ฉู่จวินหลุนได้ยินฟางอิ๋งพูดออกมา เพียงแค่กดปุ่มเท่านั้น รถเข็นก็สามารถเคลื่อนที่ได้ด้วยตนเองไม่นานเขาก็เข้าใจมันและควบคุมรถเข็นได้ แล้วเดินทางไปได้ทุกที่ที่เขาต้องการใบหน้าของฉู่จวินหลุน ค่อยๆ เผยรอยยิ้มที่ยากจะเห็นได้ออกมาเขาอุ้มฉู่จื่อซีขึ้นมาบนขาของตนเองพาเขาหมุนวนไปทั่วลานรอจนเมื่อฉู่จวินหลุนเหนื่อยแล้ว ถึงได้คืนรถเข็นให้กับเจี่ยนอันอัน“รถเข็นนี้ไม่เลวเลย พี่ใหญ่ชอบมันมาก”ฉู่จวินหลุนนั่งอยู่ในลาน ในใจรู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างยิ่งมีรถเข็นคันนี้ ต่อไปเขาก็ไม่ต้องถูกคนอุ้มไปมาแล้วเจี่ยนอันอันมองไปยังรถเข็น เห็นว่าบนนั้นมีปุ่มกลไกหายไปปุ่มหนึ่งแล้วอาวุธลับที่ซ่อนอยู่วางเอาไว้ที่ไหนกัน?เจี่ยนอันอันหันไปมองทางอวี๋ว่าน “พี่อวี๋ กลไลอาวุธลับของรถเข็นอยู่ที่ไหนกัน ทำไมข้าถึงได้หามันไม่เจอ?”อวี๋ว่านเดินเข้ามา ชี้ไปยังด้านหน้าของพนักแขนแล้วพูดว่า “แม่นางลองดู ตรงนี้มีช่องซ่อนอยู่ อาวุธลับสามารถวางไว้ในนั้นได้” “ขอเพียงแค่กดปุ่มไปเบาๆ อาวุธลับก็จะลอยออกมาจากด้านใน”เจี่ยนอันอันกดช่องลับนั้นเบาๆ และได้ยินเสียง ‘ฟึบ’ ดังออกมาเบาๆ ช่องลับเปิดออก ก้อนหินก้อนเล็กๆ ก็ลอยออกม
รอจนเมื่อพวกของซ่างชิวทั้งสามคนจากไปแล้ว เจี่ยนอันอันก็หยิบเอาอาวุธลับออกมาจากคลังอาวุธในห้วงมิติจำนวนหนึ่ง แล้วใส่เข้าไปในกลไกของรถเข็นฉู่จวินหลุนเมื่อเห็นว่าเจี่ยนอันอันเหมือนราวกับว่าเสกอาวุธออกมาราวกับว่าใช้มายากลในใจของเขาทันใดนั้นก็เริ่มบ่นพึมพำออกมาในฐานะที่เป็นคุณหนูใหญ่จวนกั๋วกง แล้วจะไปมีอาวุธลับซ่อนอยู่ที่กายได้อย่างไรกัน?ฉู่จวินหลุนส่งเสียงถามออกมา “อันอัน อาวุธลับพวกนี้เจ้าไปเอามาจากที่ใดกัน?”เจี่ยนอันอันรู้ว่าฉู่จวินหลุนจะต้องถามออกมา นางก็หาเหตุผลเอาไว้แล้ว“ข้าซื้อมันมาจากท่านรองหัวหน้าตอนอยู่ที่ค่ายเทียนอวิ๋นเจ้าค่ะ”ในใจของฉู่จวินหลุนคิด ค่ายเทียนอวิ๋นเป็นค่ายโจร หากว่าที่นั่นจะมีอาวุธลับอยู่ก็เป็นเรื่องปกติทั่วไปเพียงแต่ไม่คิดเลยว่า เจี่ยนอันอันจะคิดได้รอบคอบเช่นนี้เกรงว่านางก็คงจะคิดเอาไว้นานแล้ว ว่าต่อไปจะต้องสร้างรถเข็นที่ติดตั้งอาวุธลับซ่อนเอาไว้ให้เขาโชคดีที่มีหมู่บ้านชิงสุ่ยมีคนที่สามารถสร้างเข็นนี้ได้อาวุธลับเหล่านี้ ต่อไปก็จะต้องได้ใช้ประโยชน์อย่างแน่นอนเมื่อคิดถึงตรงนี้ ฉู่จวินหลุนเองก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาอีกสายตาของเขาที่มองไปยังเจี่ยน
ฮูหยินรองเมื่อเห็นว่าฮูหยินใหญ่กลับมา นางก็รีบร้อนถามขึ้น “เป็นอย่างไรบ้าง ทางด้านอันอันเห็นด้วยหรือไม่?”เหล่าญาติอีกห้าคนก็รุมเข้ามาฮูหยินใหญ่ยิ้มหรี่ตาแล้วพยักหน้า “ตกลงแล้ว”ฮูหยินรองเมื่อได้ยินเข้า ใบหน้าก็เผยรอยยิ้มยินดีออกมา “คราวนี้ดีแล้ว ข้ารอดื่มเหล้ามงคลของจวินสิงและอันอันมาโดยตลอด”ฉีเซินหย่วนญาติคนสนิทยิ้มออกมาแล้วลูบเคราเขาเป็นอาของฮูหยินรอง และยังเป็นขุนนางผู้ใหญ่ในราชสำนักเดิมทีเขาเพียงแค่มาเยี่ยมฮูหยินรองที่จวนเยียนอ๋องกลับไม่คิดเลยว่าหลังจากเพิ่งเข้าพักได้เพียงแค่วันเดียว ก็บังเอิญพบเข้ากับเรื่องที่จวนเยียนอ๋องถูกตรวจค้นเข้าและฮ่องเต้ก็มีบัญชาออกมา ขอเพียงแค่คนที่เข้าไปยังจวนเยียนอ๋อง ก็จะถูกมองว่าเป็นพรรคพวกเดียวกับเยียนอ๋องหากว่าเป็นขุนนางใหญ่ในราชสำนัก ก็จะถูกลดระดับให้เป็นสามัญชนเท่านั้น ฉีเซินหย่วนเองก็ไม่ยกเว้น ถูกเนรเทศมาที่นี่ด้วยกันกับคนในตระกูลเยียนอ๋องฉีเซินหย่วนเองก็ไม่ได้กล่าวโทษฉู่จวินสิงเพราะว่าเหตุนี้ เขาเป็นขุนนางในราชสำนักมาหลายปี และรู้ถึงพฤติกรรมของฮ่องเต้ฉู่ชางเหยียนดีนอกจากนี้แล้วคำสั่งของฮ่องเต้ไม่มีใครสามารถคัดค้านได้ฉี
นางยังคิดว่าฉู่จวินสิงไม่ใช่คนที่จะต่อต้านเรื่องนี้ตอนนี้ดูเหมือนว่าที่ฉู่จวินสิงทำเช่นนั้น คงจะเป็นเพราะว่าอยากให้ร่างกายของตนเองดีขึ้นอย่างรวดเร็วแล้วให้เขาได้กราบไหว้ฟ้าดินแต่งงานกับนางโดยเร็วเมื่อคิดว่าผ่านไปอีกไม่กี่วัน ร่างกายของฉู่จวินสิงก็จะฟื้นฟูได้เต็มที่เมื่อถึงเวลานั้น นางก็จะแต่งงานกับฉู่จวินสิงใบหน้าของเจี่ยนอันอันก็ค่อยๆ แดงก่ำขึ้นมาเมื่อดื่มยาติดต่อกันสามวัน ฟางอิ๋งก็พบว่าร่างกายของตนเองในตอนนี้ไม่มีอาการเจ็บตรงหน้าอกอีกดูเหมือนว่าพิษที่หลงเหลืออยู่ในร่างกายของนางจะหายไปกว่าครึ่งแล้วผลยาของเจี่ยนอันอันนั้นช่างน่าประหลาดจริงๆ เพียงแค่ระยะเวลาสั้นๆ สามวันเท่านั้น นางก็ดีขึ้นเยอะมากแล้วหากว่าดื่มยาขมๆ นี้ต่อไปอีกไม่กี่วัน เกรงว่าพิษในร่างกายของนางก็คงจะสลายหายไปจนหมดฟางอิ๋งหยิบชามยาขึ้นมา ดื่มยาเหลวๆ ในนั้นไปจนหมดเจี่ยนอันอันมอบลูกกวาดผลไม้ให้ฟางอิ๋งชิ้นหนึ่งฟางอิ๋งกินลูกกวาดผลไม้ลงไป แล้วพูดออกมาอย่างงงงวย “อันอัน ในถุงเฉียนคุนของเจ้า ตกลงแล้วมีของกี่อย่างกันแน่” “ทำไมข้าถึงได้มองเห็นเจ้านำของที่แตกต่างกันออกมาตลอดเลย?” “นอกจากนี้แล้วของบางอย่า
เขาเป็นคนที่ต่อต้านการดื่มยามากที่สุด แต่เพื่อที่จะฟื้นตัวได้โดยเร็ว เขาจะต้องบังคับตนเองให้ดื่มมันเจี่ยนอันอันมองท่าทีต่อต้านของเขาออก ในใจของนางก็ลอบขบขันขึ้นมาที่แท้ฉู่จวินสิงไม่เพียงแต่กลัวแมลง ยังกลัวการดื่มยาอีกด้วยดูเหมือนว่าไม่ว่าผู้ชายจะหล่อเหลาแค่ไหน และถึงแม้ว่าจะเป็นท่านอ๋อง ก็ยังมีด้านที่ไม่สมบูรณ์แบบอยู่ไม่นานก็มาถึงตอนค่ำ ทุกคนเพิ่งจะกินข้าวกันเสร็จท้องฟ้าก็เกิดเสียงฟ้าร้องดังขึ้นเป็นระยะๆไม่นานฝนก็ตกเสียงดัง ‘เปาะแปะ’ ลงมาดีที่เรือนหลังนี้ถูกซ่างชิวและอวี๋ว่านปรับปรุงใหม่แล้วรอบหนึ่งถึงแม้ว่าฝนจะตกหนัก ก็ไม่พบว่ามีตรงจุดไหนที่ฝนรั่วลงมาสำหรับครอบครัวของฉู่จวินสิงแล้ว ฝนตกหนักก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอะไรแต่สำหรับชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ยแล้ว กลับเป็นเพราะว่าจู่ๆ ที่เกิดฝนตกหนักขึ้นมา ทุกคนต่างก็พากันตื่นเต้นเป็นอย่างมากฝนตกหนักมาตลอดทั้งคืนเดิมทีที่ดินในหมู่บ้านชิงสุ่ยแห้งแล้งเป็นอย่างมาก ก็ถูกฝนตกหนักครั้งนี้ทำให้ชุ่มชื้นขึ้นมาเมื่อถึงเช้าวันถัดมา ฝนตกหนักก็หยุดลงชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ย ทั้งหมดพากันเดินออกมาจากในห้องด้วยความตื่นเต้น“สวรรค์
ฉู่จวินสิงเข้าใจความหมายของเจี่ยนอันอัน เขาพูดออกมาเสียงอ่อนโยน “เรื่องนี้ไม่ต้องเป็นกังวลไป หากว่าเจ้าสามารถเสกเป็นอิฐหินบางส่วนจากจวนเยียนอ๋องได้ ข้าก็จะสามารถช่วยเจ้าโกหกได้”เจี่ยนอันอันเมื่อได้ยินคำนี้ ดวงตาก็เป็นประกายขึ้นมาในตอนที่นางย้ายจวนเยียนอ๋องมานั้น ไม่ว่านางจะพบอะไรก็หยิบเอามาจนหมดนางมองเห็นอิฐหินจำนวนมากที่วางเรียงกันชิดติดผนังอยู่ ก็รวบรวมย้ายทั้งหมดนั้นเข้าไปในห้วงมิติในตอนนั้นเจี่ยนอันอันคิดว่า หากว่าที่เนรเทศนั้นไม่มีเรือนให้อยู่นางก็สามารถนำอิฐหินเหล่านี้ออกมาสร้างเรือนได้กลับไม่คิดเลยว่า วันนี้สามารถใช้อิฐหินเหล่านั้น มาปูพื้นดินภายในลานบ้านได้เจี่ยนอันอันมองไปยังฉู่จวินสิงด้วยความตื่นเต้น “พูดเป็นเล่นไป ข้าเอาอิฐหินมาจากจวนเยียนอ๋องด้วยจริงๆ”ฉู่จวินสิงเมื่อได้ยินคำนี้เข้า ก็อดไม่ได้ที่จะส่งเสียง “พรืด” หัวเราะออกมาอิฐหินเหล่านั้นเขาคิดจะใช้เพื่อสร้างบ้านพักตากอากาศรอจนเมื่อเขาแต่งงานกับเจี่ยนอันอันแล้ว เขาจะไปอยู่บ้านพักตากอากาศนั้นทว่าบ้านพักตากอากาศนี้ยังไม่ทันได้สร้างขึ้นมา เขาก็ถูกส่งไปสังหารศัตรูที่สนามรบรอจนเมื่อเขากลับมาแล้ว ก็ถูกฮ่อ
ฉู่อันเจ๋อกลอกตาไปมา แล้วพูดกับฮูหยินว่า “แม่ใหญ่ พี่รองพูดถูกแล้ว” “อิฐหินเหล่านั้น เป็นข้าที่เคลื่อนย้ายเข้าไปในถุงเฉียนคุนเองขอรับ” “ภายหลังพี่สะใภ้รองมายังจวนอ๋อง ข้าก็ค่อยๆ นำถุงเฉียนคุนมอบให้กับนาง”ฮูหยินใหญ่เมื่อเห็นว่าพวกเขาสองพี่น้องพูดออกมาเช่นนี้ ถึงได้วางความสงสัยที่มีในใจคนอื่นๆ ที่นั่งอยู่ในห้อง เมื่อได้ยินฮูหยินใหญ่ถามออกมาพวกเขาก็มองไปยังในเรือนที่จู่ๆ ปูทางเดินเล็กๆ เสร็จแล้ว ในใจก็เกิดความสงสัยขึ้นมาทว่าเมื่อได้ยินคำของฉู่อันเจ๋อแล้ว พวกเขาก็คลายความสงสัยในใจทั้งหมดทันทีในตอนนี้เจี่ยนอันอันมายังด้านนอกเรือนแล้ว ก็เห็นชาวบ้านในหมู่บ้านชิงสุ่ยกำลังยืนพูดคุยกันเสียงดังตรงหน้าประตูพวกเขากำลังตื่นเต้นที่จู่ๆ เมื่อคืนก็เกิดฝนตกหนักขึ้นมีชาวบ้านหลายคนที่มองเห็นเจี่ยนอันอัน ก็หยุดพูดคุยกันมาทันทีเจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจชาวบ้านเหล่านั้น นางมองไปยังทางทิศทางบ้านก็เห็นว่าซ่างชิวไม่ได้ออกมาโชคดีที่อวี๋ว่านมองเห็นเจี่ยนอันอัน ก็รีบเดินเข้ามาด้วยใบหน้ามีรอยยิ้มทันที“แม่นาง เมื่อคืนวานนี้เรือนของท่านไม่มีฝนรั่วใช่หรือไม่?”เจี่ยนอันอันเมื่อเห็นว่าอวี๋ว่านยัง
อวี๋ว่านเดินเข้ามาแล้วกล่าวแนะนำกับเจี่ยนอันอัน “แม่นาง นี่คือภรรยาของข้า หลิวซื่อ”“เมื่อวานนางยังต่อว่าข้าอยู่เลย ว่าเหตุใดถึงรับค่าแรงจากท่านมากมายขนาดนั้น”เจี่ยนอันอันฟังแล้วก็ส่งยิ้มให้กับหลิวซื่อ“ค่าแรงนั้นเป็นสิ่งที่พี่อวี๋สมควรได้รับ พวกท่านเก็บไว้ใช้เถิด อย่าโทษพี่อวี๋อีกเลย”หลิวซื่อฟังแล้วก็ยิ้มอย่างเขินอาย นางเริ่มรู้สึกมีไมตรีต่อเจี่ยนอันอันมากขึ้นขณะที่ซ่างตงเยว่เห็นว่าเจี่ยนอันอันมาแล้ว นางรีบก้าวลงจากเตียงอุ่นแล้วโผเข้ามากอดเจี่ยนอันอันแน่น“ท่านอา ท่านพ่อของข้าถูกคนจับตัวไปแล้ว ข้าจะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ซ่างตงเยว่ที่กำลังโศกเศร้า พอได้เห็นเจี่ยนอันอัน ก็ร้องไห้หนักขึ้นเจี่ยนอันอันลูบหลังนางเบาๆ พลางเอ่ยปลอบด้วยเสียงอ่อนโยน “เรื่องนี้ข้าได้ยินมาแล้ว เจ้าอย่าเพิ่งร้องไห้ ข้าจะหาทางช่วยเอง”ตอนนี้ซ่างตงเยว่เชื่อใจเจี่ยนอันอันมากที่สุดฟังนางบอกว่าจะคิดหาทางช่วย ซ่างตงเยว่ก็หยุดร้องทันทีนางใช้ปลายแขนเสื้อเช็ดน้ำตาบนใบหน้า แล้วเงยหน้ามองเจี่ยนอันอัน“ท่านอา ท่านจะช่วยหาท่านพ่อของข้ากลับมาได้จริงๆ ใช่ไหมเจ้าคะ?”เจี่ยนอันอันพยักหน้าอย่างหนักแน่น “เจ้าอย่าได้
เขากลับไปที่บ้านแล้วบอกเรื่องที่เจี่ยนอันอันจะซื้อสมุนไพรของพวกเขาให้กับคนที่บ้านฟังทุกคนที่บ้านต่างก็มีความสุขกับเขาติงซื่อกำชับอวี๋ผิงเหลียงว่าต้องจำชื่อกับที่อยู่ของแม่นางคนนี้ให้ดีต่อไปถ้าพวกตัวเองทำอาหารอร่อยอะไรจะได้นำไปฝากอวี๋ผิงเหลียงเก็บสมุนไพรที่เก็บเกี่ยวทั้งหมดลงในกระสอบหลังจากที่ทั้งสามคนกลับลงจากภูเขา อวี๋ผิงเหลียงถึงค่อยถามชื่อและที่อยู่ของเจี่ยนอันอัน“ข้ามีนามว่าเจี่ยนอันอัน ตอนนี้อาศัยอยู่ที่หมู่บ้านชิงสุ่ย หากวันหน้าสมุนไพรที่เจ้าปลูกโตแล้วก็ไปหาข้าที่นั่นได้”อวี๋ผิงเหลียงพยักหน้าขานรับระรัวทั้งสองคนบอกลาอวี๋ผิงเหลียงแล้วขึ้นรถม้านำสมุนไพรหลายกระสอบมุ่งหน้าสู่อำเภอไถหยางรถม้าเพิ่งจะเคลื่อนตัวเข้าสู่อำเภอไถหยางก็เห็นเจ้าหน้าที่ทางการสองคนเดินมาทางรถม้าเจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจ คิดว่าเจ้าหน้าที่ทางการน่าจะกำลังทำคดีอื่นแต่ในขณะที่รถม้ากำลังจะเคลื่อนผ่านเจ้าหน้าที่ทางการ พวกเขากลับร้องขึ้นว่า “แม่นางเจี่ยน ใต้เท้าของพวกข้าเรียนเชิญ”เซิ่งฟางจะเรียกนางไปทำอะไรที่ที่ว่าการอำเภอ หรือว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์เมื่อครู่?เจี่ยนอันอันพยักหน้าให้เจ้า
อวี๋ผิงเหลียงพูดอย่างตรงไปตรงมา “โรงโอสถในเมืองรับซื้อสมุนไพรของพวกข้าในราคาสามสิบตำลึง”“แต่พวกเขาจะมีการคัดเลือกเฉพาะสิ่งที่ตัวเองต้องการ ไม่ได้รับซื้อสมุนไพรทั้งหมด”อวี๋ผิงเหลียงพูดถึงตรงนี้แล้วก้มหน้าลง ไม่รู้ว่าควรพูดอะไรต่อเจี่ยนอันอันมองออกว่าอวี๋ผิงเหลียงไม่ใช่คนชั่วร้ายเขาจะไม่เสนอราคาสูงเกินไปเพียงเพราะนางจะซื้อสมุนไพรทั้งหมดจุดนี้ทำให้เจี่ยนอันอันชื่นชมมากนางเห็นว่าอวี๋ผิงเหลียงไม่รู้ว่าควรเรียกราคาเท่าไรก็นำตั๋วเงินหนึ่งร้อยตำลึงจำนวนสามแผ่นออกมาจากห้วงมิติ“ข้าจ่ายให้เจ้าสามร้อยตำลึง ขอซื้อสมุนไพรทั้งหมดที่นี่”อวี๋ผิงเหลียงได้ยินว่าอีกฝ่ายจะจ่ายให้สามร้อยตำลึงก็เงยหน้ามองเจี่ยนอันอันโดยพลัน พบว่าภายในมือนางถือตั๋วเงินจำนวนสามร้อยตำลึง“แม่นาง เงินจำนวนนี้มากเกินไป” อวี๋ผิงเหลียงไม่ค่อยกล้าเชื่อสายตาตัวเองเขาขายสมุนไพรมาหลายปี แต่เพิ่งเคยเห็นคนหยิบเงินสามร้อยตำลึงออกมาจากในคราเดียวเป็นครั้งแรกเจี่ยนอันอันยัดตั๋วเงินใส่มืออวี๋ผิงเหลียง“ถือว่าพวกเราตกลงกันตามนี้ ต่อไปเจ้าต้องขายสมุนไพรทั้งหมดที่ปลูกให้กับข้า”“แต่เจ้าต้องรับประกันด้วยว่า สมุนไพรที่ปลูก
นางทำได้เพียงมองผู้มีพระคุณท่านนี้ด้วยสายตาซาบซึ้งใจเจี่ยนอันอันไม่ได้สนใจ นางนำโอสถเม็ดหนึ่งจากในห้วงมิติออกมามอบให้ติงซื่อ“ฮูหยินนำโอสถเม็ดนี้กลับไปป้อนให้บุตรีของท่าน อีกสองวันนางก็จะพูดได้แล้ว”ติงซื่อรับโอสถแล้วกล่าวขอบคุณอย่างเร่งรีบหลังจากบอกลาติงซื่อ ทั้งสามคนก็นั่งรถม้าขับไปทางด้านหลังภูเขาอวี๋ผิงเหลียงก้มหน้าไม่พูดไม่จาตลอดทางเขาตำหนิตัวเองอยู่ตลอด ทั้งยังไม่รู้ว่าควรพูดกับเจี่ยนอันอันและเหยียนซวงอย่างไรดี เจี่ยนอันอันไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน นางเอ่ยปากถามว่า “ที่บ้านพวกเจ้าปลูกสมุนไพรอะไรบ้าง?”อวี๋ผิงเหลียงได้ยินเจี่ยนอันอันถามก็รีบเงยหน้าขึ้น“ครอบครัวข้าปลูกสมุนไพรมาหลายชั่วอายุคน ปลูกทั้งสมุนไพรที่เป็นพิษและสมุนไพรที่เป็นคุณ”เจี่ยนอันอันค่อนข้างดีใจ ถ้าหากที่ภูเขาด้านหลังยังมีสมุนไพรที่นางต้องการ เช่นนั้นนางก็จะซื้อกลับมาสักหน่อยเพราะถึงอย่างไรเสีย ยาที่อยู่ในคลังสมุนไพรในห้วงมิติก็ไม่ได้ครบครันขนาดนั้นยกตัวอย่างเช่นยาที่ใช้รักษาเหยียนอวี่ที่ลดน้อยลงไปหลายชนิดเมื่อคิดถึงตรงนี้ นางก็เอ่ยถามอีกครั้งว่า “สมุนไพรที่ครอบครัวเจ้าปลูกจะนำไปขายที่ใด?”อวี๋ผิงเห
เนื่องจากที่บ้านจัดงานศพ ตอนติงซื่อออกมาข้างนอกจึงไม่ได้นำเงินติดตัวมาด้วยมากขนาดนั้นตอนนี้นางกลับรู้สึกว่าเศษเงินเหล่านี้ยังไม่เพียงพอแต่นางไม่อยากให้เจี่ยนอันอันช่วยเหลือลูกสาวคนเล็กของตนเองเปล่าๆ พูดอะไรก็บอกให้เจี่ยนอันอันรับเอาไว้เจี่ยนอันอันเห็นว่าปฏิเสธไม่ได้จึงได้แต่รับไว้นางเห็นอวี๋เสี่ยวเยว่สวมชุดเรียบร้อยจึงกล่าวกับพวกผู้ชายว่า “พวกท่านหันกลับมาได้แล้ว”อวี๋ผิงเหลียงหันกลับมาเป็นคนแรกก็เห็นอวี๋เสี่ยวเยว่ถูกตู้เยี่ยนช่วยประคองลุกขึ้นมาแล้วเห็นสีหน้านางกลับมาเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง ดวงตาอวี๋ผิงเหลียงพลันแดงขึ้นมาเขาสาวเท้ายาวๆ เข้าไปกอดอวี๋เสี่ยวเยว่“พี่ใหญ่ไม่ดีเอง พี่ใหญ่ทำร้ายเจ้า”อวี๋ผิงเหลียงว่าพลาง น้ำตาก็ไหลลงมาจากหางตาอวี๋เสี่ยวเยว่ยกมือขึ้นช้าๆ ตบหลังอวี๋ผิงเหลียงเบาๆนางเอ่ยเสียงอ่อนแรง “พี่ใหญ่ เรื่องนี้ไม่ใช่ความผิดของท่าน เป็นเพราะข้าทำเรื่องผิดพลาดลงไป”อวี๋ผิงเหลียงผละจากอวี๋เสี่ยวเยว่ แล้วรีบใช้แขนเสื้อเช็ดน้ำตาตรงหางตาเขาหันกลับมามองเจี่ยนอันอันและเหยียนซวง“ขอบคุณแม่นางทั้งสองที่ยื่นมือเข้าช่วยเหลือ เมื่อครู่ข้าผิดเอง เห็นคนดีเป็นผู้ร้า
ประจวบกับที่เวลานั้น เสียงเจี่ยนอันอันดังขึ้นพอดี“เจ้าอย่าเพิ่งพูดอะไร ประเดี๋ยวข้าจะให้เจ้ากินยาแก้พิษ เจ้าก็จะหายดีแล้ว”เจี่ยนอันอันกล่าวพลางเบี่ยงเบนความสนใจไปยังเข็มเงินไม่กี่เล่มนั้นอวี๋เสี่ยวเยว่กวาดสายตามองไปรอบๆ ถึงตอนนี้ค่อยสังเกตเห็นโลงศพสีดำโลงนั้นพอคิดถึงว่าเมื่อครู่ตนเองอยู่ในโลงศพ ทั้งข่วนทั้งเตะไปยกหนึ่ง แต่กลับไม่มีใครคิดจะช่วยนางออกมานางนึกหวาดกลัวทีหลังจนน้ำตาไหลโดยไม่รู้ตัวตอนที่ตื่นขึ้นมาในโลงศพ อวี๋เสี่ยวเยว่ก็สำนึกเสียใจแล้วความมืดมิดที่ไร้จุดสิ้นสุดแบบนั้น บวกกับความอึดอัดเหมือนขาดอากาศหายใจฉับพลันนั้น อวี๋เสี่ยวเยว่ก็ออกแรงทั้งข่วนทั้งเตะสี่ด้านของโลงศพด้วยความหวาดกลัวนางอยากร้องขอความช่วยเหลือ แต่กลับพบว่าในปากตนเองถูกอะไรบางอย่างอุดไว้ความหวาดกลัวอยู่เหนือความอยากตาย อวี๋เสี่ยวเยว่ตกใจจนน้ำตาไหลพรากแต่กลับไม่มีใครรู้สถานการณ์ของนางในยามนั้นตอนนี้นางไม่อยากตาย ทั้งยังนึกเสียใจที่ไปกินยาพิษฆ่าตัวตายเพื่อคนสารเลวนั่นจนกระทั่งได้ยินว่าข้างนอกมีคนมาขวางทางทุกคนไว้นางยังได้ยินเสียงพูดจาของสตรีทั้งสองคน รวมถึงเสียงพูดของพี่ใหญ่ พี่สะใภ้และ
เชิญหมอมาตรวจดูก็วินิจฉัยไม่พบว่าเป็นเพราะเหตุใดหลายปีมานี้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นบ่อยๆ ที่หมู่บ้านซีโข่วในหมู่บ้านซีโข่วของพวกเขามีคำร่ำลืออย่างหนึ่งว่า หากในบ้านมีคนตาย ห้ามพลาดฤกษ์ฝังศพเป็นอันขาดมิฉะนั้นคนในครอบครัวจะเคราะห์ร้ายต่อมา เมื่อพวกอวี๋ผิงเหลียงอาการป่วยดีขึ้นก็ไปเชิญนักพรตมาทำพิธีที่บ้านด้วยเหตุนี้จึงทำให้คนในบ้านไม่ประสบเคราะห์ร้ายอีกพวกเขาเพิ่งได้ใช้ชีวิตอย่างสงบไม่กี่ปี หรือจะต้องปล่อยให้เรื่องในปีนั้นเกิดขึ้นอีกครั้งอย่างนั้นรึ!ติงซื่อจะลืมเรื่องในปีนั้นได้อย่างไร แต่ตอนนี้ใช่เวลามาพูดเรื่องพวกนี้งั้นรึ?คนเป็นแม่อย่างนางจะมองดูลูกตัวเองนอนอยู่ตรงหน้าโดยไม่ช่วยเหลือได้อย่างไรเห็นอวี๋ผิงเหลียงยังยืนอยู่ตรงนั้นไม่ขยับ ติงซื่อก็ร้อนใจจนเอ่ยด้วยความโมโห “เจ้ายังยืนบื้ออยู่ทำไม ยังไม่รีบหันหลังอีก”อวี๋ผิงเหลียงถอนหายใจอย่างแรง แล้วหันหลังไปอย่างไร้ทางเลือกเขาจะไม่อยากช่วยเสี่ยวเยว่ได้อย่างไรแต่เสี่ยวเยว่ยอมตายเพื่อเจ้าสารเลวในหมู่บ้านคนนั้นหลังนางกินยาพิษร้ายแรงลงไปก็หมดลมหายใจแล้วที่นางแสดงอาการข่วนเตะในโลงศพแบบนั้นจะต้องเป็นเพราะในใจยังไม่ยินยอมพร
ติงซื่อได้ยินคำพูดของอวี๋ผิงเหลียงแล้ว จิตใจก็เริ่มกระสับกระส่ายขึ้นมาแต่ถ้าอวี๋เสี่ยวเยว่ยังไม่ตายจริงๆ มิเท่ากับว่าพวกตนได้กระทำความผิดพลาดใหญ่หลวงลงไปหรอกหรือติงซื่อนิ่งเงียบไปชั่วขณะ ในที่สุดก็ยังตัดสินใจว่าเปิดโลงศพออกมาก่อนค่อยว่ากันอีกทีหลังติงซื่อตัดสินใจเด็ดขาดแล้วก็มองไปทางอวี๋ผิงเหลียง“ผิงเหลียง เจ้าไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องนี้ข้าตัดสินใจดีแล้ว”“ต่อให้หลังจากนี้เกิดเรื่องอันใดขึ้น หญิงแก่อย่างข้าจะรับผิดชอบเองคนเดียว”อวี๋ผิงเหลียงเห็นว่าคำพูดของตนเองไม่สามารถโน้มน้าวได้ เขาได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง มือที่กุมธงนำวิญญาณก็สั่นเทิ้มขึ้นมาเหยียนซวงเห็นว่าในที่สุดคำพูดของตนเองก็ถูกติงซื่อรับฟังแล้ว นางผ่อนลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกติงซื่อบอกให้ชายร่างใหญ่หลายคนนั้นเปิดโลงศพออกไม่ว่าคนข้างในจะเป็นหรือตายก็จะไม่สร้างความลำบากให้พวกเขาชายร่างใหญ่หลายคนนั้นไม่พูดมาก เริ่มมองหาอุปกรณ์มาเปิดโลงศพไปทั่วเจี่ยนอันอันเห็นอย่างนั้นก็รีบซื้อชะแลงอันหนึ่งมาจากร้านค้าในมิตินางส่งชะแลงให้หนึ่งในชายร่างใหญ่เหล่านั้นชายร่างใหญ่ผู้นั้นพยักหน้าให้เจี่ยนอันอันน้อยๆ แล้วออกแรงถอน
เหยียนซวงรีบร้อนอธิบาย “ฮูหยินท่านนี้ ข้าไม่ได้ตั้งใจจะขัดขวางธุระของพวกท่าน”“แต่เมื่อครู่นี้ข้าได้ยินเสียงเคาะดังออกมาจากในโลงศพ”“ข้าจึงอาจหาญมาขวางไว้ หวังว่าพวกท่านจะวางโลงลงมาดู เผื่อว่าคนผู้นี้ยังมีชีวิตอยู่”วาจาของเหยียนซวงทำให้ทุกคนอึ้งไปเสียงเป่าปี่ตีฆ้องหยุดลงในเวลานั้นเองทุกคนมองเหยียนซวงด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ แม้แต่สตรีที่ร้องห่มร้องไห้เหล่านั้นก็ยังเงยหน้ามองมาทางนี้“แม่สามี ไม่อย่างนั้นพวกเราเปิดโลงดูหน่อยดีไหมเจ้าคะ ไม่แน่ว่าน้องเล็กอาจยังไม่ตายก็ได้?”สตรีผู้หนึ่งเดินมาทางนี้ นางเช็ดน้ำตาบนใบหน้า มองไปทางหญิงชราด้วยแววตาจริงใจยามนี้หญิงชราติงซื่อก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเช่นกันนางเองก็อยากเปิดโลงออกดู แต่โลงศพนี้ถูกตอกตะปูไว้แล้ว เปิดออกได้ง่ายขนาดนั้นเสียที่ไหนนอกจากนี้ อาศัยเพียงวาจาของคนแปลกหน้าคนหนึ่ง แล้วจะพิสูจน์ความจริงเท็จของวาจานางได้อย่างไร?ติงซื่อไม่พูดอันใด นางหันไปมองคนอื่นๆ ด้านหลัง อยากฟังความคิดเห็นของทุกคนชายที่แบกธงนำวิญญาณผู้นั้นเอ่ยปากขึ้นก่อน“ไม่ได้ พวกเราล่าช้าไปแล้ว ถ้ายังไม่นำโลงศพไปฝังอีกก็จะกระทบเรื่องใหญ่แล้ว”“พวกท่านไม่กลัวว่
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังพูดคุยกันอยู่นั้น เวินอี๋ก็เดินเข้ามา“คารวะแม่นางเจี่ยน!” เวินอี๋พูดขึ้น แล้วทำความเคารพเจี่ยนอันอันเจี่ยนอันอันยิ้มออกมาเล็กน้อยแล้วพูดขึ้น “พี่เวินไม่จำต้องมากพิธี ร่างกายของท่านเพิ่งจะหายดีได้ไม่นาน ยังต้องระมัดระวังให้มาก”“ขอบคุณแม่นางเจี่ยนมากที่รักษาอาการป่วยของข้าจนหาย เดิมทีข้าคิดว่าไม่กี่วันนี้ก็จะไปเยี่ยมท่านกับใต้เท้าที่หมู่บ้านชิงสุ่ย”“ไม่คิดเลยว่าท่านจะมาเอง”เวินอี๋มองออก ว่าที่นี่มีเพียงแค่เจี่ยนอันอันและเหยียนซวงสองคนเท่านั้นฉู่จวินสิงดูเหมือนว่าจะไม่ได้ตามมาด้วยเขาถามออกมาอย่างประหลาดใจ “ใต้เท้าของข้าเหตุใดถึงได้ไม่มากับท่านด้วย?”เจี่ยนอันอันยิ้มออกมา “ข้าให้เขาคอยดูแลอยู่ที่เรือน”เจี่ยนอันอันพูดจบ ก็หันไปมองยังจงซิ่น“ท่านผู้เฒ่าจง ข้าอยากจะถามสักหน่อย ว่าในอำเภอไถหยางนี่พอจะมีโรงโอสถดีๆ อยู่หรือไม่?”“ข้าอยากจะซื้อวัตถุดิบยาบางอย่าง เพื่อรักษาอาการป่วยให้น้องชายของเหยียนซวง”จงซิ่นเมื่อได้ยินว่าจะรักษาอาการป่วยให้เหยียนอวี่ เขาก็ขมวดคิ้วออกมา แล้วส่ายศีรษะเบาๆ“วัตถุดิบทำยาทั้งหมดที่ขายอยู่ในโรงโอสถของอำเภอไถหยางล้วนมีแต่ของธร