Share

4

2

เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสัญญาณให้ลัคนารู้ว่าต้องปฏิเสธนัดหมายทุกอย่าง เพื่อที่สามทุ่มจะได้ถึงห้องพักของพีรภาส

“พี่แฮม วันนี้หลิวรู้สึกไม่ค่อยสบาย หลิวไม่ไปได้ไหม” บอกออกมาในตอนที่กำลังจะถูกพี่ชายพาไปขึ้นรถ เธอเหมือนหมูในอวยที่กำลังจะถูกส่งไปเชือดที่โรงงานไม่มีผิด ชีวิตของเธอ

“แกอย่าเรื่องมาก แกอยากให้เขาตามฆ่าฉันเหรอไง” เผด็จการเห็นแก่ตัวจับน้องสาวยัดเข้าไปในรถ แล้วยังข่มขู่เธอสารพัด

“แต่หลิวยังไม่เห็นว่าคุณเติร์กเขาจะทำอะไรพี่เลยนะ”

“นั่นแหละ แกถึงต้องไปอยู่กับเขา เอาตัวของแกเข้าแลก แล้วเริ่มพูดยังไงก็ได้ให้เขาไม่เอาเรื่องฉัน” คำตอบของพี่ทำให้คนฟังหน้าเสียและรู้สึกไร้คุณค่าในตัวเอง

“แล้วพี่จะให้หลิวเอาตัวเข้าแลกแบบนี้จนถึงเมื่อไหร่ล่ะคะ” รู้สึกเจ็บปวดจนชาไปหมดทั้งความรู้สึก ใจสลายจนไม่อาจประกอบรูปคืนได้อีก

ลัคนัยทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะหาคำตอบให้น้องได้ “ก็จนกว่าฉันจะหาเงินมาใช้หนี้เขาหมด หรือถ้าเขาเรียกร้องให้ฉันชดใช้ในสิ่งที่ทำกับน้องวุ้นตาล แกก็เอาตัวเข้าแลกไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะเบื่อก็แล้วกัน แต่ห้ามให้เขาล้างแค้นฉันเด็ดขาด ไม่งั้นแกโดนฉันฆ่าแน่” ขู่สำทับในตอนสุดท้าย

ลัคนานิ่งเงียบ ไม่พูดอะไรอีกเพราะรู้ว่าน้ำคำของพี่ชายมันเต็มไปด้วยความเห็นแก่ตัว และคนฟังอย่างเธอจะรู้สึกแย่เสียเอง

ลัคนัยเดินขึ้นมาส่งน้องสาวถึงหน้าห้องพักห้องเดิม หากแต่วันนี้ยังไม่ทันที่จะแจ้งการ์ดหน้าห้องพักของพีรภาส ว่าส่งน้องสาวมาบำเรอสุข ชายหนุ่มกลับเดินออกมาหน้าห้องด้วยท่าทีเร่งรีบเสียก่อน

“พวกคุณมีธุระอะไรกับผม” เจ้าบ้านทักทายลัคนัยด้วยเสียงเย็นชาห่างเหิน พร้อมกับสายตาสมเพช หากแต่เมื่อเหลือบตาไปมองเห็นหญิงสาวร่างอวบอิ่ม ที่ตอนนี้เอาแต่ก้มหน้าจนคางแทบชิดอก ในกายพลันบังเกิดความรู้สึกแปลกๆบางอย่าง ที่ทำให้ร่างกายรู้สึกกระชุ่มกระชวย

“วันนี้ก็จะพาน้องมาชดเชยหนี้สินกับผมอีกงั้นเหรอเหรอครับคุณลัคนัย แหม่ เสียดายนะไม่ได้แจ้งก่อนล่วงหน้า วันนี้ผมไม่ว่าง แล้วก็ไม่ค่อยรู้สึกอยากมีอะไรกับผู้หญิงคนนี้เสียด้วยสิ”

พอเจอหน้าลัคนัย เขาจงใจพูดเหยียดเย้ยทำเอาคนฟังเจ็บจนจุกร้าว ลัคนัยเสียหน้าที่ถูกเจ้าหนี้เหน็บแรง ส่วนลัคนานั้นหน้าชาที่ถูกเขาดูถูกจนหายใจแทบไม่ออกและอยากจะร้องไห้ จนต้องกระตุกมือพี่ชายส่งสัญญาณชวนกลับ

“ว่าแต่คุณเติร์กจะกลับมาดึกไหมล่ะครับ เราให้ยัยหลิวรอในห้องพักคุณได้ไหม” ความเหนียวหนี้ทำให้ลัคนัยพยายามยัดเยียดน้องสาวให้เขาต่อเนื่อง  

“พี่แฮม!” ต้องเรียกพี่ชายอีกครั้ง หากแต่ผิดหวังจากเขามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน

“คุณชื่อหลิวเหรอครับ” น้ำคำเขาสุภาพ ทว่าน้ำเสียงกลับเหยียดหยาม เขาไม่รู้จักชื่อของเธอด้วยซ้ำ เพราะไม่ได้สนใจในสิ่งที่ทั้งพี่ทั้งน้องทั้งที่เป็นคนที่ได้ทุกอย่างในชีวิตของเธอไป แม้แต่เลือดหยดนั้นที่มันย้อยหยาดออกมามันยังไปเปรอะเปื้อนติดอยู่ที่ต้นขาของเขา เขาไม่รู้แม้แต่ชื่อเล่นของเธอ

“นะครับ ให้ยัยหลิวรอที่โรงแรมของคุณนะครับ” ลัคนัยทำทีจองหองบงการชีวิตคนอื่น จนพีรภาสนึกหมั่นไส้ขึ้นมา

“ได้สิครับ ให้คุณหลิวเขารอผมกลับมาที่นี่แหละ ส่วนคุณไปกับกับผม ผมมีธุระเรื่องรถของยัยวุ้นตาลจะคุยกับคุณพอดี ผมกำลังจะไปเยี่ยมยัยวุ้นตาลพอดี ไปคุยกันต่อหน้าเขาเลยก็ดีครับ” ยามพูดกับลัคนัย สายตาของพีรภาสเต็มไปด้วยเพลิงโทสะที่จะเอาคืนอย่างสาสม แต่คนหน้ามึนหน้าด้านอย่างมันกลับกะล่อนเจ้าเล่ห์ ไม่ยอมชดใช้กรรมที่ก่อไว้แม้แต่น้อย กลับส่งน้องสาวที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ให้มารับเคราะห์แทน แล้วมันก็ลอยนวลอยู่ร่ำไป

“คือว่า วันนี้ผมไม่ค่อยสะดวกน่ะครับ ผมมาส่งยัยหลิวให้คุณเติร์ก แล้วเดี๋ยวจะต้องกลับไปแล้ว แม่ผมไม่ค่อยสบายครับ” ถึงกับเอาแม่ป่วยมาอ้าง

พีรภาสปรายตาคมกล้าของเขามองไปยังหญิงสาวที่กำลังยืนอ้ำอึ้ง เห็นเธอไม่พูดอะไรแต่มีทีท่ากระอักกระอวนก็พอจะเดาได้ว่าลัคนัยพูดไม่จริง “เหรอครับคุณหลิว แม่คุณป่วยเหรอครับ” เปลี่ยนมาเป็นคาดคั้นที่หญิงสาวแทน

“ยัยหลิว แกรอคุณเติร์กอยู่ที่นี่นะ พะ พี่ต้องรีบไปดูอาการแม่” พี่ชายหันมาบงการชีวิตของน้องน้อย ส่งสายตาพิฆาต พร้อมทั้งบีบกำต้นแขนบอบบางแนบแน่นให้เธอเจ็บและกลัว เป็นการข่มขู่อย่างที่เคยทำเสมอมา

ลัคนาก้มหน้าตัวสั่น ทั้งเจ็บทั้งกลัว รู้อยู่แล้วว่าพี่ชายสามารถทำอะไรได้บ้างเพื่อความต้องการของตนเอง ถึงขนาดเอาแม่มาอ้างขนาดนี้ด้วยซ้ำไป “พะ...พี่แฮม พี่แฮมปล่อยหลิวเถอะค่ะ”

ความรุนแรงของสองพี่น้องตกอยู่ในสายตาของพีรภาส ชายหนุ่มยืนมองเงียบๆเขาไม่มีท่าทีจะช่วยเหลือ แล้วยังเมินเฉยต่อความรุนแรงที่เห็นตรงหน้า เมื่อลัคนาไม่อาจอดทนต่อความเจ็บปวดได้ ใบหน้าโศกถึงมองไปที่เจ้าบ้าน เพื่อหวังจะขอความช่วยเหลือ

“ตอบสิยัยหลิว ตกลงแกจะอยู่รอคุณเติร์กเขากลับมาที่นี่ใช่ไหม” หันมาส่งเสียงข่มขู่น้อง

“คุณมีธุระไม่ใช่เหรอ คุณรีบไปทำธุระได้แล้ว และทิ้งน้องสาวไว้กับผมที่นี่แหละ” เป็นพีรภาสเองที่เมินเฉยได้ไม่นาน ทั้งๆที่ตั้งใจว่าจะไม่สนใจแล้ว แต่พอดวงตาเศร้าโศกปวดร้าวช้อนมองมาเพื่อขอความช่วยเหลือ ก็อดใจแข็งได้ไม่นาน

“ครับๆๆ ขอบคุณครับ” ชายเห็นแก่ตัวรีบผลักน้องสาวไปใส่มือของผู้เป็นเจ้าหนี้ ก่อนจะอาศัยความหน้าด้านเอ่ยทวงสัญญา  “ถ้ายัยหลิวอยู่กับคุณ คือลดเงินออกไปครั้งละห้าพันนะครับ อย่าลืมนะครับ” ความเห็นแก่ตัวของลัคนัยไม่รู้กาลเทศะ

“พี่แฮม พี่ทำแบบนี้กับหลิวได้ยังไง” สิ่งที่พี่ชายพูดออกมา มันมากเกินกว่าที่ลัคนาจะรับได้แต่เธอไม่กล้าพอที่จะตอบโต้ใดๆ ประสบการณ์ทั้งชีวิตทนทุกข์ชีวิตนี้ได้สอนเธอว่า ลัคนัยจะทำอะไรกับชีวิตเธอก็ได้เพราะบุญคุณท่วมหัวไม่ต่างจากพ่อคนหนึ่งที่ทำให้ชีวิตเธออยู่รอดมาได้ และแม่คงไม่ยอมแน่ๆถ้าหากรู้ว่าเธอขัดคำสั่งของพี่ชาย แล้วยิ่งจะมีผลต่อลูกรักของแม่ด้วยแล้ว ยิ่งไม่ใช่สิ่งที่ดี

“แกหุบปากไปเลยนะยัยหลิว น้องเวร เนรคุณ ฉันทำเพื่อแกจนเกือบตาย ฉันช่วยชีวิตแกไว้ จนแกอยู่ได้จนถึงวันนี้นะ” กลัวตายก็กลัว เหนียวหนี้ก็เหนียว เขายังไม่ต้องการใช้หนี้สักเท่าไหร่นัก อยากได้เงินไปเที่ยวเล่นต่อมากกว่า บุญคุณกับน้องสาวก็มีไว้ทวงซ้ำๆจนกว่าจะได้สิ่งที่ต้องการนั่นแหละ

“พอได้แล้วคุณลัคนัย คุณได้ทุกอย่างตามที่ต้องการแล้ว หยุดข่มขู่น้องได้แล้ว” สายตาของเขาลุกโชนยามนึกถึงเหตุการณ์ที่นายลัคนัยบังอาจแอบหยอดสารเสพติดลงในแก้วเหล้าของเขา กว่าเขาจะจับได้ก็ตอนที่ดื่มเหล้านั้นหมดแก้วลงไปแล้ว คราวนี้เป็นพีรภาสเองที่อดสงสารคนที่ถูกทำร้ายจิตใจจากพี่ชายแท้ๆไม่ได้ ดูแววตาหวานปนโศกก็รู้สึกได้ว่าผู้หญิงคนนี้ชอกช้ำใจขนาดไหน โดยเฉพาะคนที่ทำลายชีวิตของเธอ เป็นพี่ชายแท้ๆด้วยแล้ว คงยิ่งรู้สึกใจสลาย

ลัคนัยชี้หน้าคาดโทษน้องสาวตัวดีที่บังอาจทำให้เขาเสียหน้า ก่อนจะเดินหลบฉากออกไป ปล่อยให้น้องสาวรับผิดชอบแทน

“ไปกันเถอะ” เขาตัดสินใจไม่ทิ้งเธอไว้ที่โรงแรมตามลำพัง “ผมจะไปเยี่ยมน้องสาวที่โรงพยาบาล แล้วขากลับจะแวะรับลูก ไว้ส่งลูกเข้านอนเสร็จ เราค่อยคุยกัน” คำว่าคุยของเขามีนัยสำคัญ หากแต่ลัคนาไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่รับฟังหรือเข้าใจความนัยใดๆ เธอกำลังสะเทือนใจต่อสิ่งที่ได้จากปากของพี่ชาย

“ไปเถอะ” คว้ามือเธอมาจับจูงให้เดินไปด้วยกัน ตลอดทางที่กำลังพาเธอเดินไปตามทางของโรงแรม ฝ่ามือหนากุมมือบางที่กำลังสั่นไว้แน่น ให้ความอุ่นใจและทำให้เธอรู้ว่าเขาเห็นใจ ตลอดทางที่นั่งอยู่บนรถของเขา ลัคนานั่งร้องไห้เงียบๆ ระบายความเจ็บช้ำน้ำใจผ่านทางน้ำตา แม้ว่ามันไม่ได้ช่วยอะไร แต่มันทำให้เธอสบายใจในระดับหนึ่งเมื่อร้องออกมา ยิ่งร้องไห้สะอึกสะอื้นมันยิ่งสาแก่ใจ แต่อาการร้องไห้จนตัวสั่น หากแต่ไม่ปริปากออกมาเธอยิ่งน่าสงสารในสายตาของพีรภาส

จนหญิงสาวจัดการความรู้สึกของตัวเองได้ถึงค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา มองที่คนขับรถรูปงามที่นั่งเงียบๆ ให้เวลากับเธอ “คุณอย่าเอาเรื่องพี่แฮมเลยนะคะ” คำพูดแรกหลังจากร้องไห้เสร็จ คือคำที่แสดงออกถึงความห่วงใยที่มีต่อคนอื่น ไม่ได้มีไว้ห่วงความรู้สึกหรือชีวิตตัวเองเลย

พีรภาสเลิกคิ้วพร้อมทั้งปลายตามองคนตัวสั่นตรงหน้า อยู่ ๆเธอก็พูดขึ้นด้วยประโยคแปลกๆแล้วยังตัวสั่นราวกับหวาดกลัวยักษ์มาร ทั้ง ๆที่เขาไม่เคยมีประวัติทำร้ายใครโดยเฉพาะผู้หญิง

“แล้วนี่กินข้าวมาบ้างหรือยัง เอาแต่ร้องไห้จนหน้าบวมตาบวมแบบนี้”

เขาเปลี่ยนเรื่องหลังจากให้เวลาเธอสักพัก จึงเริ่มต้นบทสนทนาใหม่ เห็นหญิงสาวร้องไห้แล้ว ในใจมันรู้สึกเสียวแปลบๆคล้ายเห็นใจ คล้ายสมน้ำหน้าคนโง่คนหนึ่ง ที่พาตัวเองไปเป็นเหยื่อของคนเห็นแก่ตัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ลัคนารีบเช็ดน้ำตาให้เรียบร้อย เผลอสติหลุดต่อหน้า ‘คนแปลกหน้า’ สูดลมหายใจเข้าลึกๆ “ยังเลยค่ะ” ก่อนจะตอบออกไปด้วยเสียงอู้อี้

“งั้นเดี๋ยวแวะกินข้าวก่อนไหมล่ะ ผมยังมีเวลาอีกสักพักก่อนจะไปรับลูก”

ความหวังดีของเขาถูกหญิงสาวปฏิเสธโดยการส่ายหน้า “ไม่หิวค่ะ”

“ถ้ายังไม่หิวก็ค่อยกินตอนกลับก็ได้ เดี๋ยวส่งลูกเข้านอนเสร็จ ผมจะพาออกมาร้านติ่มซำเจ้าอร่อยแถวๆโรงแรมแล้วกัน” เขาพูดสบายๆ แต่คำพูดทำให้คนฟังตัวชา เขามีลูก มีครอบครัวแล้วอย่างนั้นเหรอ

ลัคนาเริ่มคิดฟุ้งซ่านในหัว พร้อมๆกับน้ำตาที่เริ่มคลอขังอีกรอบอย่างเงียบกริบ ถ้าเขาพูดออกมาแบบนี้ นั่นหมายความว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เข้ามาพัวพันกับผู้ชายที่มีลูกมีเมียแล้วงั้นสิ

“ละ...แล้วแม่ของลูกคุณล่ะคะ เขาจะมาด้วยหรือเปล่า” อ้อมๆแอ้มๆถามเพราะเธอยังไม่พร้อมถูกใครตบตีตราหน้าว่านอนกับสามีคนอื่น

“จะถามถึงเขาทำไม!” พีรภาสขึ้นเสียงเล็กน้อย เริ่มรู้สึกหงุดหงิดยามเมื่อผู้หญิงข้างๆเอ่ยถึงแม่ของลูก บรรยากาศส่วนตัวที่กำลังจะเต็มไปด้วยความสนุกกลับเริ่มมีกลิ่นไม่ดีเพราะเอ่ยถึงบุคคลอื่น

“ขอโทษค่ะ” ลัคนารีบก้มหน้าหลบอารมณ์ของเขาที่ดูร้อนแรงขึ้น รับรู้และจะจดจำไว้ในความทรงจำว่าเรื่องของครอบครัวเขา เธอจะต้องห้ามเอ่ยถึงไม่ว่ากรณีใดๆทั้งสิ้น เพื่อให้เจ็บปวดจากคำพูดตรงๆแรงๆของเขาน้อยที่สุด

ในระหว่างที่ขับรถไปเรื่อย ๆ เสียงโทรศัพท์ของพีรภาสก็ได้ดังขึ้น เขาลังเลอยู่ครู่หนึ่งเมื่อเห็นเบอร์ที่ปรากฏบนหน้าจอโทรศัพท์ แต่ในที่สุดก็กดรับและพูดคุยกับคนในสายด้วยคำพูดที่สุภาพดีหากแต่มีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นเรื่อย ๆ จนบรรยากาศในรถอึดอัด

พีรภาสนั่งหน้าเครียดอยู่สักพัก ก่อนจะหาจังหวะกลับรถไปที่โรงแรมตามเดิม เปลี่ยนแปลงเป้าหมาย

“อะ...อ้าวคุณเติร์ก ไหนว่าจะไปรับลูก...”

“หุบปาก!” ลัคนาหน้าเหวอเมื่อเสียงต่ำสวนกลับมา รีบหุบปากสนิทพร้อมกับก้มหน้าลงไม่เอ่ยถามอะไรอีก แม้ว่าสงสัยก็เก็บเงียบไว้ในใจ ที่สำคัญคือเธอกำลังรู้สึกหิวนิดๆ ถ้าเขาไม่พาเธอไปข้างนอก ก็แสดงว่าจะต้องอดกินข้าวแน่ๆ

ร่างเล็กถูกจับจูงและลากเดินไปตามทางของโรงแรมหรู เจ้าของห้องเปิดประตูก่อนจะเหวี่ยงร่างของหญิงสาวเข้าห้องไปก่อน ขาของเธอชนเข้ากับขอบโต๊ะจนปวดตุบๆ แต่ก็ต้องเก็บอาการเงียบไว้ ไม่ให้มีอาการให้เขาเห็น

“สิ่งหนึ่งที่ผมเกลียดที่สุดคืออะไรรู้ไหม” อยู่ ๆ  เขาหันมาขึ้นเสียงเปิดประเด็น

หญิงสาวก้มหน้างุด ไม่กล้าพูด ไม่กล้าตอบเพราะไม่มั่นใจว่าถ้าพูดออกมา มันจะเป็นอย่างไรบ้าง เธออาจจะถูกเขาตำหนิก็เป็นได้

“ผมถาม แล้วคุณมาเงียบใส่แบบนี้เหรอ” ขึ้นเสียงอย่างฉุนเฉียวเมื่อรู้สึกเหมือนพูดคนเดียว

“ขะ...ขอโทษค่ะ ฉันไม่รู้ว่าคุณถามฉัน” ไม่รู้ว่าจะตอบยังไง

“ไม่ถามคุณ จะให้ถามใครล่ะ”

“ขอโทษค่ะ” ทำอย่างไรก็ถูกเขาระบายอารมณ์ใส่อยู่ดี

“สิ่งที่ผมเกลียดที่สุด คือเหตุการณ์ที่ผมรู้สึกว่าควบคุมไม่ได้ยังไงล่ะ เช่นแม่ของมันที่อยู่ ๆ ก็เกิดเปลี่ยนใจไม่ให้ผมไปรับลูก!” ตวาดระบายอารมณ์ไปยังคนที่ไร้ซึ่งอำนาจและมีหน้าที่รองรับอารมณ์ของเขา

หญิงสาวสาวสะดุ้งจนสะอึก อยากจะหนีออกไปจากตรงนี้แต่ทำไม่ได้ แม้แต่จะเอ่ยปากเถียงเขาก็ยังไม่กล้าเลย เธอไม่เข้าใจปัญหาของเขา ไม่เข้าใจอะไรเลย แต่ทำไมต้องเป็นเธอที่ต้องมารองรับอารมณ์ดุเดือดของเขาด้วย ริมฝีปากสวยถูกฟันขาวกัดไว้จนระบม พยายามอดทนอดกลั้น เท่าที่ความรู้สึกผู้หญิงคนหนึ่งจะทำได้เพื่อพี่ชายที่มีบุญคุณทั้งชีวิต และเพื่อเธอจะไม่ถูกเขาพูดจาแย่ๆ หรือทำอะไรแย่ๆด้วยความโมโห

“แม่ของกร มันงี่เง่า ไม่ยอมให้ลูกมาอยู่กับผม มันเก็บลูกไว้คนเดียว เอาเป็นข้อต่อรองขอเงินจากแม่ผมอีกแล้ว ลูกผมไม่ได้มีไว้แลกเงิน คุณเข้าใจไหม มันหน้าเงินแล้วยังเอาลูกผมมาไว้ต่อรองแลกกับเงินด้วย!”

คำด่าถึงบุคคลอื่น สะเทือนอารมณ์ของคนฟัง เขาด่าผู้หญิงหน้าเงินคนนั้น พร้อมๆกับกรีดเฉือนความรู้สึกของเธอจนแทบจะขาดวิ่นไปหมด เธอเองก็เป็นผู้หญิงที่ทำทุกอย่างแลกกับเศษเงินของเขาเช่นกัน แม้จะไม่ได้เป็นคนเอาเงินเหล่านั้นมาใช้เองก็ตาม

“ขอโทษค่ะ” ยังคงพึมพำประโยคเดิม ๆ ประโยคที่เขาไม่คุ้นชินจากครอบครัว จากแม่ของลูก และเขาเองไม่เคยที่จะเอื้อนเอ่ยมันออกมา เพราะความผยอง

“พูดเป็นคำเดียวรึไง! ใครเขาอยากได้คำขอโทษที่มันไม่จริงใจแบบนั้น” ตวาดระบายอารมณ์ กดดันข่มเหงใบหน้าหวานโศกนั้นอย่างไม่สนเหตุและผลใดๆ “ถ้าคุณไม่ได้จริงใจกับคำพูดบ้าๆนั้น คุณหุบปากไปเลยได้ไหม ยิ่งพูดคุณยิ่งดูโง่!”

แม้จะโดนด่ามาทั้งชีวิต แต่ลัคนาไม่รู้จักชินเสียที “คุณเติร์กพอเถอะ หลิวจะกลับก่อนนะคะ” ทางหนีทีไล่เท่าที่คิดออกตอนนี้คือการเลี่ยงการปะทะ หญิงสาวฝืนตัวเองออกจากอุ้งมือของเขาหมายจะรีบเก็บกระเป๋ากลับบ้าน หากแต่มือกาวยังยึดเรียวแขนของเธอไว้แน่น ทั้งยังมีทีท่าโมโหมากขึ้นราวกับกองเพลิงที่ถูกน้ำมันราด

“ใครให้ไป! ผมให้คุณไปแล้วเหรอ! สำเนียกบ้างสิคุณ ว่าคุณเป็นใครแล้วผมเป็นใคร! ทำไม!? ขายตัวอยู่แล้วนิ จะหนีไปไหนได้ล่ะ เป็นสิ่งของที่ถูกเอามาขัดดอกขัดหนี้ ยังมีหน้ามาออกคำสั่งอวดดีอยู่เหรอ” ยิ่งรู้สึกควบคุมสถานการณ์ไม่ได้ ยิ่งโกรธมากขึ้น ยิ่งลัคนาพยายามจะหนี เขายิ่งโมโหที่คุมอะไรไม่ได้เลย

“คุณเติร์กปล่อยหลิว คุณกำลังพาล คุณไม่มีเหตุผล” ยิ่งเขาจับแรง เธอยิ่งดิ้นหวังจะให้หลุดจากการเกาะกุม เธอเจ็บเมื่อได้ยินเขาถากถางแบบนี้ แม้จะเป็นเรื่องจริง มันก็เจ็บที่ใจ

“นี่คุณกล้าว่าผมเหรอ!?” ทว่าเธอพูดเสียดใจดำอย่างเหมาะเจาะ เวลาโมโหเขาไม่ฟังใครทั้งนั้นแล้วมีนิสัยเวลาไม่ได้ดั่งใจเขามักจะพาลด้วย เขารู้ตัว และจะเป็นเฉพาะกับคนที่รู้สึกสนิทและไว้ใจเท่านั้น ทว่า ลัคนายังเป็นคนแปลกหน้าไม่ใช่หรือ?

“คุณไม่มีเหตุผล...” ซุ่มเสียงสุดท้ายถูกริมฝีปากร้อนกวาดกลืนลงคอจนหมด ลัคนาลืมตาโพลงยามเมื่อได้รับจูบร้อนแรงและกะทันหัน ร่างสูงโถมตัวเข้าหาเธอหนักมากจนหลังแอ่นไปข้างหลังเกือบจะหงายล้ม ดีที่ได้อ้อมแขนอุ่นกอดรัดไว้ทัน จวบจนเขาดึงถอนริมฝีปากออกนั่นแหละ หญิงสาวถึงได้รู้จักคุณค่าของอากาศหายใจ พีรภาสให้เวลาเธอเพียงเสี้ยววินาที เขากลับลงมาครอบครองความหวานหยดของเธออีกครั้ง ก่อนจะถอยออกมาจ้องใบหน้านวลงามด้วยสายตาท้าทาย

“ลงโทษคนปากดี”

ได้ยินดังนั้น คิ้วโก่งรีบขมวดมุ่น ไม่ยอมรับการโยนความผิดให้เธอฝ่ายเดียว เขาต่อว่าเธอทั้ง ๆ ที่เธอไม่ผิดอยู่ฝ่ายเดียวต่างนานสองนาน แต่สุดท้ายกลับว่าเธอปากดีเสียได้

อารมณ์เดือดดาลเมื่อครู่สลายลงในพริบตา ยามเมื่อเห็นสีหน้าไม่ยอมแพ้ของผู้หญิงตรงหน้า คิ้วสวยของเธอขมวดแทบจะเป็นปม ริมฝีปากเชิดรั้นขึ้นแล้วยังกัดฟันคล้ายโมโหแต่ไม่รู้จะอาละวาดยังไง

ใบหน้านวลใสปราศจากเครื่องสำอาง ความเป็นธรรมชาติของหญิงงามจุดเพลิงแห่งบุรุษเพศในกายของพีรภาสจนลุกโชน ทดแทนเพลิงโทสะยามไม่ได้ดั่งใจเมื่อครู่ ได้อย่างหมดจด

“มานี่มา!” ความน่ารักของเธอนั้นเย้ายวน จนต้องรีบพามาที่เตียงนอนนุ่ม ต่อให้ตอนนี้กำลังทะเลาะกัน มีเรื่องเครียดยิ่งใหญ่แค่ไหน แต่ถ้าเธอทำหน้าแบบนี้ เขาต้องไม่รอช้าที่จะจัดการ!

ร่างอวบถูกพาให้นั่งลงคุกเข่าอยู่กับพื้นข้างๆเตียง “เอ๋?” ลัคนามองหน้าเขาด้วยสายตาตั้งคำถาม ก่อนที่จะค่อยๆเคลื่อนสายตาผ่านแผ่นอกกว้าง ลงมาเรื่อย ๆ จนถึงใจกลางความเป็นชายที่กำลังชันตัวอวดผยองอยู่ภายใต้เสื้อคลุมของโรงแรม  สิ่งที่กำลังตื่นตัว คือคำตอบที่ชัดเจน

“คุณทำให้ผมสิ” เสียงและสายตาบอกกับคนตรงหน้าอย่างเคร่งขรึม อารมณ์ของเขาเดือดปุดยามเมื่อเจอเรื่องไม่ได้ดั่งใจ และเป็นเรื่องที่เขารำคาญอย่างยิ่งที่ไม่สามารถควบคุมสถานการณ์อะไรได้เลย ทว่าตอนนี้ อารมณ์เหล่านั้นไม่เด่นชัดเท่ากับอารมณ์ทางเพศที่รุกโชน เพราะใบหน้านวลงามใสซื่อนั้นมองเขาด้วยความยุ่งเหยิง ใบหน้ายุ่งเหยิงของลัคนา มีผลต่ออารมณ์สวาทของเขาโดยตรง

ความยิ่งใหญ่คับฟ้าของเขา ทำให้ลัคนาลอบเบือนหน้าหลบด้วยความกระดากใจและละอาย เธอไม่รู้ว่าเขาต้องการแบบไหนและไม่รู้วิธีการ และไม่กล้าแม้แต่จะยื่นมือเข้าไปสัมผัสกับมัน “หละ...หลิว” อาจจะทำให้ไม่ถูกใจเขาก็เป็นได้

“เร็วสิ อ้าปากแล้วก้มลงมา” ออกคำสั่งรีบร้อน ทั้งที่ไม่เคยรีบร้อนในเรื่องอย่างว่ากับใครมาก่อน การเคลื่อนไหวของเธอเชื่องชา จนชายหนุ่มต้องยื่นมาเข้าช่วย นิ้วเรียวกดบีบคางมน ให้เธอเข้าครอบครองห้วงอารมณ์ของเขาอย่างไม่อาจปัดป้อง ฝ่ามือที่กดอยู่บนท้ายทอยบังคับให้เธอขยับตามจังหวะที่เขานำทาง อย่างไม่อาจเลี่ยง

ลัคนาน้ำตาซึมต่อสัมผัสที่เธอไม่ชอบ รู้สึกเหมือนถูกข่มขืนฝืนใจจนไม่อาจให้อภัยคนที่หักหาญน้ำใจของเธอ ฝ่ามือเรียวขยุ้มเนื้อหน้าขาของเขา รับไม่ได้ต่อการกระทำของตนเองในยามนี้

“ไม่ต้องร้อง มันมีอีกเยอะที่คุณยังไม่รู้ แล้วคุณจะเปลี่ยนใจจากไม่ชอบมัน กลายเป็นตื่นเต้นและเสพติดแทน” เสียงแหบพร่าขาดห้วง แต่พยายามจะพูดให้คนหน้าบึ้งฟัง ให้เธอรับรู้ รับทราบต่อหน้าที่ของตนเอง

ได้ยินดังนั้น หญิงสาวรู้ชัดแล้วว่าไม่อาจขัดใจเขาได้  แต่ความรู้สึกไม่ถูกต้องมันทำให้ต้องทักท้วงออกมา “แต่คุณมีลูกแล้ว เราไม่ควรทำแบบนี้” ร้องท้วงด้วยความรู้สึกอึดอัดไม่สบายใจ

พีรภาสเลิกคิ้ว ฉงนต่อสิ่งที่ได้ยิน “แล้วไง” ไม่เข้าใจว่าการมีลูกแล้ว ทำไมจะทำกิจกรรมแบบนี้ไม่ได้ ในเมื่อมันเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้ชาย

“ฉัน...” ไม่กล้าแม้แต่จะพูดต่อ กลัวว่าตัวเองจะรับไม่ได้มากไปกว่านี้ที่กลายเป็นเมียน้อยคนตรงหน้า โดยไม่ได้ตั้งใจ

“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ก็ทำหน้าที่ของตัวเองให้เสร็จๆไป แล้วหลังจากนี้ คุณจะไปไหนก็ไปผมไม่ว่าคุณหรอก”

เมื่อไม่ได้ยินเสียงโต้เถียงจากหญิงสาว ความเครียดจากการที่ไม่อาจควบคุมสถานการณ์เรื่องลูกได้ ถูกนำมาระบายใส่เรือนร่างอวบอัดร่างนี้ พละกำลังของเขามีมาก ยิ่งบวกกับความโกรธยิ่งมากขึ้นจนทำให้ผิวขาวชอกช้ำไปหมดทุกการสัมผัส เขาจะไม่ได้ดั่งใจอะไรนักหนา

“ต่อไปนี้คุณอย่าพูดถึงลูกของผม ให้ผมได้ยินอีก ไม่ต้องมาสอนผมเรื่องลูก ยังไงผมก็แยกแยะได้ว่าอะไรคือความรับผิดชอบ อะไรคือความสนุกชั่วครั้งชั่วคราวกับผู้หญิงขายตัว!” ขึ้นเสียงด้วยความโมโหยามเมื่อเจอประเด็นละเอียดอ่อน

ลัคนานิ่งเงียบ ทั้งโกรธทั้งเสียใจที่เขาต่อว่า ใจคอเขาจะให้เธอทำผิดบาปในใจไปถึงไหน แต่ทำได้เพียงกำมือเข้าหากันแน่น ขมวดคิ้วเจ็บปวดทั้งกายทั้งใจต่อสิ่งที่เขากระทำต่อตน

“เจ็บ...” ทนไม่ไหวต่อความดุดันจากกายแกร่ง ฝ่ามือบางพยายามดันหน้าท้องที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อไม่ให้ขยับเข้าหาเธอแรงนัก “คุณเติร์กขา หลิวเจ็บ” นึกน้อยใจที่เขาเอาความโกรธมาลงที่เธอ ทุกอย่างที่เกิดขึ้นทำไมคนอย่างเธอถึงเป็นคนที่ผิดและต้องรับผิดไปหมดทุกเรื่อง “คุณเติร์กหลิวเจ็บค่ะ” ต้องส่งเสียงออดอ้อน เรี่ยวแรงที่กำลังถาโถมเข้ามาจึงเบาลง เสียงบางๆนั้นทำให้เขารู้สึกตัวและผ่อนแรง

“เจ็บเหรอ เจ็บเหรอครับ” เขารีบกระซิบถาม “แบบนี้เจ็บไหม” ขยับกายใหม่ให้อ่อนโยนลงกว่าเดิม ให้อยู่ในจังหวะที่หญิงสาวพอจะรับไหวและไม่ทุรนทุรายมากนัก พีรภาสก้มลงหอมแก้มนวล พร้อมกับจุมพิตร้อนๆที่ริมฝีปากกระจับสวย กวาดกลืนความชอกช้ำอย่างตบหัวแล้วลูบหลัง ภายหลังสำเร็จเสร็จสิ้นความต้องการ

ลัคนาเอียงหน้าหลบแง่งอน รู้สึกเหมือนตนถูกข่มขืนคุกคาม อารมณ์ร่วมของเธอมีในภายหลัง แม้จะมาช้าแต่มันมาเยอะมาก ในตอนนี้เธอหวังในใจลึกๆว่าเขาจะตามมาง้อ ก่อนจะอมยิ้มในใจน้อยๆเมื่อใบหน้าของชายหนุ่มตามติดเข้ามาก่อนจะแนบหน้าลงที่แก้มนวล

Related chapters

Latest chapter

DMCA.com Protection Status