เจี่ยนอันอันเอ่ยกับนายอำเภอเสียงเกรี้ยว “เจ้าหมูตอน ข้าขอเตือนให้เจ้าเปิดกรงเหล็กเสียดีๆ ไม่อย่างนั้นข้าจะปลิดชีวิตเจ้าเสียตอนนี้”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางออกแรงดันกรงเหล็ก แต่กรงเหล็กกลับไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่น้อยเซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าก็รีบออกแรงยกกรงเหล็กขึ้นเช่นกันแต่กรงเหล็กขนาดใหญ่นี้มีน้ำหนักนับพันชั่ง ไม่ว่าพวกเขาจะออกแรงมากเท่าไรก็ไม่สามารถยกกรงเหล็กขึ้นมาได้เลยนายอำเภอยิ้มเจ้าเล่ห์พลางลูบหนวดเคราสองแฉกของตัวเอง“เจ้าคิดว่าข้าเป็นคนโง่หรือไร ปล่อยพวกเจ้าไป ข้ายังจะมีชีวิตต่อไปได้อีกรึ พวกเจ้าจงอยู่ในนี้ต่อไปแต่โดยดีเสียเถอะ!”นายอำเภอกล่าวจบก็เดินจากไปในทางเดินมืดมิดภายในคุกเจี่ยนอันอันเห็นนายอำเภอทำท่าจะหนี นางรีบสะบัดมือไปทางนายอำเภอ เข็มเงินอาบยาพิษก็บินออกไปทันทีเมื่อเข็มเงินพุ่งไปปักบนร่างนายอำเภอก็ส่งเสียง ‘กิ๊ง’ ดังกังวานเข็มเงินหล่นลงบนพื้นทันทีนายอำเภอยิ้มเจ้าเล่ห์หันกลับมากล่าวกับเจี่ยนอันอันว่า “สาวน้อย เจ้าคงไม่รู้ละสิว่าข้าสวมเกราะจิ่นอวิ๋นที่ฟันแทงไม่เข้าเชียวนะ”“เข็มเงินอันกระจิริดของเจ้าทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”เจี่ยนอันอันขว้างเข็มเงินออกไปอีกครา โดยพ
เจี่ยนอันอันร้อนใจเสียแล้ว ตอนนี้นางไม่มีแก่ใจไปคิดมากขนาดนั้นนางซื้อใบเลื่อยขนาดใหญ่จากร้านค้าในห้วงมิติแล้วส่งให้เซิ่งฟาง“ข้าจะลงไปดูข้างล่าง ถ้าข้ายังไม่กลับขึ้นมา ท่านก็เลื่อยกรงเหล็กนี่ออกไปเสีย รีบกลับไปที่หมู่บ้านชิงสุ่ย เรียกฉู่อันเจ๋อมาช่วยโดยเร็วที่สุด”เซิ่งฟางเห็นเจี่ยนอันอันทำท่าจะลงไป เขารีบดึงเจี่ยนอันอันเอาไว้“อันอัน เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะลงไปดูเอง”เจี่ยนอันอันกำลังจะปฏิเสธก็เห็นเซิ่งฟางคว้าตะบันไฟจากมือนางกระโดดตามลงไปเสียแล้วเจี่ยนอันอันร้อนใจยิ่งนัก นางเห็นคนกระโดดลงไปสามคนแล้ว แต่ข้างล่างกลับไม่มีเสียงใดใดแม้แต่น้อยถ้านางไปจากที่นี่ทั้งอย่างนี้ เกรงว่ายังไม่ทันที่นางจะไปเรียกฉู่อันเจ๋อมาช่วย คนทั้งสามข้างล่างนั้นอาจประสบภัยก่อนก็เป็นได้คิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็เหลือบมองซ่างชิวที่ยังคงไม่ได้สตินางคิดในใจว่านายอำเภอคงยังไม่กลับมาเร็วๆ นี้ให้ซ่างชิวรออยู่ที่นี่ไปก่อน นางไปตามหาฉู่จวินสิงแล้วค่อยกลับมาคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็เก็บใบเลื่อยเข้ามิติแล้วกระโดดตามลงไปเช่นกันอุโมงค์ข้างล่างลึกมาก เจี่ยนอันอันรู้สึกเหมือนตัวเองตกหน้าผาสูงหมื่นจั้งริม
เจี่ยนอันอันลอบอธิษฐานในใจ อย่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉู่จวินสิงเลยนางเหยียบไปบนรอยเท้าแถวนั้น เดินไปข้างในทีละก้าวทางลับนี้ยาวมาก ข้างในเต็มไปด้วยกลไกอาวุธลับหากเหยียบพลาดไปแม้แต่ก้าวเดียวก็จะถูกอาวุธลับในนี้สังหารอย่างแน่นอนเจี่ยนอันอันพบว่าขอเพียงนางเหยียบไปบนรอยเท้าเหล่านั้นก็จะไม่มีอาวุธลับจู่โจมออกมาตอนที่นางเดินไปได้ไกลมากแล้วก็เห็นว่าตรงหน้าเหมือนจะมีใครคนหนึ่งนั่งอยู่เจี่ยนอันอันรีบส่องไฟฉายเข้าไปข้างในพริบตาถัดมา นางก็เกือบจะโยนไฟฉายทิ้งไปเลยทีเดียวตรงนั้นมีคนคนหนึ่งนั่งอยู่จริงๆ แต่คนผู้นั้นกลายเป็นโครงกระดูกกองหนึ่งไปแล้วบนโครงกระดูกนั้นยังมีใยแมงมุมเกาะอยู่อย่างหนาแน่นบริเวณทรวงอกของคนผู้นั้นถูกแทงโดยกระบี่เล่มหนึ่งอาภรณ์บนร่างเขาเน่าเปื่อยกลายเป็นสีดำไปแล้วดูท่าคงตายอยู่ในนี้มานานมากแล้วเจี่ยนอันอันสงบสติอารมณ์แล้วเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังตอนที่นางมาถึงข้างกายคนผู้นั้นก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเยือกบนสันหลังเจี่ยนอันอันสั่นสะท้านอย่างอดไม่อยู่ นางกำลังจะรีบผละไปจากคนผู้นั้นแต่นางเพิ่งก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียวก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างรั้งเส
เจี่ยนอันอันยืนอยู่เบื้องหน้าตนเอง ฉู่จวินสิงอยากรวบนางเข้ามาในอ้อมกอดใจจะขาดแต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้นเขาพยายามหักห้ามใจตัวเองว่าอย่าทำเรื่องที่เจี่ยนอันอันไม่ชอบใจเขากวาดสายตามองเจี่ยนอันอัน เห็นนางไม่เป็นไรก็ค่อยวางใจได้เสียทีเจี่ยนอันอันก็สำรวจตรวจตาฉู่จวินสิงเช่นกัน เห็นเขาไร้รอยขีดข่วน ใบหน้านางก็เผยรอยยิ้มออกมาแต่รอยยิ้มของนางก็สลายไปอย่างรวดเร็ว“ฉู่จวินสิง โครงกระดูกนี่เอาแต่จับข้าไม่ปล่อย ท่านมีวิธีง้างมือเขาออกหรือไม่”ฉู่จวินสิงค่อยสังเกตว่าโครงกระดูกที่เฝ้าหน้าประตูจับข้อเท้าของเจี่ยนอันอันเอาไว้ฉู่จวินสิงรีบออกแรงผลักกระบี่ที่เสียบคาอยู่บนทรวงอกของโครงกระดูกนั้นทันทีได้ยินเสียงดังแกร๊ก ในที่สุดมือกระดูกผอมแห้งข้างนั้นก็คลายออกเจี่ยนอันอันได้รับอิสระ นางโผเข้าไปในอ้อมอกของฉู่จวินสิง สวมกอดเขาเอาไว้แน่นฉู่จวินสิงอึ้งไป นี่เป็นครั้งแรกที่เจี่ยนอันอันเป็นฝ่ายเข้ามากอดเขาหัวใจเขาเต้นกระหน่ำ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าถึงตอนนี้ เจี่ยนอันอันไม่มีแก่ใจมาสงวนท่าทีอะไรอีกแล้วนางกอดฉู่จวินสิงแน่น แนบใบหน้าลงบนแผงอกเขาสัมผัสได้ถึงทรวงอกที่ขยับขึ้นลงของฉู่จวินสิง
เจี่ยนอันอันกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็พบว่าพื้นที่ข้างในไม่ได้กว้างมาก มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสในนี้ไม่มีกลไกและไม่มีอาวุธลับบินออกมาเช่นกันนางรู้สึกพิศวงอยู่บ้าง ที่นี่มีไว้ทำอะไรกันนะ?รวมถึงโครงกระดูกข้างนอกนั่น ทำไมถึงต้องจับข้อเท้านางเอาไว้ด้วย?เจี่ยนอันอันบอกกล่าวความสงสัยในใจออกมาฉู่จวินสิงเอ่ยอย่างใช้ความคิด “ข้าคิดว่าโครงกระดูกนั่นน่าจะเป็นคนเฝ้าที่นี่”“แต่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น คนผู้นั้นจึงถูกกระบี่แทงจนเสียชีวิต”“ภายในห้องลับแห่งนี้จะต้องมีความลับที่เขาไม่ต้องการให้ใครรู้อยู่แน่นอน”“จนถึงตอนที่ตายไป เขาก็ยังคงเฝ้าที่นี่ ไม่ยอมให้คนอื่นเข้ามา”ได้ยินฉู่จวินสิงกล่าวเช่นนั้น เจี่ยนอันอันก็ยิ่งสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับห้องลับแห่งนี้มากกว่าเดิมนางมาถึงบริเวณหน้าผนัง เริ่มเคาะตามผนังฉู่จวินสิงกล่าวว่า “พวกข้าลองเคาะผนังทั้งสี่ด้านในห้องนี้ดูหมดแล้ว แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร”เจี่ยนอันอันคิดว่าที่นี่ไม่ได้เรียบง่ายเช่นนั้นถ้าเป็นแบบที่ฉู่จวินสิงบอกจริง โครงกระดูกข้างนอกนั่นคือคนเฝ้าห้องนี้แสดงว่าภายในห้องจะต้องมีสิ่งที่เขาต้องการปกป้องอยู่อย่างแน่นอน
“พวกท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” เจี่ยนอันอันเอ่ยถามฉู่จวินสิงตอบ “ไม่เป็นไร”เซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าตอบพร้อมกัน “พวกข้าไม่เป็นไร”ขณะที่ทั้งสี่คนกำลังปัดฝุ่นผงตามตัว เจี่ยนอันอันก็เหลือบไปเห็นว่ามีทางเดินอยู่ข้างใต้กำแพงนางรีบเดินเข้าไปใกล้และใช้ตะบันไฟส่องดูพบว่าภายในทางเดินมีขั้นบันไดอยู่ด้วยทั้งสี่คนต่างประหลาดใจ พวกเขาสบตากันปราดหนึ่งแล้วเดินลงบันไดบันไดสายนี้ทอดยาวมาก พวกเขาต้องเดินอยู่นานกว่าจะถึงจุดสิ้นสุดหลังจากที่พวกเขาเดินมาถึงจุดสิ้นสุดของบันได บันไดก็เคลื่อนกลับอย่างรวดเร็วยามนี้พวกเขาจะย้อนกลับไปก็ไม่ทันเสียแล้วฉู่จวินสิงจับมือเจี่ยนอันอันอยู่ตลอด ไม่อยากปล่อยแม้แต่วินาทีเดียวทั้งสี่คนถือตะบันไฟเดินเข้าไปด้านในทีละก้าวๆพวกเขาจะคอยหยุดดูว่าที่นี่มีกลไกอาวุธลับหรือไม่ทุกฝีก้าวเหยียนเซ่าเดินนำอยู่ด้านหน้าสุดเขารู้สึกว่าในฐานะที่ตัวเองเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉู่จวินสิง ต่อให้เบื้องหน้าจะมีอันตราย เขาก็ควรเป็นคนรับมือขณะที่เท้าข้างหนึ่งของเหยียนเซ่ายื่นออกไป จู่ๆ เขาก็ต้องรำพึงในใจว่าแย่แล้วเขารู้สึกเพียงว่าใต้ฝ่าเท้าของตัวเองเหมือนจะเหยียบโดนอะไรบาง
เจี่ยนอันอันรีบผละออกจากอ้อมกอดของฉู่จวินสิงนางประคองเหยียนเซ่าให้ลุกขึ้น“ข้าไม่ได้ลำบากอะไร เจ้าไม่ต้องเก็บไปใส่ใจหรอก ตอนนี้พวกเราหาวิธีออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากันเถิด”เหยียนเซ่าลุกขึ้นแล้วประสานมือขอบคุณเจี่ยนอันอันอีกครั้งผู้ที่เดินนำสำรวจเส้นทางด้านหน้ายังคงเป็นเหยียนเซ่าเหมือนเดิมครานี้เหยียนเซ่าระมัดระวังมากขึ้น เขาตื่นตัวต่อความเคลื่อนไหวที่นี่ในทุกฝีก้าวโชคดีที่นอกจากเปลวไฟลูกนั้นแล้ว ที่นี่ก็ไม่ได้มีกลไกอาวุธลับอย่างอื่นอีกทั้งสี่คนเดินอยู่นานมากก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าประตูหินบานหนึ่งพวกเขาพบว่าหน้าประตูหินมีคนจำนวนหนึ่งที่กลายร่างเป็นกระดูกไปแล้วยืนอยู่แต่คนเหล่านี้หันหน้าไปทางประตูหิน ขณะที่ด้านหลังมีดาบหลายเล่มปักอยู่เวลานี้ เจี่ยนอันอันรู้สึกว่าพวกเขาไม่เหมือนคนที่คอยดูแลปกป้องที่นี่แต่เหมือนเข้ามาตามหาอะไรบางอย่างมากกว่านอกจากนี้ก็ไม่มีชีวิตรอดออกไปเช่นกันในเมื่อร่างของคนเหล่านี้หยุดอยู่หน้าประตูหินบานนี้ เช่นนั้นก็หมายความว่าต้องมีของล้ำค่าอยู่ด้านหลังประตูแน่นอนและของสิ่งนั้นก็เป็นของที่พวกเขาต้องคว้ามาให้ได้แม้ต้องตายทันใดนั้นเอง มีความคิดอ
แก้วแหวนเงินทองด้านในวางกองเป็นภูเขาสามลูกและที่ด้านหน้าสมบัติเหล่านี้ก็มีป้ายหลุมศพป้ายหนึ่งตั้งอยู่เบื้องหน้าป้ายหลุมศพคือร่างของคนจำนวนหนึ่งที่กำลังคุกเข่าร่างของพวกเขาถูกยิงด้วยธนูหลายสิบดอกและกลายเป็นซากโครงกระดูกไปนานแล้ววินาทีที่เห็นสมบัติสามกองใหญ่ เจี่ยนอันอันพลันยิ้มกว้างออกมาทันทีรวยแล้ว!เดิมทีภายในห้วงมิติของนางก็มีสมบัติอยู่หนึ่งกอง หากรวมสมบัติพวกนี้เข้าไปด้วย เช่นนั้นอย่าว่าแต่เมืองอินเป่ยเลย นางสามารถใช้เงินซื้อได้ทั้งแคว้นไท่ยวนด้วยซ้ำข้อสันนิษฐานของนางถูกต้อง ที่นี่มีคลังสมบัติซ่อนอยู่จริงๆ ด้วย!วินาทีที่เซิ่งฟางเห็นแก้วแหวนเงินทองเหล่านี้ เขาอ้าปากกว้างจนคางแทบจะยืดถึงพื้นเขาคิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีทรัพย์สมบัติมากมายขนาดนี้เซิ่งฟางอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกอยู่เนิ่นนานเขาดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองอินเป่ยมาตั้งหลายปีแต่กลับไม่รู้ว่าที่มีคลังสมบัติขนาดใหญ่ซ่อนอยู่เจี่ยนอันอันรีบสืบเท้าเดินเข้าไปและทำท่าจะเก็บสมบัติพวกนี้เข้าสู่ห้วงมิติฉู่จวินสิงเห็นดังนี้ก็รีบร้องว่า “อันอัน อย่าเพิ่งขยับ”เจี่ยนอันอันหันกลับไปมองฉู่จวินสิงด้วยความสงสัยฉู่จวินสิงเด
แต่ไม่ว่าเขาออกแรงมากเท่าไรก็ไม่อาจผลักหินยักษ์ออกไปได้ก่อนหน้านี้ที่นี่ก็เคยเกิดการถล่มมาก่อน แต่ไม่ได้หนักหนาเท่าครั้งนี้หากยังไม่ช่วยคนข้างในออกมา เกรงว่าเด็กสองคนนั้นคงต้องจบชีวิตลงที่นี่จริงๆ แล้วเจี่ยนอันอันขมวดคิ้วมุ่น นางพลันก้าวออกมาบริเวณหน้าถ้ำแล้วออกแรงผลักหินยักษ์ก้อนนั้นแต่หินยักษ์หนักเกินไป นางผลักอยู่หลายทีแต่ก็ไม่สามารถทำให้หินยักษ์นั้นขยับเขยื้อนได้เลยฉู่จวินสิงก็รีบเดินเข้ามาหา เขาให้เจี่ยนอันอันถอยออกไปแล้วรวบรวมกำลังภายในฟาดฝ่ามือใส่หินยักษ์ก้อนนั้นอย่างหนักหน่วงครั้นฝ่ามือนั้นฟาดลงไป หินยักษ์ก้อนนั้นเพียงสั่นคลอนไม่กี่ที แต่ก็ไม่ได้ถูกกำลังภายในทะลวงไปได้ขณะที่ทุกคนไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดีนั่นเอง เจี่ยนอันอันพลันกวาดตามองคลังอาวุธในมิติครุ่นคิดว่าสามารถหยิบระเบิดออกมาจากในนั้นสักลูกได้หรือไม่โชคดีที่ตอนที่นางช่วยสองแม่ลูกสกุลเฉียวต่อกรกับเฝิงซานกวงก่อนหน้านี้ คลังอาวุธได้เลื่อนขั้นอย่างเงียบๆคำประกาศปรากฏขึ้นในมิติ : [ระดับคลังอาวุธ 50 สามารถหยิบอาวุธได้สองชนิด]เจี่ยนอันอันนึกยินดี นางรีบบอกให้ทุกคนหลบไปนอกเหมือง แม้แต่ฉู่จวินสิงก็ให้ออกไปจากตร
เจ้าเมืองตานประสานมือต่อเจี่ยนอันอันและฉู่จวินสิง “เรื่องราวได้จบลงแล้ว ข้าน้อยคงต้องขอกลับจวนไปไต่สวนเรื่องนี้ต่อ ขอลาแต่เพียงเท่านี้”เจี่ยนอันอันประสานมือตอบเช่นกัน “ท่านค่อยๆ เดิน ไม่ส่งแล้ว อย่างไรคงต้องรบกวนท่านให้ความเป็นธรรมแก่เรื่องนี้”“ข้าน้อยทราบดี” เจ้าเมืองตานกล่าวพลางขึ้นรถม้าไปพร้อมกับถอนหายใจหนักหน่วงอีกครั้งเหตุใดเขาจึงมีหลานชายที่ชอบก่อเรื่องนี้เช่นนี้หนอ? ช่างไม่ยอมปล่อยให้เขาได้อยู่สบายบ้างเลยรอจนเจ้าเมืองตานจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันจึงหันมามองเหล่าบริวารของเฝิงซานกวงอีกครั้งซึ่งทุกคนต่างก็รู้ว่า ยามนี้ในเหมืองได้เปลี่ยนเจ้าของใหม่แล้วพวกเขาจึงไม่กล้าทำส่งเดชอีก ได้แต่ก้มหน้าก้มตายืนนิ่งอยู่เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็นชา “พวกเจ้ามัวยืนเซ่อหาอันใดอีก ที่นี่ไม่ใช่ถิ่นของเฝิงซานกวงอีกแล้ว แต่ละคนจงรีบไสหัวไปให้พ้น”“หากวันหน้าข้าได้รู้ว่า พวกเจ้ากลับมาก่อเรื่องที่นี่อีก ข้าจะให้มีจุดจบเช่นเดียวกับเฝิงซานกวง”บรรดาลูกน้องเฝิงซานกวงเห็นว่าบัดนี้คงได้ตกงานเป็นแน่แท้ต่อไปจะรับเงินใต้โต๊ะคงไม่มี ยิ่งอย่าหมายว่าคิดลักขโมยแร่หินในเหมืองออกไปขายบ้างจึงต่างพากัน
แต่เรื่องนี้หากจะว่าไป ก็ล้วนเป็นความผิดของเฝิงซานกวงหากเขามิได้แอบใช้แรงงานเด็ก เจี่ยนอันอันก็ไม่อาจใช้เพียงหนึ่งร้อยตำลึง มาซื้อเหมืองแร่แห่งนี้ได้ไม่ทันรอให้เจ้าเมืองตานได้กล่าวตอบ เฝิงซานกวงกลับโมโหขึ้นก่อน “นังตัวดี อย่าถือว่าเคยเป็นอดีตชายาเยียนอ๋องมาก่อน ก็จะใช้เงินเพียงหนึ่งร้อยตำลึงมาซื้อเหมืองของข้าได้”“ขอบอกให้รู้ เหมืองแห่งนี้ข้าเป็นคนขุดขึ้นเอง จะไม่มีวันยอมขายให้เจ้าเด็ดขาด”เจี่ยนอันอันมองหน้าเฝิงซานกวงด้วยแววตาดูหมิ่น สีหน้าเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน“ฟังนะเฝิงซานกวง บัดนี้เจ้ากลายเป็นนักโทษแล้ว มีสิทธิ์อันใดมาเพ้อเจ้อไร้สาระกับข้าอีก”เฝิงซานกวงโกรธจนสุดจะทนไหว พลันกระอักโลหิตออกจากปากทันทีพร้อมพาเอาฟันหน้าสองซี่ที่ถูกต่อยร่วงเมื่อครู่นี้ออกมาด้วยเจ้าเมืองตานรู้ดีว่าไม่อาจสู้เจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงได้ อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นความผิดของเฝิงซานกวงจริงว่าตามกฎหมายแล้ว เมื่อเฝิงซานกวงทำผิดเช่นนี้ เหมืองของเขาก็ควรจะถูกทางการยึดคืนดังนั้นเจี่ยนอันอันจึงได้มาพูดกับเขา ว่าจะขอซื้อเหมืองแห่งนี้ไว้เองอีกทั้งเฝิงซานกวงก็ไม่มีสิทธิ์ชอบธรรม ที่จะยับยั้งการซื้อขายของ
“นี่คือสัญญาฉบับใหม่ที่ข้าเพิ่งเขียนขึ้นมา ทั้งเฝิงซานกวงและเฉียวซื่อต่างได้ลงชื่อเรียบร้อย”“จึงอยากให้ท่านเจ้าเมืองได้ลงชื่ออีกคน เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว วันหน้าเฝิงซานกวงจะได้ไม่กล้าบิดพลิ้วไปล่วงเกินเฉียวซื่ออีก”เจ้าเมืองตานมองดูข้อความในสัญญาฉบับใหม่ เห็นเนื้อหาล้วนสมเหตุสมผลดีอีกทั้งเรื่องนี้ก็ถือเป็นความผิดของเฝิงซานกวงก่อน จึงยอมรับพู่กันมา พร้อมทั้งเขียนชื่อตนเองลงไปเจี่ยนอันอันยิ้มๆ พร้อมนำแป้นประทับตรา มอบให้เจ้าเมืองตานได้ประทับลายนิ้วอีกซ้ำอีกสัญญาชุดเดียวกันแต่มีสองแผ่น เจี่ยนอันอันจึงแบ่งให้เจ้าเมืองตานและเฝิงซานกวงต่างถือไว้คนละแผ่น“มีเจ้าเมืองตานเป็นพยานอีกคน หากวันหน้าเฝิงซานกวงกล้าไปล่วงเกินเฉียวซื่อสองแม่ลูกอีก ให้ข้ารู้เข้า ข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้”เฝิงซานกวงแค้นจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน นึกอยากหักคอเจี่ยนอันอันให้ตายคามือไปเสียเยียนอ๋องพระชายาบ้าบออันใดกัน ยามนี้ล้วนถูกฮ่องเต้ปลดเป็นสามัญชนทั้งสิ้น ซ้ำยังถูกเนรเทศมาอยู่เมืองอินเป่ยต่างหากบัดนี้ฐานะของพวกเขา จะต่างจากเขาที่ตรงไหน?แต่พอมาอยู่นี่แล้ว ยังกล้ามาทำเหิมเกริมอีกรอให้เรื่องนี้จบสิ้นเมื่อใด ต้องหาวิ
แต่หากเป็นความผิดของอีกฝ่ายหนึ่ง เขาในฐานะอารอง ก็จะไม่ละเว้นผู้ทำร้ายเฝิงซานกวงเช่นกันแต่ไม่คาดคิดว่า เพียงลงจากรถม้า ก็ได้เห็นเยียนอ๋องและพระชายาอยู่ที่นี่ด้วยเจ้าเมืองตานนึกหวั่นใจขึ้น คงไม่ใช่เพราะเฝิงซานกวงไปทำความผิดอันใดเข้าอีกหรอกนะเจี่ยนอันอันใบหน้าแฝงรอยยิ้ม พร้อมนำสัญญาเผด็จการที่เฝิงซานกวงและเฉียวซื่อทำไว้ฉบับแรกให้เจ้าเมืองตานได้ดูเจ้าเมืองตานดูแล้วจึงเกิดความสงสัย “ในสัญญาได้ลงชื่อทั้งสองฝ่ายไว้ แสดงว่าอีกฝ่ายก็ยินยอมพร้อมใจ แล้วจะผิดอย่างไร?”แม้ว่าเงื่อนไขที่ระบุไว้จะมีแต่ความเอารัดเอาเปรียบ แต่ก็มิได้บ่งบอกถึงสิ่งใดไฉนจึงต้องบาดหมางจนให้เขามาด้วยตนเอง?และเจ้าเมืองตานก็เห็นลูกน้องของเฝิงซานกวง ต่างถูกทำร้ายจนสะบักสะบอมเขามองหน้าเจี่ยนอันอันด้วยความสงสัย ไม่เข้าใจว่าเหตุใดนางกับฉู่จวินสิงจึงต้องทำร้ายลูกน้องเฝิงซานกวงเช่นนี้เจี่ยนอันอันดึงตัวแม่ลูกตระกูลเฉียวมาเข้าใกล้ พลางกล่าวต่อเจ้าเมืองตาน “เจ้าเมืองตาน คนนี้ก็คือผู้ทำสัญญากับเฝิงซานกวง”“นางไม่รู้หนังสือ ข้อความในสัญญาล้วนเป็นเฝิงซานกวงอ่านให้ฟังทั้งสิ้น”“แต่เท่าที่ข้ารู้ เฝิงซานกวงมิได้อ่านเนื้อ
เจี่ยนอันอันแม้ถูกด่าว่าก็หาโกรธเคืองไม่ กลับกลายเป็นฉู่จวินสิงที่เดินขึ้นหน้า พลางต่อยเข้าที่ปากเฝิงซานกวงหนึ่งหมัด“เจ้ากล้าด่าเหนียงจื่อของข้า เห็นทีอยากถูกเลาะฟันออกจากปากเสียแล้ว”หมัดนี้ของฉู่จวินสิงหนักหน่วงยิ่ง ถึงขั้นทำให้ฟันหน้าของเฝิงซานกวงร่วงสองซี่ในบัดดลแต่เพราะเฝิงซานกวงถูกผ้าพันแผลปิดหน้าไว้หมด ฟันหน้าจึงค้างอยู่ในปาก จะบ้วนทิ้งก็ไม่ได้ กลืนลงคอก็ไม่กล้าอีกฟันหน้าถูกค่อยจนร่วง ริมฝีปากก็ยังแตกซ้ำความเจ็บปวดในปากนั้น แทบทำให้เฝิงซานกวงอยากด่าไปถึงบุพการีแต่ภายหลังได้ลิ้มลองหมัดของฉู่จวินสิง เขากลับไม่กล้าใช้คำพูดดุเดือดออกมาอีกแม้แต่คำเดียวทันใดนั้นเอง มีเสียงรถม้าแว่วมาแต่ไกลทุกคนหันมองไปตามเสียงนั้น จึงเห็นรถม้าของทางการวิ่งตรงมาคันหนึ่งและผู้ที่ไปส่งข่าวยังจวนเจ้าเมืองตาน ก็วิ่งตามหลังรถม้ามาเจี่ยนอันอันผุดรอยยิ้มที่มุมปาก ดูท่าเจ้าเมืองตานมาได้รวดเร็วดีแท้รถม้ามาหยุดที่เบื้องหน้าทุกคนเร็วพลัน โดยมีเจ้าเมืองตานเปิดผ้าม่านแล้วก้าวเดินลงมาทันทีที่เห็นเฝิงซานกวงใบหน้าห่อด้วยผ้าพันแผลหนาเตอะ ซ้ำมุมปากยังมีคราบโลหิตซึมออกมา“เจ้าไปก่อกรรมทำเข็ญเรื่อง
เจี่ยนอันอันยิ้มเล็กน้อย “พี่เฉียว อย่ามัวยืนเฉย รีบลงชื่อก่อนเถิด”“ประเดี๋ยวเมื่อเจ้าเมืองตานมาถึง ยังต้องให้เขาดูด้วย”เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเบามาก จงใจมิให้เฝิงซานกวงกับลูกน้องเขาได้ยินแต่แม่ลูกตระกูลเฉียวและฉู่จวินสิงกลับได้ยินชัดเจนฉู่จวินสิงมุมปากเชิดขึ้น คิดในใจว่าการจะสั่งสอนคนเช่นเฝิงซานกวง ต้องใช้วิธีนี้จึงจะสาสมเฝิงซานกวงได้ยินไม่ชัดว่าเจี่ยนอันอันพูดเรื่องใด แต่มั่นใจว่าคงมิใช่เรื่องดีแน่นอนเฉียวซื่อรับเอากระดาษและพู่กันไป พลางเขียนชื่อตนเองบนกระดาษด้วยลายมือโย้เย้นางกำลังคิดอยู่ว่าต้องกัดนิ้วตนให้ขาดดีหรือไม่ พลันเห็นเจี่ยนอันอันไม่รู้ไปหยิบแป้นประทับตราจากที่ใดออกมาหนึ่งอันเจี่ยนอันอันกล่าวยิ้มๆ “พี่เฉียว การประทับตราของเราไม่ต้องเสียโลหิต”เฉียวซื่อยิ้มตามเช่นกัน พลางกดนิ้วมือลงบนแป้นนั้น แล้วประทับลายนิ้วลงไปบนสัญญาอีกทีเมื่อต่างลงนามในสัญญาฉบับใหม่เรียบร้อย ฉบับเก่าก็นับว่าเป็นโมฆะไปแต่เจี่ยนอันอันกลับไม่คิดฉีกสัญญาฉบับเก่าทิ้งไป นางจะรอให้เจ้าเมืองตานมาถึง และให้เขาดูเงื่อนไขเอาเปรียบที่อยู่ในนั้นนางใช้วิธีเดียวกันนี้ เขียนสัญญาใหม่ขึ้นมาอีกฉบับ
ยามนี้เขารู้สึกเสียใจยิ่ง เมื่อครู่ไม่ควรกล่าวถึงท่านอารองออกมาเร็วถึงเพียงนั้นแต่บัดนี้ลูกน้องไปเชิญท่านอามาแล้ว ถึงตอนนั้นเขาจะทำอย่างไรดี?เมื่อนึกถึงตรงนี้ เฝิงซานกวงรีบกล่าวต่อลูกน้องอีกคน “เจ้าไปบอกให้อู่เฉียงกลับมา”ลูกน้องผู้นั้นรับคำสั่งกำลังจะรีบวิ่งไปแต่เดินได้ไม่ถึงสองก้าว พลันถูกฉู่จวินสิงขวางหน้าไว้ก่อน“ผู้ใดกล้าขยับเขยื้อน ข้าจะให้ผู้นั้นเลือดนองอาบพื้นดินในบัดดล”ลูกน้องผู้นั้นได้แต่หวาดกลัวจนชะงักงัน พร้อมหันไปมองเฝิงซานกวง“ลูกพี่...”เขาไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไร ไปก็ไม่ได้อยู่ต่อก็มีความผิดเฝิงซานกวงโกรธจนกำหมัดแน่น เสียงขบฟันดังกรอดจนได้ยินชัด“พวกเจ้าต้องการสิ่งใดกันแน่?”เขาเริ่มรู้แล้วว่า วันนี้ตนน่าจะเจอจิ้งจอกเขี้ยวลากดินเข้าให้แล้วดูท่าหากไม่ต้อนรับขับสู้พวกเขาให้ดี เกรงว่าอีกประเดี๋ยวจะมีจุดจบที่ไม่สู้งามนักเจี่ยนอันอันเห็นว่าเฝิงซานกวงน่าจะอับจนปัญญา จึงเอาสัญญาที่เฉียวซื่อมอบให้นางออกมา“เฝิงซานกวง นี่คือสัญญาที่เจ้าทำไว้กับเฉียวซื่อ ในนี้มีเงื่อนไขข้อหนึ่ง ข้าอาจต้องแก้ไขเล็กน้อย”เฝิงซานกวงกัดฟันกรอดอีกครั้ง บันดาลโทสะเสียจนใบหน้าที่อยู
พวกเขาลืมเรื่องนี้ไปได้อย่างไรญาติที่เป็นขุนนางของลูกพี่เป็นผู้มีอิทธิพลนัก ดูแลทุกอย่างในอำเภอไถหยางก็ว่าได้เจี่ยนอันอันกล่าวเสียงเย็น “คุยมาตั้งนาน ยังไม่เห็นบอกชื่อว่าคนผู้นั้นเป็นใคร ข้าว่าคงจะแต่งเรื่องส่งเดชมากกว่า”เฝิงซานกวงถูกเจี่ยนอันอันยุยงอีกครั้ง เดิมทีเขาก็ไม่อยากเอ่ยชื่อเจ้าเมืองออกมาแต่ครั้งนี้เห็นทีไม่พูดก็ไม่ได้เสียแล้ว“ฮึ่ม พูดแล้วพวกเจ้าจะตกใจ ท่านอารองของข้าเป็นเจ้าเมืองแห่งอำเภอไถหยาง”“หากพวกเจ้ากล้าแตะต้องกิจการในเหมืองของข้า ข้าจะให้ท่านอาส่งคนมาจับพวกเจ้าไปขังคุกเสีย!”เมื่อเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอารองของเฝิงซานกวงก็คือเจ้าเมืองตานนั่นเอง นางจึงเริ่มมีแผนการในใจ“อ้อ หมายถึงเจ้าเมืองตานผู้นั้นหรอกรึ? ยังนึกว่าเป็นคนใหญ่คนโตที่ใดเสียอีก”“เชิญไปเรียกตัวมาได้เลย แล้วเรามายันกันซึ่งหน้า ให้รู้ไปว่าเขาจะเข้าข้างเจ้า หรือเห็นด้วยกับเรามากกว่า”เฝิงซานกวงมองดูท่าทีของเจี่ยนอันอัน คล้ายไม่กลัวกระทั่งคนเป็นเจ้าเมือง จึงให้ตกใจซ้ำอีกเขาแอบคิดในใจ หรือว่าท่านอารองจะรู้จักกับคนสองคนนี้?จึงหันไปกระซิบกระซาบต่อลูกน้องข้างกาย “รีบไปเชิญอารองข้ามาเดี๋ยวนี้”