เจี่ยนอันอันร้อนใจเสียแล้ว ตอนนี้นางไม่มีแก่ใจไปคิดมากขนาดนั้นนางซื้อใบเลื่อยขนาดใหญ่จากร้านค้าในห้วงมิติแล้วส่งให้เซิ่งฟาง“ข้าจะลงไปดูข้างล่าง ถ้าข้ายังไม่กลับขึ้นมา ท่านก็เลื่อยกรงเหล็กนี่ออกไปเสีย รีบกลับไปที่หมู่บ้านชิงสุ่ย เรียกฉู่อันเจ๋อมาช่วยโดยเร็วที่สุด”เซิ่งฟางเห็นเจี่ยนอันอันทำท่าจะลงไป เขารีบดึงเจี่ยนอันอันเอาไว้“อันอัน เจ้าอยู่ที่นี่ ข้าจะลงไปดูเอง”เจี่ยนอันอันกำลังจะปฏิเสธก็เห็นเซิ่งฟางคว้าตะบันไฟจากมือนางกระโดดตามลงไปเสียแล้วเจี่ยนอันอันร้อนใจยิ่งนัก นางเห็นคนกระโดดลงไปสามคนแล้ว แต่ข้างล่างกลับไม่มีเสียงใดใดแม้แต่น้อยถ้านางไปจากที่นี่ทั้งอย่างนี้ เกรงว่ายังไม่ทันที่นางจะไปเรียกฉู่อันเจ๋อมาช่วย คนทั้งสามข้างล่างนั้นอาจประสบภัยก่อนก็เป็นได้คิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็เหลือบมองซ่างชิวที่ยังคงไม่ได้สตินางคิดในใจว่านายอำเภอคงยังไม่กลับมาเร็วๆ นี้ให้ซ่างชิวรออยู่ที่นี่ไปก่อน นางไปตามหาฉู่จวินสิงแล้วค่อยกลับมาคิดถึงตรงนี้ เจี่ยนอันอันก็เก็บใบเลื่อยเข้ามิติแล้วกระโดดตามลงไปเช่นกันอุโมงค์ข้างล่างลึกมาก เจี่ยนอันอันรู้สึกเหมือนตัวเองตกหน้าผาสูงหมื่นจั้งริม
เจี่ยนอันอันลอบอธิษฐานในใจ อย่าได้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกับฉู่จวินสิงเลยนางเหยียบไปบนรอยเท้าแถวนั้น เดินไปข้างในทีละก้าวทางลับนี้ยาวมาก ข้างในเต็มไปด้วยกลไกอาวุธลับหากเหยียบพลาดไปแม้แต่ก้าวเดียวก็จะถูกอาวุธลับในนี้สังหารอย่างแน่นอนเจี่ยนอันอันพบว่าขอเพียงนางเหยียบไปบนรอยเท้าเหล่านั้นก็จะไม่มีอาวุธลับจู่โจมออกมาตอนที่นางเดินไปได้ไกลมากแล้วก็เห็นว่าตรงหน้าเหมือนจะมีใครคนหนึ่งนั่งอยู่เจี่ยนอันอันรีบส่องไฟฉายเข้าไปข้างในพริบตาถัดมา นางก็เกือบจะโยนไฟฉายทิ้งไปเลยทีเดียวตรงนั้นมีคนคนหนึ่งนั่งอยู่จริงๆ แต่คนผู้นั้นกลายเป็นโครงกระดูกกองหนึ่งไปแล้วบนโครงกระดูกนั้นยังมีใยแมงมุมเกาะอยู่อย่างหนาแน่นบริเวณทรวงอกของคนผู้นั้นถูกแทงโดยกระบี่เล่มหนึ่งอาภรณ์บนร่างเขาเน่าเปื่อยกลายเป็นสีดำไปแล้วดูท่าคงตายอยู่ในนี้มานานมากแล้วเจี่ยนอันอันสงบสติอารมณ์แล้วเดินเข้าไปอย่างระมัดระวังตอนที่นางมาถึงข้างกายคนผู้นั้นก็สัมผัสได้ถึงความหนาวเยือกบนสันหลังเจี่ยนอันอันสั่นสะท้านอย่างอดไม่อยู่ นางกำลังจะรีบผละไปจากคนผู้นั้นแต่นางเพิ่งก้าวออกไปได้เพียงก้าวเดียวก็สัมผัสได้ว่ามีอะไรบางอย่างรั้งเส
เจี่ยนอันอันยืนอยู่เบื้องหน้าตนเอง ฉู่จวินสิงอยากรวบนางเข้ามาในอ้อมกอดใจจะขาดแต่เขาไม่ได้ทำเช่นนั้นเขาพยายามหักห้ามใจตัวเองว่าอย่าทำเรื่องที่เจี่ยนอันอันไม่ชอบใจเขากวาดสายตามองเจี่ยนอันอัน เห็นนางไม่เป็นไรก็ค่อยวางใจได้เสียทีเจี่ยนอันอันก็สำรวจตรวจตาฉู่จวินสิงเช่นกัน เห็นเขาไร้รอยขีดข่วน ใบหน้านางก็เผยรอยยิ้มออกมาแต่รอยยิ้มของนางก็สลายไปอย่างรวดเร็ว“ฉู่จวินสิง โครงกระดูกนี่เอาแต่จับข้าไม่ปล่อย ท่านมีวิธีง้างมือเขาออกหรือไม่”ฉู่จวินสิงค่อยสังเกตว่าโครงกระดูกที่เฝ้าหน้าประตูจับข้อเท้าของเจี่ยนอันอันเอาไว้ฉู่จวินสิงรีบออกแรงผลักกระบี่ที่เสียบคาอยู่บนทรวงอกของโครงกระดูกนั้นทันทีได้ยินเสียงดังแกร๊ก ในที่สุดมือกระดูกผอมแห้งข้างนั้นก็คลายออกเจี่ยนอันอันได้รับอิสระ นางโผเข้าไปในอ้อมอกของฉู่จวินสิง สวมกอดเขาเอาไว้แน่นฉู่จวินสิงอึ้งไป นี่เป็นครั้งแรกที่เจี่ยนอันอันเป็นฝ่ายเข้ามากอดเขาหัวใจเขาเต้นกระหน่ำ รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าถึงตอนนี้ เจี่ยนอันอันไม่มีแก่ใจมาสงวนท่าทีอะไรอีกแล้วนางกอดฉู่จวินสิงแน่น แนบใบหน้าลงบนแผงอกเขาสัมผัสได้ถึงทรวงอกที่ขยับขึ้นลงของฉู่จวินสิง
เจี่ยนอันอันกวาดสายตามองไปรอบๆ ก็พบว่าพื้นที่ข้างในไม่ได้กว้างมาก มีลักษณะเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัสในนี้ไม่มีกลไกและไม่มีอาวุธลับบินออกมาเช่นกันนางรู้สึกพิศวงอยู่บ้าง ที่นี่มีไว้ทำอะไรกันนะ?รวมถึงโครงกระดูกข้างนอกนั่น ทำไมถึงต้องจับข้อเท้านางเอาไว้ด้วย?เจี่ยนอันอันบอกกล่าวความสงสัยในใจออกมาฉู่จวินสิงเอ่ยอย่างใช้ความคิด “ข้าคิดว่าโครงกระดูกนั่นน่าจะเป็นคนเฝ้าที่นี่”“แต่ไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้เกิดอะไรขึ้น คนผู้นั้นจึงถูกกระบี่แทงจนเสียชีวิต”“ภายในห้องลับแห่งนี้จะต้องมีความลับที่เขาไม่ต้องการให้ใครรู้อยู่แน่นอน”“จนถึงตอนที่ตายไป เขาก็ยังคงเฝ้าที่นี่ ไม่ยอมให้คนอื่นเข้ามา”ได้ยินฉู่จวินสิงกล่าวเช่นนั้น เจี่ยนอันอันก็ยิ่งสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับห้องลับแห่งนี้มากกว่าเดิมนางมาถึงบริเวณหน้าผนัง เริ่มเคาะตามผนังฉู่จวินสิงกล่าวว่า “พวกข้าลองเคาะผนังทั้งสี่ด้านในห้องนี้ดูหมดแล้ว แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร”เจี่ยนอันอันคิดว่าที่นี่ไม่ได้เรียบง่ายเช่นนั้นถ้าเป็นแบบที่ฉู่จวินสิงบอกจริง โครงกระดูกข้างนอกนั่นคือคนเฝ้าห้องนี้แสดงว่าภายในห้องจะต้องมีสิ่งที่เขาต้องการปกป้องอยู่อย่างแน่นอน
“พวกท่านไม่เป็นอะไรใช่หรือไม่?” เจี่ยนอันอันเอ่ยถามฉู่จวินสิงตอบ “ไม่เป็นไร”เซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าตอบพร้อมกัน “พวกข้าไม่เป็นไร”ขณะที่ทั้งสี่คนกำลังปัดฝุ่นผงตามตัว เจี่ยนอันอันก็เหลือบไปเห็นว่ามีทางเดินอยู่ข้างใต้กำแพงนางรีบเดินเข้าไปใกล้และใช้ตะบันไฟส่องดูพบว่าภายในทางเดินมีขั้นบันไดอยู่ด้วยทั้งสี่คนต่างประหลาดใจ พวกเขาสบตากันปราดหนึ่งแล้วเดินลงบันไดบันไดสายนี้ทอดยาวมาก พวกเขาต้องเดินอยู่นานกว่าจะถึงจุดสิ้นสุดหลังจากที่พวกเขาเดินมาถึงจุดสิ้นสุดของบันได บันไดก็เคลื่อนกลับอย่างรวดเร็วยามนี้พวกเขาจะย้อนกลับไปก็ไม่ทันเสียแล้วฉู่จวินสิงจับมือเจี่ยนอันอันอยู่ตลอด ไม่อยากปล่อยแม้แต่วินาทีเดียวทั้งสี่คนถือตะบันไฟเดินเข้าไปด้านในทีละก้าวๆพวกเขาจะคอยหยุดดูว่าที่นี่มีกลไกอาวุธลับหรือไม่ทุกฝีก้าวเหยียนเซ่าเดินนำอยู่ด้านหน้าสุดเขารู้สึกว่าในฐานะที่ตัวเองเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของฉู่จวินสิง ต่อให้เบื้องหน้าจะมีอันตราย เขาก็ควรเป็นคนรับมือขณะที่เท้าข้างหนึ่งของเหยียนเซ่ายื่นออกไป จู่ๆ เขาก็ต้องรำพึงในใจว่าแย่แล้วเขารู้สึกเพียงว่าใต้ฝ่าเท้าของตัวเองเหมือนจะเหยียบโดนอะไรบาง
เจี่ยนอันอันรีบผละออกจากอ้อมกอดของฉู่จวินสิงนางประคองเหยียนเซ่าให้ลุกขึ้น“ข้าไม่ได้ลำบากอะไร เจ้าไม่ต้องเก็บไปใส่ใจหรอก ตอนนี้พวกเราหาวิธีออกไปจากที่นี่ก่อนค่อยว่ากันเถิด”เหยียนเซ่าลุกขึ้นแล้วประสานมือขอบคุณเจี่ยนอันอันอีกครั้งผู้ที่เดินนำสำรวจเส้นทางด้านหน้ายังคงเป็นเหยียนเซ่าเหมือนเดิมครานี้เหยียนเซ่าระมัดระวังมากขึ้น เขาตื่นตัวต่อความเคลื่อนไหวที่นี่ในทุกฝีก้าวโชคดีที่นอกจากเปลวไฟลูกนั้นแล้ว ที่นี่ก็ไม่ได้มีกลไกอาวุธลับอย่างอื่นอีกทั้งสี่คนเดินอยู่นานมากก่อนจะมาหยุดอยู่หน้าประตูหินบานหนึ่งพวกเขาพบว่าหน้าประตูหินมีคนจำนวนหนึ่งที่กลายร่างเป็นกระดูกไปแล้วยืนอยู่แต่คนเหล่านี้หันหน้าไปทางประตูหิน ขณะที่ด้านหลังมีดาบหลายเล่มปักอยู่เวลานี้ เจี่ยนอันอันรู้สึกว่าพวกเขาไม่เหมือนคนที่คอยดูแลปกป้องที่นี่แต่เหมือนเข้ามาตามหาอะไรบางอย่างมากกว่านอกจากนี้ก็ไม่มีชีวิตรอดออกไปเช่นกันในเมื่อร่างของคนเหล่านี้หยุดอยู่หน้าประตูหินบานนี้ เช่นนั้นก็หมายความว่าต้องมีของล้ำค่าอยู่ด้านหลังประตูแน่นอนและของสิ่งนั้นก็เป็นของที่พวกเขาต้องคว้ามาให้ได้แม้ต้องตายทันใดนั้นเอง มีความคิดอ
แก้วแหวนเงินทองด้านในวางกองเป็นภูเขาสามลูกและที่ด้านหน้าสมบัติเหล่านี้ก็มีป้ายหลุมศพป้ายหนึ่งตั้งอยู่เบื้องหน้าป้ายหลุมศพคือร่างของคนจำนวนหนึ่งที่กำลังคุกเข่าร่างของพวกเขาถูกยิงด้วยธนูหลายสิบดอกและกลายเป็นซากโครงกระดูกไปนานแล้ววินาทีที่เห็นสมบัติสามกองใหญ่ เจี่ยนอันอันพลันยิ้มกว้างออกมาทันทีรวยแล้ว!เดิมทีภายในห้วงมิติของนางก็มีสมบัติอยู่หนึ่งกอง หากรวมสมบัติพวกนี้เข้าไปด้วย เช่นนั้นอย่าว่าแต่เมืองอินเป่ยเลย นางสามารถใช้เงินซื้อได้ทั้งแคว้นไท่ยวนด้วยซ้ำข้อสันนิษฐานของนางถูกต้อง ที่นี่มีคลังสมบัติซ่อนอยู่จริงๆ ด้วย!วินาทีที่เซิ่งฟางเห็นแก้วแหวนเงินทองเหล่านี้ เขาอ้าปากกว้างจนคางแทบจะยืดถึงพื้นเขาคิดไม่ถึงว่าที่นี่จะมีทรัพย์สมบัติมากมายขนาดนี้เซิ่งฟางอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออกอยู่เนิ่นนานเขาดำรงตำแหน่งเจ้าเมืองอินเป่ยมาตั้งหลายปีแต่กลับไม่รู้ว่าที่มีคลังสมบัติขนาดใหญ่ซ่อนอยู่เจี่ยนอันอันรีบสืบเท้าเดินเข้าไปและทำท่าจะเก็บสมบัติพวกนี้เข้าสู่ห้วงมิติฉู่จวินสิงเห็นดังนี้ก็รีบร้องว่า “อันอัน อย่าเพิ่งขยับ”เจี่ยนอันอันหันกลับไปมองฉู่จวินสิงด้วยความสงสัยฉู่จวินสิงเด
ฉู่จวินสิงระแวดระวังทันทีที่เห็นเจี่ยนอันอันคำนับศีรษะให้ป้ายหลุมศพเขาเอาตัวมาบังด้านหลังเจี่ยนอันอัน แววตาลุ่มลึกกวาดมองรอบด้านถ้าหากประเดี๋ยวมีลูกธนูยิงออกมาอีก เขาต้องปกป้องเจี่ยนอันอันให้ดี ห้ามให้นางถูกธนูยิงแต่ที่น่าแปลกก็คือ คราวนี้ไม่มีธนูยิงออกมาเจี่ยนอันอันเงยหน้าขึ้น พบว่าป้ายหลุมศพไม่ได้สั่นสะเทือนมันตั้งตระหง่านอยู่แน่นิ่ง ไม่มีความเคลื่อนไหวเจี่ยนอันอันหันไปยิ้มให้ฉู่จวินสิง “หรือว่าข้าจะเป็นผู้มีวาสนาคนนั้น?”ขณะที่เจี่ยนอันอันกำลังพูด ตัวอักษรบนป้ายหลุมศพก็กลายเป็นฝุ่นผงและร่วงสู่พื้นทิ้งให้ป้ายสุสานกลายเป็นเพียงป้ายศิลาธรรมดาเจี่ยนอันอันเห็นดังนี้ก็ลุกพรวดขึ้นนางหยิบอัญมณีเม็ดหนึ่งมาเก็บในห้วงมิติยังคงไม่มีธนูยิงใส่คราวนี้เจี่ยนอันอันเบาใจลงในที่สุดนางกว้านสมบัติเข้าสู่ห้วงมิติอย่างมีความสุข ครั้นเห็นภูเขาทองคำสามลูกถูกเจี่ยนอันอันเก็บเอาไปภายในเวลาไม่นานเซิ่งฟางกับเหยียนเซ่าก็หันไปสบตากันโชคดีที่พวกเขาเคยได้ยินฉู่จวินสิงพูดให้ฟังมาก่อนว่าเขาได้รับถุงเฉียนคุนที่สามารถบรรจุสารพัดสิ่งมาจากผู้วิเศษ มิเช่นนั้นพวกเขาคงคิดว่าตัวเองกำลังฝันเป็
เจี่ยนอันอันรู้ว่าเฉียวอี้กังวลเรื่องอะไรแต่เพื่อรักษาอาการป่วยของเฉียวอี้ไม่ให้แพร่กระจายสู่คนอื่นต่อ นางจำเป็นต้องทำแบบนี้“เจ้าไม่ต้องกลัว ข้าเพียงแต่รักษาอาการป่วยของเจ้า ไม่ได้จะทำอันตราย”คำพูดของเจี่ยนอันอันเป็นดังเสียงวิเศษที่ทำให้เฉียวอี้ซึ่งเป็นกังวลค่อยๆ ผ่อนคลายลงเฉียวอี้สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะอย่างเขินอายว่า “เนื้อตัวข้าสกปรก ให้ข้าไปล้างตัวก่อนค่อยรักษาดีกว่า”เขาว่าจบก็วิ่งออกไป ฉู่จวินสิงตามออกจากวัดร้างเช่นกันหลังจากที่ทั้งสองคนจากไป เจี่ยนอันอันก็ได้ยินเฉียวซื่อร้องเรียกมาจากห้องด้านหลัง“แม่นาง ท่านช่วยมาที่นี่สักครู่ได้หรือไม่?”เจี่ยนอันอันเลิกม่านประตูเดินเข้าไปพบว่าเฉียวซื่อได้ลุกขึ้นนั่ง สีหน้าแสดงความซับซ้อน“มีอะไรหรือ ไม่สบายที่ใดหรือ?”เจี่ยนอันอันถามแล้วก็จะจับชีพจรให้เฉียวซื่อเฉียวซื่อส่ายหน้ายิ้ม “ข้ามองออกว่าแม่นางเป็นคนดี ท่านช่วยชีวิตข้าไว้ ข้าสมควรที่ต้องตอบแทน”“เมื่อครู่นี้ข้าตัดสินใจได้แล้ว ข้าไม่คิดที่จะเก็บหยกพกชิ้นนั้นไว้ ขอมอบให้ท่านดีกว่า”เฉียวซื่อพยายามลุกขึ้นยืนด้วยความยากลำบากก่อนจะเดินกะเผลกออกไปเจี่ยนอันอันไม่เข้าใ
เฉียวซื่ออยากยื่นมือไปเกา แต่กลับถูกเจี่ยนอันอันห้ามไว้“อย่าแตะต้องส่งเดช ไม่อย่างนั้นโรคของท่านจะรักษาไม่หายนะ”เฉียวซื่อรีบหยุดมือทันควัน ไม่กล้าแตะต้องส่งเดชอีกหลังจากผ้าปิดแผลถูกเลือดสีดำย้อมจนชุ่ม เจี่ยนอันอันก็เอาผ้าปิดแผลออกนางใช้สำลีเช็ดตามร่างกายของเฉียวซื่อจนสะอาดแล้วก็พบว่าตำแหน่งที่เน่าเปื่อยบนร่างเฉียวซื่อเริ่มมีสีของเนื้อปรากฏให้เห็นหลังจากเจี่ยนอันอันเช็ดยาทาบนนั้นออกแล้ว เฉียวซื่อสัมผัสได้ว่าบริเวณที่คันคะเยอบนร่างเปลี่ยนเป็นเย็นๆเจี่ยนอันอันใช้วิธีการเดิมทายาให้เฉียวซื่อทั้งตัวรอบหนึ่งเฉียวซื่อรู้สึกซาบซึ้งใจหาใดเปรียบ นางป่วยเป็นโรคนี้มาได้เกินครึ่งปีแล้วอีกทั้งอาการยังเลวร้ายลงทุกวันหากไม่ใช่เพราะเฉียวอี้พาเจี่ยนอันอันมา เกรงว่านางคงถูกโรคนี้ทรมานจนตายเมื่อเจี่ยนอันอันหยิบผ้าปิดแผลชิ้นสุดท้ายออก เช็ดหนองบนร่างกายเฉียวซื่ออย่างเบามือเสร็จแล้วเฉียวซื่อก็รู้สึกร่างกายเบาสบายกว่าก่อนหน้านี้ไม่น้อยเจี่ยนอันอันหยิบขวดกระเบื้องขนาดเล็กออกมาใบหนึ่ง ส่งให้ถึงมือเฉียวซื่อ“ท่านกินยาในนี้วันละสามครั้ง จำไว้ว่าต้องกินหลังมื้ออาหาร แต่ละครั้งกินสามเม็ด”
เฉียวอี้เห็นมารดาไม่ร้องครวญครางและไม่สั่นเทิ้มอีกในที่สุดเขาก็เชื่อคำพูดของเจี่ยนอันอัน นางเป็นหมอที่สามารถรักษามารดาเขาได้จริงๆเจี่ยนอันอันนั่งยองลง คว้ามือเฉียวซื่อมาจับชีพจรให้อีกฝ่ายนอกจากโรคเรื้อน ในร่างกายเฉียวซื่อก็ไม่มีโรคภัยอย่างอื่นเจี่ยนอันอันกล่าวกับเฉียวอี้ว่า “เจ้าออกไปข้างนอกกับสามีข้าก่อน ข้าจะทำการรักษาให้แม่เจ้า”เฉียวอี้เหลือบมองมารดาตนเองแวบหนึ่ง แม้ในใจเขาจะกังวลมาก แต่ก็ยังเดินออกไปอย่างเชื่อฟังฉู่จวินสิงก็ไม่ได้รั้งอยู่ ก้าวยาวๆ จากไปเช่นกันเจี่ยนอันอันกล่าวกับเฉียวซื่อ “ท่านไม่ต้องกลัว ข้าเป็นหมอที่ลูกท่านพามา”“เมื่อครู่ ข้าให้ท่านกินยาบรรเทาอาการเจ็บปวด ตอนนี้ท่านรู้สึกอย่างไรบ้าง?”เฉียวซื่อมองเจี่ยนอันอันด้วยสีหน้าซาบซึ้งใจ นางเอ่ยเสียงแหบพร่า “ร่างกายข้าดีขึ้นมากแล้ว ขอบคุณแม่นางที่ช่วยเหลือ”“ในเมื่อยาได้ผล งั้นตอนนี้ข้าจะเปลื้องอาภรณ์ของท่านออก”คำพูดของเจี่ยนอันอันทำให้เฉียวซื่อรู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง“ร่างกายข้าสกปรก นอกจากนี้ข้ายังเป็นโรคเรื้อน ไม่รบกวนแม่นางดีกว่า”เฉียวซื่อกล่าวพลางค่อยๆ ลุกขึ้นนั่งมือสั่นเทิ้มของนางปลดอาภรณ์ของตนเ
เจี่ยนอันอันรีบหยิบยาสองเม็ดออกมาจากในมิตินางส่งให้ฉู่จวินสิงหนึ่งเม็ด แสดงท่าทางบอกให้เขากินลงไปฉู่จวินสิงไม่รู้ว่าเจี่ยนอันอันทำเช่นนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่แต่เขาเชื่อถือเจี่ยนอันอันจึงไม่ได้คิดมาก โยนยาเม็ดนั้นเข้าปากตรงๆเจี่ยนอันอันกินยาเม็ดลงไปแล้วก็กล่าวกับเฉียวอี้ว่า “เจ้าพาข้าไปหาแม่เจ้าที”เฉียวอี้ไม่เข้าใจว่าเจี่ยนอันอันจะไปหามารดาเขาทำไม เขาตกใจจนแตกตื่นลนลานสองคนนี้คงไม่ได้คิดจะสังหารมารดาของเขาหรอกนะ“ข้าพาพวกท่านไปไม่ได้ พวกท่านจะฆ่าแม่ข้า!”เจี่ยนอันอันแทบถูกคำพูดของเฉียวอี้ทำให้หัวเราะเสียแล้วนางเห็นความหวาดกลัวในแววตาเฉียวอี้จึงปรับน้ำเสียงให้อ่อนโยนลง“ข้าเป็นหมอ สามารถรักษาโรคเรื้อนของแม่เจ้าได้”เฉียวอี้ไม่เชื่อคำพูดเจี่ยนอันอัน แต่ตอนนี้เขาไม่มีวิธีอื่นอีกแล้วเนื่องจากมารดาเขาติดโรคเรื้อน ขอทานเฒ่าพวกนั้นล้วนแต่หลบพวกเขาไปไกลๆก่อนนี้ยังมีขอทานชราพาเขาไปขอทานบนท้องถนน ตอนนี้พอเห็นเขาก็รีบร้อนหลบเลี่ยงท่าทางเหมือนเจอเทพเจ้าโรคระบาดกระนั้นตอนนี้อาการป่วยของมารดาไม่อาจชักช้าได้อีกแล้ว แต่บนตัวเขากลับไม่มีเงินอยู่เลยลังเลอยู่ครู่ใหญ่ ในที่ส
เฉียวอี้ขอทานน้อยชั่งน้ำหนักเงินในมือแล้วแยกเขี้ยวหัวเราะคิกคักออกมา“มีเงินพวกนี้ โรคของท่านแม่ก็สามารถรักษาได้แล้ว”เฉียวอี้หันกลับมาตั้งท่าจะวิ่ง แต่กลับชนเข้ากับร่างคนผู้หนึ่งเฉียวอี้ถูกชนจนเจ็บจมูก เขาเงยหน้าขึ้นก็เห็นฉู่จวินสิงกำลังมองเขาอย่างเย็นชาเขาจำฉู่จวินสิงได้ คือคนที่คนงานร้านวิ่งตามรถม้าไปเมื่อครู่ผู้นั้นเฉียวอี้ตกใจจนอยากหันหลังเผ่นหนี แต่ถูกฉู่จวินสิงคว้าคอเสื้อเอาไว้ได้“แย่งเงินของพวกข้ามาแล้วยังคิดจะหนีงั้นรึ?” ฉู่จวินสิงหิ้วคอเฉียวอี้ขึ้นมาตรงๆเฉียวอี้สองขาลอยเหนือพื้นก็ใจหายวาบสองแขนสองขาของเขาปัดป่ายไปมาสะเปะสะปะกลางอากาศ แต่ทำอย่างไรก็ไม่อาจหลุดจากมือของฉู่จวินสิง“ท่านปล่อยข้า ข้าไม่ได้เอาเงินของท่านนะ!”เฉียวอี้ใบหน้ามอมแมม มีเพียงดวงตาคู่นั้นที่ทั้งโตและสุกใสเขามีสีหน้าไม่ยินยอมพร้อมใจ ผู้ใดว่าเขาแย่งเงินมาจากมือคนผู้นี้กันเล่าเขาแย่งมาจากมือคนงานร้านต่างหาก เกี่ยวอันใดกับคนผู้นี้!ขณะที่เฉียวอี้ดิ้นพล่านอยู่นั่นเอง เจี่ยนอันอันก็ก้าวยาวๆ มาทางนี้รอยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้าของนาง ทว่ารอยยิ้มนั้นกลับไปไม่ถึงดวงตาเจี่ยนอันอันเดินมาถึงตรงหน
ฉู่จวินสิงบอกเล่าบทสนทนาระหว่างเขากับเซิ่งฟางให้เจี่ยนอันอันฟังเจี่ยนอันอันก็รู้สึกเหมือนกันว่า ด้วยนิสัยของกู้มั่วหลี หากเป็นเรื่องที่เขาทำจริงๆ เขาจะต้องยอมรับอย่างแน่นอนก็เหมือนกับเรื่องที่ผู้ว่ามณฑลจงโจวถูกยิงสังหาร เขาก็ไม่เคยปฏิเสธเจี่ยนอันอันครุ่นคิดจนหัวสมองพองโตขณะที่ทั้งสองดื่มชาพลางคาดเดาว่าเป็นใครกันแน่นั่นเอง เจี่ยนอันอันก็เห็นเงาร่างที่คุ้นเคยสายหนึ่งกำลังเดินเร็วๆ ไปบนถนนนางรีบลุกขึ้นยืนแล้วตะโกนไปยังข้างล่างว่า “เหยียนซวง ข้าอยู่ตรงนี้”เหยียนซวงแหงนหน้าขึ้นก็เห็นว่าเจี่ยนอันอันกำลังนั่งอยู่บนหอสุราในที่สุดนางก็ถอนหายใจออกมา สีหน้าเผยรอยยิ้มโล่งอกเหยียนซวงก้าวยาวๆ เข้ามาในหอสุรา ขึ้นมายังชั้นสอง“แม่นางเจี่ยน คืนวานไยเจ้าจึงไม่กลับไปพักที่บ้านข้า”เหยียนซวงพูดจบค่อยเห็นว่าฉู่จวินสิงก็อยู่ที่นั่นด้วยเช่นกันในที่สุดนางก็เข้าใจแล้ว ที่แท้เจี่ยนอันอันก็อยู่กับฉู่จวินสิงนี่เองเจี่ยนอันอันไม่ได้พูดเรื่องที่เมื่อคืนนี้ถูกจับตัวไป นางไม่อยากให้มีคนเป็นห่วงนางเพิ่มมาอีกคนเวลานั้นคนงานร้านยกอาหารขึ้นมาพอดี เจี่ยนอันอันจึงให้เหยียนซวงนั่งลงกินข้าวด้วยกัน“ข
พวกเขาออกกันมานานมากแล้ว คนที่บ้านจะต้องกังวลเป็นอย่างมากหากว่ายังไม่กลับไปอีก เกรงว่าคนที่บ้านคงจะส่งคนออกมาตามหาแล้วทั้งสองคนมายังด้านนอกห้องพิจารณาคดี เมื่อเห็นว่าเซิ่งฟางกำลังตัดสินคดีอยู่และดีที่คดีนี้ค่อนข้างง่าย เป็นเพียงแค่ปัญหาเล็กน้อยระหว่างเพื่อนบ้านเท่านั้นเซิ่งฟางเมื่อเห็นว่าทั้งสองมาถึง ก็พูดว่าเลิกศาล แล้วเดินออกมา “น้องอันอัน เจ้าพักผ่อนพอแล้ว นี่จะกลับไปแล้วอย่างนั้นหรือ?”เจี่ยนอันอันยิ้มแล้วพยักหน้าออกมา “พวกเราออกมานานแล้ว คนที่บ้านจะต้องรอพวกเรากลับไป”เซิ่งฟางอยากจะให้ทั้งสองคนอยู่ต่อกินข้าวกันสักมื้อแล้วค่อยไป แต่กลับถูกทั้งสองคนปฏิเสธเซิ่งฟางเองก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้อีก จึงส่งพวกเขาจากไปเจี่ยนอันอันกลับแย่งพูดขึ้นมา “พี่เซิ่ง ท่านนำกระดาษกับปากกามาหน่อย ข้าจะเขียนใบสั่งยาให้สวีจงฉือ”เซิ่งฟางรีบให้เจ้าหน้าที่ทางการไปนำกระดาษกับปากกามารอจนเมื่อเจี่ยนอันอันเขียนใบสั่งยาเสร็จแล้ว เขาถึงได้พูดขึ้น “ระหว่างทางที่พวกเจ้ากลับไป จะต้องระมัดระวังให้มาก”“กู้มั่วหลีนั่นไม่ใช่คนดีอะไร กลัวว่าจะลอบสังหารพวกเจ้าระหว่างทางเข้า”“จากที่ข้ามอง ข้าว่าส่งค
ในที่สุดหลังจากที่ป้อนยาจนเสร็จแล้ว เจี่ยนอันอันก็ช่วยประคองสวีจงฉือให้นอนลง นางตรวจชีพจรให้สวีจงฉือ อาการป่วยนี้เพียงแค่สองสามวันไม่อาจรักษาให้หายได้ บวกกับบาดแผลบนกายเขา ไม่อาจจะหายได้อย่างรวดเร็วเขาไอออกมาแต่ละครั้ง ล้วนแต่ส่งผลกับบาดแผลบนกาย นี้ยังทำให้เขายิ่งต้องทนต่อความเจ็บปวดมากยิ่งขึ้นเจี่ยนอันอันพูดกับสวีจงฉือ “ข้าจะเปิดเสื้อผ้าของเจ้าออก ดูว่าบาดแผลของเจ้าดีขึ้นหรือไม่” สวีจงฉือพยักหน้าเบาๆ ไม่ได้พูดอะไรออกมา สายตาของเขาคอยจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าของเจี่ยนอันอันอยู่ตลอดเวลาในใจเขาคอยคิด หากว่าเจี่ยนอันอันยังไม่ได้แต่งงานก็คงจะดีเสียดายก็เพียงแต่ว่าเขาปรากฏตัวออกมาช้าจนเกินไป ตอนนี้ไม่ว่าจะคิดอะไรก็ล้วนแต่ไร้ประโยชน์เจี่ยนอันอันเปิดเสื้อคลุมของสวีจงฉือออก ก่อนจะแกะผ้าพันแผลที่ผันอยู่รอบกายเขาแต่ละบาดแผลบนนั้นล้วนแต่ดูน่าตื่นตกใจ ตรงบาดแผลที่ถูกดึงมีดออกมามีเลือดไหลออกมาบางส่วน มีบางที่ที่กลายเป็นหนองเสียแล้ว ดูเหมือนว่าหมอเมื่อวานนี้ที่รักษาให้สวีจงฉือ ไม่นำยาชนิดพิเศษใดออกมา เจี่ยนอันอันหยิบสำสีที่ใช้ทางการแพทย์ออกมาจากห้วงมิติ จุ่มลงไปในไอโอโดฟ
นางแกะเปลือกที่ห่ออยู่ด้านนอกออกตั้งแต่อยู่ในห้วงมิติเมื่อเป็นเช่นนี้ เจ้าหน้าที่ทางการที่คอยเฝ้าอยู่ด้านข้าง ก็ไม่มีทางสงสัยอะไรฉู่จวินสิงหิวแล้วจริงๆ ก่อนหน้านั้นเพื่อตามหาเจี่ยนอันแล้ว เขาจึงไม่รู้สึกหิวทว่าตอนนี้เมื่อผ่อนคลายลงแล้ว ท้องก็ส่งเสียงคำรามออกมาไม่หยุดฉู่จวินสิงเองก็ไม่เกรงใจแล้ว รับขนมมากินเมื่อเห็นฉู่จวินสิงกินอย่างเอร็ดอร่อย เจี่ยนอันอันก็พึ่งพอใจกับขนมที่ตัวเองเลือกมาดูเหมือนว่าขนมเหล่านี้จะถูกปากฉู่จวินสิงมากเจ้าหน้าที่ทางการที่เฝ้าอยู่ด้านข้าง เมื่อเห็นฉู่จวินสิงกินอย่างอร่อยเขาก็อดที่จะกลืนน้ำลายที่กำลังจะไหลออกมาตรงมุมปากไม่ได้เจี่ยนอันอันสังเกตุเห็นเจ้าหน้าที่ทางการที่กลืนน้ำลาย นางก็หัวเราะออกมา แล้วหยิบขนมออกมาหลายชิ้น ก่อนจะส่งให้เจ้าหน้าที่ทางการชิ้นหนึ่ง"เจ้าเองก็คอยปกป้องคอยเฝ้าข้าอย่างรอบคอบอยู่เช่นนี้ ก็กินสักชิ้นเถอะ"เจ้าหน้าที่ทางการรีบเช็ดมือตัวเองกับเสื้อผ้า ก่อนจะรับขนมไป"ขอบคุณแม่นางเจี่ยน" เจ้าหน้าที่ทางการพูดขึ้น แล้วนำขนมส่งเข้าปากไปขนมอ่อนนุ่มเข้าปาก เต็มไปด้วยกลิ่นนมเจ้าหน้าที่ทางการยังไม่เคยกินขนมที่อร่อยเช่นนี้มาก