“พวกท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” เจี่ยนอันอันเอ่ยถามฉู่จวินสิงตอบ “ไม่เป็นไร”เซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าตอบพร้อมกัน “พวกข้าไม่เป็นไร”ขณะที่ทั้งสี่คนกำลังปัดฝุ่นผงตามตัว เจี่ยนอันอันก็เหลือบไปเห็นว่ามีทางเดินอยู่ข้างใต้กำแพงนางรีบเดินเข้าไปใกล้และใช้ตะบันไฟส่องดูพบว่าภายในทางเดินมีขั้นบันไดอยู่ด้วยทั้งสี่คนต่างประหลาดใจ พวกเขาสบตากันปราดหนึ่งแล้วเดินลงบันไดบันไดสายนี้ทอดยาวมาก พวกเขาต้องเดินอยู่นานกว่าจะถึงจุดสิ้นสุดหลังจากที่พวกเขาเดินมาถึงจุดสิ้นสุดของบันได บันไดก็เคลื่อนกลับอย่างรวดเร็วยามนี้พวกเขาจะย้อนกลับไปก็ไม่ทันเสียแล้วฉู่จวินสิงจับมือเจี่ยนอันอันอยู่ตลอด ไม่อยากปล่อยแม้แต่วินาทีเดียวทั้งสี่คนถือตะบันไฟเดินเข้าไปด้านในทีละก้าวๆพวกเขาจะคอยหยุดดูว่าที่นี่มีกลไกอาวุธลับหรือไม่ทุกฝีก้าวเหยียนเซ่าเดินนำอยู่ด้านหน้าสุดเขารู้สึกว่าในฐานะที่ตัวเองเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉู่จวินสิง ต่อให้เบื้องหน้าจะมีอันตราย เขาก็ควรเป็นคนรับมือขณะที่เท้าข้างหนึ่งของเหยียนเซ่ายื่นออกไป จู่ๆ เขาก็ต้องรำพึงในใจว่าแย่แล้วเขารู้สึกเพียงว่าใต้ฝ่าเท้าของตัวเองเหมือนจะเหยียบโดนอะไรบาง
เจี่ยนอันอันรีบผละออกจากอ้อมกอดของฉู่จวินสิงนางประคองเหยียนเซ่าให้ลุกขึ้น“ข้าไม่ได้ลำบากอะไร เจ้าไม่ต้องเก็บไปใส่ใจหรอก ตอนนี้พวกเราหาวิธีออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากันเถิด”เหยียนเซ่าลุกขึ้นแล้วประสานมือขอบคุณเจี่ยนอันอันอีกครั้งผู้ที่เดินนำสำรวจเส้นทางด้านหน้ายังคงเป็นเหยียนเซ่าเหมือนเดิมครานี้เหยียนเซ่าระมัดระวังมากขึ้น เขาตื่นตัวต่อความเคลื่อนไหวที่นี่ในทุกฝีก้าวโชคดีที่นอกจากเปลวไฟลูกนั้นแล้ว ที่นี่ก็ไม่ได้มีกลไกอาวุธลับอย่างอื่นอีกทั้งสี่คนเดินอยู่นานมากก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าประตูหินบานหนึ่งพวกเขาพบว่าหน้าประตูหินมีคนจำนวนหนึ่งที่กลายร่างเป็นกระดูกไปแล้วยืนอยู่แต่คนเหล่านี้หันหน้าไปทางประตูหิน ขณะที่ด้านหลังมีดาบหลายเล่มปักอยู่เวลานี้ เจี่ยนอันอันรู้สึกว่าพวกเขาไม่เหมือนคนที่คอยดูแลปกป้องที่นี่แต่เหมือนเข้ามาตามหาอะไรบางอย่างมากกว่านอกจากนี้ก็ไม่มีชีวิตรอดออกไปเช่นกันในเมื่อร่างของคนเหล่านี้หยุดอยู่หน้าประตูหินบานนี้ เช่นนั้นก็หมายความว่าต้องมีของล้ำค่าอยู่ด้านหลังประตูแน่นอนและของสิ่งนั้นก็เป็นของที่พวกเขาต้องคว้ามาให้ได้แม้ต้องตายทันใดนั้นเอง มีความคิดอ
แก้วแหวนเงินทองด้านในวางกองเป็นภูเขาสามลูกและที่ด้านหน้าสมบัติเหล่านี้ก็มีป้ายหลุมศพป้ายหนึ่งตั้งอยู่เบื้องหน้าป้ายหลุมศพคือร่างของคนจำนวนหนึ่งที่กำลังคุกเข่าร่างของพวกเขาถูกยิงด้วยธนูหลายสิบดอกและกลายเป็นซากโครงกระดูกไปนานแล้ววินาทีที่เห็นสมบัติสามกองใหญ่ เจี่ยนอันอันพลันยิ้มกว้างออกมาทันทีรวยแล้ว!เดิมทีภายในห้วงมิติของนางก็มีสมบัติอยู่หนึ่งกอง หากรวมสมบัติพวกนี้เข้าไปด้วย เช่นนั้นอย่าว่าแต่เมืองอินเป่ยเลย นางสามารถใช้เงินซื้อได้ทั้งแคว้นไท่ยวนด้วยซ้ำข้อสันนิษฐานของนางถูกต้อง ที่นี่มีคลังสมบัติซ่อนอยู่จริงๆ ด้วย!วินาทีที่เซิ่งฟางเห็นแก้วแหวนเงินทองเหล่านี้ เขาอ้าปากกว้างจนคางแทบจะยืดถึงพื้นเขาคิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีทรัพย์สมบัติมากมายขนาดนี้เซิ่งฟางอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกอยู่เนิ่นนานเขาดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองอินเป่ยมาตั้งหลายปีแต่กลับไม่รู้ว่าที่มีคลังสมบัติขนาดใหญ่ซ่อนอยู่เจี่ยนอันอันรีบสืบเท้าเดินเข้าไปและทำท่าจะเก็บสมบัติพวกนี้เข้าสู่ห้วงมิติฉู่จวินสิงเห็นดังนี้ก็รีบร้องว่า “อันอัน อย่าเพิ่งขยับ”เจี่ยนอันอันหันกลับไปมองฉู่จวินสิงด้วยความสงสัยฉู่จวินสิงเด
ฉู่จวินสิงระแวดระวังทันทีที่เห็นเจี่ยนอันอันคำนับศีรษะให้ป้ายหลุมศพเขาเอาตัวมาบังด้านหลังเจี่ยนอันอัน แววตาลุ่มลึกกวาดมองรอบด้านถ้าหากประเดี๋ยวมีลูกธนูยิงออกมาอีก เขาต้องปกป้องเจี่ยนอันอันให้ดี ห้ามให้นางถูกธนูยิงแต่ที่น่าแปลกก็คือ คราวนี้ไม่มีธนูยิงออกมาเจี่ยนอันอันเงยหน้าขึ้น พบว่าป้ายหลุมศพไม่ได้สั่นสะเทือนมันตั้งตระหง่านอยู่แน่นิ่ง ไม่มีความเคลื่อนไหวเจี่ยนอันอันหันไปยิ้มให้ฉู่จวินสิง “หรือว่าข้าจะเป็นผู้มีวาสนาคนนั้น?”ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังพูด ตัวอักษรบนป้ายหลุมศพก็กลายเป็นฝุ่นผงและร่วงสู่พื้นทิ้งให้ป้ายสุสานกลายเป็นเพียงป้ายศิลาธรรมดาเจี่ยนอันอันเห็นดังนี้ก็ลุกพรวดขึ้นนางหยิบอัญมณีเม็ดหนึ่งมาเก็บในห้วงมิติยังคงไม่มีธนูยิงใส่คราวนี้เจี่ยนอันอันเบาใจลงในที่สุดนางกว้านสมบัติเข้าสู่ห้วงมิติอย่างมีความสุข ครั้นเห็นภูเขาทองคำสามลูกถูกเจี่ยนอันอันเก็บเอาไปภายในเวลาไม่นานเซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าก็หันไปสบตากันโชคดีที่พวกเขาเคยได้ยินฉู่จวินสิงพูดให้ฟังมาก่อนว่าเขาได้รับถุงเฉียนคุนที่สามารถบรรจุสารพัดสิ่งมาจากผู้วิเศษ มิเช่นนั้นพวกเขาคงคิดว่าตัวเองกำลังฝันเป็
ใบหน้าของบรรดาเจ้าหน้าที่ทางการต้องซีดเผือดเมื่อได้ยินดังนี้พวกเขาต่างก็รู้ถึงความร้ายกาจของเจี่ยนอันอันหลังจากที่ถูกเข็มเงินของเจี่ยนอันอันทิ่มใส่ จนถึงตอนนี้พวกเขาก็ยังเดินไม่ได้เลยอย่าว่าแต่ขยับร่างกายครึ่งซีกไม่ได้ ตอนนี้พวกเขายังขยับร่างกายส่วนใดไม่ได้ทั้งนั้นก่อนหน้านี้นายอำเภอเห็นพวกเขามีสภาพเช่นนี้ก็ด่าว่าเป็นสวะไร้ค่าจากนั้นหมุนตัวเดินเข้าที่ว่าการอำเภอโดยไม่สนใจพวกเขาด้วยซ้ำตอนนี้พวกเขานึกย้อนเสียใจสุดๆบรรดาเจ้าหน้าที่ทางการไม่อยากยืนแสดงอยู่ที่นี่ พวกเขาพากันวิงวอนว่า “ท่านจอมยุทธ์หญิง ปล่อยพวกข้าไปเถิด”“พวกข้าเพียงแต่ทำตามที่ใต้เท้าสั่ง เขาสั่งสิ่งใดมา พวกข้าก็ต้องทำตามนั้น”“ใช่ขอรับๆ พวกข้าไม่ได้คิดจะเป็นศัตรูกับพวกท่านจริงๆ ท่านจอมยุทธ์หญิงปล่อยพวกข้าไปเถิด”เจี่ยนอันอันไม่สนใจคำวิงวอนของพวกเจ้าหน้าที่ทางการ นางเดินตรงเข้าไปในที่ว่าการอำเภอ ไม่อยากจะมองพวกเขาอีกบรรดาเจ้าหน้าที่ทางการด้านในที่ว่าการอำเภอได้รับการทำแผลอย่างง่ายๆแต่ละคนมีสีหน้าตื่นตกใจเมื่อเห็นพวกเจี่ยนอันอันทั้งสี่คนพวกเขาเห็นกับตาว่าสี่คนนี้ถูกขังในกรงเหล็กไปแล้วพวกเขาออกมาได้อย่
เจี่ยนอันอันหันไปถลึงตาใส่นายอำเภอด้วยความเดือดดาล “นี่เจ้าลงมือกับซ่างชิวหนักปานนี้เชียวหรือ”“หากซ่างชิวเป็นอะไรไป ข้าจะฆ่าพวกเจ้าแล้วส่งไปอยู่กับเขาให้หมด!”นายอำเภอได้ยินว่าต้องตายตามซ่างชิวก็หวาดกลัวจนตัวสั่นอย่างหยุดไม่อยู่“จอมยุทธ์หญิงโปรดไว้ชีวิต ข้าจะไปตามหมอที่เก่งที่สุดในอำเภอมารักษาซ่างชิว โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย”เจี่ยนอันอันแค่นเสียงเย็น “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าน้องเขยของเจ้ายังไม่ได้สติใช่หรือไม่ ถ้าเช่นนั้นก็พาข้าไปพบเขา”นายอำเภอเห็นเจี่ยนอันอันยืนกรานจะพบจางต้าให้ได้ อีกทั้งเขาก็ถูกฉู่จวินสิงจับไม่ปล่อย สุดท้ายจึงได้แต่ยอมตอบตกลงที่จะพาพวกเขาไปพบจางต้าเจี่ยนอันอันให้เซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าอยู่ดูแลซ่างชิวที่นี่ส่วนตัวเองกับฉู่จวินสิงคุมตัวนายอำเภอเข้าไปยังที่พักของจางต้านายอำเภอผลักประตูเดินเข้าไปด้วยขาสั่นเทิ้มครั้นมาถึงภายในห้อง เจี่ยนอันอันก็เห็นว่าจางต้ากำลังนอนหลับตาอยู่บนเตียงนายอำเภอเดินไปที่เบื้องหน้าจางต้าและชี้ไปที่เขา “เขาก็คือน้องเขยของข้า”เจี่ยนอันอันส่ายมือด้วยความรำคาญ “หลบไป”นายอำเภอไม่กล้าพูดมาก ได้แต่ยอมขยับร่างกายอ้วนตุ๊ต๊ะของตัวเองถอยไปด
นายอำเภอหวาดกลัวจนหน้าซีดหนักกว่าเดิมเขาคุกเข่าเบื้องหน้าเจี่ยนอันอันดัง ‘ตุบ’“จอมยุทธ์หญิงโปรดไว้ชีวิตจางต้าด้วยเถิด หากเขาตาย ข้าคงได้ถูกอวี้เฟิ่งถลกหนังแน่”ไม่มีผู้ใดกล้าขัดอารมณ์ของอวี้เฟิ่ง แม้แต่พี่ชายอย่างเขาที่เป็นนายอำเภอก็ยังต้องยอมถอยให้หลายส่วนเจี่ยนอันอันได้ยินว่าอวี้เฟิ่งจะถลกหนังนายอำเภอก็ยิ้มเยาะ “ดีสิ ข้าอยากเห็นเหมือนกันว่าอวี้เฟิ่งจะถลกหนังเจ้าอย่างไร”นางว่าจบก็กระชากผมจางต้าให้เดินออกไปด้านนอกส่วนฉู่จวินสิงก็คุมตัวนายอำเภอให้เดินออกไปพวกเขากลับไปหาเซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าเจี่ยนอันอันพูดกับทั้งสอง “พวกเรากลับหมู่บ้านชิงสุ่ยกันเถอะ ที่นั่นจะมีเรื่องสนุกให้รอชม”เซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าไม่รู้ว่าเรื่องสนุกที่เจี่ยนอันอันพูดถึงคืออะไรทว่าเมื่อเห็นจางต้ามีสภาพจนตรอกและเห็นนายอำเภอที่หน้าซีดเผือด ทั้งสองคนก็เข้าใจโดยพลันพวกเขาหามซ่างชิวที่หมดสติแล้วเดินออกจากที่ว่าการอำเภอ บรรดาเจ้าหน้าที่ทางการเห็นนายอำเภอของตัวเองจะถูกคุมตัวไปหมู่บ้านชิงสุ่ยกระนั้นกลับไม่มีผู้ใดกล้าขัดขวางทั้งนั้น ได้แต่มองพวกเขาเดินออกจากที่ว่าการอำเภอตาปริบๆเมื่อมาถึงหน้ารถม้า เจ
ชาวบ้านที่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจำนวนหนึ่งเดินตามหลังรถม้าไปพวกเขาอยากเห็นว่าพวกเจี่ยนอันอันกำลังจะทำอะไรกันแน่รถม้ามาหยุดจอดที่หน้าบ้านซ่างชิวเซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าลงจากรถม้าแล้วช่วยกันหามซ่างชิวเข้าไปในบ้านเจี่ยนอันอันให้ทั้งสองคนรออยู่ด้านนอกเพื่อเฝ้านายอำเภอกับจางต้านางพูดกับเซิ่งฟางและเหยียนเซ่าว่า “ไม่ว่าผู้ใดมาก็ห้ามให้เข้าไปในบ้านทั้งนั้น”เจี่ยนอันอันลงจากรถม้าแล้วเข้าไปในบ้านของซ่างชิวฉู่จวินสิงตามเข้าไปเช่นกัน เจี่ยนอันอันไม่ได้ห้ามปรามอะไรเมื่อมาถึงหน้าเตียงอุ่น เจี่ยนอันอันก็ทำการจับชีพจรให้กับซ่างชิวแม้เขาจะใช้ยาสำหรับรักษาอาการเลือดออกภายในไปแล้ว แต่ฤทธิ์ยาแค่นั้นไม่อาจทำให้ซ่างชิวฟื้นตัวโดยไวเจี่ยนอันอันรีบนำยาเฉพาะทางจากคลังยาในห้วงมิติออกมาฉีดเข้าเส้นเลือดของซ่างชิวจากนั้นช่วยทำแผลบริเวณศีรษะให้กับเขาครั้นทายาสำหรับบาดแผลภายนอกเสร็จก็พันแผลให้ยาเฉพาะทางออกฤทธิ์เร็วมาก หลังจากที่ฉีดให้หนึ่งขวด ซ่างชิวก็ค่อยๆ ฟื้นคืนสติเขาพบว่าตัวเองกำลังนอนอยู่บนเตียงอุ่นที่บ้านตัวเอง ข้างกายมีเจี่ยนอันอันกับฉู่จวินสิงคอยเฝ้าอยู่ซ่างชิวมีสีหน้าสับสน “ไม่ใช่ว่า
เจี่ยนอันอันไม่อยากเสียเวลาอีกแล้วจึงก้าวยาวๆ ออกไปข้างนอกคนทั้งสี่ขึ้นไปนั่งบนรถม้าแล้วตรงไปยังจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวจวนผู้ว่าการมณฑลจงโจวไม่ได้อยู่ในอำเภอไถหยาง แต่อยู่ในเมืองหลักระหว่างทางพวกเจี่ยนอันอันรู้สึกหิว แต่ตอนนี้พวกนางไม่มีกะจิตกะใจจะไปกินข้าวในร้านอาหารเลยสักนิดเจี่ยนอันอันซื้อขนมปังกับน้ำจากร้านค้าในมิติแล้วแจกจ่ายให้พวกฉู่จวินสิงสามคนพวกเขาไม่เคยเห็นขนมปังมาก่อน ต่างมองห่อขนมปังอย่างอึ้งงัน ไม่รู้ว่าควรกินอย่างไรเจี่ยนอันอันบอกพวกเขาว่าต้องฉีกซองออกเสียก่อนจึงจะสามารถกินอาหารที่อยู่ข้างในได้คนทั้งสามฉีกซองขนมปังโดยเลียนแบบท่าทางของเจี่ยนอันอันกลิ่นหอมของขนมปังลอยเข้าจมูก ประกอบกับคนทั้งสี่กำลังหิวจึงรีบกัดกินคำโตเซิ่งฟางกินพลางถามว่า “อันอัน นี่คืออะไรหรือ เหตุใดจึงนุ่มอร่อยเช่นนี้?”เจี่ยนอันอันดื่มน้ำคำหนึ่ง กลืนขนมปังในปากลงไป“นี่คือของว่างที่ข้าทำขึ้นมาในบ้าน ข้าตั้งชื่อให้มันว่าขนมปัง”“ที่ข้ายังมีอีกเยอะ พวกท่านกินให้เต็มที่”“ขนมปังค่อนข้างติดคอ พวกท่านกินน้ำตามไปด้วย”ฉู่จวินสิงเคยเห็นน้ำแร่มาก่อน เขารู้ว่าควรเปิดของสิ่งนี้อย่างไรเขาหมุน
ในปีนั้นตอนที่เกิดการสังหารหมู่ขึ้น คนในครอบครัวของจงซิ่นเองก็ไม่รอดลูกชายลูกสะใภ้ของเขา ล้วนแต่ตายในน้ำมือของศัตรูจงซิ่นเพื่อที่จะแก้แค้นให้คนในครอบครัว ก็โวยวายที่จะไปฆ่าคนในราชวงศ์ในตอนนั้นเวินอี๋พยายามห้ามเอาไว้อย่างเต็มที่ แล้วยังบอกเขาว่าด้านนอกนั้นวุ่นวายเป็นอย่างมากถึงแม้ว่าเขาจะมีแรงพละกำลังเต็มที่ ทว่าเพียงแค่สองหมัดยากจะเอาชนะสี่มือได้เขาอยากจะแก้แค้นก็ไม่ควรจะรีบร้อนในตอนนี้รอจนเมื่อดึกสงัดผู้คนเงียบสงบลง ค่อยไปแก้แค้นก็ยังไม่สายทว่าจงซิ่นในตอนนั้นถูกความแค้นท่วมท้นทำให้ตาบอดไป เขายืนกรานจะไปแก้แค้นคนที่สังหารครอบครัวเขาจงซิ่นไม่ได้ฟังคำเกลี้ยกล่อมของเวินอี๋ หยิบมีดเล่นยาวแล้วเดินออกไปเวินอี๋กังวลในความปลอดภัยของจงซิ่น แต่ก็ไม่อยากทิ้งจงหลานเอาไว้ที่บ้านเพียงลำพัง พ่อแม่ของจงหลานเพื่อที่จะปกป้องนางแล้ว ถึงได้ตายไปภายใต้คมมีดของศัตรูหากว่านางถูกฆ่า เกรงว่าจงซิ่นคงไม่อาจใช้ชีวิตได้อย่างปกติไปตลอดเพื่อที่จะปกป้องจงหลาน เวินอี๋จึงรออยู่ที่บ้านรอจนเมื่อจงซิ่นกลับมาพร้อมกับบาดแผลทั่วร่างกาย ก็มองเห็นเวินอี๋นอนอยู่กลางลานบ้านแล้วจงหลานอายุสองขวบนั่งร้อ
และในตอนที่จงซิ่นกำลังสงสัยอยู่นั้น เซิ่งฟางก็เดินเข้ามาในตอนที่รู้ว่าจะไปบ้านของจงซิ่นเพื่อช่วยคน เซิ่งฟางเองก็ไม่ได้คัดค้านฉู่จวินสิงให้จงซิ่นขึ้นมานั่งบนรถม้า ไม่นานนักก็พากันเดินทางไปยังบ้านของจงซิ่นตลอดทาง จงซิ่นอดที่จะมองไปยังเจี่ยนอันอันเป็นระยะๆ ไม่ได้เขาพบว่าเจี่ยนอันอันเต็มไปด้วยความสงบนิ่ง เหมือนว่าจะมีความมั่นใจอย่างเต็มที่ที่จะช่วยเวินอี๋เอาไว้ทว่าไม่ว่าเขาจะมองอย่างไรก็รู้สึกว่าเจี่ยนอันอันอายุยังน้อย ไม่เหมือนกับคนที่มีทักษะทางการแพทย์เจี่ยนอันอันรู้ว่าจงซิ่นกำลังสงสัยในความสามารถขอองตน แต่นางไม่ใส่ใจนางแน่ใจว่าจะรักษาร่างกายเวินอี๋ได้ระหว่างทางไปยังบ้านของจงซิ่น จงซิ่นก็ได้รู้ว่าเจี่ยนอันอันเป็นภรรยาของฉู่จวินสิงรถม้าไม่นานนักก็มาถึงประตูบ้านจงซิ่น จงซิ่นลงมาจากรถม้าก่อน เคาะประตูดังขึ้นประตูถูกเปิดออกอย่างรวดเร็ว เด็กน้อยอายุราวเจ็ดแปดขวบคนหนึ่งโผล่หัวออกมาเมื่อนางเห็นว่าจงซิ่นกลับมาแล้ว ก็รีบเปิดประตูเรือนขึ้น“ท่านปู่ ท่านรีบไปดูเข้า ท่านลุงเวินไม่สบายอีกแล้ว”จงซิ่นได้ยินคำนี้เข้า ก็รีบเดินเข้าไปทว่าเขาเพิ่งจะเดินไปได้เพียงแค่ไม่กี่ก้าว ก็ค
จงซิ่นจ้องมองฉู่จวินสิงขึ้นๆ ลงๆ อยู่ครู่หนึ่ง ก็ยิ่งขมวดคิ้วแน่นขึ้น“ท่านคือเยียนอ๋องคนนั้นที่ถูกเนรเทศมายังเมืองอินเป่ยหรือ?”ฉู่จวินสิงเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายจำตนเองได้ ก็พยักหน้าออกมา “เป็นข้าเอง”จงซิ่นที่เดิมขมวดคิ้วอยู่ก็ผ่อนคลายลงทันทีเขาเคยได้ยินเวินอี๋พูดออกมา เยียนอ๋องจากแคว้นไท่ยวนทั้งกล้าหาญและเก่งการสู้รบ ทำความดีความชอบให้แคว้นไท่ยวนมาไม่น้อย ส่วนวิชาลูกเตะทลายเมฆานั้น ก็เป็นเยียนอ๋องที่สร้างขึ้นมาจงซิ่นอยากจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่าจะมาพบกับเขาได้ที่นี่จงซิ่นรีบกำหมัดโค้งกายทำความเคารพฉู่จวินสิง“ข้าน้อยจงซิ่น คารวะเยียนอ๋อง”ฉู่จวินสิงรีบพูดขึ้น “มาตอนนี้ข้าไม่ใช่เยียนอ๋องอะไรนั่นอีกแล้ว เจ้าไม่จำเป็นต้องทำความเคารพอะไรเช่นนี้อีก”จงซิ่นยืดตัวขึ้น ใบหน้าค่อยๆ เผยให้เห็นรอยยิ้มยินดีขึ้นมา“ข้าอยางจะพบกับเยียนอ๋องมานานแล้ว กลับไม่คิดเลยว่า จะมาพบกับท่านที่นี่ได้”จงซิ่นตื่นเต้นมากเช่นนี้ ทำให้ฉู่จวินสิงประหลาดใจเล็กน้อย“ผู้เฒ่าจงไปเรียนลูกเตะทลายเมฆามาจากที่ใดกัน?”วิชาเตะนี้เขาเคยสอนไปเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น และคนคนนั้นก็ตายไปในสนามรบเมื
จ้าวลิ่วกอดความทะเยอทะยานมายังเมืองหลวง แต่ก็พบว่าที่นี้หาเงินได้ไม่ง่ายเหมือนอย่างที่เขาคิดเอาไว้เดิมทีเขาก็ไม่ได้มีความสามารถอะไร ในตอนที่อยู่ที่บ้านก็ไม่เคยไปทำงานที่ทุ่งนาอะไรเลยหลังจากที่มาในเมืองแล้ว เขาถึงกับอึ้งตะลึงไปโลกภายนอกที่เต็มไปด้วยสีสันสวยงาม แตกต่างไปจากความสงบสุขของหมู่บ้านชิงสุ่ยอย่างสิ้นเชิงจ้าวลิ่วคลุกคลีอยู่ด้านนอกมาสองปี แต่กลับคลุกคลีจนกลายเป็นคนที่ไม่มีคุณธรรมหากว่าถูกครอบครัวจางต้าเห็นเข้า ไม่รู้ว่าจะดุด่าเขาว่าอย่างไรแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงก็คือ หญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าเขาจะรู้จักกับพี่ห้าของเขาได้ไม่นานจ้าวลิ่วก็โพล่งออกมา “ข้าไม่รู้จักจ้าวอู่”เขาเพิ่งจะพูดคำนี้ออกมาจบ ก็เสียใจเสียจนอยากจะกัดลิ้นของตนเองทิ้งเสียเมื่อครู่นี้เจี่ยนอันอันไม่ได้พูดถึงชื่อของจ้าวอู่ แต่ตอนนี้เหมือนว่าเขาจะสารภาพมันออกไปเองแล้วเจี่ยนอันอันกลอกตาไปมาให้จ้าวลิ่ว นางไม่ได้เปิดโปงเขา แต่พูดกับเซิ่งฟางออกมา“พี่เซิ่ง ท่านนำตัวเขากลับไปขังที่ว่าการอำเภอเสียก่อน”“รอจนเมื่อเรื่องของพวกเราจัดการกันเรียบร้อยแล้ว ข้าจะกลับมาสั่งสอนเขาให้ดีๆ”เซิ่งฟางพยักหน้า แล้วจ้อง
ผู้คนที่ผ่านไปมาจดจำเซิ่งฟางได้นานแล้ว แต่พวกเขาเพียงแต่ยืนอยู่ด้านข้าง ไม่มีใครช่วยพูดให้จ้าวลิ่วถึงแม้ว่าพวกเขาจะยังโกรธแค้นอยู่ในใจเพราะเรื่องสังหารหมู่ในปีนั้นแต่พวกเขาก็ไม่ล่วงเกินเจ้าหน้าที่ทางการ ต่างก็พากันคอยเป็นผู้รับชมอยู่ด้านข้างจ้าวลิ่วเมื่อเห็นว่าไม่มีใครคอยช่วยพูดแทนเขา ก็โมโหเป็นอย่างมาก คิดที่จะดิ้นรนให้หลุดรอดออกมาจากมือของจงซิ่นทว่ามือของจงซิ่นที่จับเขาเอาไว้ก็ยิ่งออกแรงมากยิ่งขึ้นจ้าวลิ่วเจ็บเสียจนต้องกัดฟัน ทั่วทั้งกายอดไม่ได้ที่จะสั่นเทาขึ้นมาข้อมือของเขาแทบจะหัก ชายชราผู้นี้ทำไมถึงไม่ยอมปล่อยเขาไปเซิ่งฟางยกมือขึ้น แล้วเหวี่ยงไปยังใบหน้าอีกด้านหนึ่งของจ้าวลิ่วสองฝ่ามือนี้ ทำเสียจนใบหน้าของจ้าวลิ่วบวมจนกลายเป็นหมูมุมปากของจ้าวลิ่วมีเลือดไหลซึมออกมาผู้คนที่ผ่านไปมาคอยดูอยู่ด้านข้าง ก็ตกใจเสียจนต้องก้าวถอยหลังไปพวกเขาต่างก็ลอบยินดีที่ตนเองไม่ได้ปากมากช่วยพูดให้กับจ้าวลิ่วมิฉะนั้นแล้วฝ่ามือนี้ เกรงว่าคงจะตกลงบนใบหน้าของพวกเขาแทนจ้าวลิ่วถูกตบเสียจนวิงเวียนดวงตาพร่ามัว ในตอนนี้เขารู้สึกเสียใจขึ้นมาแล้วจริงๆเขาควรจะหยิบเอาถุงเงินนั่น ไปร้านอาห
เมื่อเห็นว่ากีบม้ากำลังจะตกลงบนกายของขอทาน ท่ามกลางกลุ่มคนนั้นจู่ๆ ก็มีเสียงคนร้องดังขึ้น“จ้าวลิ่ว เจ้าบ้านี่ไม่ต้องการชีวิตแล้วอย่างนั้นหรือ!”คนนั้นเมื่อพูดจบ ก็รีบพุ่งเข้ามาเตะลงบนกายของจ้าวลิ่วจ้าวลิ่วที่เดิมทีผอมบางอ่อนแรง เมื่อถูกเตะเข้าก็กลิ้งไปริมถนนกีบม้าตกลงบนถนนอย่างแรง ม้าส่งเสียงร้องดังขึ้น หลังจากที่กีบม้าเหยียบลงบนพื้นอย่างแรงเพียงไม่กี่ครั้ง ถึงได้หยุดลง ในตอนที่เจี่ยนอันอันได้ยินคนผู้นั้นเรียกขอทานว่าจ้าวลิ่วนั้น ก็อดที่จะขมวดคิ้วขึ้นมาไม่ได้นางจำที่จ้าวอู่พูดได้ว่า เขามีน้องหกอยู่คนหนึ่งเข้ามาในเมืองเมื่อสองปีก่อนเขาตามหาน้องหกคนนั้นมาสองปีกว่า ก็ตามหาไม่พบส่วนน้องหกคนนั้นของเขา ชื่อว่าจ้าวลิ่วเจี่ยนอันอันมองไปยังจ้าวลิ่วด้วยความสงสัย พบเพียงใบหน้าของเขาสกปรกอย่างมากไม่มีทางที่จะมองรูปลักษณ์เดิมได้ชัดเจนจ้าวลิ่วลุกขึ้นมา แล้วรีบไปยังเบื้องหน้าของคนที่เตะเขาอย่างไม่ยินยอม“ตาเฒ่านี่ เตะข้าทำอะไรกัน?”“เจ้ารู้หรือไม่ที่เจ้าเพิ่งจะทำไปเมื่อครู่นี้ มาทำลายเรื่องดีๆ ของข้าไปอย่างสิ้นเชิง”เจี่ยนอันอันมองไปยังคนที่เตะจ้าวลิ่ว ก็พบว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นชา
“หวังว่าท่านจะรักษาคำพูด” เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็โบกมือขึ้น “ท่านไปได้แล้ว เรื่องที่ท่านมายังที่ว่าการอำเภอ ห้ามบอกผู้อื่น”เจ้าเมืองตานรีบตอบรับออกมา เขาหันไปมองยังเซิ่งฟาง ก็พบว่าอีกฝ่ายพยักหน้าให้กับเขาหลังจากที่เจ้าเมืองตานโค้งคำนับให้กับทั้งสี่คนแล้ว ก็รีบเดินออกไปในตอนที่เขามายังที่ว่าการอำเภอนั้น ไม่ได้นั่งเกี้ยว และก็ไม่ได้สวมเครื่องแบบทางการมา เพียงแต่สวมเสื้อผ้าธรรมดาเท่านั้นเขาเองก็กลัวว่าตนเองจะสะดุดตาจนเกินไป แล้วถูกคนของผู้ว่ามณฑลจงโจวจดจำได้เข้าหลังจากที่เดินออกจากที่ว่าการอำเภอแล้วนั้น เจ้าเมืองตานก็รีบมุ่งหน้ากลับไปยังจวนของตนเองเขาก้มหน้าเดินอย่างเร่งรีบ จนชนเข้ากับคนผู้หนึ่งเจ้าเมืองตานเงยหน้าขึ้น ก็พบกับขอทานที่ทั่วทั้งเนื้อตัวสกปรกมอมแมม ถูกเขาชนจนล้มลงกับพื้นขอทานล้มลงร้อง “โอ๊ย” ออกมา ใบหน้าที่สกปรกนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดเจ้าเมืองตานรีบร้อนกลับไปยังจวน จึงไม่ได้สนใจขอทานนั่น เขาส่งเสียงเย็นชา ก่อนจะรีบจากไปที่เขาไม่รู้ก็คือ ในตอนที่เขาชนเข้ากับขอทานเมื่อครู่นี้นั้น ถุงเงินตรงเอวของเขา ได้ตกไปอยู่ในมือของขอทานนั่นแล้วขอทานส่งเสียงร้องดัง “โอ๊ย”
สายตาของเจี่ยนอันอันจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของเจ้าเมืองตาน อย่างจะคิดมองหาท่าทีโกหกจากสีหน้าของเขาในตอนที่เจ้าเมืองพูดออกมานั้น สีหน้าของเขาดูเคร่งขรึม สายตาเผยให้เห็นความโกรธแค้นออกมาดูเหมือนว่าเขาจะไม่ได้พูดโกหก สายตาของเจี่ยนอันอันดูเย็นชา จนทำให้ในใจของเจ้าเมืองตานที่มองดูเกิดความหวาดกลัวขึ้นมาเขาไม่กล้าที่จะสบสายตากับเจี่ยนอันอัน จึงทำได้เพียงมองไปยังทิศทางอื่นเจี่ยนอันอันพูดออกมาอย่างเย็นชา “ท่านเพิ่งจะพูดออกมาว่า ท่านสนิทชิดเชื้อกันท่านผู้ว่ามณฑลจงโจว”“แล้วทำไมท่านยังจะนำเรื่องนี้มาบอกพวกเราอีก”“ท่านไม่กลัวหรือว่าคำที่ท่านพูดออกมาเหล่านี้ จะลอยเข้าหูผู้ว่ามณฑลจงโจวเข้า?”แน่นอกว่าเจ้าเมืองตานย่อมหวาดกลัว เพียงแต่ว่าเขาไม่อยากสมคบคิดกับคนชั่วอีกในตอนแรกที่เขามีความสัมพันธ์อันดีกับผู้ว่ามณฑลจงโจวนั้น ทั้งหมดก็เป็นเพียงเพราะว่าพวกเขาล้วนแต่เป็นคนบ้านเกิดเดียวกัน เขาถือว่าผู้ว่ามณฑลเป็นคนสนิท ไม่ว่าเรื่องอะไรก็จะหารือกับอีกฝ่ายมาโดยตลอดเพียงแต่ที่ทำให้เขาคิดไม่ถึงนั้น ผู้ว่ามณฑลจงโจวจะเข้าร่วมสมคบคิดกับคนที่มาเพื่อทำการสังหารหมู่ในปีนั้นไม่เพียงแต่เท่านี้ เขาเพื่