกับลูกค้าอื่นในร้าน เพียงเข้ามาหยิบดูเล็กน้อย จากนั้นจึงวางของตกแต่งลงไว้ที่เดิมดูแล้วคล้ายไม่สู้ถูกใจผลงานที่นางสร้างสรรค์ออกมาเท่าใดนัก พลันเกิดความรู้สึกท้อแท้ นางคงไม่เหมาะจะทำอาชีพนี้จริงๆ กระมังหากตอนนี้สามียังอยู่ก็คงดี นางจะได้ฝึกวิชาการตีเหล็กจากเขาให้ออกมาเป็นงานอื่นบ้างและเมื่อครู่เจี่ยนอันอันรู้จากปากเฉียวซื่อ ว่าเฝิงซานกวงได้เปิดกิจการเหมืองแร่แห่งหนึ่งทุกวันจะมีคนงานไปด้านหลังภูเขาที่อยู่ห่างไกล ขุดเอาแร่เหล็กและหยกออกมา เพื่อนำกลับมาถลุงเป็นเครื่องหยกและของใช้ที่ทำจากเหล็กนางเห็นเฉียวซื่อคล้ายมีอาการท้อใจ จึงกล่าวยิ้มแย้ม “พี่เฉียว ท่านพาข้าไปดูที่เหมืองของเฝิงซานกวงก่อน ข้ามีสิ่งของบางอย่างต้องการจะซื้อ”
เจี่ยนอันอันหยิบมากวาดตาดูก็มองความผิดปกติบนนั้นออกได้ในทันที“เงื่อนไขในนี้เข้มงวดเกินไปแล้ว ถ้าฝ่ายไหนยุติสัญญาจะต้องชดเชยให้อีกฝ่ายเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึง”“เจ้าหมอนี่ช่างกล้าเขียน สัญญานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเงื่อนไขแบบมัดมือชกกันชัดๆ”“ข้าว่าท่านไม่ร่วมงานกับเขาเป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลย”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อใจหายวูบนางรู้จักตัวหนังสือแค่ไม่กี่ตัว นอกจากเขียนชื่อตัวเองเป็นแล้ว เงื่อนไขในนั้นนางอ่านไม่เข้าใจเลยสักนิดเฝินซานกวงเป็นคนอ่านให้นางฟัง นางรู้สึกว่าเงื่อนไขสมเหตุสมผลมากจึงลงนามในสัญญากับอีกฝ่ายแต่คิดไม่ถึงเลยว่า เฝิงซานกวงจะกล้าเล่นเล่ห์กับนางแบบนี้เดิมนั้นนางอยากยกเลิกสัญญากับอีกฝ่าย แต่กลับได้ยินเฝิงซานกวงพูดว่า ถ้านางกล้าเป็นฝ่ายยกเลิกสัญญาก็จะต้องชดเชยเงินให้เฝิงซานกวงเป็นเงินจำนวนหนึ่งแสนตำลึงตอนนั้นเฉียวซื่อตกใจยิ่งนักนางเคยไปถามเถ้าแก่ร้านข้างเคียง ฝ่ายตรงข้ามก็บอกว่าเงื่อนไขนี้เขียนไว้อย่างชัดเจน ต้องจ่ายเงินชดเชยให้อีกฝ่ายหนึ่งแสนตำลึงจริงๆเงินจำนวนมหาศาลเช่นนี้ นางจะไปหาเงินมากมายขนาดนี้มาจากที่ไหนถึงตอนนี้เฉียวซื่อจึงตระหนักว่
ตอนนี้เขาทำได้เพียงอดทนอดกลั้นต่อความเจ็บปวด ยอมรับการทุบตีจากเฉียวอี้บริเวณรอบๆ มีคนล้อมเข้ามามุงดูจำนวนมาก พวกเขาต่างชี้ไม้ชี้มือมาทางชายผู้นั้น“คนคนนี้แค่เห็นก็รู้แล้วว่าต้องไม่ใช่คนดีแน่ ดูหน้าตาทรงโจรของเขาสิ แปดส่วนคงเป็นเพราะไปหาเรื่องคนอื่นก่อน ถึงได้ถูกเด็กคนนั้นซ้อมเอาแบบนี้”“เมื่อครู่ข้าได้ยินแล้ว เขาไปลงไม้ลงมือกับแม่ของเด็กคนนั้น ข้าว่าตีเขายังน้อยไป ควรแจ้งความมากกว่า”คนมุงบริเวณรอบๆ ต่างวิพากษ์วิจารณ์กันต่างๆ นานาเฉียวอี้ควงหมัดทักทายใบหน้าของชายผู้นั้นหนักกว่าเดิมในไม่ช้า เฉียวอี้ก็ตีจนรู้สึกเจ็บกำปั้น แต่เขาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดจนกระทั่งอัดศีรษะชายผู้นั้นจนบวมเป่งเหมือนหมู เฉียวอี้ถึงได้หยุดมือพร้อมหอบหายใจแม้ว่ากำปั้นของเฉียวอี้จะไม่ใหญ่ แต่ครั้นทุบตีคนก็ร้ายกาจยิ่งนักเห็นใบหน้าชายผู้นั้นเขียวช้ำไปหมด เฉียวอี้ก็รู้สึกพึงพอใจเป็นอย่างมากเจี่ยนอันอันกล่าวกับชายผู้นั้นว่า “หากวันหน้าเจ้ายังกล้ามาคุกคามแม่ลูกตระกูลเฉียวอีก ข้าไม่ปล่อยให้เจ้าสบายแบบนี้แน่ ยังไม่รีบไสหัวไปอีก!”ชายผู้นั้นไม่กล้าพูดมาก ลุกขึ้นมากุมศีรษะแล้วเผ่นหนีไปคนมุงบริเวณรอบๆ เ
เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงสบตากัน“พวกเจ้ารอข้าอยู่ตรงนี้” ฉู่จวินสิงว่าแล้วก็ก้าวยาวๆ ตรงไปทางตรอกน้อยชายผู้นั้นเห็นว่าฉู่จวินสิงตรงมาทางเขาก็หันหลังเตรียมวิ่งหนีแต่เขาวิ่งไปได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกถีบเข้าที่เอวเสียแล้วชายผู้นั้นถูกถีบกระเด็นไปไกล คว่ำหน้าอยู่บนพื้นร้องโอดโอยออกมาอย่างทนไม่ไหวฉู่จวินสิงย่างสามขุมตรงเข้าไปหาแล้วหิ้วคอเสื้อของชายผู้นั้นขึ้นมาอย่างไม่ปรานีปราศรัย“ไปกับข้า!”ฉู่จวินสิงกล่าวพลางผลักชายผู้นั้นตรงออกไปนอกตรอกชายผู้นั้นได้ลิ้มรสความร้ายกาจของฉู่จวินสิงแล้วย่อมไม่กล้าวิ่งหนีส่งเดชเขาไม่อยากถูกถีบอีกหรอกนะ จนถึงตอนนี้เอวยังระบมอยู่เลยฉู่จวินสิงผลักชายผู้นั้นมาถึงตรงหน้าเจี่ยนอันอันกับเฉียวอี้แล้วกล่าวเสียงเข้ม “บอกมา ระหว่างเจ้ากับเด็กคนนี้เป็นเรื่องอะไรกันแน่?”ชายผู้นั้นมองเฉียวอี้ แววตาเต็มไปด้วยความขุ่นแค้น“คุณชายท่านนี้ ข้าไม่รู้จักเขาเสียหน่อย เขาวิ่งออกมาถนนใหญ่เอง เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับข้าเลยนะ”ขณะที่ชายผู้นั้นพูดก็ถลึงตาใส่เฉียวอี้อย่างดุร้ายเฉียวอี้เห็นฝ่ายตรงข้ามไม่ยอมรับ เขาเงยหน้าขึ้นมาด้วยความโมโห แล้วตวาดใส่ชายผู้นั้นว่า“ท่านโก
เจี่ยนอันอันเห็นว่าฉู่จวินสิงก่อสร้างเป็น นางก็วางใจไปได้มากนางยิ้มเอ่ยว่า “ไม่ใช่กระโจม แต่เป็นโรงเรือนสำหรับเพาะปลูกแบบหนึ่ง”นางมีความคิดคร่าวๆ ในใจแล้วจึงรีบกลับบ้านไปกับฉู่จวินสิงนางหยิบกระดาษและปากกาออกมาจากในมิติ แล้ววาดภาพร่างบนโต๊ะฉู่จวินสิงนั่งอยู่ข้างๆ ตั้งใจดูภาพร่างโรงเรือนที่เจี่ยนอันอันวาดที่นี่ไม่มีเหล็กเส้น เจี่ยนอันอันยังไม่อยากใช้เงินจำนวนมากไปซื้อจากในร้านค้านางต้องการสร้างโรงเรือนสำหรับคนในหมู่บ้านทุกคน เหล็กเส้นที่ต้องใช้จึงมีไม่น้อยหากใช้เงินไปซื้อมา นั่นไม่ใช่จำนวนเงินน้อยๆ เลยนางไม่อยากใช้เงินพวกนั้นในมิติมากเกินไป นางยังรอที่จะสนับสนุนฉู่จวินสิงขึ้นนั่งบัลลังก์ฮ่องเต้หลังจากการทำสงครามกลับเมืองจิงโจวในวันหน้าเมื่อถึงตอนนั้น เงินทองของล้ำค่าเหล่านั้นในมิติก็จะได้นำไปใช้แล้วฮ่องเต้จนกรอบคนหนึ่งที่ไม่สามารถจ่ายเบี้ยหวัดให้เหล่าขุนนางได้ ทั้งยังไม่สามารถทำให้ชาวบ้านอยู่ดีมีสุข กับฮ่องเต้ที่มั่งคั่งร่ำรวยคนหนึ่ง เงินในมือสามารถซื้อเมืองทั้งเมืองได้ชาวบ้านกับเหล่าขุนนางจะเอนเอียงไปทางคนไหนมากกว่า นั่นไม่ต้องพูดก็สามารถรู้ได้แล้วในไม่ช้า เจี่ยน