ลัคนาตั้งใจสอนพิเศษ เพื่อเก็บสะสมเงินใหม่ หลังจากที่เงินเก็บที่หามาอย่างยากลำบากถูกพี่ชายขโมยไปใช้จนหมด เธอรีบทำงานอย่างเป็นบ้าเป็นหลังหาเงินให้มากๆหวังจะไปจากบ้านที่อยู่อาศัยเสียให้ได้
“หลิว มีโทรศัพท์มาที่กวดวิชา เป็นทางบ้านน่ะ” แม่บ้านเฝ้าโรงเรียนกวดวิชาชะโงกหน้าบอกกับติวเตอร์คนงามที่กำลังสอนลูกศิษย์เต็มห้อง
ลัคนาพอจะรู้ว่าเป็นใครที่ติดต่อมา หากแต่ต้องเดินออกไปรับสายเพื่อเป็นการตัดการรบกวนคนอื่น วันนี้ทั้งวันลัคนัยโทรติดต่อมาหาเธอทั้งวัน โดยโทรเข้าเบอร์ของโรงเรียนกวดวิชา
“ฮัลโหล” ลัคนากรอกเสียงลงไปด้วยความเหนื่อยล้า หมดแรงที่จะวิ่งหนีพี่ชายหน้าด้านหน้าทนที่คอยแต่จะรังแกและเอาเปรียบเธออยู่เรื่อยไป
“หลิว แกฟังฉันนะ” น้ำเสียงของลัคนัยวางอำนาจดังมาตามสาย
“หลิวมีสอนนะพี่แฮม เลิกโทรมาที่โรงเรียนได้แล้ว เกรงใจเขา” ปรามพี่ชายเสียงต่ำให้รู้ว่าโกรธมากขนาดไหน สถาบันกวดวิชาที่เธอรับจ้างสอนหนังสือ ไม่ได้เป็นบ้านของเธอเสียหน่อย เขายังรบกวนได้บ่อยๆอย่างไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจแม้แต่น้อยนิด
“ฟังฉันก่อนจะตายไหม” ตะคอกถามเสียงฉุนกลับมา
“มีอะไรก็พูดมาค่ะ หลิวต้องไปสอนหนังสือต่อ”
“เงินที่ฉันเอาของแกไป ฉันจะคืนให้” คำบอกเล่าของพี่ชายทำให้คนฟังน้ำตาซึม เธอไม่คิดว่าจะได้เงินคืนจากพี่ชาย แต่พอได้ยินพี่พูดแบบนี้ก็อดที่จะคาดหวังไม่ได้ว่าจะได้เงินคืนมาทั้งหมด
“พี่แฮมจะคืนเงินให้หลิวเหรอ” ถามอีกครั้งเพื่อความแน่ใจว่าไม่ได้หูฝาดไป แม้จะรู้ว่าความหวังมันดำมืด แต่ก็อดที่จะคาดหวังว่าจะได้เงินคืนไม่ได้
“ใช่ ฉันจะคืนทั้งหมดนั่นแหละ คืนให้ภายในวันนี้”
“พี่แฮมจะโอนเงินคืนให้หลิวเหรอ”
“ไม่ ฉันจะคืนแกเป็นเงินสด วันนี้สองทุ่มของวันนี้ ถ้าแกอยากได้เงินคืน แกมาหาฉันที่ห้างนี้ตรงฝั่งติดกับโรงแรม ฉันจะคืนเงินให้แก”
บอกนัดหมายเป็นห้างสรรพสินค้าในโรงแรมแห่งหนึ่ง จนกระทั่งเข้าใจตรงกันจึงกดวางสาย ลัคนัยนิ่งไปพักใหญ่เมื่อเสียงของน้องสาวเงียบหายไป ก่อนที่เขาจะเชิดหน้าขึ้นกลับเข้าไปทำงานในบริษัท ไม่คิดอะไรเกี่ยวกับกรณีของลัคนาอีกเลย และครั้งนี้ แม้จะรู้สึกละอายใจ แต่ก็รักตัวกลัวตาย ในเมื่อเจ้าหนี้มันข่มขู่ให้เอาดอกเบี้ยมาชดใช้ก่อน มันไม่สนว่าจะเป็นบ้าน รถ เงิน หรือแม้ชีวิต แผนการชั่วร้ายเลยบังเกิดในใจ แผนการของเขาชั่วช้ากว่าที่ใครจะคาดได้ เพราะเขาคิดที่จะเอาน้องสาวมาเป็นของแลกเปลี่ยนในการใช้หนี้สินครั้งนี้
แต่เมื่อนึกถึงความสยดสยองที่ได้รับจากคืนนั้น ที่เขาถูกเจ้าหนี้ส่งลูกน้องมาตามทวงหนี้สิน มันหลอกหลอนจนเขาขยาดไม่อยากกลับไปถูกทำร้ายแบบนั้นอีกแล้ว เมื่อถึงเวลาก็จำเป็นต้องเลือกใช้วิธีนี้
‘ผมมีน้องสาว น้องของผมยังไม่เคยมีใคร ผมการันตีความบริสุทธิ์จากยัยหลิวได้ ผมจะขอส่งตัวน้องสาวมาแลกกับดอกเบี้ยที่มี’ ลัคนัยลนลานพูดแม้ปากและหน้าจะเจ็บจนชาหนึบ เขาถูกลูกน้องของเจ้าหนี้ซ้อมจนช้ำไปหมดทั้งตัว
น้ำเสียงหัวเราะเย้ยหยันจากพีรภาสดังตอบกลับ ยิ่งบีบให้เขาไม่มีทางเลือก ต้องใช้ร่างกายของน้องเป็นตัวขัดดอกไปก่อน
ลัคนากลับมาสอนหนังสือต่อหลังจากที่วางสายจากพี่ชาย จนเสร็จสิ้นภารงานประจำวันจึงขึ้นรถเมล์กลับบ้าน อาบน้ำแต่งตัวใหม่รอเวลานัดกับผู้เป็นพี่ชาย
หญิงสาวเลือกร้านกาแฟบริเวณชั้นล่างของห้างสรรพสินค้า เป็นที่นัดหมาย เธอต้องนั่งรออยู่เกือบยี่สิบนาที พี่ชายตัวดีถึงเดินเข้ามาในร้าน ร่างสูงมาในชุดเสื้อแจ๊คเก็ตคลุมแขนและคอ ใบหน้าคาดหน้ากากอนามัยและสวมแว่นสีชา คล้ายจะพลางตัวจากสายตาผู้อื่น หรืออาจจะซ่อนร่องรอยอะไรไว้ภายใต้เสื้อแขนยาวและหน้ากากอนามัยนั้น
“พี่แฮม” คนถูกขโมยเงินหน้าบูดบึ้งขึ้นยามเห็นหน้าคนเห็นแก่ตัวที่ทำร้ายชีวิตของน้องแท้ๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า
“ยัยหลิว” ทักกลับด้วยท่าทีเลิกลั่นกระวนกระวาย หันซ้ายขวาเมื่อเห็นว่าน่าจะไม่มีผู้ติดตาม เขาจึงถอดแว่นและหน้ากากผ้าออก ลัคนัยดูเคร่งเครียดตลอดเวลาและมีรอยช้ำมากมายทั่วหน้าของเขา มันชัดเจนว่าเขาถูกซ้อมมา
“ใครทำพี่” น้องสาวคนดีเผลอตัวเป็นห่วงเป็นใยสายเลือดของตน ถึงชั่วดีถี่ห่างยังไง ลัคนัยก็เป็นพี่ชายแท้ๆของเธอ พอเห็นเขาเจ็บขนาดนี้ก็อดที่จะสงสารไม่ได้
“เจ้าหนี้น่ะ มันซ้อมพี่” ยอมรับตามตรงไม่ปิดบังก่อนจะสวมแว่นตาเข้าคืน เรื่องนี้น้องสาวเธอจะต้องรู้ให้ชัดเจนว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเขา เผื่อลัคนาคนหัวอ่อนจะตกลงรับปากช่วยกู้สถานการณ์วิกฤติที่เขากำลังเผชิญอยู่ได้บ้าง แทนที่จะมาทวงเงินตลอดเวลาที่เจอหน้ากันแบบนี้
“พี่แฮม หลิวจะพาพี่ไปแจ้งความ”
“เงินของแกที่ฉันเอามา ฉันเอาไปขัดดอกมันบางส่วนแล้ว ถ้าแกจะพาฉันไปแจ้งความที่พวกมันซ้อมฉัน แกจะแจ้งความให้ตำรวจพาฉันเข้าคุก ข้อหาขโมยเงินแกด้วยไหมล่ะ” ลัคนัยเกลียดในความโง่ของน้องสาวและรำคาญที่ดูเหมือนเธอจะสะอึกกายให้ความช่วยเหลือ แต่เขาตีความเป็นเธอเหน็บแนมว่าร้ายเขาและต้องการส่งเขาไปตายด้วยน้ำมือจากเจ้าหนี้เจ้าชีวิตคนนั้น
“แบบนี้มันทวงหนี้โหดชัดๆ”
พี่ชายจอมเจ้าเล่ห์กลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก จะว่าทวงหนี้โหดก็ไม่ได้ถูกความไปเสียทีเดียว ในเมื่อมันมีเรื่องอื่นที่นอกเหนือไปจากหนี้สินที่เขาก่อร่วมสามสิบล้านจากการพนันบอลอยู่ แล้วทั้งประเด็นอื่น หรือเรื่องหนี้สินก็ล้วนมีร่วมกับเจ้าหนี้รายนี้ทั้งสิ้นอีกด้วย
“มันขู่ฆ่าพี่น่ะ” ประเมินท่าทีของน้องสาวแล้ว เห็นว่าลัคนามีความเป็นห่วงและเห็นใจเขา ดังนั้น การที่จะเริ่มต้นพูดถึงเรื่องชดใช้หนี้สินที่เป็นเพียงดอกเบี้ย จึงต้องเริ่มต้นด้วยเรื่องเสี่ยงชีวิตแบบนี้แหละ
“หลิวจะพาพี่ไปแจ้งความ”
“อย่านะหลิว” รีบบอกห้ามก่อนจะเปลี่ยนท่าทีใหม่ “มันขู่จะฆ่าพี่ ถ้าเรื่องนี้ถึงตำรวจ ตอนนั้นพี่คงถูกฆ่าตายจริงๆ”
“งั้นพี่กลับไปอยู่บ้านนะคะ ที่บ้านมีครอบครัวคอยดูแล คอยช่วยอยู่” ตั้งแต่ที่ก่อเหตุขโมยเงินเธอไป พี่ชายก็ไม่กลับมานอนบ้านอีกเลยร่วมสามอาทิตย์แล้ว ครอบครัวต่างรุมตราหน้าเธอว่าเห็นแก่ตัวไม่ยอมเสียสละให้พี่ชาย จนทำให้พี่ชายไม่ยอมกลับบ้าน แต่ใครจะรู้เหตุผลว่าแท้จริงแล้วลัคนัยกำลังติดสาวรายใหม่ และถลุงเงินเล่นการพนันจนหมดทั้งยังเป็นหนี้สินเพิ่ม
“มันคงตามฆ่าฉันต่อหน้าแม่” เอ่ยเศร้าๆ ทำท่าปลงชีวิต “ฉันขอโทษแกนะที่เอาเปรียบน้องสาวอย่างแกตลอด ฉันรู้ว่าเป็นพี่ที่ไม่ดีนัก แต่ฉันก็รักแกนะ” คำว่ารักพี่รักน้องถูกหยิบมาใช้ และมันถูกจังหวะพอที่จะทำให้น้องสาวน้ำตารื้นตื้นตัน
“ช่างมันเถอะพี่แฮม”
ลัคนัยพยักหน้าน้อยๆ ก่อนจะล้วงหยิบซองสีน้ำตาลขึ้นมา “นี่ของแกนะ”
ผู้เป็นน้องสาวรีบรับมาอย่างตื่นเต้น เปิดดูเป็นเงินปึกๆประมาณหลายแสนอยู่ในนั้น “พี่แฮม คืนเงินให้หลิวใช่ไหมคะ”
“ใช่ เก็บไว้สิ” ตอบเสียงเนือยๆแววตาเศร้าๆ “พี่จะมาลาแกด้วย ถ้าพี่ทำอะไรผิดต่อแก อโหสิให้พี่ด้วยนะ” หากแต่คำพูดต่อมาของเขาทำให้หัวใจของน้องสาวตกไปอยู่ตาตุ่ม
“พี่พูดอะไรน่ะ ทำไมร่ำลาแบบนี้”
“เงินที่เอาของแกมา ก็กะว่าจะเอาไปขัดดอกพนักบอล แต่ว่าฉันเอามาคืนแกก่อน ฉันลาแกจริงๆเพราะถ้าไม่ได้จ่ายดอกเบี้ยมันภายในวันนี้ ฉันจะถูกมันฆ่าตายแน่ๆ”
“ดอกเบี้ยอะไรตั้งสี่แสน พี่เป็นหนี้เท่าไหร่ เป็นหนี้ได้ยังไง” น้องสาวรีบถามอย่างเคร่งเครียด
“พนันบอลน่ะหลิว ฉันเสียพนันบอลสามสิบล้าน” ลัคนัยเปิดเผยยอดเลขจริงให้น้องได้รู้ แต่การทวงหนี้จาก พีรภาส ผู้เป็นเจ้าหนี้ ไม่ได้โหดเหี้ยมขนาดจะฆ่าเขาทิ้งหรอก เป็นเพราะเรื่องอื่นประเด็นอื่นมากกว่า ที่จะทำให้เขาถูกฆ่าทิ้ง
ตัวเลขที่ได้ยินทำให้ลัคนารีบล้วงยาดมในกระเป๋าสะพายมายัดจมูก มือซ้ายกำซองเงินไว้แน่นด้วยความสุดแสนเสียดาย หากแต่กัดฟันจำใจยื่นกลับคืนให้พี่ชาย “พี่แฮมเอาไปใช้หนีเค้าเถอะ”
“แกเอาไว้เถอะ กินอะไรหน่อยไหม” พี่ชายส่งยิ้มอบอุ่นและแววตาอ่อนล้าให้กับน้องสาว ก่อนจะยื่นแก้วนมสดร้อนสูตรพิเศษที่เตรียมไว้ให้น้องสาวคนนี้โดยเฉพาะ “กินสิ แกชอบนมสดร้อนนิ”
ในตอนที่พี่ชายเอาความน่าสงสารมาใช้เรียกร้อง เป็นตอนที่ลัคนาไม่ระวังตัวมากที่สุด แม้เขาจะสร้างเรื่องให้น้องสาวตามแก้ไขปัญหาให้ทุกอย่างแต่เขาก็เป็นพี่ชายแท้ๆของเธอ มือบางยกแก้วนมสดขึ้นดื่มจนมันพร่องลงไปเกือบหมด โดยที่ไม่ทันได้สังเกตสายตาใต้แว่นกันแดดที่พี่ชายสวมใส่ในยามค่ำ สายตาของลัคนัยมีความหมายต่อลัคนาเสมอ ความหมายที่ไม่ได้ดีต่อชีวิตเธอ
“กินหมดเลยนะ แล้วเดี๋ยวเราจะไปคุยกันที่อื่น”
ลัคนาไม่ได้สนใจสิ่งที่พี่ชายพูดมากนัก เพราะเพียงสิบห้านาที หลังจากเริ่มดื่มนมสดร้อนอึกแรกเข้าไป เธอเริ่มมีอาการคล้ายมึนเมาอย่างประหลาด
“ไปไหนคะ” เงยหน้ามองพี่ชาย เริ่มเห็นภาพตรงหน้าซ้อนเป็นสองชั้น
“ไปกันเถอะ” ร่างสูงลุกขึ้นชวนน้องสาวออกจากร้านกาแฟ ก่อนจะพาเธอเดินข้ามฝั่งมาทางโซนของโรงแรมที่พัก โดยที่หญิงสาวเองก็เดินตามอย่างว่าง่าย
“พี่พักอยู่โรงแรมนี้แหละ เดี๋ยวเราคุยกันในห้องของพี่ก็แล้วกันจะได้เป็นส่วนตัวหน่อย” ลัคนัยพาน้องสาวมาที่ห้องพักของเขา คอนโดที่เขาใช้เป็นที่กบดานชั่วคราวเพื่อสร้างเงื่อนไขที่จะทำให้ครอบครัวง้อให้เขากลับบ้าน เขามักจะมีเงื่อนไขแบบนี้ยามที่ก่อเรื่องที่ไม่ถูกต้องอะไรสักอย่าง
“พี่แฮม เอาเงินไปเถอะค่ะ เอาไปใช้หนี้ดอกเบี้ยของเขา แล้วหลิวจะพาแจ้งความ” ลัคนายังพยายามยื่นซองเงินให้พี่ชาย แต่เขากลับไม่ยอมรับคืน ผิดกลับเมื่ออาทิตย์ก่อนๆที่ไม่ว่าทำอย่างไรก็ไม่ยอมคืนเงินที่ขโมยไป
“มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้นหรอกหลิว” ให้คำตอบด้วยความรำคาญเต็มทน นึกในใจให้ยาอีหรือยาปลุกอารมณ์ ที่เขาผสมในนมสดเพียงเล็กน้อยนั้นออกฤทธิ์เสียที สงสัยเขาจะผสมในอัตราส่วนที่น้อยไป น้องสาวของเขาจึงยังมีสติต่อล้อต่อเถียงอยู่แบบนี้
“พี่แฮมเอาเงินนี้ไปใช้ดอกเบี้ยเขาเถอะ แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้จะต้องบอกที่บ้านนะคะ มันไม่ใช่เงินหลักร้อยหลักพันแล้ว มันเป็นสามสิบล้าน เผื่อแม่หรือลุงป้าน้าอาช่วยอะไรเราได้”
“ไม่ได้นะ แม่ตรอมใจแน่ ๆถ้ารู้ว่าฉันทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้ แกอย่างลืมสิหลิว ฉันเป็นความหวังของที่บ้านนะ เรื่องหนี้ฉันจะหาทางเอง ฉันกำลังจะขายที่ได้ผืนหนึ่ง ฉันจะได้ค่านายหน้าประมาณห้าสิบล้าน ฉันพอจะจัดการได้เพียงแต่ว่า ยังไม่ใช่ตอนนี้หรือเร็วๆนี้”
อาชีพของลัคนัยเป็นนักพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เธอไม่ได้ห่วงเลยว่าเขาจะขายบ้านหรือที่ทางไม่ได้ พี่ชายเธอมีเงินเข้าหลายทางและเข้ามาเป็นกอบเป็นกำ โดยเฉพาะเงินจากการเป็นนายหน้าค้าที่ดิน และลัคนัยกำลังจะขายที่ดินย่านเศรษฐกิจที่สวยงามที่สุดในประเทศได้ ส่วนต่างนายหน้าอยู่ในหลักห้าสิบล้าน
“แล้วพี่จะขายที่ได้ไวสุดตอนไหนล่ะคะ”
“ลูกค้าตกลงโอนเงินสิ้นปีนี้น่ะ” เท่ากับว่ากำหนดที่เขาจะหาเงินมาคืนได้ นั้นคืออีกห้าเดือนข้างหน้า “แต่ในระหว่างนี้ถ้าไม่มีอะไรไปขัดดอก ฉันก็ตายอยู่ดี”
“แล้วเงินขัดดอก เขาจะเอาเท่าไหร่ล่ะคะ”
“คุณเขาไม่เอาเงิน เขาต้องการพี่เลี้ยงเด็กคนหนึ่งที่จะไปอยู่เลี้ยงลูกช่วยเขา”
ลัคนาเริ่มขมวดคิ้วเมื่อพี่ชายของเธอมีท่าทีแปลกๆไป “พี่หมายความว่ายังไง พี่จะบอกอะไรหลิวหรือเปล่า” หญิงสาวเริ่มระมัดระวังตัวเมื่อสายตาที่มองมายังเธอมันเริ่มสื่อความหมายในทางไม่ดี พร้อมๆกับรู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวร้อนๆหนาวๆภายใน เริ่มมวลท้องแปลกๆกับเจ็บคัดเนื้อหน้าอก
“หลิว คิดถึงตอนเด็กๆฉันถูกรถชนปางตาเพราะช่วยแก ตอนนี้แกก็ต้องช่วยฉันนะ ไม่งั้นฉันตายแน่ๆ แกไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้เจ้าหนี้ของพี่สักห้าเดือนนะ สิ้นปีนี้พี่จะหาเงินไปคืนคุณเขาให้ได้” พูดคุยเพื่อถ่วงเวลาให้ยาเสพติดที่แอบผสมใน้องดื่มเข้าไปออกฤทธิ์เต็มประสิทธิภาพเสียที
“หลิวต้องทำอะไร เขาจะให้หลิวไปเป็นพี่เลี้ยงเด็กเฉยๆจริงเหรอพี่” ตั้งคำถามอย่างไม้ไว้วางใจ ผิดหวังในตัวพี่ชายเหลือเกิน แต่บุญคุณที่พี่ชายช่วยชีวิตเธอไว้ตั้งแต่วัยเยาว์ทำให้เริ่มชั่งใจว่าควรช่วยเหลือเขาดีหรือไม่ เหตุการณ์ตอนที่เธออายุเพียงสามขวบ เล่นซนตามประสาและเดินลงถนน เธอเกือบถูกรถชน ดีที่พี่ชายของเธอเข้ามาช่วยผลักร่างของเธอออกและรับแรงกระแทกทั้งหมดนั้นแทน จนเกือบจะเสียชีวิตหรือเกือบจะพิการไปตลอดชีวิต
“ฉันส่งรูปแกให้คุณเติร์กดู เขาสนใจแกนะ”
“พี่ทำแบบนี้ไม่ได้นะ หลิวเป็นน้องพี่นะ” คำตอบของเขาทำให้ลัคนาหน้าตาตื่น ไม่คาดคิดว่านี่คือสิ่งที่พี่ชายเลือกทำ เขาเอาน้องสาวไปขายให้คนอื่น
“เพราะแกเป็นน้องนั่นแหละ ฉันถึงให้แกช่วย แกยอมเห็นพวกมันฆ่าฉันได้ แต่แม่หรือที่บ้านไม่ยอมเห็นฉันตายหรอกนะ ก็แค่นอนกับมันไม่ได้เสียอะไรสักหน่อย มันจะทำให้แกมีความสุข แต่ถ้ามันฆ่าฉันตาย ฉันไม่อยากให้แกคิดภาพเลยว่าแม่จะเป็นยังไง” เขาเลิกสร้างเรื่องเคล้าน้ำตาแล้วหันมา ใช้ความกตัญญูของเธอมาฆ่าเธอได้อย่างเลือดเย็น
“อีกอย่างแกอย่าลืมว่าบุญคุณที่ฉันมีกับแกมันล้นหัวของแก ฉันเกือบตาย เกือบพิการตลอดชีวิตเพราะช่วยชีวิตแกไว้นะ ตอนนี้ฉันเกือบตาย แกจะไม่ช่วยฉันเหรอไง” เพราะบุญคุณมันมีไว้ทวง เขาจึงต้องทวงจากน้องสาวซ้ำๆ “แค่นอนกับผู้ชายเอง มันมีความสุขจะตายไป!”
“หลิวน่ะเหรอจะมีความสุข นอนกับคนอื่นขัดดอกเบี้ยให้พี่น่ะเหรอจะทำให้หลิวมีความสุข” ลัคนาเริ่มดิ้นรนแรงขึ้นอีกครั้ง จนลัคนัยอดที่จะต่อยน้องไม่ไหว แต่ถ้าหากทำให้เธอเจ็บก็เกรงจะเสียของหมด
“เอาหน่า แค่คืนเดียวมันไม่สึกหลอเท่าไหร่หรอก ฉันจะคืนเงินให้แก แกช่วยจบปัญหาทุกอย่างทีได้ไหม” เริ่มกล่อมใหม่
“แล้วมันใช่ปัญหาหลิวเหรอ หลิวถูกพี่ขโมยเงินนะ” เธอพยายามฝืนและต้านทานสติที่น้อยลงอีกครั้ง เริ่มมั่นใจแล้วว่าร่างกายเริ่มมีความผิดปกติอะไรบางอย่าง และความผิดปกตินั้นก็อาจจะเกิดจากพี่ชายของเธอ
“แกยอมเถอะหลิว ถ้าแกไม่ยอม มันฆ่าฉัน แม่ก็ฆ่าตัวตายตามฉันแน่ ๆ”
พอถูกอ้างถึงแม่ ความชอบธรรมในการทำเรื่องเลวร้ายทุกอย่างยิ่งแน่นหนาขึ้นและเข้าข้างคนผิดอย่างลัคนัยทุกทาง
ฝ่ามือเจ้าสำอางขยับเข้ามาเช็ดน้ำตาออกจากแก้มนวลเนียน กิริยาวาจาอ่อนโยนต่อน้องเป็นพิเศษ “มีแต่แกที่ช่วยพี่ได้ แค่คืนเดียวนะหลิว แล้วฉันจะไม่ขออะไรแกอีก”
ลัคนาน้ำตาร่วง เมื่อรับรู้ได้ว่าอนาคตอันใกล้นี้จะเกิดอะไรขึ้น เรี่ยวแรงในกายอ่อนล้าลงกะทันหันจนต้องทรุดตัวนั่งกับโซฟา หมดแรงต่อต้านขัดขืน เจ็บจนใจด้านชาไปหมด
ลัคนัยให้เวลาน้องร้องไห้อีกห้านาที จนเริ่มเห็นว่าสิ่งที่เอาให้น้องกินนั้นเริ่มออกฤทธิ์ ลัคนากลืนน้ำลายอย่างยากลำบาก พยายามขยับเสื้อผ้าให้คลายความรัดกุมออกจากร่างกาย ผู้เป็นพี่ชายคงจะหวังดีมากเกินไป มันเข้ามาช่วยน้องปลดเปลื้องเสื้อผ้าและสวมด้วยชุดคลุมอาบน้ำ
“ไปกันเถอะ คุณเค้ารอนานแล้ว” เอ่ยด้วยเสียงเย็นชา ก่อนที่จะเป็นฝ่ายอุ้มร่างอวบอัดของน้องสาวออกจากห้องพักที่ตนเปิดไว้อีกห้อง พาเดินไปตามทางจนมาถึงห้องสุดหรูของโรงแรมซึ่งอยู่ชั้นบนสุด
ลัคนัยพูดถึงผู้ชายที่ชื่อพีรภาสอยู่สองถึงสามประโยค คนยืนเฝ้าประตูจึงชะโงกหน้าเข้ามามอง เห็นเป็นหญิงสาวที่นอนกรอกกลิ้งตาไปมาอยู่บนอ้อมแขนของพี่ชาย พิจารณาสักพักว่าเป็นคนที่อีกฝ่ายเคยสัญญาจะพามาพบเจ้านาย จากนั้นจึงยอมเปิดประตูให้ทั้งคู่เดินเข้ามาในห้อง
คนสิ้นหวังได้แต่นิ่ง มองเพดานที่เคลื่อนไปเรื่อย ๆตามจังหวัดการเดินของคนอุ้ม น้ำตาเธอหยุดไหลแล้ว แต่ความเสียใจมันยังกลัดหนองอยู่ภายในจนชาหนึบ มีเพียงภาพทับซ้อนที่เริ่มหลอนในสติสัมปชัญญะ
“อยู่นี่นะหลิว เป็นเด็กดี เชื่อฟังและทำตามที่คุณเติร์กเขาสั่ง” พี่ชายกำชับกับน้องสาวเมื่อพาเธอทอดตัวลงที่เตียงนุ่ม ปาดเช็ดน้ำตาที่ยังชื้นอยู่แก้มบางพอให้หมาดแห้ง จากนั้นวางกล่องถุงยางอนามัยที่พกมาไว้ที่โต๊ะข้างเตียง เมื่อทำธุระเรียบร้อย จึงเดินตัวปลิวออกจากห้องไปอย่างลอยนวล ทิ้งคนที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ให้นอนรอการประหารอย่างน่าอนาถ
ลัคนาเริ่มรู้สึกร้อนสลับกับหนาว เธออยากจะถอดเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ ความคิดเธอประมวลผลได้อย่างเซื่องซึม ได้แต่ทำตามสัญชาตญาณ เมื่อร้อนก็ต้องถอดเสื้อที่สวมอยู่ออก ริมฝีปากขบเม้มเข้าหากันแน่นยามเมื่อรู้สึกรุ่มร้อนภายใต้ร่มผ้า พยายามอดกลั้นไว้ไม่ให้เปล่งเสียงน่าละอายออกมา แต่ยิ่งห้ามตัวเองเธอยิ่งทรมาน ใบหน้าอิ่มร้อนฉ่าจนแดงเห่อ ลิ้นบางเลียริมฝีปากหวังจะดับความกระหายภายใน
“นี่เหรอดอกเบี้ยของไอ้ลัคนัย” เสียงของชายหนุ่มดังขึ้นบริเวณประตู พร้อมๆกับร่างสูงสมส่วนในชุดคลุมอาบน้ำที่เดินเข้ามาใกล้ๆ
“ไอ้บ้านั่นมันก็เอาให้เธอกินเหรอ” ผู้ที่เข้ามาใหม่ให้ข้อสังเกต ยามที่เห็นหญิงสาวนอนกระสับกระส่ายอยู่บนเตียงนอน เห็นอีกฝ่ายมีอาการคล้ายกันกับเขา ไม่ต้องสงสัยเลยว่าได้รับอะไรเข้าไป มันก็คงจะเหมือนกับที่นายลัคนัยมันกล้าเอายาปลุกอารมณ์แอบผสมใส่แก้วเหล้าให้เขากินเมื่อช่วงหัวค่ำนั่นแหละ โชคดีที่มันตื่นกลัวเลยไม่กล้าผสมให้เยอะ แต่มันก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกมึนเมาและเกิดความรู้สึกบางอย่างขึ้นมาง่ายๆ
คราแรกตั้งใจว่าจะส่งเธอกลับ แต่เพียงแค่เห็นหญิงสาวนอนกระสับกระส่าย กลับรู้สึกเหมือนมีอะไรบางอย่างดึงดูดให้เข้าไปหา อาจจะเพราะฤทธิ์ของยาปลุกอารมณ์นั่นแหละ ชายหนุ่มก้าวเข้าไปใกล้อีกนิดจนได้กลิ่นเนื้อตัวของหญิงสาวชัดแจ้งขึ้น
“เที่ยวนี้น่ารักดีนะ” คนที่ลัคนัยพามา ถึงจะไม่สวยหยาดเยิ้มเย้ายวนเหมือนที่เขาเคยผ่านมา แต่ก็มีกลิ่นหอมละมุนราวดอกไม้ป่าริมทาง
ลัคนาเกร็งตัวเมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้ใส่สลิปเปอร์เข้ามาภายในห้อง คล้อยหลังพี่ชายที่เดินจากไป จนร่างสูงเข้ามาหยุดอยู่ข้างเตียงที่เธอกำลังนอนอยู่ กลิ่นบุหรี่ฉุนลอยเข้ามา ส่งสัญญาณว่าเขายืนอยู่ใกล้ชิดเธอขนาดไหน แต่ก่อนที่ลัคนาจะได้ขยับกายระวังตัว ฝ่ามือร้อนผ่าวได้เข้ามาสัมผัสที่แก้มนวลนุ่มของเธอเสียก่อน “นายลัคนัยหาของมาขัดดอกได้ดีแหะ” ผู้มาใหม่ทักทายด้วยน้ำเสียงนุ่มลึก คำเหล่านั้นก็มีความหมายสุดลึกล้ำ พร้อมทั้งลูบไล้ใบหน้านวลงามที่เอาแต่มองเพดานพลางขมวดคิ้ว
“ตัวหอมและนุ่มดีแหะ คงไม่ได้ถูกบังคับหรือโดนวางยามาหรอกนะ” เขายังคงพูดเองเออเอง ในใจของชายหนุ่มอดไม่ได้ที่จะหวนคิดถึงเหตุการณ์วันนั้น วันที่เปลี่ยนชีวิตของน้องสาวและครอบครัวสงบสุขของเขาไปตลอดกาล และคนที่มาสร้างวิบากกรรมให้กับบ้าน สุวรรณสาร ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นไอ้ขี้ขลาดพี่ชายของผู้หญิงคนนี้นั่นเอง
“อ้อ ไม่สิ ผมว่าคุณก็คงจะโดนยาปลุกอารมณ์เหมือนกัน นายลัคนัยมือไวมาก เผลอแปปเดียวไม่รู้มันเอาเวลาจากไหนวางยาใส่แก้วเหล้าผม” อาการของเขาเหมือนกับที่หญิงสาวกำลังเป็นทุกอย่างเลย “ดีหน่อยนะที่มันไม่ผสมให้เรากินเยอะ” ยังดีที่มันยังผสมให้น้อย ไม่เช่นนั้นแทนที่จะรู้สึกถูกกระตุ้น กลับเป็นรู้สึกหัวใจจะวายตายแทน
ดวงตากลมฉ่ำไปด้วยความเศร้า มือบางยกขึ้นทาบทับฝ่ามือของชายแปลกหน้า ส่งสายตาอ้อนวอนให้ปล่อยเธอไป “ฉันอยากกลับบ้าน” ไม่กล้าพูดมากไปกว่านี้เพราะกลัวอดไม่ได้ที่จะร้องไห้โฮออกมา “อย่าทำอะไรฉันเลยนะ” เสียงเจือสะอื้นหวาดหวั่นและไม่ยินยอม แต่ไม่อาจทำอะไรเพื่อปกป้องตัวเองได้เลย
“น่าสงสาร” เสียงไร้ความปราณีทำให้คนนอนอยู่รู้ชะตากรรมตนเอง แม้จะเป็นคนหัวสมัยใหม่ ไม่ได้เอาชีวิตไปผูกติดกับความสัมพันธ์ครั้งแรก หากแต่ร่างกายของเธอจะต้องมีราคีจากชายแปลกหน้าคนนี้เป็นแน่ กลับรู้สึกใจหายแปลกๆ แล้วไหนจะวิธีการที่ถูกส่งมาเป็นเพียงของเล่นขัดดอกอีก ใจมันรับไม่ไหวจริงๆ เธอรู้สึกว่าตัวเองไร้ค่า
“อย่าร้องเลย มันไม่ได้ทำให้ค่าตัวคุณเพิ่มขึ้นหรอกนะ เงินต้นสามสิบล้าน ดอกเบี้ยงวดแรกสามแสน ขัดดอกก่อนห้าหมื่น เป็นร่างกายของคุณห้าหมื่นที่ไว้ให้ผมหาความสุขชั่วครั้งชั่วคราว” เขาร่ายยาวถึงผลประโยชน์ที่เธอไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียใดๆ
“ชั่วครั้งชั่วคราว? หมายความว่ายังไง คุณกับหลิวจะต้อง...นะ...นอนด้วยกันที่นี่ในคืนนี้ใช่ไหมคะ” ถึงจะรู้อยู่แล้วว่าจะต้องเกิดอะไรขึ้นแต่กลับอดที่จะหวาดหวั่นไม่ได้ น้ำตาเริ่มรื้นออกมา ผิดหวังต่อสิ่งที่ได้รับจากพี่ชาย พี่แฮมของเธอส่งเธอให้พลีกายกับชายแปลกหน้า แม้เธอไม่ได้หวาดกลัวความสัมพันธ์ชั่วคราวอะไร แต่แค่กำลังตกใจที่จะต้องทำอะไรต่อมิอะไรกับชายแปลกหน้า อีกใจหนึ่งพยายามไม่คิดมาก ปล่อยวางว่าคล้ายๆกับการขายบริการรูปแบบหนึ่ง แต่เธอไม่ได้ประกอบอาชีพนั้นนี่นา
“ตามนั้น” ตอบสั้นๆก่อนจะเลิกรีรอประวิงเวลา ไม่ได้ต้องการจะรู้จักสนิทสนมกับของเล่นชิ้นนี้สักเท่าไหร่ หรือการพูดคุย ให้เป็นเรื่องหลังจากนี้ได้หรือไม่ ตอนนี้เขาอดใจหรืออดทนต่ออะไรมากกว่านี้ไม่ไหวแล้ว
ลัคนาหลับตาแน่นเมื่อเห็นเขาจับคางของเธอไว้ จากนั้นค่อยๆโน้มหน้าลงมาใกล้อย่างมุ่งหมาย เธอพยายามทำใจให้สบายต่อสิ่งที่จะต้องเกิดขึ้นแน่นอน เธอไม่ได้โกรธพี่ชาย แต่ผิดหวังในตัวเขา และผิดหวังที่ครอบครัวไม่ได้ปกป้องเธอเลย ไม่เลยแม้แต่น้อย
“ลืมตาหน่อย” ออกคำสั่งเพราะต้องการให้เธอได้มองหน้าของตนชัดๆ มองคนที่กำลังจะพาเธอไปสู่วังวนความใคร่
คล้ายกระแสไฟฟ้าแล่นผ่านตั้งแต่หัวจรดเท้าของหญิงสาว ขนอ่อนลุกเกรียวเมื่อริมฝีปากร้อนฉ่านาบลงมาที่ริมฝีปากของเธอ ครอบครองลมหายใจของเธอไปจนหมดราวกับจะยึดไว้เป็นเจ้าชีวิต ลิ้นร้อนขยับเข้ามาโบกพลิ้วหาความหอมหวานของอารมณ์ เพราะความไร้ประสบการณ์ทำให้ไม่รู้ว่าควรแสดงออกอย่างไรต่อกิจกรรมนี้และไม่รู้ว่าทำอะไรผิดพลาดไปจากถูกเขาหัวเราะเยาะบ้างหรือเปล่า และที่สำคัญ เธอไม่พร้อมที่จะทำอะไรแบบนี้ หากแต่ฝ่ามือลุ่มล่ามกับเดินหน้าลากเลื้อยเข้ามาใต้สาบเสื้อปอน ๆของหญิงสาว สัมผัสกับเนื้อแท้เย็นเฉียบสลับกับร้อนระอุ โดยเฉพาะตรงบริเวณหัวใจที่มันเต้นรัวแทบไม่เป็นจังหวะ เพียงนิ้วมือจรดลงไปตรงเนินเนื้อบริเวณนั้นมันยิ่งสั่นระริกสะท้อนถึงอารมณ์ที่กำลังพวยพุ่งออกมา
ลัคนาตื่นขึ้นในช่วงบ่ายโมงของอีกวัน หลังจากพีรภาสเคล้นพลังจากเธอไปจนหมดแรง กว่าจะยอมปล่อยให้เธอเพลียหลับก็ตอนเกือบจะตีสี่ โน้ตเล็กๆถูกวางไว้ที่ตู้ข้างเตียงนอน ในนั้นแจ้งว่าให้เธอพักผ่อนให้พอ เขาสั่งรูมเซอร์วิสไว้ให้ ถ้าหากเธอหิวให้โทรตามพนักงานขึ้นมาเสิร์ฟอาหารแต่หญิงสาวกลับอยากจะออกไปจากที่นี่ เธอรีบแต่งตัวก่อนจะออกจากห้องพักของเขาไปอย่างเงียบๆ ไปเริ่มต้นที่บ้าน อาบน้ำแต่งตัวใหม่และไปรับงานสอนพิเศษ กลับมาใช้ชีวิตให้เป็นปรกติ เพราะเธอจะต้องทำมาหากิน เธอยอมช่วยพี่ชาย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่งอมืองอเท้าทำตัวเป็นเครื่องขัดดอกเบี้ยให้ใครดูถูก “อ้าวหลิว เป็นไงบ้าง” ลัคนัยเอ่ยทักทายน้องสาวอย่างเสียมิได้ ยามเมื่อเห็นน้องเดินเข้ามาในตัวบ้าน เขาพึ่งตื่นเช่นเคยในวันเสาร์ที่ไม่ต้องไปทำงาน ตื่นบ่ายสองตรงกับช่วงเวลาที่น้องกำลังเดินกลับเข้าบ้าน“หลิว ยัยหลิว” พี่ชายรีบเดินขึ้นมาดักหน้าหญิงสาวไว้ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังเดินไปอีกทาง“พี่แฮม มีอะไรเหรอคะ” ก้มหน้าไว้ไม่ยอมเงยมองผู้เป็นพี่ที่กำลังทักทาย อย่างจงใจหลบหน้าหลบตา“หลิวเป็นไงบ้าง คุณเติร์กเขาทำร้ายหลิวหรือเปล่า” คำถามของพี่ชาย ถ้าได้ยิน
ทั้งพีรภาสและลัคนารู้ตัวเองดี แต่สำหรับชายหนุ่มนั้นเขาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว หญิงสาวเบือนหน้าหนีรสจูบจากชายที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่กลับต้องมาใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวแบบนี้ แม้จะเพียงข้ามคืน หรือชั่วคราวเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ยิ่งเธอขยับหนีเท่าไหร่ มันกลับไม่พ้น เขายิ่งเข้ามาคุกคามยั่วเย้า“เดี๋ยวค่ะ” เสียงเล็กๆท้วงขึ้น พร้อมทั้งยกมือบางดันแผ่นอกกว้างไว้ไม่ให้เขาโน้มตัวเข้ามาหา “ฉัน ฉันอยากเข้าห้องน้ำหน่อย” ให้เหตุผลก่อนจะเบี่ยงตัวลุกขึ้น แต่เหมือนเรี่ยวแรงขัดขืนมันจะอ่อนระทวยลงไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เธอมีอาการผิดปกตินับตั้งแต่กินนมสดร้อนแก้วนั้นเข้าไป“ไม่เอาหน่า อย่าเสียเวลาเลย เวลาของผมมีค่า อย่าให้เสียไปกับคนอย่างพวกคุณอีกเลย” ว่าอย่างจงใจดูถูก ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เขานั่นแหละที่อดใจไม่ไหว อยากจะทำอะไรต่อมิอะไรเสียเดียวนี้ พร้อมกับที่มือหนาขยับปลดเปลื้องเสื้อผ้าของหญิงสาวออกทีละชิ้นน้ำคำของเขาทำให้คนฟังรู้สึกฉุนขึ้นมา เขาพูดเหมือนเขาและเธอมีความเป็นคนไม่เท่ากัน ไม่มีใครชอบโดนดูถูกหรอก แม้จะอยู่ในสถานะที่ต่ำต้อยกว่า “คนอย่างพวกฉันงั้นเหรอ คนอย่างพวกฉันมันทำไม” แต่กลับต้องสำเหนียกตัว
2เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสัญญาณให้ลัคนารู้ว่าต้องปฏิเสธนัดหมายทุกอย่าง เพื่อที่สามทุ่มจะได้ถึงห้องพักของพีรภาส“พี่แฮม วันนี้หลิวรู้สึกไม่ค่อยสบาย หลิวไม่ไปได้ไหม” บอกออกมาในตอนที่กำลังจะถูกพี่ชายพาไปขึ้นรถ เธอเหมือนหมูในอวยที่กำลังจะถูกส่งไปเชือดที่โรงงานไม่มีผิด ชีวิตของเธอ“แกอย่าเรื่องมาก แกอยากให้เขาตามฆ่าฉันเหรอไง” เผด็จการเห็นแก่ตัวจับน้องสาวยัดเข้าไปในรถ แล้วยังข่มขู่เธอสารพัด“แต่หลิวยังไม่เห็นว่าคุณเติร์กเขาจะทำอะไรพี่เลยนะ”“นั่นแหละ แกถึงต้องไปอยู่กับเขา เอาตัวของแกเข้าแลก แล้วเริ่มพูดยังไงก็ได้ให้เขาไม่เอาเรื่องฉัน” คำตอบของพี่ทำให้คนฟังหน้าเสียและรู้สึกไร้คุณค่าในตัวเอง“แล้วพี่จะให้หลิวเอาตัวเข้าแลกแบบนี้จนถึงเมื่อไหร่ล่ะคะ” รู้สึกเจ็บปวดจนชาไปหมดทั้งความรู้สึก ใจสลายจนไม่อาจประกอบรูปคืนได้อีกลัคนัยทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะหาคำตอบให้น้องได้ “ก็จนกว่าฉันจะหาเงินมาใช้หนี้เขาหมด หรือถ้าเขาเรียกร้องให้ฉันชดใช้ในสิ่งที่ทำกับน้องวุ้นตาล แกก็เอาตัวเข้าแลกไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะเบื่อก็แล้วกัน แต่ห้ามให้เขาล้างแค้นฉันเด็ดขาด ไม่งั้นแกโดนฉันฆ่าแน่” ขู่สำทับในตอนสุดท้ายลัคนาน
“นอนแล้วเหรอ ง่วงหรือยัง” ชายหนุ่มถามพลางอมยิ้ม รู้ว่าเธอมีอาการแง่งอน แต่พอเขาอารมณ์ดีขึ้นจึงมาทำท่าทีหวานใส่เป็นการง้อและขอโทษที่ไม่มีเสียง“ง่วงแล้วค่ะ” ต้องการจะพักสักหน่อย พลางขยับตัวกอดรัดร่างกำยำไว้เพราะรู้สึกต้องการความอบอุ่น“งั้นนอนก่อนแล้วกัน ยังไงก็คงจะต้องอยู่ที่นี่ถึงเช้า เผื่อตื่นดึกๆผมจะสั่งรูมเซอร์วิสให้” จุมพิตล่ำลาให้คนอ่อนเพลียเข้าสู่ห้วงนิทรา ก่อนที่เจ้าตัวจะผล็อยหลับไปบ้างหลังจากปลดปล่อยกำลังออกมามาก เริ่มรู้สึกตัวว่าเข้าสู่วัยสามสิบเจ็ด ที่เริ่มจะเข้าสู่เลขสี่ มันเหนื่อยง่ายขึ้นแบบนี้นี่เอง เป็นความจริงที่เขาจะต้องยอมรับให้ได้ลัคนาตื่นขึ้นกลางดึก พลิกตัวกลับมากอดซบอกอบอุ่นกำยำ รู้สึกพันผูกต่อชายคนนี้อย่างน่าประหลาด ชีวิตที่เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ ไร้หลักยึดยามเมื่อว้าเหว่ไม่เป็นที่ต้องการของใคร เขากลับมาทำท่าราวกับต้องการเธอมาก รู้ทั้งรู้ว่าอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างประหลาดแล้วเขาก็คลุมเครือ ว่ายังรักกันดีกับแม่ของลูกอยู่หรือเปล่า เธอเลยคาบลูกคาบดอกว่าจะเป็นแค่นางบำเรอหรือเมียน้อย แต่จะให้เธอห้ามเผลอใจได้อย่างไรตลอดทั้งคืนหญิงสาวไม่ยอมหลับอีกเลย เธอนอนเฝ้าดูเสี้
1ลัคนา ไม่เคยได้รับโอกาสดีๆหรือพิเศษในชีวิตเลยสักครั้ง ผิดกับ ลัคนัย ผู้เป็นพี่ชายที่มักจะได้รับสิ่งดีๆจากครอบครัวอยู่เสมอ ลัคนัยหรือพี่แฮม พี่ชายคนเดียวเป็นเด็กหัวดีตั้งแต่ยังเด็ก ความสามารถทั้งทางวิชาการและกิจกรรมทำให้เขาได้รับการส่งเสริมจากครอบครัวและโรงเรียนจนได้มีโอกาสเดินทางลัดฟ้าไปแข่งขันวิชาการอยู่ต่างประเทศเสมอๆ ในขณะที่ตัวของลัคนา เป็นเด็กเรียนเก่งในระดับดีเยี่ยม หากแต่ครอบครัวที่พร้อมใจกันผูกมัดเธอไว้กับบ้าน เพื่อคอยจัดการงานบ้านและเป็นคนรับใช้ทุกอย่างตั้งแต่ยังเด็กลัคนัยเป็นเด็กหัวไวตั้งแต่เด็ก ชีวิตที่มีครอบครัวสนับสนุนทุกทางและเลี้ยงดูอย่างดีดุจราชาองค์น้อยๆ และคอยมีน้องสาวตามติดเป็นบ่าวรับใช้ แล้วยังเป็นความรักและเป็นความหวังของนามสกุล แกร่งกล้ากุล ทำให้เขามีความทะนงตน เย่อหยิ่งอวดดีและเห็นแก่ตัวเพราะเกิดมาไม่ต้องทำเพื่อใคร มีแต่คนมารุมล้อมทำเพื่อเขา ความอวดดีจองหองของเขามักจะสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวเสมอ แต่ลัคนัยไม่เคยเรียนรู้หรือรู้สึกผิดอะไรกับข้อผิดพลาดที่เขาก่อขึ้นเลย เขายังนึกเสมอว่าตนนั้นไม่เคยผิด และเฝ้าแต่โยนความผิด ปัดความรับผิดชอบไปให้คนอื่นในสังคมหนุ