1
ลัคนา ไม่เคยได้รับโอกาสดีๆหรือพิเศษในชีวิตเลยสักครั้ง ผิดกับ ลัคนัย ผู้เป็นพี่ชายที่มักจะได้รับสิ่งดีๆจากครอบครัวอยู่เสมอ ลัคนัยหรือพี่แฮม พี่ชายคนเดียวเป็นเด็กหัวดีตั้งแต่ยังเด็ก ความสามารถทั้งทางวิชาการและกิจกรรมทำให้เขาได้รับการส่งเสริมจากครอบครัวและโรงเรียนจนได้มีโอกาสเดินทางลัดฟ้าไปแข่งขันวิชาการอยู่ต่างประเทศเสมอๆ ในขณะที่ตัวของลัคนา เป็นเด็กเรียนเก่งในระดับดีเยี่ยม หากแต่ครอบครัวที่พร้อมใจกันผูกมัดเธอไว้กับบ้าน เพื่อคอยจัดการงานบ้านและเป็นคนรับใช้ทุกอย่างตั้งแต่ยังเด็ก
ลัคนัยเป็นเด็กหัวไวตั้งแต่เด็ก ชีวิตที่มีครอบครัวสนับสนุนทุกทางและเลี้ยงดูอย่างดีดุจราชาองค์น้อยๆ และคอยมีน้องสาวตามติดเป็นบ่าวรับใช้ แล้วยังเป็นความรักและเป็นความหวังของนามสกุล แกร่งกล้ากุล ทำให้เขามีความทะนงตน เย่อหยิ่งอวดดีและเห็นแก่ตัวเพราะเกิดมาไม่ต้องทำเพื่อใคร มีแต่คนมารุมล้อมทำเพื่อเขา ความอวดดีจองหองของเขามักจะสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวเสมอ แต่ลัคนัยไม่เคยเรียนรู้หรือรู้สึกผิดอะไรกับข้อผิดพลาดที่เขาก่อขึ้นเลย เขายังนึกเสมอว่าตนนั้นไม่เคยผิด และเฝ้าแต่โยนความผิด ปัดความรับผิดชอบไปให้คนอื่น
ในสังคมหนุ่มไฮโซและครอบครัวแกร่งกล้ากุลทุกคนรู้ดีว่า ลัคนัย แกร่งกล้ากุล เป็นหนุ่มเจ้าสำราญ เป็นคาสโนวาที่คอยเก็บแต้มหญิงสาวทุกราตรี จะมีก็เพียงแต่ลัคนา ที่รู้ถึงความไม่เอาไหน ฟุ้งเฟ้อ ใช้เงินเกินตัว อวดตัวเองว่าเป็นไฮโซและรักแต่สนุกของลัคนัยจนสร้างความเดือดเนื้อร้อนใจให้แก่น้องสาวอย่างเธออยู่เสมอ
“พี่แฮมคะ พี่แฮมทำแบบนี้กับหลิวได้ยังไง” วันนี้น้องสาวบุกเข้ามาหาพี่ชายถึงห้องพักส่วนตัว เคาะประตูอุกอาจให้ลัคนัยเปิดประตูและอธิบายต่อสิ่งที่เธอถูกเขากระทำอย่างไร้น้ำใจ ซ้ำแล้วซ้ำเล่า
“พี่แฮมเปิดประตู หลิวรู้ว่าพี่แฮมอยู่ในห้องนี้ พี่แฮมเปิด คนเห็นแก่ตัวเปิดประตู!” อารมณ์โมโห ผิดหวังและโกรธทำให้มือบางรัวเคาะประตูไม่หยุดพร้อมทั้งส่งเสียงกราดเกรี้ยวให้คนในห้องรู้ว่าเธอโกรธ ไม่เพียงแต่คนในห้องที่รู้ คนอื่นๆในบ้านต่างก็ได้ยินเสียงลัคนาตะโกนเรียกพี่ชายไปทั่วทั้งบริเวณ
“มีอะไรกันยัยหลิว” แม่กับอาต่างวิ่งขึ้นมาดูสถานการณ์เมื่ออยู่ ๆลูกชายสุดที่รักถูกลัคนาตะโกนด่าปาว ๆ
“พี่แฮมค่ะแม่ พี่แฮมเขาขโมยบัตรเอทีเอ็มของหลิวไปกดเงินออกจากบัญชีจนหมดเลย” น้องสาวรีบฟ้องด้วยความตื่นกลัวและสุดแสนจะเสียดายเงินหลายแสนที่เฝ้าเพียรเก็บหอมรอมริม แต่กลับถูกพี่ชายแย่งชิงไปอย่างเห็นแก่ตัว
“เรื่องแค่นี้ทำเป็นตะโกนใหญ่โต” คำตอบและสายตาระอาที่ได้จากผู้เป็นแม่และอาทำให้เธอตกใจจนเข่าอ่อนแทบจะล้มตัวลง ดีที่ได้กลอนประตูยึดเหนี่ยวไว้พยุงตัว
“มะ...แม่ แม่พูดอะไรน่ะ เงินที่หลิวอุตส่าห์เก็บมาทั้งชีวิต ถูกลูกชายของแม่ขโมยไปนะ” ยังหวังให้ครอบครัวเข้าข้างเธอบ้างเพราะครั้งนี้มันเกินไปจริงๆ
“แล้วแกจะทำไม พี่เขาเป็นพี่ของแก ทำไมไม่ทำเพื่อพี่บ้างล่ะ จะทะเลาะกันใหญ่โตเพราะเงินแค่นี้เนี่ยนะ” แม่รีบกางแขนปกป้องลูกชาย
“แต่ครั้งนี้เขาขโมยเงินหลิวไปสี่แสนเลยนะแม่ เขาเอาไปทำอะไร เงินหลิวเก็บมาเป็นสิบปี” เธอทำงานสอนพิเศษอย่างหนัก กว่าจะเก็บเงินได้ขนาดนี้ แต่พี่ชายกลับเอาไปใช้กับสุรา นารีและการพนัน
“ตีโพยตีพายไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอกนะยัยหลิว อย่าเสียงดังรบกวนพี่เขา พี่แฮมน่ะเขากลับมาจากบริษัททำงานมาเหนื่อยๆ” แม่พยายามที่จะตัดบท
“ได้ยังไงล่ะแม่ เงินของหลิวเก็บมาตั้งหลายปีนะ พี่แฮมเปิดประตู! คืนเงินหลิวมาเดี๋ยวนี้” ไม่ได้แปลกใจต่อสิ่งที่ได้ยิน แต่เงินก้อนนี้เป็นก้อนสำคัญในชีวิตของเธอ เป็นเงินสำหรับเรียนต่อและเธอมีเพียงเท่านี้ในชีวิต
มือบางรัวเคาะประตู ปากก็ตะโกนเรียกพี่ชายไม่หยุด ทวงความยุติธรรมให้ตนเอง ในเมื่อไม่มีใครในบ้านช่วยเหลือเธอ ดังนั้นเธอจะต้องทวงมันคืนให้ได้
“พี่แฮมเปิดเดี๋ยวนี้นะ เอาเงินหลิวคืนมา เอาคืนมา” ตะโกนก้อง ออกแรงทุบประตูหนักมือขึ้นกว่าเดิม ไม่สนใจเสียงร้องห้ามของแม่และอาอีกต่อไป จนกระทั้งมีเสียงเท้าเดินหนักๆดังมาจากในห้อง ไม่กี่อึดใจคนที่อยู่ในห้องก็ยอมเปิดประตูออกมา
“มีอะไร” ลัคนัยตีมึนทำราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไรมาก่อน
“เอาเงินมาคืนหลิวเดี๋ยวนี้นะพี่แฮม” รีบทวงด้วยความโมโห
“เงิน...เงินอะไร?” ตีหน้ามึนราวกับว่าที่ลัคนาตะโกนอยู่นานไม่ได้เข้าหูเขาเลย
“เงินหลิวไง พี่แอบเอาบัตรเอทีเอ็มของหลิวไปกดเงิน เอาบัตรเครดิตหลิวไปรูดใช้จ่าย พี่ทำได้ยังไง นั่นมันเงินหลิวนะ” ถลาเข้ามาค้นเนื้อตัวของพี่ชาย ความหวังอันริบหรี่ของเธอคือต้องการเงินของตนคืนเท่านั้น
“ยัยหลิว แกอย่ามาทำแบบนี้ ฉันเป็นพี่แกนะเว้ย!” ขึ้นเสียงข่มเหงน้องก่อนจะผลักลัคนาจนหงายท้อง
“โอ้ย! พี่แฮมเอาคืนมา พี่แฮมเอาเงินหลิวคืนมา! เอาคืนมา” ร้องตะโกนสั่งพร้อมกระโจนกลับเข้าหาสิ่งที่ต้องการต่อ
“ยัยหลิว!” คนเป็นแม่รีบเข้ามายุติเรื่องบ้าๆนี้ ไม่ต้องการเห็นน้องสาวด่าทอพี่ชายอีกต่อไป นางรีบเข้ามากระชากร่างของลูกสาวออก ก่อนจะหวดฝ่ามือลงที่แก้มของลูกสาวเรียกสติ
ลัคนาเซถลาเป็นนกปีกหักก่อนจะล้มฟุบลงกับพื้น เจ็บหนึบกับแก้มซ้ายที่ถูกแม่ฟาดเข้ามาสุดแรง “มะ...แม่” ครางชื่อเรียกคนที่ตบเธอสุดแรงเมื่อครู่ ก่อนที่จะหัวใจตกไปอยู่ตาตุ่มเมื่อผู้เป็นแม่บังเกิดเกล้าชี้หน้าเธออย่างโมโห
“แกอย่าทำแบบนี้กับพี่แกอีกนะ เป็นน้องต้องเกื้อกูลพี่ชายตัวเอง ได้ยินไหม!”
“แม่! พี่แฮมเขาทำหลิวก่อนนะแม่”
“แกอย่ามาขึ้นเสียงใส่ฉันนะ ขอโทษพี่แฮม แล้วเอาเสื้อผ้าพี่เขาไปซักให้เรียบร้อย!” จากนั้นทุกคนก็แยกย้ายราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พี่แฮม คืนเงินให้หลิวเถอะ เงินหลิวหามากว่าจะได้” ร้องไห้ออกมาหวังจะใช้น้ำตาอ้อนวอน แต่คำตอบที่ได้รับกลับกลายเป็นเสื้อผ้ากองใหญ่ที่พี่ชายนั้นปาใส่
“เอาไปซักด้วย” สั่งทิ้งท้าย ก่อนจะกลับหลังหันเข้าห้องนอนพักผ่อนต่อ ไม่เอาเรื่องของลัคนามาใส่ใจอีกเลย แม้ว่าปัญหาที่เกิดขึ้น มันเป็นเพราะเขาเองก็ตาม แล้วยังไงล่ะ? ในเมื่อเขาเป็นลูกชายคนเดียวของตระกูล เป็นความรัก ความหวัง ความภูมิใจ แม่เคยบอกไว้ว่า เขาจะทำอะไรก็ได้ตามใจชอบเลย ขอแค่เป็นคนเก่งก็พอ
“พี่แฮม เงินหลิว เอาเงินหลิวคืนมา” น้องสาวยังคงเรียกร้องให้พี่คืนเงิน จนกระทั่งไม่มีเสียงตอบรับส่งสัญญาณว่าสิ้นหวังที่จะได้เงินคืน จึงค่อยๆเดินกลับห้องนอนของตนเอง ฟุบหน้าลงร้องไห้จนสาแก่ใจกับชีวิตที่มันไม่เป็นดั่งฝันและเสียดายต่อเงินที่เสียไปอย่างไร้ค่า ก็คงไม่พ้นเอาเงินของเธอไปอวดรวย เล่นพนันและลงขวดสุรา
ลัคนัยยังคงนั่งเชิดหน้าใส่คู่กรกณีอย่างจองหอง แม้รู้ตัวดีว่าสิ่งที่ร้องขอไปเป็นสิ่งที่เจ้าหนี้ของเขาให้ไม่ได้อย่างแน่นอน “คนอย่างผมมีปัญญาชดใช้หนี้สินอยู่แล้ว”
“ชีวิตของน้องตาล คุณจะชดใช้ยังไง” เสียงเรียบ ๆ ตอบกลับคำพูดโอหังนั้นอย่างใจเย็น ทว่าแม้ดูสุภาพแต่แฝงไปด้วยกลิ่นอายหายนะทำให้ใบหน้าปูดบวมของลัคนัยมีท่าทีหวาดเสียว พีรภาสเอ่ยปากให้เขาชดใช้ต่อสิ่งที่เขาได้ทำต่อภาริตา ผู้เป็นน้องสาวของพีรภาส
“ผมก็มีน้องสาว คุณทำกับน้องสาวผมได้เหมือนที่ผมทำกับวุ้นตาลได้เลย” คนเห็นแก่ตัวเป็นที่ตั้ง ได้สร้างเงื่อนไขจะมอบน้องสาวให้เป็นการล้างแค้น “แต่มีข้อแม้ว่า ห้ามทำร้ายร่างกายยัยหลิวเด็ดขาด” เชิดหน้าจองหองต่อรอง แต่ในใจหวั่นเกรงว่าคนที่นั่งนิ่งจะทำร้ายอะไรตนหรือไม่
“ผมไม่ทำร้ายผู้หญิง และเรื่องทั้งหมดคุณเป็นคนก่อขึ้น ทำไมต้องผลักไปให้น้องสาวคุณรับผิดชอบด้วย ทั้งหนี้สิน ทั้งเรื่องวุ้นตาล ร่างกายของผู้หญิงคนอื่นจะมาชดเชยเรื่องทั้งหมดได้ยังไง มันไม่เห็นแก่ตัวไปหน่อยเหรอที่คุณจะโยนบาปไปให้คนอื่นชดใช้” ร่ายยาวสั่งสอนแต่รู้ดีว่าคนสมองหนาสันดานหยาบอย่างมันคงไม่เข้าใจ
“ยัยหลิวเป็นน้องของผม พี่น้องต้องช่วยกัน ผมเดือดร้อนเรื่องหนี้สิน ยัยหลิวพอจะช่วยอะไรได้ก็ต้องช่วย ช่วยขัดดอกชั่วคราวก็ยังดี ใครๆก็ทำกัน”
คนกมลสันดานอย่างลัคนัย เห็นแก่ตัวเองเสมอ เขาขอแค่ไม่ถูกตามทำร้าย ไม่ถูกฆ่าตายและยังมีเงินใช้ล้างผลาญไปกับการพนันที่เขาชื่นชอบ เพียงเท่านี้เขาก็สามารถทำได้ทุกอย่าง แม้แต่การผลักความอดสูไปให้น้องสาวที่น่ารักของเขา
“ผมรับประกันความบริสุทธิ์ของยัยหลิว ยัยหลิวสามารถเป็นนางบำเรอของคุณในระหว่างที่รอเงินสามสิบล้านที่เป็นหนี้สินของผมได้”
“ผู้หญิงคนอื่น จะชดใช้ที่คุณทำเลวน้องสาวของผมได้เหรอ น้องสาวคุณไม่เกี่ยวกับเรื่องนี้นะคุณลัคนัย” ย้อนเสียงเย็น ก่อนจะโบกไม้โบกมือเป็นการเรียกลูกน้องให้ลากผู้ชายคนนี้ออกไปให้พ้นตา
“แต่ยัยหลิวรักผม ชาตินี้ทั้งชาติยัยหลิวติดหนี้บุญคุณผม ยัยหลิวยอมแน่ ๆ คุณเอายัยหลิวไปแล้วเลิกส่งคนตามผมเสียที” อาการลนลานกลัวตายทำให้รับปากได้ทุกอย่าง มั่นอกมั่นใจว่าจะได้น้องสาวตัวเองมาเป็นสิ่งบำเรอขัดดอกเบี้ยที่มีอยู่ แลกกับพีรภาสไม่ตามราวีชีวิตเขาอีก
พีรภาสตวัดสายตาดุดันมองคนเห็นแก่ตัวชาติชั่วที่หมอบอยู่ตรงหน้า ไม่คาดคิดว่าชาตินี้ทั้งชาติจะได้พบเจอคนประเภทที่ชอบโยนความผิด โยนปัญหาให้คนอื่นแบบนี้อีกคนหนึ่งในโลก “คุณมันเห็นแก่ตัวชิบเป๋งเลยว่ะ” พูดเสียงรอดไรฟันโกรธแค้นแทนผู้หญิงน่าสงสารที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไร แล้วต้องมาชดใช้กรรมแทนแบบนี้
“ยัยหลิวเป็นน้องผม ยังไงยัยหลิวต้องช่วยผม” ให้คำตอบมั่นอกมั่นใจ เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อให้ตัวเองสุขสบาย แม้จะเป็นการหยิบยื่นนรกให้กับน้องแท้ๆก็ตาม
“ถ้าคุณมั่นใจว่ามีข้อแลกเปลี่ยนอะไรที่ดีพอ ผมจะไม่เร่งรัดเงินจากคุณ แต่เรื่องของน้องวุ้นตาล ผมไม่ปล่อยคุณง่ายๆแน่!” พูดถึงบุคคลที่สามพร้อมข่มขู่
“งะ...งั้นคุณเอายัยหลิวไปได้เลย จะเอาไปต้มยำทำแกงที่ไหนก็ได้ ให้สาสมกับสิ่งที่วุ้นตาลเขาเจ็บปวดจากผม” โยนความผิดไปให้คนอื่นหน้าด้านๆ และเห็นแก่ตัวเกินกว่าที่จะยอมรับผิดในสิ่งที่ตัวเองก่อได้ “ยัยหลิวเป็นหนี้ชีวิตผม ยัยหลิวจะยอมชดใช้ทุกอย่างแทนผมครับ จะตบจะตี จะซ้อม จะทารุณมันยังไงก็ได้ อีนี่มันทนมือทนตีนอยู่แล้ว”
พอได้ยินดังนั้น พีรภาสสั่งลูกน้องให้ซ้อมลัคนัยอีกรอบ ให้สมกับที่บังอาจดูถูกเขากลายๆว่าเป็นคนบ้ากาม แลกได้ทุกอย่างเพียงแค่มีผู้หญิงมานอนด้วย
“ลองดูสักครั้งเถอะครับคุณเติร์ก ถ้าข้อแลกเปลี่ยนของผมไม่เป็นที่พอใจ ผมจะไม่กวนใจคุณอีก และจะรีบหาเงินมาคืนให้ได้ เพียงแต่ตอนนี้ผมยังหาเงินไม่ได้ตามจำนวนหนี้จริงๆ โปรดรับยัยหลิวไว้ขัดดอกก่อนเถอะครับ ผมจะพาน้องไปตรวจสุขภาพ ตรวจเลือดเพื่อยืนยันว่ายัยหลิวไม่ได้เป็นอะไรที่รังเกียจ และสามารถใช้เป็นสิ่งขัดดอกเบี้ยจนกว่าผมจะหาเงินมาได้” ยังคงยืนกรานเช่นนั้น
“นี่มันสมัยไหนแล้วคุณลัคนัย” น้ำเสียงและวาจาเขาส่อเสียดเหยียดหยาม “แล้วเรื่องยัยวุ้นตาย คุณจะชดใช้ยังไง” พยายามข่มอารมณ์โมโหสุดขีด กลับหลังหันไปชงเครื่องดื่มดีกรีแรง พยายามใช้แอลกอฮอล์ระงับอารมณ์ไม่ให้คว้าปืนมายิงแสกหน้าตัวต้นเหตุที่ทำให้น้องสาวของเขาช็อกเข้าไอซียู แล้วยังก่อเหตุฉ้อโกงมากมาย เงินเยอะแยะมากมายของภาริตาถูกไอ้ชั่วคนนี้ยักยอกไปเล่นการพนันจนแทบจะหมด คนอย่างมันไม่มีปัญญารับผิดชอบอะไรหรอก แม้แต่ผิดชอบชั่วดียังไม่รู้
“ระ...เรื่องวุ้นตาล ผมเสียใจจริงๆที่มันเป็นแบบนี้” คำตอบนั้น ทำให้เขาถูกกระทืบอีก จนสลบไป
“ลากมันออกไปจากห้องฉัน!”
ลัคนาตั้งใจสอนพิเศษ เพื่อเก็บสะสมเงินใหม่ หลังจากที่เงินเก็บที่หามาอย่างยากลำบากถูกพี่ชายขโมยไปใช้จนหมด เธอรีบทำงานอย่างเป็นบ้าเป็นหลังหาเงินให้มากๆหวังจะไปจากบ้านที่อยู่อาศัยเสียให้ได้“หลิว มีโทรศัพท์มาที่กวดวิชา เป็นทางบ้านน่ะ” แม่บ้านเฝ้าโรงเรียนกวดวิชาชะโงกหน้าบอกกับติวเตอร์คนงามที่กำลังสอนลูกศิษย์เต็มห้องลัคนาพอจะรู้ว่าเป็นใครที่ติดต่อมา หากแต่ต้องเดินออกไปรับสายเพื่อเป็นการตัดการรบกวนคนอื่น วันนี้ทั้งวันลัคนัยโทรติดต่อมาหาเธอทั้งวัน โดยโทรเข้าเบอร์ของโรงเรียนกวดวิชา“ฮัลโหล” ลัคนากรอกเสียงลงไปด้วยความเหนื่อยล้า หมดแรงที่จะวิ่งหนีพี่ชายหน้าด้านหน้าทนที่คอยแต่จะรังแกและเอาเปรียบเธออยู่เรื่อยไป“หลิว แกฟังฉันนะ” น้ำเสียงของลัคนัยวางอำนาจดังมาตามสาย“หลิวมีสอนนะพี่แฮม เลิกโทรมาที่โรงเรียนได้แล้ว เกรงใจเขา” ปรามพี่ชายเสียงต่ำให้รู้ว่าโกรธมากขนาดไหน สถาบันกวดวิชาที่เธอรับจ้างสอนหนังสือ ไม่ได้เป็นบ้านของเธอเสียหน่อย เขายังรบกวนได้บ่อยๆอย่างไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจแม้แต่น้อยนิด“ฟังฉันก่อนจะตายไหม” ตะคอกถามเสียงฉุนกลับมา“มีอะไรก็พูดมาค่ะ หลิวต้องไปสอนหนังสือต่อ”“เงินที่ฉันเอาของแกไป ฉั
ลัคนาตื่นขึ้นในช่วงบ่ายโมงของอีกวัน หลังจากพีรภาสเคล้นพลังจากเธอไปจนหมดแรง กว่าจะยอมปล่อยให้เธอเพลียหลับก็ตอนเกือบจะตีสี่ โน้ตเล็กๆถูกวางไว้ที่ตู้ข้างเตียงนอน ในนั้นแจ้งว่าให้เธอพักผ่อนให้พอ เขาสั่งรูมเซอร์วิสไว้ให้ ถ้าหากเธอหิวให้โทรตามพนักงานขึ้นมาเสิร์ฟอาหารแต่หญิงสาวกลับอยากจะออกไปจากที่นี่ เธอรีบแต่งตัวก่อนจะออกจากห้องพักของเขาไปอย่างเงียบๆ ไปเริ่มต้นที่บ้าน อาบน้ำแต่งตัวใหม่และไปรับงานสอนพิเศษ กลับมาใช้ชีวิตให้เป็นปรกติ เพราะเธอจะต้องทำมาหากิน เธอยอมช่วยพี่ชาย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่งอมืองอเท้าทำตัวเป็นเครื่องขัดดอกเบี้ยให้ใครดูถูก “อ้าวหลิว เป็นไงบ้าง” ลัคนัยเอ่ยทักทายน้องสาวอย่างเสียมิได้ ยามเมื่อเห็นน้องเดินเข้ามาในตัวบ้าน เขาพึ่งตื่นเช่นเคยในวันเสาร์ที่ไม่ต้องไปทำงาน ตื่นบ่ายสองตรงกับช่วงเวลาที่น้องกำลังเดินกลับเข้าบ้าน“หลิว ยัยหลิว” พี่ชายรีบเดินขึ้นมาดักหน้าหญิงสาวไว้ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังเดินไปอีกทาง“พี่แฮม มีอะไรเหรอคะ” ก้มหน้าไว้ไม่ยอมเงยมองผู้เป็นพี่ที่กำลังทักทาย อย่างจงใจหลบหน้าหลบตา“หลิวเป็นไงบ้าง คุณเติร์กเขาทำร้ายหลิวหรือเปล่า” คำถามของพี่ชาย ถ้าได้ยิน
ทั้งพีรภาสและลัคนารู้ตัวเองดี แต่สำหรับชายหนุ่มนั้นเขาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว หญิงสาวเบือนหน้าหนีรสจูบจากชายที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่กลับต้องมาใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวแบบนี้ แม้จะเพียงข้ามคืน หรือชั่วคราวเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ยิ่งเธอขยับหนีเท่าไหร่ มันกลับไม่พ้น เขายิ่งเข้ามาคุกคามยั่วเย้า“เดี๋ยวค่ะ” เสียงเล็กๆท้วงขึ้น พร้อมทั้งยกมือบางดันแผ่นอกกว้างไว้ไม่ให้เขาโน้มตัวเข้ามาหา “ฉัน ฉันอยากเข้าห้องน้ำหน่อย” ให้เหตุผลก่อนจะเบี่ยงตัวลุกขึ้น แต่เหมือนเรี่ยวแรงขัดขืนมันจะอ่อนระทวยลงไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เธอมีอาการผิดปกตินับตั้งแต่กินนมสดร้อนแก้วนั้นเข้าไป“ไม่เอาหน่า อย่าเสียเวลาเลย เวลาของผมมีค่า อย่าให้เสียไปกับคนอย่างพวกคุณอีกเลย” ว่าอย่างจงใจดูถูก ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เขานั่นแหละที่อดใจไม่ไหว อยากจะทำอะไรต่อมิอะไรเสียเดียวนี้ พร้อมกับที่มือหนาขยับปลดเปลื้องเสื้อผ้าของหญิงสาวออกทีละชิ้นน้ำคำของเขาทำให้คนฟังรู้สึกฉุนขึ้นมา เขาพูดเหมือนเขาและเธอมีความเป็นคนไม่เท่ากัน ไม่มีใครชอบโดนดูถูกหรอก แม้จะอยู่ในสถานะที่ต่ำต้อยกว่า “คนอย่างพวกฉันงั้นเหรอ คนอย่างพวกฉันมันทำไม” แต่กลับต้องสำเหนียกตัว
2เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสัญญาณให้ลัคนารู้ว่าต้องปฏิเสธนัดหมายทุกอย่าง เพื่อที่สามทุ่มจะได้ถึงห้องพักของพีรภาส“พี่แฮม วันนี้หลิวรู้สึกไม่ค่อยสบาย หลิวไม่ไปได้ไหม” บอกออกมาในตอนที่กำลังจะถูกพี่ชายพาไปขึ้นรถ เธอเหมือนหมูในอวยที่กำลังจะถูกส่งไปเชือดที่โรงงานไม่มีผิด ชีวิตของเธอ“แกอย่าเรื่องมาก แกอยากให้เขาตามฆ่าฉันเหรอไง” เผด็จการเห็นแก่ตัวจับน้องสาวยัดเข้าไปในรถ แล้วยังข่มขู่เธอสารพัด“แต่หลิวยังไม่เห็นว่าคุณเติร์กเขาจะทำอะไรพี่เลยนะ”“นั่นแหละ แกถึงต้องไปอยู่กับเขา เอาตัวของแกเข้าแลก แล้วเริ่มพูดยังไงก็ได้ให้เขาไม่เอาเรื่องฉัน” คำตอบของพี่ทำให้คนฟังหน้าเสียและรู้สึกไร้คุณค่าในตัวเอง“แล้วพี่จะให้หลิวเอาตัวเข้าแลกแบบนี้จนถึงเมื่อไหร่ล่ะคะ” รู้สึกเจ็บปวดจนชาไปหมดทั้งความรู้สึก ใจสลายจนไม่อาจประกอบรูปคืนได้อีกลัคนัยทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะหาคำตอบให้น้องได้ “ก็จนกว่าฉันจะหาเงินมาใช้หนี้เขาหมด หรือถ้าเขาเรียกร้องให้ฉันชดใช้ในสิ่งที่ทำกับน้องวุ้นตาล แกก็เอาตัวเข้าแลกไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะเบื่อก็แล้วกัน แต่ห้ามให้เขาล้างแค้นฉันเด็ดขาด ไม่งั้นแกโดนฉันฆ่าแน่” ขู่สำทับในตอนสุดท้ายลัคนาน
“นอนแล้วเหรอ ง่วงหรือยัง” ชายหนุ่มถามพลางอมยิ้ม รู้ว่าเธอมีอาการแง่งอน แต่พอเขาอารมณ์ดีขึ้นจึงมาทำท่าทีหวานใส่เป็นการง้อและขอโทษที่ไม่มีเสียง“ง่วงแล้วค่ะ” ต้องการจะพักสักหน่อย พลางขยับตัวกอดรัดร่างกำยำไว้เพราะรู้สึกต้องการความอบอุ่น“งั้นนอนก่อนแล้วกัน ยังไงก็คงจะต้องอยู่ที่นี่ถึงเช้า เผื่อตื่นดึกๆผมจะสั่งรูมเซอร์วิสให้” จุมพิตล่ำลาให้คนอ่อนเพลียเข้าสู่ห้วงนิทรา ก่อนที่เจ้าตัวจะผล็อยหลับไปบ้างหลังจากปลดปล่อยกำลังออกมามาก เริ่มรู้สึกตัวว่าเข้าสู่วัยสามสิบเจ็ด ที่เริ่มจะเข้าสู่เลขสี่ มันเหนื่อยง่ายขึ้นแบบนี้นี่เอง เป็นความจริงที่เขาจะต้องยอมรับให้ได้ลัคนาตื่นขึ้นกลางดึก พลิกตัวกลับมากอดซบอกอบอุ่นกำยำ รู้สึกพันผูกต่อชายคนนี้อย่างน่าประหลาด ชีวิตที่เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ ไร้หลักยึดยามเมื่อว้าเหว่ไม่เป็นที่ต้องการของใคร เขากลับมาทำท่าราวกับต้องการเธอมาก รู้ทั้งรู้ว่าอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างประหลาดแล้วเขาก็คลุมเครือ ว่ายังรักกันดีกับแม่ของลูกอยู่หรือเปล่า เธอเลยคาบลูกคาบดอกว่าจะเป็นแค่นางบำเรอหรือเมียน้อย แต่จะให้เธอห้ามเผลอใจได้อย่างไรตลอดทั้งคืนหญิงสาวไม่ยอมหลับอีกเลย เธอนอนเฝ้าดูเสี้
“นอนแล้วเหรอ ง่วงหรือยัง” ชายหนุ่มถามพลางอมยิ้ม รู้ว่าเธอมีอาการแง่งอน แต่พอเขาอารมณ์ดีขึ้นจึงมาทำท่าทีหวานใส่เป็นการง้อและขอโทษที่ไม่มีเสียง“ง่วงแล้วค่ะ” ต้องการจะพักสักหน่อย พลางขยับตัวกอดรัดร่างกำยำไว้เพราะรู้สึกต้องการความอบอุ่น“งั้นนอนก่อนแล้วกัน ยังไงก็คงจะต้องอยู่ที่นี่ถึงเช้า เผื่อตื่นดึกๆผมจะสั่งรูมเซอร์วิสให้” จุมพิตล่ำลาให้คนอ่อนเพลียเข้าสู่ห้วงนิทรา ก่อนที่เจ้าตัวจะผล็อยหลับไปบ้างหลังจากปลดปล่อยกำลังออกมามาก เริ่มรู้สึกตัวว่าเข้าสู่วัยสามสิบเจ็ด ที่เริ่มจะเข้าสู่เลขสี่ มันเหนื่อยง่ายขึ้นแบบนี้นี่เอง เป็นความจริงที่เขาจะต้องยอมรับให้ได้ลัคนาตื่นขึ้นกลางดึก พลิกตัวกลับมากอดซบอกอบอุ่นกำยำ รู้สึกพันผูกต่อชายคนนี้อย่างน่าประหลาด ชีวิตที่เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ ไร้หลักยึดยามเมื่อว้าเหว่ไม่เป็นที่ต้องการของใคร เขากลับมาทำท่าราวกับต้องการเธอมาก รู้ทั้งรู้ว่าอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างประหลาดแล้วเขาก็คลุมเครือ ว่ายังรักกันดีกับแม่ของลูกอยู่หรือเปล่า เธอเลยคาบลูกคาบดอกว่าจะเป็นแค่นางบำเรอหรือเมียน้อย แต่จะให้เธอห้ามเผลอใจได้อย่างไรตลอดทั้งคืนหญิงสาวไม่ยอมหลับอีกเลย เธอนอนเฝ้าดูเสี้
2เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสัญญาณให้ลัคนารู้ว่าต้องปฏิเสธนัดหมายทุกอย่าง เพื่อที่สามทุ่มจะได้ถึงห้องพักของพีรภาส“พี่แฮม วันนี้หลิวรู้สึกไม่ค่อยสบาย หลิวไม่ไปได้ไหม” บอกออกมาในตอนที่กำลังจะถูกพี่ชายพาไปขึ้นรถ เธอเหมือนหมูในอวยที่กำลังจะถูกส่งไปเชือดที่โรงงานไม่มีผิด ชีวิตของเธอ“แกอย่าเรื่องมาก แกอยากให้เขาตามฆ่าฉันเหรอไง” เผด็จการเห็นแก่ตัวจับน้องสาวยัดเข้าไปในรถ แล้วยังข่มขู่เธอสารพัด“แต่หลิวยังไม่เห็นว่าคุณเติร์กเขาจะทำอะไรพี่เลยนะ”“นั่นแหละ แกถึงต้องไปอยู่กับเขา เอาตัวของแกเข้าแลก แล้วเริ่มพูดยังไงก็ได้ให้เขาไม่เอาเรื่องฉัน” คำตอบของพี่ทำให้คนฟังหน้าเสียและรู้สึกไร้คุณค่าในตัวเอง“แล้วพี่จะให้หลิวเอาตัวเข้าแลกแบบนี้จนถึงเมื่อไหร่ล่ะคะ” รู้สึกเจ็บปวดจนชาไปหมดทั้งความรู้สึก ใจสลายจนไม่อาจประกอบรูปคืนได้อีกลัคนัยทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะหาคำตอบให้น้องได้ “ก็จนกว่าฉันจะหาเงินมาใช้หนี้เขาหมด หรือถ้าเขาเรียกร้องให้ฉันชดใช้ในสิ่งที่ทำกับน้องวุ้นตาล แกก็เอาตัวเข้าแลกไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะเบื่อก็แล้วกัน แต่ห้ามให้เขาล้างแค้นฉันเด็ดขาด ไม่งั้นแกโดนฉันฆ่าแน่” ขู่สำทับในตอนสุดท้ายลัคนาน
ทั้งพีรภาสและลัคนารู้ตัวเองดี แต่สำหรับชายหนุ่มนั้นเขาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว หญิงสาวเบือนหน้าหนีรสจูบจากชายที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่กลับต้องมาใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวแบบนี้ แม้จะเพียงข้ามคืน หรือชั่วคราวเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ยิ่งเธอขยับหนีเท่าไหร่ มันกลับไม่พ้น เขายิ่งเข้ามาคุกคามยั่วเย้า“เดี๋ยวค่ะ” เสียงเล็กๆท้วงขึ้น พร้อมทั้งยกมือบางดันแผ่นอกกว้างไว้ไม่ให้เขาโน้มตัวเข้ามาหา “ฉัน ฉันอยากเข้าห้องน้ำหน่อย” ให้เหตุผลก่อนจะเบี่ยงตัวลุกขึ้น แต่เหมือนเรี่ยวแรงขัดขืนมันจะอ่อนระทวยลงไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เธอมีอาการผิดปกตินับตั้งแต่กินนมสดร้อนแก้วนั้นเข้าไป“ไม่เอาหน่า อย่าเสียเวลาเลย เวลาของผมมีค่า อย่าให้เสียไปกับคนอย่างพวกคุณอีกเลย” ว่าอย่างจงใจดูถูก ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เขานั่นแหละที่อดใจไม่ไหว อยากจะทำอะไรต่อมิอะไรเสียเดียวนี้ พร้อมกับที่มือหนาขยับปลดเปลื้องเสื้อผ้าของหญิงสาวออกทีละชิ้นน้ำคำของเขาทำให้คนฟังรู้สึกฉุนขึ้นมา เขาพูดเหมือนเขาและเธอมีความเป็นคนไม่เท่ากัน ไม่มีใครชอบโดนดูถูกหรอก แม้จะอยู่ในสถานะที่ต่ำต้อยกว่า “คนอย่างพวกฉันงั้นเหรอ คนอย่างพวกฉันมันทำไม” แต่กลับต้องสำเหนียกตัว
ลัคนาตื่นขึ้นในช่วงบ่ายโมงของอีกวัน หลังจากพีรภาสเคล้นพลังจากเธอไปจนหมดแรง กว่าจะยอมปล่อยให้เธอเพลียหลับก็ตอนเกือบจะตีสี่ โน้ตเล็กๆถูกวางไว้ที่ตู้ข้างเตียงนอน ในนั้นแจ้งว่าให้เธอพักผ่อนให้พอ เขาสั่งรูมเซอร์วิสไว้ให้ ถ้าหากเธอหิวให้โทรตามพนักงานขึ้นมาเสิร์ฟอาหารแต่หญิงสาวกลับอยากจะออกไปจากที่นี่ เธอรีบแต่งตัวก่อนจะออกจากห้องพักของเขาไปอย่างเงียบๆ ไปเริ่มต้นที่บ้าน อาบน้ำแต่งตัวใหม่และไปรับงานสอนพิเศษ กลับมาใช้ชีวิตให้เป็นปรกติ เพราะเธอจะต้องทำมาหากิน เธอยอมช่วยพี่ชาย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่งอมืองอเท้าทำตัวเป็นเครื่องขัดดอกเบี้ยให้ใครดูถูก “อ้าวหลิว เป็นไงบ้าง” ลัคนัยเอ่ยทักทายน้องสาวอย่างเสียมิได้ ยามเมื่อเห็นน้องเดินเข้ามาในตัวบ้าน เขาพึ่งตื่นเช่นเคยในวันเสาร์ที่ไม่ต้องไปทำงาน ตื่นบ่ายสองตรงกับช่วงเวลาที่น้องกำลังเดินกลับเข้าบ้าน“หลิว ยัยหลิว” พี่ชายรีบเดินขึ้นมาดักหน้าหญิงสาวไว้ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังเดินไปอีกทาง“พี่แฮม มีอะไรเหรอคะ” ก้มหน้าไว้ไม่ยอมเงยมองผู้เป็นพี่ที่กำลังทักทาย อย่างจงใจหลบหน้าหลบตา“หลิวเป็นไงบ้าง คุณเติร์กเขาทำร้ายหลิวหรือเปล่า” คำถามของพี่ชาย ถ้าได้ยิน
ลัคนาตั้งใจสอนพิเศษ เพื่อเก็บสะสมเงินใหม่ หลังจากที่เงินเก็บที่หามาอย่างยากลำบากถูกพี่ชายขโมยไปใช้จนหมด เธอรีบทำงานอย่างเป็นบ้าเป็นหลังหาเงินให้มากๆหวังจะไปจากบ้านที่อยู่อาศัยเสียให้ได้“หลิว มีโทรศัพท์มาที่กวดวิชา เป็นทางบ้านน่ะ” แม่บ้านเฝ้าโรงเรียนกวดวิชาชะโงกหน้าบอกกับติวเตอร์คนงามที่กำลังสอนลูกศิษย์เต็มห้องลัคนาพอจะรู้ว่าเป็นใครที่ติดต่อมา หากแต่ต้องเดินออกไปรับสายเพื่อเป็นการตัดการรบกวนคนอื่น วันนี้ทั้งวันลัคนัยโทรติดต่อมาหาเธอทั้งวัน โดยโทรเข้าเบอร์ของโรงเรียนกวดวิชา“ฮัลโหล” ลัคนากรอกเสียงลงไปด้วยความเหนื่อยล้า หมดแรงที่จะวิ่งหนีพี่ชายหน้าด้านหน้าทนที่คอยแต่จะรังแกและเอาเปรียบเธออยู่เรื่อยไป“หลิว แกฟังฉันนะ” น้ำเสียงของลัคนัยวางอำนาจดังมาตามสาย“หลิวมีสอนนะพี่แฮม เลิกโทรมาที่โรงเรียนได้แล้ว เกรงใจเขา” ปรามพี่ชายเสียงต่ำให้รู้ว่าโกรธมากขนาดไหน สถาบันกวดวิชาที่เธอรับจ้างสอนหนังสือ ไม่ได้เป็นบ้านของเธอเสียหน่อย เขายังรบกวนได้บ่อยๆอย่างไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจแม้แต่น้อยนิด“ฟังฉันก่อนจะตายไหม” ตะคอกถามเสียงฉุนกลับมา“มีอะไรก็พูดมาค่ะ หลิวต้องไปสอนหนังสือต่อ”“เงินที่ฉันเอาของแกไป ฉั
1ลัคนา ไม่เคยได้รับโอกาสดีๆหรือพิเศษในชีวิตเลยสักครั้ง ผิดกับ ลัคนัย ผู้เป็นพี่ชายที่มักจะได้รับสิ่งดีๆจากครอบครัวอยู่เสมอ ลัคนัยหรือพี่แฮม พี่ชายคนเดียวเป็นเด็กหัวดีตั้งแต่ยังเด็ก ความสามารถทั้งทางวิชาการและกิจกรรมทำให้เขาได้รับการส่งเสริมจากครอบครัวและโรงเรียนจนได้มีโอกาสเดินทางลัดฟ้าไปแข่งขันวิชาการอยู่ต่างประเทศเสมอๆ ในขณะที่ตัวของลัคนา เป็นเด็กเรียนเก่งในระดับดีเยี่ยม หากแต่ครอบครัวที่พร้อมใจกันผูกมัดเธอไว้กับบ้าน เพื่อคอยจัดการงานบ้านและเป็นคนรับใช้ทุกอย่างตั้งแต่ยังเด็กลัคนัยเป็นเด็กหัวไวตั้งแต่เด็ก ชีวิตที่มีครอบครัวสนับสนุนทุกทางและเลี้ยงดูอย่างดีดุจราชาองค์น้อยๆ และคอยมีน้องสาวตามติดเป็นบ่าวรับใช้ แล้วยังเป็นความรักและเป็นความหวังของนามสกุล แกร่งกล้ากุล ทำให้เขามีความทะนงตน เย่อหยิ่งอวดดีและเห็นแก่ตัวเพราะเกิดมาไม่ต้องทำเพื่อใคร มีแต่คนมารุมล้อมทำเพื่อเขา ความอวดดีจองหองของเขามักจะสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวเสมอ แต่ลัคนัยไม่เคยเรียนรู้หรือรู้สึกผิดอะไรกับข้อผิดพลาดที่เขาก่อขึ้นเลย เขายังนึกเสมอว่าตนนั้นไม่เคยผิด และเฝ้าแต่โยนความผิด ปัดความรับผิดชอบไปให้คนอื่นในสังคมหนุ