เขาเป็นคนที่ต่อต้านการดื่มยามากที่สุด แต่เพื่อที่จะฟื้นตัวได้โดยเร็ว เขาจะต้องบังคับตนเองให้ดื่มมันเจี่ยนอันอันมองท่าทีต่อต้านของเขาออก ในใจของนางก็ลอบขบขันขึ้นมาที่แท้ฉู่จวินสิงไม่เพียงแต่กลัวแมลง ยังกลัวการดื่มยาอีกด้วยดูเหมือนว่าไม่ว่าผู้ชายจะหล่อเหลาแค่ไหน และถึงแม้ว่าจะเป็นท่านอ๋อง ก็ยังมีด้านที่ไม่สมบูรณ์แบบอยู่ไม่นานก็มาถึงตอนค่ำ ทุกคนเพิ่งจะกินข้าวกันเสร็จท้องฟ้าก็เกิดเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นระยะๆไม่นานฝนก็ตกเสียงดัง ‘เปาะแปะ’ ลงมาดีที่เรือนหลังนี้ถูกซ่างชิวและอวี๋ว่านปรับปรุงใหม่แล้วรอบหนึ่งถึงแม้ว่าฝนจะตกหนัก ก็ไม่พบว่ามีตรงจุดไหนที่ฝนรั่วลงมาสำหรับครอบครัวของฉู่จวินสิงแล้ว ฝนตกหนักก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอะไรแต่สำหรับชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ยแล้ว กลับเป็นเพราะว่าจู่ๆ ที่เกิดฝนตกหนักขึ้นมา ทุกคนต่างก็พากันตื่นเต้นเป็นอย่างมากฝนตกหนักมาตลอดทั้งคืนเดิมทีที่ดินในหมู่บ้านชิงสุ่ยแห้งแล้งเป็นอย่างมาก ก็ถูกฝนตกหนักครั้งนี้ทำให้ชุ่มชื้นขึ้นมาเมื่อถึงเช้าวันถัดมา ฝนตกหนักก็หยุดลงชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ย ทั้งหมดพากันเดินออกมาจากในห้องด้วยความตื่นเต้น“สวรรค์
ฉู่จวินสิงเข้าใจความหมายของเจี่ยนอันอัน เขาพูดออกมาเสียงอ่อนโยน “เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นกังวลไป หากว่าเจ้าสามารถเสกเป็นอิฐหินบางส่วนจากจวนเยียนอ๋องได้ ข้าก็จะสามารถช่วยเจ้าโกหกได้”เจี่ยนอันอันเมื่อได้ยินคำนี้ ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาในตอนที่นางย้ายจวนเยียนอ๋องมานั้น ไม่ว่านางจะพบอะไรก็หยิบเอามาจนหมดนางมองเห็นอิฐหินจำนวนมากที่วางเรียงกันชิดติดผนังอยู่ ก็รวบรวมย้ายทั้งหมดนั้นเข้าไปในห้วงมิติในตอนนั้นเจี่ยนอันอันคิดว่า หากว่าที่เนรเทศนั้นไม่มีเรือนให้อยู่นางก็สามารถนำอิฐหินเหล่านี้ออกมาสร้างเรือนได้กลับไม่คิดเลยว่า วันนี้สามารถใช้อิฐหินเหล่านั้น มาปูพื้นดินภายในลานบ้านได้เจี่ยนอันอันมองไปยังฉู่จวินสิงด้วยความตื่นเต้น “พูดเป็นเล่นไป ข้าเอาอิฐหินมาจากจวนเยียนอ๋องด้วยจริงๆ”ฉู่จวินสิงเมื่อได้ยินคำนี้เข้า ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียง “พรืด” หัวเราะออกมาอิฐหินเหล่านั้นเขาคิดจะใช้เพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศรอจนเมื่อเขาแต่งงานกับเจี่ยนอันอันแล้ว เขาจะไปอยู่บ้านพักตากอากาศนั้นทว่าบ้านพักตากอากาศนี้ยังไม่ทันได้สร้างขึ้นมา เขาก็ถูกส่งไปสังหารศัตรูที่สนามรบรอจนเมื่อเขากลับมาแล้ว ก็ถูกฮ่อ
ฉู่อันเจ๋อกลอกตาไปมา แล้วพูดกับฮูหยินว่า “แม่ใหญ่ พี่รองพูดถูกแล้ว” “อิฐหินเหล่านั้น เป็นข้าที่เคลื่อนย้ายเข้าไปในถุงเฉียนคุนเองขอรับ” “ภายหลังพี่สะใภ้รองมายังจวนอ๋อง ข้าก็ค่อยๆ นำถุงเฉียนคุนมอบให้กับนาง”ฮูหยินใหญ่เมื่อเห็นว่าพวกเขาสองพี่น้องพูดออกมาเช่นนี้ ถึงได้วางความสงสัยที่มีในใจคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ในห้อง เมื่อได้ยินฮูหยินใหญ่ถามออกมาพวกเขาก็มองไปยังในเรือนที่จู่ๆ ปูทางเดินเล็กๆ เสร็จแล้ว ในใจก็เกิดความสงสัยขึ้นมาทว่าเมื่อได้ยินคำของฉู่อันเจ๋อแล้ว พวกเขาก็คลายความสงสัยในใจทั้งหมดทันทีในตอนนี้เจี่ยนอันอันมายังด้านนอกเรือนแล้ว ก็เห็นชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ยกำลังยืนพูดคุยกันเสียงดังตรงหน้าประตูพวกเขากำลังตื่นเต้นที่จู่ๆ เมื่อคืนก็เกิดฝนตกหนักขึ้นมีชาวบ้านหลายคนที่มองเห็นเจี่ยนอันอัน ก็หยุดพูดคุยกันมาทันทีเจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจชาวบ้านเหล่านั้น นางมองไปยังทางทิศทางบ้านก็เห็นว่าซ่างชิวไม่ได้ออกมาโชคดีที่อวี๋ว่านมองเห็นเจี่ยนอันอัน ก็รีบเดินเข้ามาด้วยใบหน้ามีรอยยิ้มทันที“แม่นาง เมื่อคืนวานนี้เรือนของท่านไม่มีฝนรั่วใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าอวี๋ว่านยัง
อวี๋ว่านเดินเข้ามาแล้วกล่าวแนะนำกับเจี่ยนอันอัน “แม่นาง นี่คือภรรยาของข้า หลิวซื่อ”“เมื่อวานนางยังต่อว่าข้าอยู่เลย ว่าเหตุใดถึงรับค่าแรงจากท่านมากมายขนาดนั้น”เจี่ยนอันอันฟังแล้วก็ส่งยิ้มให้กับหลิวซื่อ“ค่าแรงนั้นเป็นสิ่งที่พี่อวี๋สมควรได้รับ พวกท่านเก็บไว้ใช้เถิด อย่าโทษพี่อวี๋อีกเลย”หลิวซื่อฟังแล้วก็ยิ้มอย่างเขินอาย นางเริ่มรู้สึกมีไมตรีต่อเจี่ยนอันอันมากขึ้นขณะที่ซ่างตงเยว่เห็นว่าเจี่ยนอันอันมาแล้ว นางรีบก้าวลงจากเตียงอุ่นแล้วโผเข้ามากอดเจี่ยนอันอันแน่น“ท่านอา ท่านพ่อของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว ข้าจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ซ่างตงเยว่ที่กำลังโศกเศร้า พอได้เห็นเจี่ยนอันอัน ก็ร้องไห้หนักขึ้นเจี่ยนอันอันลูบหลังนางเบาๆ พลางเอ่ยปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน “เรื่องนี้ข้าได้ยินมาแล้ว เจ้าอย่าเพิ่งร้องไห้ ข้าจะหาทางช่วยเอง”ตอนนี้ซ่างตงเยว่เชื่อใจเจี่ยนอันอันมากที่สุดฟังนางบอกว่าจะคิดหาทางช่วย ซ่างตงเยว่ก็หยุดร้องทันทีนางใช้ปลายแขนเสื้อเช็ดน้ำตาบนใบหน้า แล้วเงยหน้ามองเจี่ยนอันอัน“ท่านอา ท่านจะช่วยหาท่านพ่อของข้ากลับมาได้จริงๆ ใช่ไหมเจ้าคะ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าอย่างหนักแน่น “เจ้าอย่าได้
เจี่ยนอันอันเห็นซ่างตงเยว่นั่งอยู่ที่โต๊ะโดยที่ไม่ได้กินข้าวแม้แต่เม็ดเดียวดวงตาของนางบวมช้ำจากการร้องไห้ เห็นได้ชัดว่านางร้องไห้มาทั้งคืนเจี่ยนอันอันจึงพูดปลอบอย่างอ่อนโยนว่า “ตงเยว่ อย่าเสียใจไปเลย เจ้ากินข้าวเถิด”“พ่อของเจ้าจะไม่ได้ถูกขังอยู่ที่ที่ว่าการอำเภอนานนัก ข้าจะพาพ่อของเจ้ากลับมาให้ได้”ทุกคนในที่นั้นก็พากันช่วยกันปลอบซ่างตงเยว่ ให้นางกินข้าวเสียก่อนเมื่อซ่างตงเยว่ได้ยินเจี่ยนอันอันยืนยันซ้ำๆ ว่านางจะพาซ่างชิวกลับมาให้ได้ในที่สุดนางก็ยอมยกตะเกียบขึ้นและเริ่มกินข้าวฉู่จวินสิงพูดเสียงเข้มว่า “เมื่อกินข้าวเสร็จแล้ว ข้าก็จะไปที่ว่าการอำเภอพร้อมกับอันอันด้วย”“ข้าอยากเห็นนักว่า นายอำเภอผู้นั้นมีกี่หัวให้ข้าฟันออกมาได้”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าฉู่จวินสิงจะไปด้วย นางก็รีบตอบรับทันทีไม่นานทุกคนก็กินข้าวเสร็จเรียบร้อย เจี่ยนอันอันก็เตรียมตัวออกเดินทางไปยังที่ว่าการอำเภอเซิ่งฟางในฐานะอดีตเจ้าเมืองอินเป่ยย่อมตามไปด้วย ส่วนเหยียนเซ่าก็กลัวว่าฉู่จวินสิงไปที่ว่าการอำเภอแล้วจะถูกนายอำเภอกลั่นแกล้งเขาในฐานะผู้ใต้บังคับบัญชาของฉู่จวินสิง จึงขอตามไปที่ว่าการอำเภอด้วย
เจ้าหน้าที่เฝ้ายามทั้งสองมองดาบในมืออย่างตะลึงงัน มันถูกกระบี่ของเซิ่งฟางฟันขาดเป็นสองท่อนพวกเขาโกรธจนคำรามลั่น จากนั้นก็ใช้ดาบที่หักนั้นพุ่งเข้าหาเซิ่งฟางอีกครั้งเซิ่งฟางกล่าว “ช่างไม่รู้จักเป็นรู้จักตายจริงๆ”เขาหลบคมดาบในมือของเจ้าหน้าที่เฝ้ายามอย่างง่ายดาย จากนั้นหนึ่งกระบี่แทงเข้าไปที่แขนของเจ้าหน้าที่เฝ้ายามคนหนึ่งทันใดนั้น เจ้าหน้าที่ผู้นั้นร้อง “โอ๊ย” หนึ่งเสียงดาบก็พลันหลุดร่วงลงสู่พื้นเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่งเห็นดังนั้น สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วเขารีบหันตัวกลับไปวิ่งตรงไปยังหน้าประตูที่ว่าการอย่างรีบร้อน เคาะประตูอย่างรุนแรง“เปิดประตูเร็ว ฆ่าคนแล้ว!”ทันใดนั้น ประตูที่ว่าการก็เปิดออก ปรากฏว่ามีเจ้าหน้าที่อีกห้าหกคนวิ่งออกมาในมือพวกเขาแต่ละคนถือดาบใหญ่ จ้องมองเซิ่งฟางด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยโทสะเจ้าหน้าที่คนนั้นที่ถูกกระบี่แทงเข้าที่แขน เห็นสหายกรูกันออกมาเขาก็ชี้นิ้วไปยังเซิ่งฟางพลางตะโกนด้วยโทสะ “วันนี้เจ้าไม่มีทางหนีรอดไปได้ จงยอมจำนนเสียโดยดี บางทีใต้เท้าของเราจะเมตตาไว้ชีวิตเจ้า!”เจ้าหน้าที่อีกผู้หนึ่งก็ตวาดเสียงดังด้วยความเดือดดาล “พวกเราบุกไปพร้อม
นายอำเภอกล่าวพลางก้าวลงจากบันไดด้วยความรวดเร็วเขาคว้าดาบจากมือของเจ้าหน้าที่แล้วฟันใส่เซิ่งฟางทันใดนั้นเอง ฉู่จวินสิงที่นั่งอยู่บนรถม้าก็กระโดดขึ้นไปกลางอากาศเขามาถึงตรงหน้านายอำเภอแล้วเตะดาบในมือของนายอำเภอกระเด็นออกไปนายอำเภอถูกเตะจนถึงกับตะลึงงันในทันทีขณะที่เขายังตะลึงอยู่ ฉู่จวินสิงก็ได้คว้าดาบใหญ่ขึ้นมาพาดบนลำคอของเขานายอำเภอตกใจจนขาสั่นและเหงื่อเย็นผุดขึ้นมาบนหน้าผากเขารีบขอความเมตตา “ท่านจอมยุทธ์โปรดไว้ชีวิต ท่านจอมยุทธ์มีอะไรก็พูดกันดีๆ เถิด”เหล่าเจ้าหน้าที่คนอื่นๆ เห็นใต้เท้าของตนเองถูกจับ ต่างก็ตกใจจนหน้าซีดเผือดพวกเขามองหน้ากัน แต่ไม่มีใครกล้าเข้าไปช่วยนายอำเภอเจี่ยนอันอันมองการเคลื่อนไหวของฉู่จวินสิงที่คล่องแคล่วราวกับสายน้ำ นางอดไม่ได้ที่จะตะลึงอยู่ครู่หนึ่งฉู่จวินสิงร้ายกาจนักนะ ถึงกับใช้วิชาตัวเบาได้แล้วก่อนหน้านี้เขายังทำท่าว่าเดินไม่ไหว ให้นางช่วยพยุงเขาขึ้นรถม้าตอนแรกเจี่ยนอันอันก็ยังสงสัยอยู่ ว่าร่างกายของฉู่จวินสิงไม่ใช่ว่าฟื้นฟูจนเกือบสมบูรณ์แล้วหรือเหตุใดเขายังทำท่าเหมือนเดินไม่ไหวอยู่อีกแท้จริงแล้วทั้งหมดที่เขาทำไปล้วนแสร้งแสดงทั้งส
นายอำเภอไม่กล้าพูดอะไรมาก ได้แต่พาพวกเขาไปที่เรือนจำทันทีที่เดินเข้าไปในเรือนจำ นายอำเภอก็เห็นเจ้าหน้าที่ห้าหกคนที่นอนกระจัดกระจายอยู่บนพื้นพวกเขาทุกคนหมดสติไป ไม่รู้ว่าตายหรือยังมีชีวิตอยู่หัวใจของนายอำเภอเต้นระรัวด้วยความกังวลเจี่ยนอันอันหันไปถามเซิ่งฟาง “เมื่อครู่ซ่างชิวถูกลงโทษที่ใด?”เซิ่งฟางที่แบกซ่างชิวอยู่ ชี้ไปยังมุมลึกสุดของเรือนจำ“เมื่อครู่ข้าเจอซ่างชิวอยู่ตรงนั้น”เจี่ยนอันอันจึงสั่งให้ฉู่จวินสิงคุมตัวนายอำเภอเดินไปยังส่วนลึกสุดของเรือนจำเมื่อมาถึงจุดที่ทำการลงโทษ พวกเขาก็เห็นว่ามีคนสองคนนอนอยู่ที่นั่นนายอำเภอเมื่อเห็นน้องเขยของตน ในที่สุดก็ไม่อาจทนได้อีก ขาอ่อนแรงจนทรุดนั่งลงกับพื้นจบแล้ว น้องเขยของเขาคงเคราะห์ร้ายมากกว่าดีเป็นแน่หากอวี้เฟิ่งรู้เรื่องนี้เข้า คงต้องถลกหนังเขาให้ได้เป็นแน่แท้เจี่ยนอันอันสังเกตเห็นสายตาของนายอำเภอจับจ้องไปยังเจ้าหน้าที่นายหนึ่งที่นอนคว่ำอยู่บนพื้นบนใบหน้าของเจ้าหน้าที่ผู้นั้นมีแผลฉกรรจ์รอยใหญ่ที่เลือดสดยังคงไหลไม่หยุดเจี่ยนอันอันเตะนายอำเภอไปหนึ่งที พลางถามเสียงเย็น “เจ้ามองเขาทำไม หรือว่าคนผู้นี้เป็นญาติของเจ้า?”น
เจี่ยนอันอันหันกลับมาอย่างรวดเร็ว แล้วเห็นกู้มั่วหลีที่ไม่รู้ว่ามายืนอยู่ข้าง ๆ นางตั้งแต่เมื่อใดใบหน้าของนางเกือบจะสัมผัสกับใบหน้าของกู้มั่วหลีเจี่ยนอันอันรู้สึกขนลุกวาบ นางรีบถอยหลังไปหนึ่งก้าวทันที“เจ้าอีกแล้วหรือ เจ้าคนน่าชัง เจ้าเข้ามาได้อย่างไร?”ในขณะที่พูด มือของเจี่ยนอันอันก็ปรากฏมีดสั้นเคลือบพิษด้ามหนึ่งทันทีด้านนอกมีเจ้าหน้าที่ทางการคอยเฝ้าอยู่ แล้วกู้มั่วหลีเข้ามาโดยไร้สุ้มเสียงได้อย่างไรเมื่อกี้เขาเข้ามาใกล้นางถึงเพียงนี้ แต่นางกลับไม่รู้ตัวเลยแม้แต่น้อยชายคนนี้อันตรายเกินไปแล้ว!เจี่ยนอันอันจำต้องตั้งสมาธิอย่างเต็มที่เพื่อรับมือกับกู้มั่วหลีกู้มั่วหลีหัวเราะเบา ๆ มองมีดสั้นในมือของเจี่ยนอันอันเขายิ้มออกมาอีกครั้ง แต่รอยยิ้มที่มุมปากของเขากลับส่งไปไม่ถึงแววตา“เจี่ยนอันอัน ข้าเคยบอกแล้วว่าเราจะได้พบกันอีก”กู้มั่วหลีกล่าวพร้อมกับก้าวเข้ามาใกล้หนึ่งก้าว ยกมือขึ้นราวกับจะสัมผัสใบหน้าของเจี่ยนอันอัน“กู้มั่วหลี เจ้าอยากตายหรือ!”เมื่อเห็นมือของกู้มั่วหลียื่นเข้ามาใกล้ใบหน้าของนางเจี่ยนอันอันพลันตวาดเสียงกร้าว พลางกำมีดสั้นในมือแน่น แล้วแทงตรงไปยังข้อมื
ฉู่จวินสิงและเซิ่งฟางไม่ได้คิดอะไรมากนัก รีบกินยาที่นางส่งให้ในทันทีเจี่ยนอันอันเองก็กินยาหนึ่งเม็ดเช่นกันเช่นนี้แล้ว แม้สวีจงฉือจะไออีก ก็ไม่อาจแพร่เชื้อมายังพวกเขาได้สวีจงฉือมองดูการกระทำของเจี่ยนอันอันด้วยความงุนงง“แม่นางเจี่ยน ข้าป่วยเป็นโรคอะไรหรือ เหตุใดพวกเจ้าต้องกินยาด้วย?”เจี่ยนอันอันตอบตรงไปตรงมา “จากอาการที่เจ้ากล่าวมา เจ้าป่วยเป็นวัณโรค ซึ่งมีการติดต่อรุนแรง”“ดังนั้นพวกเราสามคนจึงจำเป็นต้องกินยาป้องกันการติดโรค”เมื่อได้ยินว่าตนเองป่วยเป็นวัณโรค สวีจงฉือก็รู้สึกหน้ามืดทันทีเหตุใดเขาจึงต้องป่วยเป็นโรคที่รักษาไม่หายเช่นนี้ด้วยไม่น่าแปลกใจเลยว่าเหตุใดคนที่สวมหน้ากากเงินที่เคยสนทนากับเขา จึงต้องใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดจมูกและปากขณะพูดคุยเมื่อคิดดูในตอนนี้ ชายคนนั้นคงกลัวว่าจะติดโรคจากเขาเป็นแน่เขาซึ่งเป็นถึงเถ้าแก่ร้านขายยา กลับไม่รู้ว่าตนเองป่วยเป็นโรคติดต่อเช่นนี้แล้วบรรดาลูกค้าที่มาซื้อสมุนไพรจากร้านของเขาเล่า จะถูกเขาแพร่โรคไปหรือไม่?สวีจงฉือรู้สึกผิดที่ร้ายผู้คนไปไม่น้อยโดยไม่รู้ตัว หากข้ารู้แต่แรกว่าป่วยเป็นโรคนี้ ข้าคงปิดร้านขายยาไปนานแล้วแม้จะต้องตาย
เซิ่งฟางเข้าใจแล้วว่า เรื่องที่สวีจงฉือถูกแทงจนบาดเจ็บนั้น อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับกู้มั่วหลีและไม่แน่ว่าเขาอาจเป็นคนที่สังหารผู้ร้ายที่แทงสวีจงฉือก็ได้สวีจงฉือมองเจี่ยนอันอันที่มีสีหน้าเคียดแค้น พลางครุ่นคิดว่าตนเองพูดอะไรผิดไปหรือไม่?เจี่ยนอันอันจ้องมองสวีจงฉือด้วยสายตาเย็นชา “เรื่องนี้เจ้าห้ามเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด ไม่เช่นนั้นข้าจะทำให้เจ้าอยู่ไม่สู้ตาย”ใบหน้าของสวีจงฉือเผยรอยยิ้มขมขื่นออกมา“หากข้าคิดจะพูดเรื่องนี้ออกไป ข้าคงแจ้งทางการไปตั้งแต่หลายวันก่อนแล้ว”ในตอนนั้นเอง ฉู่จวินสิงที่เงียบมาตลอดก็เอ่ยปากพูดขึ้น“ในเมื่อเจ้ารู้เรื่องในจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจว ไยไม่คิดแจ้งทางการ?”คำถามนี้เป็นสิ่งที่ทั้งเจี่ยนอันอันและเซิ่งฟางอยากรู้เช่นกันเกิดเรื่องใหญ่เช่นนี้ในจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจว แต่กลับไม่มีข่าวคราวใดเล็ดลอดออกไปแม้แต่น้อยแม้แต่บรรดาญาติ ๆ ในจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวเองก็ไม่มีใครออกมาแจ้งความมิเช่นนั้น พวกเขาก็คงไม่อาจใช้ชีวิตอย่างสงบสุขเช่นนี้ได้สวีจงฉือเหลือบมองฉู่จวินสิง ก่อนจะเก็บรอยยิ้มบนใบหน้าเขาแค่นเสียงเยาะเย้ย “ผู้ว่าการมณฑลจงโจวผู้นั้น อาศัยตำแหน่งขุนนางขอ
คนผู้นั้นหาได้หลบหนีไปไม่ แต่กลับปรากฏตัวอยู่เบื้องหลังของสวีจงฉือแทนเขากล่าวกับสวีจงฉือว่า “ดูเรื่องสนุกจนหนำใจแล้ว เช่นนั้นเจ้าก็ตายได้แล้ว”สวีจงฉือตกใจจนขวัญหนีดีฝ่อ รู้สึกคันในลำคออย่างรุนแรงเขาเกือบจะไอออกมา แต่ก็กลัวว่าคนในจวนผู้ว่าการมณฑลจะได้ยินเขาจึงรีบยกมือขึ้นปิดปาก กลั้นไอไว้สุดกำลังคนผู้นั้นใช้ลูกธนูจ่อที่ลำคอของสวีจงฉือ และสังเกตเห็นความผิดปกติของเขาทว่าคนผู้นั้นไม่ได้สังหารเขาในทันที แต่กลับโน้มตัวมากระซิบที่ข้างหูของเขาว่า “ข้าเห็นว่าเจ้าคงมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานแล้ว ครั้งนี้ข้าจะไว้ชีวิตเจ้า”“แต่ข้าว่าร่างกายเช่นเจ้าที่เต็มไปด้วยโรคร้าย ไร้ยาที่จะรักษาได้”“ไม่สู้เจ้าไปหาสตรีผู้นั้นในจวน จำเอาไว้ว่านางมีนามว่าเจี่ยนอันอัน”“ขอให้นางปรุงยาพิษให้เจ้า รับรองว่าเจ้าจะได้ลงนรกไปพบกับพญายมในเร็ววัน”เมื่อกล่าวจบ ชายผู้นั้นก็หายวับไปต่อหน้าต่อตาสวีจงฉือสวีจงฉือไม่กล้าอยู่ในที่นั้นอีก รีบวิ่งกลับบ้านอย่างร้อนรนแต่ในใจของเขา เอาแต่นึกถึงคำพูดของคนผู้นั้นหากร่างกายของเขาไร้หนทางรักษาจริง ๆ ไม่สู้เขาปรุงยาพิษเพื่อจบชีวิตตัวเองโดยเร็วจะได้สิ้นเรื่องสิ้นราวเส
ตลอดทางนั้น เขาไม่อาจสงบใจได้หวาดหวั่นเกรงว่าเจี่ยนอันอันจะประสบเหตุร้ายที่ข้างนอกเขาเองก็พลันรู้สึกเสียใจ เหตุใดตนถึงไม่ยืนกรานที่จะติดตามนางไปด้วยครั้นเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันปลอดภัยไร้อันตราย เขาจึงคลายใจได้ในที่สุดเมื่อเจี่ยนอันอันเตรียมจะออกไปพร้อมฉู่จวินสิง พลันได้ยินเสียงของสวีจงฉือดังขึ้นมาจากในเรือน“แม่นางอันอัน เจ้าอย่าเพิ่งไป ข้ามีเรื่องสำคัญจะกล่าวกับเจ้า!”เจี่ยนอันอันขมวดคิ้วนิ่วหน้า พลางคิดในใจ เหตุใดบุรุษผู้นี้จึงไม่ยอมเลิกราเสียที?นางกระตุกมือฉู่จวินสิงเบา ๆ พลางกล่าวว่า “หรือเราควรเข้าไปดูกัน ว่าบุรุษผู้นั้นมีเรื่องอันใดจะพูดกับข้า”ฉู่จวินสิงจ้องมองเจี่ยนอันอันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงพยักหน้าตกลงในที่สุดเซิ่งฟางเองก็ใคร่อยากรู้ว่าสวีจงฉือจะพูดอะไรกับเจี่ยนอันอันไม่แน่ว่าอาจจะมีความเกี่ยวข้องกับคดีนี้ก็ได้เมื่อทั้งสามเดินเข้าสู่ตัวเรือน เซิ่งฟางก็สั่งให้เจ้าหน้าที่สองนายออกไปด้านนอกสวีจงฉือเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเดินเข้ามา เขาก็รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อยเจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “เจ้ามีอะไรจะพูดก็รีบพูดออกมาเถิด ข้าไม่มีเวลาจะมานั่งเสียเวลากับเจ้า”เมื
เขาเป็นห่วงเจี่ยนอันอันมาตลอดทั้งบ่าย เมื่อเห็นว่าฟ้ามืดแล้วแต่เจี่ยนอันอันยังไม่กลับมาเขาจึงไปขอยืมรถม้าจากบ้านของเสิ่นจือเจิ้งเพื่อมาตามหาในอำเภอฉู่จวินสิงไม่ได้ไปที่ใดทั้งนั้น เขามุ่งตรงมาที่ที่ว่าการอำเภอได้รับรู้จากปากเจ้าหน้าที่ทางการว่าเจี่ยนอันอันอยู่ในที่ว่าการอำเภอจริงๆ แต่แล้วเพิ่งจะเดินเข้ามาก็ต้องพบกับภาพเช่นนี้ฉู่จวินสิงโมโหเดือดดาล ไม่สนใจฟังคำอธิบายของเจี่ยนอันอันแต่อย่างใดเขาดึงมือของเจี่ยนอันอัน “ไป พวกเรากลับ”เจี่ยนอันอันถลึงตาใส่สวีจงฉืออีกรอบ เจ้าคนบ้ากามผู้นี้ทำให้ฉู่จวินสิงเข้าใจนางผิดนางหันตัวเดินตามฉู่จวินสิงออกไป แต่แล้วกลับได้ยินเสียง ‘ตุบ’ ดังมาจากด้านหลังเจี่ยนอันอันหันกลับไปมอง พบว่าสวีจงฉือล้มลงกับพื้นสวีจงฉือร้องตะโกนว่า “พวกเจ้าอย่าเพิ่งไป ข้ายังมีเรื่องที่อยากจะพูด”เซิ่งฟางเห็นดังนี้ก็รีบเรียกคนเข้ามา บอกให้เจ้าหน้าที่ทางการช่วยประคองสวีจงฉือขึ้นเตียงเจี่ยนอันอันถูกฉู่จวินสิงพาออกมาที่ลานด้านนอก นางกำลังจะอธิบาย แต่ฉู่จวินสิงกลับผลักนางเข้ากับกำแพง“พูดมา เมื่อครู่นี้พวกเจ้าสองคนกำลังทำอะไรกันแน่?”เมื่อเห็นฉู่จวินสิงถามด้วยสี
สวีจงฉือละสายตากลับไปมองที่เซิ่งฟาง เขาพูดว่า “ข้าไม่รู้จักคนผู้นั้น ไม่ได้มีความแค้นอะไรกับเขาเช่นกัน”หัวคิ้วของเซิ่งฟางขมวดกันแน่น เรื่องนี้ซับซ้อนเล็กน้อยผู้บงการที่อยู่เบื้องหลังไม่เคยถูกจับได้ ส่วนฆาตรกรก็ตายไปแล้วแม้แต่สวีจงฉือก็ยังบอกว่าไม่รู้จักคนผู้นั้นเมื่อเห็นเจี่ยนอันอันเข้ามา เซิ่งฟางก็รีบลุกขึ้น“น้องอันอันมาได้ทันเวลาพอดี ยาที่เจ้าให้เขากินใช้ได้ผลดีมาก”สวีจงฉือมองไปที่เจี่ยนอันอันอีกครั้งที่แท้นางก็มีนามว่าอันอัน แต่ไม่รู้ว่าใช้แซ่อะไรเจี่ยนอันอันได้ยินสองคนนี้คุยกันถึงเรื่องคดีนี้นางส่งยิ้มให้เซิ่งฟางพลางพูดว่า “พี่เซิ่ง ข้าคงไม่ได้รบกวนพวกท่านใช่หรือไม่เจ้าคะ”เซิ่งฟางส่ายมือระรัว “ไม่รบกวนๆ เจ้ารีบดูอาการเขาเถิด ดูว่าเขาไม่เป็นอะไรแล้วใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันเดินเข้าไปเลิกเสื้อผ้าสวีจงฉือดูอย่างแผ่วเบาผ้าพันแผลที่อยู่ด้านในขาวสะอาดดี ไม่ได้มีโลหิตซึมออกมานางจับมือสวีจงฉือมาจับชีพจรแม้ว่าอาการของเขาจะดีขึ้นแต่ก็ไม่ได้ดีขึ้นมากขนาดนั้นที่เขาฟื้นคืนสติไวขนาดนี้เป็นเพราะโชคดี นอกจากนี้ก็เป็นเพราะยาที่กินก่อนหน้านี้ก็ได้ผลดี ทำให้ไม่ดูอ่อนแรง
ที่ผ่านมาเหยียนซวงไม่เคยร้องไห้ต่อให้จะถูกลุงรองกับป้ารองด่าทอและทุบตี ต่อให้จะถูกลุงรองขายให้ตาแก่ เหยียนซวงก็ไม่เคยเสียน้ำตาแม้แต่หยดเดียวทว่าตอนนี้ เหยียนซวงกลับร้องไห้เพราะเขาเหยียนอวี่ยกแขนที่แข็งทื่อขึ้นสัมผัสใบหน้าของเหยียนซวง“ท่านพี่ ท่านอย่าร้องไห้ เห็นท่านร้องแล้วข้าก็อยากร้องตามไปด้วย”เหยียนซวงรีบลุกขึ้นหันหลังไปเช็ดน้ำตาด้วยแขนเสื้อนางสูดหายใจเข้าลึกๆ พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมาอีกเมื่อเห็นว่าไม่ได้มีเพียงผิวหน้าของเหยียนอวี่ที่กลับมาเป็นปกติดังเดิม กระทั่งแขนก็สามารถยกขึ้นได้เหยียนซวงก็ตื่นเต้นจนไม่รู้จะพูดอะไรดีเจี่ยนอันอันตบบ่าเหยียนซวงเบาๆ และปลอบประโลมด้วยเสียงค่อยว่า“อาการป่วยของน้องชายเจ้าหายดีเป็นส่วนใหญ่แล้ว เรื่องนี้เป็นข่าวดี อย่าได้เสียใจอีกเลย”“แม่นางเจี่ยนพูดถูก ข้าไม่ควรเสียใจ” เหยียนซวงเช็ดน้ำตาแบบลวกๆนางเดินไปนั่งข้างเหยียนซวง หยิบโจ๊กสมุนไพรในชามมาป้อนให้เหยียนอวี่ทีละคำๆเหยียนอวี่ดื่มโจ๊กอย่างเชื่อฟัง ทว่าสายตากลับไม่เคยละจากใบหน้าของเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันเคยเห็นเรือนร่างของเขาแล้ว ทำให้ภายในใจเขาเกิดความคิดที่จะแต่งงานกับ
เจี่ยนอันอันพึงพอใจกับการฝังเข็มของตัวเองมาก ดูแล้ววิธีรักษาของนางใช้ได้ผลเส้นลมปราณที่ขาของเขาได้รับการทะลวงเปิดเป็นที่เรียบร้อยขอเพียงเขายกขาได้ เช่นนั้นอีกไม่กี่วันก็จะลุกขึ้นเดินได้แล้วเหยียนอวี่รู้สึกตื่นเต้น เขาไม่รู้ว่าควรพูดอะไรดีแต่แล้ววินาทีต่อมาเขาก็นึกขึ้นได้ว่าขาทั้งสองข้างของตัวเองกำลังเปลือยเปล่าต่อหน้าเจี่ยนอันอันเขาอยากจะหาโพรงมามุดเข้าไปจริงๆผ่านไปเนิ่นนานกว่าเหยียนอวี่จะพูดขึ้นว่า “รบกวนแม่นางช่วยใส่กางเกงให้ข้าได้หรือไม่?”ถ้อยคำนี้เพิ่งจะหลุดจากปาก เหยียนอวี่ก็อยากจะลิ้นตัวเองตายให้พ้นๆนี่เขากำลังพูดอะไร จะให้หญิงสาวช่วยใส่กางเกงได้อย่างไร?เจี่ยนอันอันรู้ว่าเหยียนอวี่กำลังคิดอะไร นางดึงมาผ้าห่มมาคลุมขาของเขาส่วนเรื่องกางเกง เอาไว้ให้เขาเคลื่อนไหวได้แล้วค่อยให้เขาใส่เองก็แล้วกันเคราะห์ดีที่มีผ้าคลุมช่วยคลุมขา เหยียนอวี่ถอนหายใจด้วยความโล่งใจในที่สุดเจี่ยนอันอันดึงเข็มเงินทั้งสิบสามเล่มออกจากร่างเหยียนอวี่แล้วนำมาปักบนแขนเขาต่อเหยียนอวี่ถามอย่างไม่สบายใจนัก “แม่นาง โรคของข้ารักษาได้จริงหรือ?”เขาป่วยเป็นโรคนี้มาหลายปี หมอทุกคนพูดเป็นเสียงเดี