ลัคนาตื่นขึ้นในช่วงบ่ายโมงของอีกวัน หลังจากพีรภาสเคล้นพลังจากเธอไปจนหมดแรง กว่าจะยอมปล่อยให้เธอเพลียหลับก็ตอนเกือบจะตีสี่ โน้ตเล็กๆถูกวางไว้ที่ตู้ข้างเตียงนอน ในนั้นแจ้งว่าให้เธอพักผ่อนให้พอ เขาสั่งรูมเซอร์วิสไว้ให้ ถ้าหากเธอหิวให้โทรตามพนักงานขึ้นมาเสิร์ฟอาหาร
แต่หญิงสาวกลับอยากจะออกไปจากที่นี่ เธอรีบแต่งตัวก่อนจะออกจากห้องพักของเขาไปอย่างเงียบๆ ไปเริ่มต้นที่บ้าน อาบน้ำแต่งตัวใหม่และไปรับงานสอนพิเศษ กลับมาใช้ชีวิตให้เป็นปรกติ เพราะเธอจะต้องทำมาหากิน เธอยอมช่วยพี่ชาย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่งอมืองอเท้าทำตัวเป็นเครื่องขัดดอกเบี้ยให้ใครดูถูก
“อ้าวหลิว เป็นไงบ้าง” ลัคนัยเอ่ยทักทายน้องสาวอย่างเสียมิได้ ยามเมื่อเห็นน้องเดินเข้ามาในตัวบ้าน เขาพึ่งตื่นเช่นเคยในวันเสาร์ที่ไม่ต้องไปทำงาน ตื่นบ่ายสองตรงกับช่วงเวลาที่น้องกำลังเดินกลับเข้าบ้าน
“หลิว ยัยหลิว” พี่ชายรีบเดินขึ้นมาดักหน้าหญิงสาวไว้ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังเดินไปอีกทาง
“พี่แฮม มีอะไรเหรอคะ” ก้มหน้าไว้ไม่ยอมเงยมองผู้เป็นพี่ที่กำลังทักทาย อย่างจงใจหลบหน้าหลบตา
“หลิวเป็นไงบ้าง คุณเติร์กเขาทำร้ายหลิวหรือเปล่า” คำถามของพี่ชาย ถ้าได้ยินก่อนหน้านี้เธอคงจะยินดีอยู่หรอกที่พี่ชายนึกเป็นห่วงเธอบ้าง หลังจากปล่อยเธอเผชิญบาปกรรมที่ไม่ได้ก่อเพียงลำพัง
“คุณเติร์กเขาตกลงรับปากจะยอมให้พี่พักชำระหนี้ใช่ไหม” คำถามต่อมาของพี่ชายทำให้คนฟังรู้สึกวิงเวียนคลื่นไส้ ตกลงแล้วพี่ขี้ขลาดของเธอ รู้สึกเป็นห่วงกันอย่างจริงใจบ้างไหม
เมื่อคืนเขาทำร้ายจิตใจเธอขนาดไหนทำไมไม่มีท่าทีห่วงใยกันมาก ทำไมถึงห่วงเพียงเรื่องของตนเองขนาดนั้น
“หลิว ตอบสิ!” คาดคั้นเอาคำตอบ พร้อมกับบีบจับไหล่เธอไว้แน่นพร้อมทั้งเขย่าไปมาราวกับเธอไม่ใช่คน ไม่มีเลือดเนื้อจิตใจ ไม่เจ็บปวด ทั้งๆที่เลือดของเธอก็เหมือนเขาครึ่งหนึ่ง
“พี่แฮม ปล่อยหลิว” น้องน้อยร้องท้วงสั้นๆ ไม่ได้คาดหวังว่าพี่ชายจะห่วงใยเธอ แต่ไม่ได้เตรียมใจเผื่อว่า แม้ไม่ได้ขอโทษหรือห่วงใยแล้ว เขาจะไม่สนใจใยดีเธอซึ่งต้องมารับเรื่องชั่วๆของเขาแบบนี้ด้วย
“แกตอบมาสักทีสิว่าคุณเติร์กเขาพูดถึงหนี้ของฉันว่ายังไง ตกลงให้ผักผ่อนไปก่อนไหม”
“เราไม่ได้พูดถึงเรื่องหนี้ของพี่เลย” ตอบไปตามตรง
“ฉันไม่ได้ส่งแกไปนอนกับผู้ชายเฉยๆนะหลิว แกต้องไปช่วยเอาอกเอาใจเขา ให้เขาไม่มาฆ่าฉันหรือมาทวงหนี้ฉันในระหว่างนี้” ลัคนัยหงุดหงิดแทบจะหักคอน้อง พอไม่ได้ดั่งใจก็เหวี่ยงเธอทิ้งให้ล้มกับพื้น “ไม่ได้เรื่องจริง! เหมือนฉันแค่ส่งแกไปนอนกับผู้ชาย” วาจาร้ายกาจดุดันไม่ต่างจากสายตาโกรธเคือง
“หลิวจะไปพูดได้ยังไง มันเป็นเรื่องที่พี่แฮมต้องคุยกับเขาเองไม่ใช่เหรอ”
“ไม่ได้ดั่งใจเลยเว้ย! ฉันให้แกเสนอตัวเป็นนางบำเรอคุณเติร์กแลกเปลี่ยนกับเขาไม่ต้องตามทวงหนี้ฉัน แล้วก็แลกกับที่เขาจะไม่เอาเรื่องฉันเรื่องที่น้องสาวเขาแท้งลูก”
“อะไร? หลิวไม่เข้าใจ” น้องสาวเจ็บปวดต่อสิ่งที่พี่ชายพูดทุกคำ เขาเคยเห็นเธอเป็นน้องบ้างหรือเปล่าทำไมทำกับเธอแบบนี้
“น้องสาวของคุณเติร์กไปทำแท้ง แต่ช็อกเพราะตกเลือด ตอนนี้ยังไม่ฟื้น ฉันติดหนี้พนันบอล ก็เลยเอารถของวุ้นตาลไปขาย คุณเติร์กรู้ว่าฉันทำเรื่องทั้งหมดเขาเลยจะฆ่าฉันที่ไปทำร้ายน้องสาวเขา”
“พี่แฮม” ลัคนาพูดไม่ออก ไม่คาดคิดว่าพี่ชายจะทำเรื่องเลวร้ายขนาดนี้
“แต่แกช่วยฉันได้ แกช่วยพี่ได้นะหลิว เมื่อคืนแกทำให้คุณเติร์กเขาพอใจนะ เพราะเขายังไม่โทรมาต่อว่าให้ฉันได้ยิน แต่แกมันโง่! ที่ไม่ได้พูดช่วยฉันให้เขายอมรับข้อเสนอผัดผ่อนหนี้ ตัวแกเลยมีค่าแค่นางบำเรอที่ทำให้เขาพอใจ แกมันโง่ที่ปล่อยโอกาสที่จะช่วยฉันรอดผิดที่พาน้องของเขาไปทำแท้ง” ลัคนัยโทษคนอื่นเสมอ และยังมีทีท่าโมโหอาละวาดยามเมื่อน้องทำไม่ได้ดั่งใจ
“พะ...พี่แฮม” ลัคนาตกใจจนตัวชาเสียยิ่งกว่าเมื่อวาน ยามที่พี่ชายพูดราวกับชีวิตบริสุทธิ์นั้นเป็นผักปลาไม่ใช่คน “นะ...นั่นมันลูกของพี่หรือเปล่า” ขนาดน้องแท้ๆอย่างเธอเขายังผลักไสให้ไปรับผิดชอบด้วยวิธีบ้าๆนั้น ว่าเลวร้ายแล้ว แต่เพราะเขามีบุญคุณต่อชีวิตเธอ เธอเลยจำยอม แต่นี่เด็กในท้อง ลูกของเขา เลือดเนื้อเชื้อไขที่เกิดขึ้น รักสนุกจนเกิดครรภ์ที่ไม่ปรารถนาขึ้นมา แล้วจัดการง่ายดายเพียงพาผู้หญิงไปทำแท้ง เธอรู้สึกสงสารน้องสาวของพีรภาสขึ้นมาจับใจ
“แล้วยังไงล่ะ ฉันไม่อยากมีลูกนี่หว่า ยัยนั่นมันปล่อยตัวเองให้ท้องเอง” โยนความผิดบาปไปให้ภาริตาอย่างมั่นคงมั่นใจ “แกทำยังไงก็ได้ ให้คุณเติร์กไม่เอาเรื่องฉัน อย่ายอมให้เขาซ้อมฉันอีกนะ ไม่งั้น ฉันจะมาซ้อมแกบ้าง!” กลับกลายเป็นโยนความผิดให้น้องรับผิดชอบ
“หลิวไม่ไปหาคุณเติร์กอีกแล้วนะ ไม่เอา” ร่างของน้องค่อยๆขยับออกห่าง ไม่ไว้วางใจในตัวพี่ชาย เธอไม่อยากเอาตัวเข้าไปทำอะไรแบบนั้นอีกแล้ว ดูๆไปพี่ชายเธอไม่ได้สำนึกผิดเลย ยิ่งให้โอกาสยิ่งไร้สำนึก เธอไม่อยากเอาตัวเข้าแรกเพื่อช่วยคนไม่มีความรับผิดชอบแบบนี้อีกต่อไป
“แกมันเนรคุณ วันนั้นฉันไม่น่าพาตัวเองไปเสี่ยงตายช่วยแกไว้เลย อีคนไม่มีประโยชน์!” เมื่ออับจนคำแก้ตัว บุญคุณย้อนหลังมักถูกนำมาทวงถาม
“พี่แฮมอย่าพูดกับหลิวแบบนี้” น้องสาวร้องไห้เมื่อได้ยินในสิ่งที่พี่ชายพูดให้สะเทือนจิตใจ พยายามจะวิ่งหนีเข้าห้องนอนตนเองยามเมื่อได้ยินเรื่องบ้าๆ
ลัคนัยน์วิ่งตามกวดมากระชากแขนน้องสาวให้ลุกขึ้นเผชิญหน้า “คืนนี้แกอาบน้ำแต่งตัวให้เรียบร้อย” พี่ชายนัดหมายเองเสร็จสรรพ “ฉันจะพาแกไปนอนกับคุณเติร์ก นอนไปเรื่อยๆ บริการเขาไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะยกโทษแล้วก็ยกหนี้ให้ฉัน แต่ถ้าแกไม่ยอมไปหาคุณเติร์ก ฉันจะพาแกไปที่บ่อน!”
“พี่จะให้หลิวไปไหน” เริ่มกลัวว่าพี่ชายจะพาเธอส่งให้ผู้ชายคนอื่นๆ
“ฉันจะส่งแกให้ไปอยู่กับคุณเติร์กอีกครั้ง แล้วครั้งนี้ให้ได้เรื่องนะ อย่าให้มันเสียเวลาไปเปล่าๆแบบเมื่อคืนอีก ถ้าครั้งนี้มันเสียเปล่าอีกฉันจะส่งแกขายให้ซ่อง!”
“หลิวเป็นน้องพี่นะ พี่ส่งน้องตัวเองไปนอนกับใครก็ไม่รู้แบบนี้ได้ยังไง” ถามอย่างเหลืออด
“เพราะชีวิตของแกติดหนี้บุญคุณฉันน่ะสิ แกเลยต้องช่วยฉันทุกอย่าง ที่ฉันบอกให้แกทำ!” ทิ้งท้ายไว้ ก่อนจะกลับขึ้นห้อง วันนี้วันหยุดกลับต้องตื่นมาเจอน้องหน้าโง่ให้เสียอารมณ์หมด
ลัคนาน้ำตาตกใน เป็นครั่งที่เท่าไหร่ก็ไม่อาจทราบได้ที่รู้สึกตัวเองมีค่าแค่รองมือรองเท้าพี่ชายเท่านั้น หมดเรี่ยวแรงจนต้องทรุดตัวลงกับขอบเตียง ก้มหน้าใส่ที่นอน ร้องไห้ออกมาอย่างอัดอั้น
ทั้งพีรภาสและลัคนารู้ตัวเองดี แต่สำหรับชายหนุ่มนั้นเขาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว หญิงสาวเบือนหน้าหนีรสจูบจากชายที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่กลับต้องมาใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวแบบนี้ แม้จะเพียงข้ามคืน หรือชั่วคราวเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ยิ่งเธอขยับหนีเท่าไหร่ มันกลับไม่พ้น เขายิ่งเข้ามาคุกคามยั่วเย้า“เดี๋ยวค่ะ” เสียงเล็กๆท้วงขึ้น พร้อมทั้งยกมือบางดันแผ่นอกกว้างไว้ไม่ให้เขาโน้มตัวเข้ามาหา “ฉัน ฉันอยากเข้าห้องน้ำหน่อย” ให้เหตุผลก่อนจะเบี่ยงตัวลุกขึ้น แต่เหมือนเรี่ยวแรงขัดขืนมันจะอ่อนระทวยลงไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เธอมีอาการผิดปกตินับตั้งแต่กินนมสดร้อนแก้วนั้นเข้าไป“ไม่เอาหน่า อย่าเสียเวลาเลย เวลาของผมมีค่า อย่าให้เสียไปกับคนอย่างพวกคุณอีกเลย” ว่าอย่างจงใจดูถูก ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เขานั่นแหละที่อดใจไม่ไหว อยากจะทำอะไรต่อมิอะไรเสียเดียวนี้ พร้อมกับที่มือหนาขยับปลดเปลื้องเสื้อผ้าของหญิงสาวออกทีละชิ้นน้ำคำของเขาทำให้คนฟังรู้สึกฉุนขึ้นมา เขาพูดเหมือนเขาและเธอมีความเป็นคนไม่เท่ากัน ไม่มีใครชอบโดนดูถูกหรอก แม้จะอยู่ในสถานะที่ต่ำต้อยกว่า “คนอย่างพวกฉันงั้นเหรอ คนอย่างพวกฉันมันทำไม” แต่กลับต้องสำเหนียกตัว
2เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสัญญาณให้ลัคนารู้ว่าต้องปฏิเสธนัดหมายทุกอย่าง เพื่อที่สามทุ่มจะได้ถึงห้องพักของพีรภาส“พี่แฮม วันนี้หลิวรู้สึกไม่ค่อยสบาย หลิวไม่ไปได้ไหม” บอกออกมาในตอนที่กำลังจะถูกพี่ชายพาไปขึ้นรถ เธอเหมือนหมูในอวยที่กำลังจะถูกส่งไปเชือดที่โรงงานไม่มีผิด ชีวิตของเธอ“แกอย่าเรื่องมาก แกอยากให้เขาตามฆ่าฉันเหรอไง” เผด็จการเห็นแก่ตัวจับน้องสาวยัดเข้าไปในรถ แล้วยังข่มขู่เธอสารพัด“แต่หลิวยังไม่เห็นว่าคุณเติร์กเขาจะทำอะไรพี่เลยนะ”“นั่นแหละ แกถึงต้องไปอยู่กับเขา เอาตัวของแกเข้าแลก แล้วเริ่มพูดยังไงก็ได้ให้เขาไม่เอาเรื่องฉัน” คำตอบของพี่ทำให้คนฟังหน้าเสียและรู้สึกไร้คุณค่าในตัวเอง“แล้วพี่จะให้หลิวเอาตัวเข้าแลกแบบนี้จนถึงเมื่อไหร่ล่ะคะ” รู้สึกเจ็บปวดจนชาไปหมดทั้งความรู้สึก ใจสลายจนไม่อาจประกอบรูปคืนได้อีกลัคนัยทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะหาคำตอบให้น้องได้ “ก็จนกว่าฉันจะหาเงินมาใช้หนี้เขาหมด หรือถ้าเขาเรียกร้องให้ฉันชดใช้ในสิ่งที่ทำกับน้องวุ้นตาล แกก็เอาตัวเข้าแลกไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะเบื่อก็แล้วกัน แต่ห้ามให้เขาล้างแค้นฉันเด็ดขาด ไม่งั้นแกโดนฉันฆ่าแน่” ขู่สำทับในตอนสุดท้ายลัคนาน
“นอนแล้วเหรอ ง่วงหรือยัง” ชายหนุ่มถามพลางอมยิ้ม รู้ว่าเธอมีอาการแง่งอน แต่พอเขาอารมณ์ดีขึ้นจึงมาทำท่าทีหวานใส่เป็นการง้อและขอโทษที่ไม่มีเสียง“ง่วงแล้วค่ะ” ต้องการจะพักสักหน่อย พลางขยับตัวกอดรัดร่างกำยำไว้เพราะรู้สึกต้องการความอบอุ่น“งั้นนอนก่อนแล้วกัน ยังไงก็คงจะต้องอยู่ที่นี่ถึงเช้า เผื่อตื่นดึกๆผมจะสั่งรูมเซอร์วิสให้” จุมพิตล่ำลาให้คนอ่อนเพลียเข้าสู่ห้วงนิทรา ก่อนที่เจ้าตัวจะผล็อยหลับไปบ้างหลังจากปลดปล่อยกำลังออกมามาก เริ่มรู้สึกตัวว่าเข้าสู่วัยสามสิบเจ็ด ที่เริ่มจะเข้าสู่เลขสี่ มันเหนื่อยง่ายขึ้นแบบนี้นี่เอง เป็นความจริงที่เขาจะต้องยอมรับให้ได้ลัคนาตื่นขึ้นกลางดึก พลิกตัวกลับมากอดซบอกอบอุ่นกำยำ รู้สึกพันผูกต่อชายคนนี้อย่างน่าประหลาด ชีวิตที่เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ ไร้หลักยึดยามเมื่อว้าเหว่ไม่เป็นที่ต้องการของใคร เขากลับมาทำท่าราวกับต้องการเธอมาก รู้ทั้งรู้ว่าอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างประหลาดแล้วเขาก็คลุมเครือ ว่ายังรักกันดีกับแม่ของลูกอยู่หรือเปล่า เธอเลยคาบลูกคาบดอกว่าจะเป็นแค่นางบำเรอหรือเมียน้อย แต่จะให้เธอห้ามเผลอใจได้อย่างไรตลอดทั้งคืนหญิงสาวไม่ยอมหลับอีกเลย เธอนอนเฝ้าดูเสี้
1ลัคนา ไม่เคยได้รับโอกาสดีๆหรือพิเศษในชีวิตเลยสักครั้ง ผิดกับ ลัคนัย ผู้เป็นพี่ชายที่มักจะได้รับสิ่งดีๆจากครอบครัวอยู่เสมอ ลัคนัยหรือพี่แฮม พี่ชายคนเดียวเป็นเด็กหัวดีตั้งแต่ยังเด็ก ความสามารถทั้งทางวิชาการและกิจกรรมทำให้เขาได้รับการส่งเสริมจากครอบครัวและโรงเรียนจนได้มีโอกาสเดินทางลัดฟ้าไปแข่งขันวิชาการอยู่ต่างประเทศเสมอๆ ในขณะที่ตัวของลัคนา เป็นเด็กเรียนเก่งในระดับดีเยี่ยม หากแต่ครอบครัวที่พร้อมใจกันผูกมัดเธอไว้กับบ้าน เพื่อคอยจัดการงานบ้านและเป็นคนรับใช้ทุกอย่างตั้งแต่ยังเด็กลัคนัยเป็นเด็กหัวไวตั้งแต่เด็ก ชีวิตที่มีครอบครัวสนับสนุนทุกทางและเลี้ยงดูอย่างดีดุจราชาองค์น้อยๆ และคอยมีน้องสาวตามติดเป็นบ่าวรับใช้ แล้วยังเป็นความรักและเป็นความหวังของนามสกุล แกร่งกล้ากุล ทำให้เขามีความทะนงตน เย่อหยิ่งอวดดีและเห็นแก่ตัวเพราะเกิดมาไม่ต้องทำเพื่อใคร มีแต่คนมารุมล้อมทำเพื่อเขา ความอวดดีจองหองของเขามักจะสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวเสมอ แต่ลัคนัยไม่เคยเรียนรู้หรือรู้สึกผิดอะไรกับข้อผิดพลาดที่เขาก่อขึ้นเลย เขายังนึกเสมอว่าตนนั้นไม่เคยผิด และเฝ้าแต่โยนความผิด ปัดความรับผิดชอบไปให้คนอื่นในสังคมหนุ
ลัคนาตั้งใจสอนพิเศษ เพื่อเก็บสะสมเงินใหม่ หลังจากที่เงินเก็บที่หามาอย่างยากลำบากถูกพี่ชายขโมยไปใช้จนหมด เธอรีบทำงานอย่างเป็นบ้าเป็นหลังหาเงินให้มากๆหวังจะไปจากบ้านที่อยู่อาศัยเสียให้ได้“หลิว มีโทรศัพท์มาที่กวดวิชา เป็นทางบ้านน่ะ” แม่บ้านเฝ้าโรงเรียนกวดวิชาชะโงกหน้าบอกกับติวเตอร์คนงามที่กำลังสอนลูกศิษย์เต็มห้องลัคนาพอจะรู้ว่าเป็นใครที่ติดต่อมา หากแต่ต้องเดินออกไปรับสายเพื่อเป็นการตัดการรบกวนคนอื่น วันนี้ทั้งวันลัคนัยโทรติดต่อมาหาเธอทั้งวัน โดยโทรเข้าเบอร์ของโรงเรียนกวดวิชา“ฮัลโหล” ลัคนากรอกเสียงลงไปด้วยความเหนื่อยล้า หมดแรงที่จะวิ่งหนีพี่ชายหน้าด้านหน้าทนที่คอยแต่จะรังแกและเอาเปรียบเธออยู่เรื่อยไป“หลิว แกฟังฉันนะ” น้ำเสียงของลัคนัยวางอำนาจดังมาตามสาย“หลิวมีสอนนะพี่แฮม เลิกโทรมาที่โรงเรียนได้แล้ว เกรงใจเขา” ปรามพี่ชายเสียงต่ำให้รู้ว่าโกรธมากขนาดไหน สถาบันกวดวิชาที่เธอรับจ้างสอนหนังสือ ไม่ได้เป็นบ้านของเธอเสียหน่อย เขายังรบกวนได้บ่อยๆอย่างไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจแม้แต่น้อยนิด“ฟังฉันก่อนจะตายไหม” ตะคอกถามเสียงฉุนกลับมา“มีอะไรก็พูดมาค่ะ หลิวต้องไปสอนหนังสือต่อ”“เงินที่ฉันเอาของแกไป ฉั