ทั้งพีรภาสและลัคนารู้ตัวเองดี แต่สำหรับชายหนุ่มนั้นเขาไม่ได้สนใจอยู่แล้ว หญิงสาวเบือนหน้าหนีรสจูบจากชายที่ไม่รู้จักกันมาก่อน แต่กลับต้องมาใกล้ชิดเป็นหนึ่งเดียวแบบนี้ แม้จะเพียงข้ามคืน หรือชั่วคราวเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ตาม ยิ่งเธอขยับหนีเท่าไหร่ มันกลับไม่พ้น เขายิ่งเข้ามาคุกคามยั่วเย้า
“เดี๋ยวค่ะ” เสียงเล็กๆท้วงขึ้น พร้อมทั้งยกมือบางดันแผ่นอกกว้างไว้ไม่ให้เขาโน้มตัวเข้ามาหา “ฉัน ฉันอยากเข้าห้องน้ำหน่อย” ให้เหตุผลก่อนจะเบี่ยงตัวลุกขึ้น แต่เหมือนเรี่ยวแรงขัดขืนมันจะอ่อนระทวยลงไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ เธอมีอาการผิดปกตินับตั้งแต่กินนมสดร้อนแก้วนั้นเข้าไป
“ไม่เอาหน่า อย่าเสียเวลาเลย เวลาของผมมีค่า อย่าให้เสียไปกับคนอย่างพวกคุณอีกเลย” ว่าอย่างจงใจดูถูก ทั้งที่ความเป็นจริงแล้ว เขานั่นแหละที่อดใจไม่ไหว อยากจะทำอะไรต่อมิอะไรเสียเดียวนี้ พร้อมกับที่มือหนาขยับปลดเปลื้องเสื้อผ้าของหญิงสาวออกทีละชิ้น
น้ำคำของเขาทำให้คนฟังรู้สึกฉุนขึ้นมา เขาพูดเหมือนเขาและเธอมีความเป็นคนไม่เท่ากัน ไม่มีใครชอบโดนดูถูกหรอก แม้จะอยู่ในสถานะที่ต่ำต้อยกว่า “คนอย่างพวกฉันงั้นเหรอ คนอย่างพวกฉันมันทำไม” แต่กลับต้องสำเหนียกตัวเองเมื่อรู้ตัวดีว่าตอนนี้สถานะตัวเองมันทุเรศขนาดไหน “ฉัน...พวกฉันติดหนี้คุณก็จริง แต่มันไม่จำเป็นเลยที่คุณจะพูดแบบนี้กับฉัน ไม่มีใครชอบฟังคำดูถูกหรอกค่ะ” อย่างน้อยขอให้ไม่มีคำพูดกระทบกระเทียบใดๆ มาทำให้รู้สึกดำดิ่งลึกลงไปกว่านี้ ขอแค่เท่านั้นก็คงไม่มากเกินไป
“ฮึ! ไอ้คนประเภทยักยอก ฉ้อโกง ขโมยเงินคนอื่นไปอย่างหน้าด้านๆ ทำผู้หญิงท้องแต่ก็พาไปทำแท้งจนตกเลือดเกือบตาย คนประเภทนี้ มันมีค่าไหมล่ะ” แต่ละคำที่ออกจากปากของพีรภาส อัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นและเจ็บปวด กรีดใจคนฟังให้ยับเยิน
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วยเล่า” พยายามจะไม่ตั้งคำถาม แต่มันอดไม่ไหว
“เพราะนายลัคนัย พี่ชายของคุณ เค้าส่งคุณมาให้ผมเพื่อชดเชยเงินที่เขาเอาไปจากผมแล้วก็ชดเชยที่เขาส่งน้องผมไปตกนรกแบบนั้นไงล่ะ” คำตอบจากเขาทำให้หญิงสาวเงียบงัน นี่ยังไม่นับที่มันแอบหยอดยาอะไรบางอย่าง ที่ทำให้เขาเหมือนจะควบคุมตัวเองไม่ได้ตอนเห็นหญิงสาวแบบนี้ มันทำเพื่อมัดมือชกว่าหากได้รับยานี้ไปถึงอย่างไรเขาก็ต้องมีความต้องการในตัวน้องสาวของมัน นายลัคนัยทำให้เขาตกอยู่ในความเสี่ยงหลายอย่าง ทั้งโรคร้ายด้วย และผลของการที่บังอาจมัดมือชก คือเขาสั่งซ้อมมันอีกครั้งก่อนพาไปโยนทิ้งแถวบ้าน
“งั้นตอบมาว่า คุณจะทำไหม ถ้าไม่ทำผมก็จะไม่ฝืน ส่วนเรื่องของผมกับลัคนัยเดี๋ยวผมไปคุยกับพวกเขาเองก็ได้นะ” คำว่าเดี๋ยวไปคุยกันเองจากเขา ทำให้เธอรู้สึกไม่ไว้วางใจ เขาจะฆ่าพี่ชายเธออย่างที่พี่ชายเธอบอกหรือเปล่า
ในที่สุดหญิงสาวก็ส่ายหน้าช้าๆ “ถ้าฉันไม่ยอม คุณจะทำอะไรพี่ชายฉันไหมคะ” ตั้งคำถามด้วยความอยากรู้
“สิ่งที่เขาทำกับครอบครัวผม เขาฉ้อโกงเงินที่ยืมผมไป ผมคงปล่อยเขาลอยนวลไปเฉยๆไม่ได้จริงๆ” แบ่งรับแบ่งสู้ไม่รับปาก แต่ก็ไม่ปฏิเสธ พีรภาสพยายามที่จะสุภาพที่สุดกับลัคนา แต่พอพูดถึงลัคนัยเขากลับอดกลั้นอารมณ์แทบจะไม่ไหว
“ฉันแค่อยากได้เงินที่พี่แฮมขโมยไปคืนมา เขาขโมยเงินที่ฉันหามาทั้งชีวิตไปค่ะ ฉันแค่อยากได้เงินของฉันคืนเท่านั้น ทำไมฉันถึงกลายเป็นคนรับเรื่องอะไรแบบนี้ด้วยล่ะคะ ฉันถูกขโมยเงินยังไม่พอ พี่แฮมถึงกับส่งฉันมาขายให้คุณงั้นเลยเหรอ” ไม่คิดเลยว่าพี่ชายแท้ๆจะกล้าทำกับเธอแบบนี้ ถึงกับพากันมาขายตัวแบบนี้ มันเกินไป
“จะว่าขายก็ไม่ถูกเสียทีเดียว เพราะผมไม่ได้เต็มใจจะซื้อ แต่แค่ตกกระไดพลอยโจรดีกว่าไม่ได้อะไรเลยจากคนอย่างนายลัคนัย อีกอย่าง ผมก็อยากได้เงินผมคืนเหมือนกัน อยากได้น้องสาวที่แสนน่ารักกลับมาคืนให้ครอบครัว ความสงบสุขที่พี่ชายคุณพรากไป เอาล่ะ อย่าเสียเวลาเลยนะ รีบขัดดอกให้เสร็จๆแล้วคุณจะไปนรกหรือไปสวรรค์ต่อ ก็รีบไปเถอะ” น้ำเสียงและสายตาของเขาเย็นชาจับขั้วหัวใจ ดับห้วงความหวังอันริบหรี่ของคนที่กำลังสูญเสียจนหมดสิ้น ลัคนาเงียบเสียง ไม่ต่อปากต่อคำกับเขาอีกแล้ว มือที่จับเขาไว้คลายออกเป็นการเปิดทางให้เขาทำตามอำเภอใจ
“แปลว่าคุณตกลงทำนะ” ใบหน้านวลงามขยับขึ้นลงตอบคำถามของเขา แม้จะกระดากอาย แม้จะพยายามปลงว่ามันก็แค่สัมพันธ์ทางกาย ไม่ได้สำคัญอะไรเท่าชีวิตของพี่ชายตนเอง เธอทำเพื่อความชีวิตของลัคนัย แม้เจ้าตัวจะไม่ได้รู้สึกซาบซึ้งต่อสิ่งที่น้องสาวอย่างเธอเสียสละให้สักเท่าไหร่
เมื่อเห็นว่าสิ้นไร้หนทางยื้อเวลา เธอทำได้เพียงล้มตัวลงนอนราบดังเดิมตาม แรงผลักดันของชายหนุ่ม พีรภาสหอบหายใจแรงอย่างสุดจะอดกลั้น พยายามยิ่งยวดที่จะอดทนอดกลั้นอารมณ์ที่พร้อมจะระเบิดกระหน่ำออกมา
ชายหนุ่มเงยหน้ามองใบหน้าหวานปนโศกของคนที่นอนนิ่งอยู่ใต้ร่างของตน ส่งสายตาแรงกล้าแห่งความปรารถนาและห้วงอารมณ์ “ผมไม่ไหว พี่ชายคุณมันแอบเอายาปลุกเซ็กให้ผมกิน” ถึงจะไม่มีอารมณ์เพราะยังไม่ทันได้สร้างแต่ตอนนี้เนื้อตัวมันถูกกระตุ้นเร้าด้วยฤทธิ์ยาจนไม่อาจทานทนได้อีกต่อไป
ฝ่ามือหนารีบสะบัดชุดคลุมอาบน้ำออกอย่างมักง่าย จากนั้นดึงรูดชุดที่หญิงสาวสวมอยู่ออกจนพ้นปลายเท้า รีบแทรกเนื้อตัวที่กำลังเกร็งจนสั่นเทาเข้ามาในกลางร่างกายของหญิงสาวสุดแรง ไม่ได้รีรอให้เธอมีความพร้อมหรืออารมณ์ร่วมใดๆ
ลัคนาตกใจจนต้องรีบยกมือเกาะเหนี่ยวรอบคอแกร่งไว้ ส่งเสียงอื้ออึงในลำคอระบายความเจ็บแปลบกะทันหันจากสิ่งแข็งๆ ที่ผลักดันเข้ามาในกายของเธอแรงๆ มือเท้าจิกเกร็งรับแทบไม่ไหวกับความปวดร้าว
“โอ้...ขอโทษทีนะ นายลัคนัยส่งใบตรวจร่างกายของคุณให้ผมแล้วยังการันตีหนักแน่นว่าคุณยังไม่เคยผ่านมือใคร ผมคงตื่นเต้นกับสาวบริสุทธิ์ผุดผ่องไปหน่อยในสมัยนี้” ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเคร่งเครียด บอกกับลัคนานึกย้อนไปถึงวันที่พี่ชายโทรมาบอกเธอไปตรวจเลือดที่ดรงพยาบาล ตรวจหาทุกๆโรคโดยอ้างว่าจะทำกรมธรรม์ให้ ความจริงแล้วมันไม่ใช่ประกันหรืออะไรทั้งสิ้น มันเป็นการตรวจเช็คความสะอาดปราศจากโรคติดต่อในตัวเธอ เพื่อเตรียมจะส่งเธอขายให้กับพีรภาสนั่นเอง!
“ขอโทษด้วยแล้วกันนะ” ขอโทษส่งๆยามเห็นเธอเจ็บ ไม่สนใจความเจ็บปวดของเธอเท่าไหร่นัก ขยับกายมีชั้นเชิงอยู่ไม่นานนักกลไกทางธรรมชาติจะอาบรดให้หญิงสาวนั้นมีความพร้อมขึ้นมาเอง...มันเจ็บไม่นาน
หญิงสาวร้องไม่ออก พูดไม่ออกได้แต่ปล่อยให้เขาทำตามอำเภอใจ หัวใจถูกฉีกยับเยินซ้ำแล้วซ้ำเล่า นานพอสมควรกว่ามันจะจบลง ทิ้งไว้เพียงร่องรอยชื้นๆและความเปียกลื่นลัคนารู้สึกเหนอะหนะอยากจะล้างเนื้อหัว ไม่ชอบไม่คุ้นกับทุกๆอย่างที่ได้พบเจอในตอนนี้
“อย่ารีบสิครับ มันยังไม่จบนะคุณ ดูสิมันยัง...ไม่หมดเลย” เขาหมายถึงความพลั่งพร้อมของเขาที่มันยังมากมายพร้อมพรั่งพรูเรื่อย ๆ
ลัคนาหน้าเสียที่ถูกเขาพูดจาลามกตรงๆพร้อมทั้งเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปาก ที่เฝ้าแต่โน้มเข้ามาตักตวงความนุ่มฉ่ำจากริมฝีปากของเธอ แต่นั่นยิ่งเป็นการเปิดโอกาสให้เขาซุกหน้าลงกับไหล่ลาดและซอกคอนวลขาวทิ้งร่องรอยบอบช้ำไว้แทน
“กลิ่นครีมอาบน้ำของคุณหอมดีนะ” พีรภาสสูดกลิ่นหอมสดชื่นเข้าเต็มปอด ก่อนจะขบเม้มตีตราร่องรอยสัมผัสอย่างหมั่นเขี้ยวในความขาวนวล บริเวณซอกคออ่อนไหวของหญิงสาวขาวราวหน่อไม้ยอดอ่อนที่ถูกปอกเปลือกออกเกลี้ยงๆ แก้มยุ้ยนวลนุ่มนั้นช่างหอมกรุ่น ชวนให้กดจมูกหอมเรื่อย ๆ ความน่ารักของเธอทำให้เขาอยากถนอมไว้ใกล้ๆมากกว่าทำลายแล้วผลักไสไปให้ไกล
พอถูกชวนคุยไปด้วย อารมณ์ตึงเครียดของลัคนาเริ่มผ่อนคลายลง จึงกล้าที่จะเอ่ยถามเขา “ฉันขอรู้จักชื่อคุณหน่อยได้ไหมคะ” ไหน ๆมอบครั้งแรกให้กับเขาแล้ว ก็อยากจะรู้ชื่อของชายคนนี้ไว้ เผื่อทานทนไม่ไหวได้เอ่ยปากเรียกชื่อร้องขอให้เขาปราณีคนพึ่งจะมีประสบการณ์อย่างเธอบ้าง
จมูกที่กำลังซุกซอกคอหอมหวนชะงักเล็กน้อย ยิ้มบางๆยามเมื่อได้ยินเสียงบางๆถามขึ้นจมูกโด่งสูดลมหายใจเอากลิ่นหอมสดชื่นเข้าปอด รู้สึกได้ถึงอารมณ์ที่ก่อตัวไม่จบสิ้น ความใคร่ที่มันมาจากความรู้สึก ไม่ใช่เฉพาะอารมณ์มันเป็นแบบนี้นี่เอง กลิ่นของเธอกระตุ้นอารมณ์ให้บุรุษเพศของเขากระชุ่มกระชวย ทั้งฤทธิ์ของยาที่ถูกนายลัคนัยแอบใส่ในเหล้าให้กินแล้วยังเนื้อสาวนวลนุ่ม คงห้ามอารมณ์ให้กลับมาปกติคงเป็นเรื่องยาก
“ชื่ออะไรคะ” เสียงบางๆนั้นทั้งขัดอารมณ์และทั้งกระตุ้นอารมณ์
“เติร์ก” เขาส่งเสียงตอบอย่างไม่คิดอะไรมาก ไม่ได้ให้ความสำคัญต่อหญิงสาวมากไปกว่าเรื่องอย่างว่านั้น “ผมชื่อเติร์ก” ช้อนแก้มนวลให้หันมาเผชิญสายตาที่เต็มไปด้วยอารมณ์ราคะซึ่งร้างราการปลดปล่อย ร่างสูงชันตัวขึ้น ปลดเปลื้องตัวตนของตนเองให้เป็นอิสระและผงาดทระนง จากนั้นเคลื่อนกายเข้ามาชิดแนบแน่นอีกครั้ง...อีกครา
ตาคมกล้ามองใบหน้านวลเปล่งปลั่งแล้วพยายามนึก แต่กลับนึกไม่ออกว่า นานเท่าไหร่แล้วที่เขาไม่ได้มีความสุขหรือความสำราญกับผู้หญิง อาจจะตั้งแต่ตอนที่มีปัญหากับภรรยาเก่าและแย่งชิงลูกมาเลี้ยงดูเองได้เมื่อสองปีก่อนหน้านั้น ในช่วงเวลาวุ่นวาย ทั้งเรื่องลูก เรื่องเมียเก่า แล้วยังจะเรื่องของน้องสาว ทำให้ไม่มีเวลาไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องพวกนั้น แต่ในวันนี้ พอได้เห็นแววตากลมโตหวานปนโศกของผู้หญิงคนนี้ อารมณ์ที่ถูกกักเก็บไว้นานทำให้เขารู้สึกกระปี้กระเป่าขึ้นมา
ใบหน้าคมคายยกยิ้มเล็กน้อย เมื่อเห็นเธอขัดเขินจนเนื้อตัวแดงเห่อ สายตากรุ้มกริ่มกวาดมองทั่วทั้งร่าง จากนั้นดันบราเชียร์ลูกไม้ขึ้นไปด้านบน เปิดเผยนวลเนื้อนุ่มหยุ่นสวยหวาน
“น่ารักดีนะ” ไม่รู้อารมณ์ไหนทำให้เขาเปล่งเสียงแบบนั้น หลังผ่านพ้นหนแรกมา เขาดูใส่ใจอารมณ์ร่วมเธอมากขึ้น เริ่มสำรวจว่าเนื้อตัวของหญิงสาวผ่องใสเรียกร้องให้เขาถนอมเธอมากๆ แต่อาการตื่นตัวมันมีมากจนดูลนลาน เรียกร้องให้เขาต้องรีบลงมือกลืนกินเธอเสียเดี๋ยวนี้อย่ารีรอ มือหนาคว้าสะเปะสะปะเตรียมการป้องกันตนเองทั้งโรคติดต่อและการตั้งครรภ์ไม่พึงประสงค์อีกหน คนที่ดูสะอาดสะอ้านในสมัยนี้ไว้ใจไม่ได้ เขามีภาระเบื้องหลังมากมายจึงห้ามประมาทเรื่องนี้
จวบจนเมื่อมั่นใจว่าปลอดภัยและพร้อมสรรพจึงกลับลงไปหาเธออีกครั้ง คราวนี้ขยับเข้าไปใกล้ชิดแนบแน่น กดเนื้อตัวลงไปหาความหวามอย่างอ้อยอิ่ง สำรวจช้าๆ สิ่งที่พบเจอทำให้เขารู้สึกสะท้านขนลุกชัน เมื่อสักครู่มั่นเป็นเพราะฤทธิ์ยา แต่ตอนนี้มันเป็นไปด้วยแรงอารมณ์
“คุณ...คุณเติร์ก” เรียกขานชื่อชายหนุ่มด้วยเสียงแผ่วเบาอ่อนไหว คิ้วงามขมวดเป็นปม แรกๆมันอึดอัดทุกครั้งยามเมื่อร่างสูงเคลื่อนตัวทาบทับลงมาแนบชิด นิ้วทั้งสิบจิกเกร็งกับไหล่หนา บรรยายไร้เสียงว่าเธอทั้งเจ็บช้ำปนเปซาบซ่านขนาดไหน ฟันคมกัดริมฝีปากตัวเองไว้ไม่กล้าแสดงออกอะไรมากนักเพราะกลัวเขาจะเยาะเย้ย
“อา...ผมควรจะรอให้คุณพร้อมกว่านี้หน่อย แต่ไม่ต้องกังวลนะ อีกเดี๋ยวคุณจะพร้อมเอง” สุ่มเสียงอ่อนโยนสุภาพ แต่การกระทำกลับหนักแน่นดุดัน จนนิ้วเรียวของหญิงสาวต้องขยับขึ้นจิกที่บ่ากว้างจนจมนิ้ว แข้งขาอ่อนแรงจนต้องขยับมันมากอดเกี่ยวสะโพกสอบไว้ สติของหญิงสาวเหลือน้อย แต่มันไม่ได้ถึงขนาดทำให้เคลิ้มมีอารมณ์ร่วม ในความรู้สึกของเธอมันยุ่งเหยิงสับสน
“ครั้งแรกก็คงแบบนี้สินะ” อมยิ้มเอ็นดูกับอาการของหญิงสาว เห็นเธอทำใจแข็งไม่ส่งเสียงร้องก็อดไม่ได้ที่จะออกแรงขยับกายเพื่อกลั่นแกล้ง แววตาคมกล้าหรี่มองความอวบอิ่มที่กำลังฉ่ำชื่นไปด้วยน้ำใสและเลือดจางๆ เห็นความสดใหม่แล้วชายหนุ่มต้องกลืนน้ำลาย ก่อนจะอดไม่ไหวผละตัวออกมาก่อนจะก้มมองความงามของเธอ อย่างพินิจพิเคราะห์ จากนั้นขยับปากเข้าไปจุมพิตตัวตนอันอ่อนนุ่มของหญิงสาวที่กำลังสั่นเบาๆ ปลอบขวัญ “หวานดี” ไล้เลียริมฝีปากตัวเอง เอ่ยชมสั้นๆแต่ชอบใจเหลือจะประมาณ ก่อนจะขยับตัวเข้าทบทับครอบครองอีกหน คราวนี้เบาแรงกว่าครั้งก่อนเพราะกลัวว่าเธอจะเจ็บและบอบช้ำให้เสียของ
สุ่มเสียงบางใสร้องท้วงสับสน เมื่อที่ถูกกระทำอยู่ นั้นเกินจะต้านทานความรู้สึกการรุกล่วงล้ำของเขา ทรงพลังและทรงเสน่ห์ แขนเรียวยกขึ้นคล้องรอบลำคอแกร่ง สบตากับเขาอย่างเชื่อใจก่อนจะเบือนหน้าหนีเมื่อนึกขึ้นได้ว่าครั้งแรกของเธอ เป็นเพียงความสัมพันธ์ทางกายที่แลกเปลี่ยนด้วยผลประโยชน์ต่อพี่ชายเพียงคนเดียว
“ยังเจ็บไหม” เสียงทุ้มกระเส่าถามนะระหว่างขยับกายตามแรงอารมณ์ “เจ็บไหมครับ” สุ่มเสียงอ่อนโยนถูกใช้หลอกเหยื่อให้ตายใจได้เสมอ ทั้ง ๆที่ผู้ชายแยกความรู้สึกทุกอย่างออกจากเรื่องบนเตียงได้อยู่แล้ว
ลัคนาส่ายหน้าอย่างซื่อสัตย์ ตัดสินใจปล่อยริมฝีปากที่กัดไว้ออก ปลดเปลื้องปราการที่สกัดกลั้นการแสดงออกของตนเองออก “!!!” ลมหายใจร้อนถอดถอนออกมาจากปากบางยาวยืด คล้ายโล่งอกและปลดปล่อยความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ในตัวออกมา
“รู้สึกดีไหม” คล้ายเขาจะอ่านอารมณ์เธอออก ร่างสูงขยับออกห่างให้เธอได้สำรวจใบหน้าและลำตัวของเขาถนัดขึ้น พร้อมๆกับที่เขาได้มองว่าเนื้อตัวของหญิงสาวอวบอิ่มเต็มตัวไปหมดขนาดไหน
พีรภาสยิ้มหวาน ขยับมือบีบเคล้นความขาวอวบนุ่มหยุ่นและนูนเด่นน่าฟัด สร้างอารมณ์หวามหวานจนเธอมีอารมณ์ร่วมล้นปรี่ อาจจะเพราะฤทธิ์ของสิ่งแปลกปลอมที่พี่ชายแอบเจือปนให้เธอกิน หรืออาจจะเพราะเสน่ห์แห่งบุรุษเพศของผู้ชายคนนี้ ที่ช่วยให้เธอเกิดอารมณ์ร่วมท่วมท้นอย่างน่าละอาย
“คุณ...คุณเติร์กคะ” เสียงหวานหลุดรอดออกจากปากสวยไม่หยุด พร้อมกับที่เสียงทุ้มดังสอดประสานอยู่เรื่อย ๆ ชายหนุ่มเองรู้สึกคล้ายเสียความควบคุมตัวเอง ยามร่างอวบอัดบิดเกลียวตามแรงอารมณ์ที่ถูกส่งจนใกล้จะถึง
เม็ดยอดสีหวานของทรวงงามถูกเขาละเลียดดูดกลืนครอบครอง ประสานสัมผัสกับสะโพกสอบที่ขยับเร็วรี่กระชั้นชิด ลัคนาหวีดร้องยามมิอาจทานทนต่อความรู้สึกที่ถูกเขาบดขยี้ตลอดเวลา ฝ่ามือบางตะปบกับแก้มของชายหนุ่ม รู้สึกอยากจะดึงเขาเข้ามาจูบมาหอมเสียเหลือเกิน
ร่างกายของลัคนาทำตามสัญชาตญาณทันที เกี่ยวรั้งท้ายทอยของอีกฝ่ายลงมาให้ได้องศาที่เหมาะสม ก่อนจะเผยอปากมอบจุมพิตอันไม่ประสาแก่เขา พีรกาสแทบเสียศูนย์กับแรงดิ้นของหญิงสาว ที่ปลดปล่อยตนเองออกมาตามอารมณ์ หากแต่ปล่อยให้เธอทำตามอำเภอใจเพราะเขาเอง ก็เริ่มอดรนทนไม่ไหว รู้สึกสูญเสียการควบคุมร่างกายตัวเองให้กับเธอไปแล้วเช่นเดียวกัน
“โอ้ยคุณ” เสียงเข้มแหบพร่ายากจะควบคุมอารมณ์ตนเอง ก่อนจะเร่งเครื่องกวดขันตามอารมณ์ที่เดือดพล่านอยู่ภายใน
ลัคนาขมวดคิ้วมุ่น ภายในรู้สึกสะท้านซาบซ่านจนเนื้อตัวสั่นตุบๆ ซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกที่บิดเกลียวอยู่ภายในจนเกินจะต้าน ปลดปล่อยตนเองตามติดชายหนุ่มไปไม่ห่าง “คุณ...คุณเติร์ก” ร่างนุ่มอ่อนยวบราวกับไร้กระดูก สิ้นไร้เรี่ยวแรงขยับกายชั่วขณะ ได้แต่โอนอ่อนให้ฝ่ายชายทำตามอำเภอใจ ปราศจากแรงขัดขืนหรือเรี่ยวแรงตอบสนอง
พีรภาสเคลื่อนจมูกโด่งคมของตนขึ้นมาชนกับจมูกของอีกฝ่าย สบตาเธอด้วยสายตาพิฆาตละลายใจ จากนั้นยิ้มเล็กน้อยและหอมแก้มนวลงามเป็นการส่งท้าย “ชอบผิวคุณนะ นุ่มดี” พูดชมเอาใจพอเป็นพิธี แล้วขยับตัวออกห่างเพื่อลุกไปอาบน้ำล้างเนื้อล้างตัวที่มีเหงื่อชุ่มกายตามประสาคนรักสะอาด หรืออาจจะเพราะยังไม่วางใจในความสะอาดของผู้หญิงคนนี้สักเท่าไหร่ ตามรูปแบบความสัมพันธ์ชั่วคราวเพียงข้ามคืน
ลัคนาลุกขึ้นขยับมานั่งอยู่ริมเตียง หยิบคว้าเสื้อคลุมของโรงแรมมาสวมไว้ไม่ให้อากาศหนาว ตั้งหลักทำทีนั่งมองทีวีที่กำลังเปิดฉายซีรีส์อเมริกาอยู่ ทั้งที่ใจไม่ได้อยู่กับภาพในทีวีแม้แต่น้อย คว้าน้ำดื่มแถวนั้นมาดื่มดับกระหายและแก้อาการลำคอแห้งผาก เริ่มรู้สึกได้ถึงสติสัมปชัญญะที่เริ่มฟื้นฟูกลับคืนมา หลังผ่านไปหลายชั่วโมงของการได้รับสารเสพติดปริมาณที่ไม่มากเท่าใดนัก
“อาบต่อไหม” พีรกาสยิงคำถามจากนั้นขยับตัวลงมานั่งข้างกายของเธอ ใช้นิ้วเรียวเสยผมนุ่มสลวยขึ้นมาทัดหู ก่อนจะหอมแก้มนวลนุ่มที่แดงกล่ำและจูบที่ข้างขมับอุ่นร้อน กลิ่นกายของเธอเป็นความสดชื่นที่เขาชื่นชอบเป็นพิเศษ แม้มันไม่ได้ลึกซึ้งมากมายแต่อย่างน้อยๆก็มีที่ให้ระบายอารมณ์เปลี่ยวเหงา
“มีไข้หรือเปล่า ทำไมดูตัวรุมๆ” กังขาแปลกใจ เมื่อครู่เนื้อตัวเธอยังเย็นเฉียบอยู่เลย มันเย็นชื้นไปด้วยเหงื่อที่มาจากการออกแรงทำกิจกรรมเมื่อครู่นั่นแหละ
“หลิวตัวร้อนแบบนี้อยู่แล้วค่ะ” ย่นคอหลบปากของเขาพร้อมกับหลับตาด้วยความรู้สึกแปลกๆเมื่อริมฝีปากร้อนนาบลงมาที่ต้นคอของเธอ
“ผมชอบนะ” เอ่ยปากตรงไปตรงมา นึกอยากจะให้เธออยู่ข้างๆกาย แม้จะไม่ได้รู้สึกอะไรแต่ให้เธออยู่ด้วยเรื่องเซ็ก มันก็ดีกว่าเขาต้องไปหาซื้อกินที่มันอาจจะไม่ค่อยสะอาดปลอดภัยและถูกใจเท่ากับผู้หญิงคนนี้
“ชอบอะไร” ต่อปากต่อคำกับอีกฝ่าย ไม่นึกเชื่อต่อสิ่งเขาพูด แต่ลึกๆแล้วพอใจในสิ่งที่ได้ยิน “เมื่อกี้นี้ยังด่าฉันอยู่เลย” ว่าอย่างแสนงอน
คนสบายเนื้อสบายตัวและสบายใจยิ้มร่าต่อสิ่งที่หญิงสาวย้อนกลับมา “ก็ชอบที่คุณทำเมื่อกี้นี้ ไม่ได้หมายถึงชอบคุณเสียหน่อย” เห็นเธอทำหน้าไม่ถูกก็อยากจะกลั่นแกล้งให้อาย
ใบหน้านวลร้อนเห่อ ขยับตัวเตรียมจะลุกหนี “เพ้อเจ้อ ฉันจะกลับบ้านแล้ว อุ้ย! ปล่อยนะคุณเติร์ก” แต่กลับถูกอ้อมแขนของเขาจองจำไว้ก่อน แขนของเขารัดเข้ามาแน่นจนเธอขยับลุกไม่ขึ้น ทั้งยังถูกเขาขโมยหอมแก้มจนช้ำไปหมด
“ผมไม่อนุญาตให้คุณไป วันนี้นายลัคนัยให้คุณอยู่กับผมทั้งคืน จะขัดคำสั่งพี่ชายเหรอ” เอาพี่ชายของเธอมาอ้าง ก่อนจะเริ่มเอาเปรียบหญิงสาวอีกครั้ง จะว่าเอาเปรียบอาจจะไม่ค่อยเหมาะ เพราะเขาจะใช้งานผู้หญิงคนนี้ยังไงก็ได้อยู่แล้ว ในฐานะเจ้าหนี้รายใหญ่ “หนี้ของพี่ชายคุณ ตั้งสามสิบล้านนะ ขัดดอกเบี้ยงวดแรกสามแสน ครั้งแรกของคุณจะมีค่าขนาดนั้นเลยเหรอ” ย้อนแรงๆให้เธอรู้สึกตัว
หญิงสาวกัดริมฝีปาก น้อยใจที่เขาต่อว่าเธอไร้ค่า โน้มตัวลงนอนฟุบหน้ากับหมอน ในขณะที่พีรภาสยิ้มให้เอ็นดู เวลาผู้หญิงคนนี้น้อยใจดูเหมือนเด็ก
“เป็นเด็กหรือไงทำไมเอะอะก็หันหลังหนีแบบนี้”
เห็นลัคนาแล้ว อดที่จะนึกถึงน้องสาวไม่ได้ ยัยวุ้นตาลหรือภาริตา ผู้เป็นน้องสาวเพียงของเดียวของเขา ตอนนี้เธอยังนอนไม่ได้สติอยู่ในห้องผู้ป่วยวิกฤตของโรงพยาบาล หลังจากที่เธอตั้งท้องกับลัคนัยและถูกมันปัดความรับผิดชอบ ซ้ำยังหลอกเอาเงินไปเป็นสิบๆล้าน ขนาดพาเธอไปทำแท้ง จนตกเลือดติดเชื้อในกระแสเลือดเจียนตาย แล้วยังก่อเหตุเอารถหรูของเธอไปแอบขายใช้หนี้พนันบอล เขาจึงต้องมาทวงคืนและขู่จะฆ่า เรื่องบ้าๆที่นายลัคนัยก่อไว้ ล้วนส่งผลถึงคนอื่นๆแม้แต่ลัคนาที่กำลังนอนพลีกายให้เขาอยู่ตรงนี้
“ก็คุณบอกว่าฉันไม่มีค่านิ จะให้ฉันยิ้มยินดีหรือยังไง” ติวเตอร์สาวแง่งอนก่อนจะขยับตัวหนีใบหน้าคมที่เฝ้าวนเวียนอยู่หลังใบหูของเธอ
“โถ่เอ๋ยเด็กน้อย” ให้ความเอ็นดูสาววัยยี่สิบหกปี ก่อนจะขโมยหอมแก้มนุ่มนวล สูดกลิ่นกายสาวที่เขาร้างลาไปนาน หญิงสาวที่อายุห่างจากเขาเกือบสิบห้าปีช่วยให้เขารู้สึกกระชุ่มกระชวยขึ้นอีกครั้ง
“ปล่อยนะ อย่ามายุ่งสิ” ดีดดิ้นให้เขารู้ว่าไม่พอใจที่ถูกต่อว่า
“มานี่มา” ไม่ยากนักที่จะจับเธอพลิกตัวกลับมารับจูบร้อนแรงเต็มเปี่ยมไปด้วยอารมณ์และรสสัมผัสซาบซ่าน ความรู้สึกซ่านสะท้านยังคงดึงดูดให้เธอโอนอ่อนผ่อนตามเขาอีกครั้ง อีกครั้งและอีกครั้ง
2เสียงข้อความในโทรศัพท์ดังขึ้น เป็นสัญญาณให้ลัคนารู้ว่าต้องปฏิเสธนัดหมายทุกอย่าง เพื่อที่สามทุ่มจะได้ถึงห้องพักของพีรภาส“พี่แฮม วันนี้หลิวรู้สึกไม่ค่อยสบาย หลิวไม่ไปได้ไหม” บอกออกมาในตอนที่กำลังจะถูกพี่ชายพาไปขึ้นรถ เธอเหมือนหมูในอวยที่กำลังจะถูกส่งไปเชือดที่โรงงานไม่มีผิด ชีวิตของเธอ“แกอย่าเรื่องมาก แกอยากให้เขาตามฆ่าฉันเหรอไง” เผด็จการเห็นแก่ตัวจับน้องสาวยัดเข้าไปในรถ แล้วยังข่มขู่เธอสารพัด“แต่หลิวยังไม่เห็นว่าคุณเติร์กเขาจะทำอะไรพี่เลยนะ”“นั่นแหละ แกถึงต้องไปอยู่กับเขา เอาตัวของแกเข้าแลก แล้วเริ่มพูดยังไงก็ได้ให้เขาไม่เอาเรื่องฉัน” คำตอบของพี่ทำให้คนฟังหน้าเสียและรู้สึกไร้คุณค่าในตัวเอง“แล้วพี่จะให้หลิวเอาตัวเข้าแลกแบบนี้จนถึงเมื่อไหร่ล่ะคะ” รู้สึกเจ็บปวดจนชาไปหมดทั้งความรู้สึก ใจสลายจนไม่อาจประกอบรูปคืนได้อีกลัคนัยทำท่าครุ่นคิด ก่อนจะหาคำตอบให้น้องได้ “ก็จนกว่าฉันจะหาเงินมาใช้หนี้เขาหมด หรือถ้าเขาเรียกร้องให้ฉันชดใช้ในสิ่งที่ทำกับน้องวุ้นตาล แกก็เอาตัวเข้าแลกไปเรื่อยๆจนกว่าเขาจะเบื่อก็แล้วกัน แต่ห้ามให้เขาล้างแค้นฉันเด็ดขาด ไม่งั้นแกโดนฉันฆ่าแน่” ขู่สำทับในตอนสุดท้ายลัคนาน
“นอนแล้วเหรอ ง่วงหรือยัง” ชายหนุ่มถามพลางอมยิ้ม รู้ว่าเธอมีอาการแง่งอน แต่พอเขาอารมณ์ดีขึ้นจึงมาทำท่าทีหวานใส่เป็นการง้อและขอโทษที่ไม่มีเสียง“ง่วงแล้วค่ะ” ต้องการจะพักสักหน่อย พลางขยับตัวกอดรัดร่างกำยำไว้เพราะรู้สึกต้องการความอบอุ่น“งั้นนอนก่อนแล้วกัน ยังไงก็คงจะต้องอยู่ที่นี่ถึงเช้า เผื่อตื่นดึกๆผมจะสั่งรูมเซอร์วิสให้” จุมพิตล่ำลาให้คนอ่อนเพลียเข้าสู่ห้วงนิทรา ก่อนที่เจ้าตัวจะผล็อยหลับไปบ้างหลังจากปลดปล่อยกำลังออกมามาก เริ่มรู้สึกตัวว่าเข้าสู่วัยสามสิบเจ็ด ที่เริ่มจะเข้าสู่เลขสี่ มันเหนื่อยง่ายขึ้นแบบนี้นี่เอง เป็นความจริงที่เขาจะต้องยอมรับให้ได้ลัคนาตื่นขึ้นกลางดึก พลิกตัวกลับมากอดซบอกอบอุ่นกำยำ รู้สึกพันผูกต่อชายคนนี้อย่างน่าประหลาด ชีวิตที่เหมือนหัวเดียวกระเทียมลีบ ไร้หลักยึดยามเมื่อว้าเหว่ไม่เป็นที่ต้องการของใคร เขากลับมาทำท่าราวกับต้องการเธอมาก รู้ทั้งรู้ว่าอยู่ในสถานะที่ค่อนข้างประหลาดแล้วเขาก็คลุมเครือ ว่ายังรักกันดีกับแม่ของลูกอยู่หรือเปล่า เธอเลยคาบลูกคาบดอกว่าจะเป็นแค่นางบำเรอหรือเมียน้อย แต่จะให้เธอห้ามเผลอใจได้อย่างไรตลอดทั้งคืนหญิงสาวไม่ยอมหลับอีกเลย เธอนอนเฝ้าดูเสี้
1ลัคนา ไม่เคยได้รับโอกาสดีๆหรือพิเศษในชีวิตเลยสักครั้ง ผิดกับ ลัคนัย ผู้เป็นพี่ชายที่มักจะได้รับสิ่งดีๆจากครอบครัวอยู่เสมอ ลัคนัยหรือพี่แฮม พี่ชายคนเดียวเป็นเด็กหัวดีตั้งแต่ยังเด็ก ความสามารถทั้งทางวิชาการและกิจกรรมทำให้เขาได้รับการส่งเสริมจากครอบครัวและโรงเรียนจนได้มีโอกาสเดินทางลัดฟ้าไปแข่งขันวิชาการอยู่ต่างประเทศเสมอๆ ในขณะที่ตัวของลัคนา เป็นเด็กเรียนเก่งในระดับดีเยี่ยม หากแต่ครอบครัวที่พร้อมใจกันผูกมัดเธอไว้กับบ้าน เพื่อคอยจัดการงานบ้านและเป็นคนรับใช้ทุกอย่างตั้งแต่ยังเด็กลัคนัยเป็นเด็กหัวไวตั้งแต่เด็ก ชีวิตที่มีครอบครัวสนับสนุนทุกทางและเลี้ยงดูอย่างดีดุจราชาองค์น้อยๆ และคอยมีน้องสาวตามติดเป็นบ่าวรับใช้ แล้วยังเป็นความรักและเป็นความหวังของนามสกุล แกร่งกล้ากุล ทำให้เขามีความทะนงตน เย่อหยิ่งอวดดีและเห็นแก่ตัวเพราะเกิดมาไม่ต้องทำเพื่อใคร มีแต่คนมารุมล้อมทำเพื่อเขา ความอวดดีจองหองของเขามักจะสร้างความเดือดร้อนให้ครอบครัวเสมอ แต่ลัคนัยไม่เคยเรียนรู้หรือรู้สึกผิดอะไรกับข้อผิดพลาดที่เขาก่อขึ้นเลย เขายังนึกเสมอว่าตนนั้นไม่เคยผิด และเฝ้าแต่โยนความผิด ปัดความรับผิดชอบไปให้คนอื่นในสังคมหนุ
ลัคนาตั้งใจสอนพิเศษ เพื่อเก็บสะสมเงินใหม่ หลังจากที่เงินเก็บที่หามาอย่างยากลำบากถูกพี่ชายขโมยไปใช้จนหมด เธอรีบทำงานอย่างเป็นบ้าเป็นหลังหาเงินให้มากๆหวังจะไปจากบ้านที่อยู่อาศัยเสียให้ได้“หลิว มีโทรศัพท์มาที่กวดวิชา เป็นทางบ้านน่ะ” แม่บ้านเฝ้าโรงเรียนกวดวิชาชะโงกหน้าบอกกับติวเตอร์คนงามที่กำลังสอนลูกศิษย์เต็มห้องลัคนาพอจะรู้ว่าเป็นใครที่ติดต่อมา หากแต่ต้องเดินออกไปรับสายเพื่อเป็นการตัดการรบกวนคนอื่น วันนี้ทั้งวันลัคนัยโทรติดต่อมาหาเธอทั้งวัน โดยโทรเข้าเบอร์ของโรงเรียนกวดวิชา“ฮัลโหล” ลัคนากรอกเสียงลงไปด้วยความเหนื่อยล้า หมดแรงที่จะวิ่งหนีพี่ชายหน้าด้านหน้าทนที่คอยแต่จะรังแกและเอาเปรียบเธออยู่เรื่อยไป“หลิว แกฟังฉันนะ” น้ำเสียงของลัคนัยวางอำนาจดังมาตามสาย“หลิวมีสอนนะพี่แฮม เลิกโทรมาที่โรงเรียนได้แล้ว เกรงใจเขา” ปรามพี่ชายเสียงต่ำให้รู้ว่าโกรธมากขนาดไหน สถาบันกวดวิชาที่เธอรับจ้างสอนหนังสือ ไม่ได้เป็นบ้านของเธอเสียหน่อย เขายังรบกวนได้บ่อยๆอย่างไม่รู้จักเกรงอกเกรงใจแม้แต่น้อยนิด“ฟังฉันก่อนจะตายไหม” ตะคอกถามเสียงฉุนกลับมา“มีอะไรก็พูดมาค่ะ หลิวต้องไปสอนหนังสือต่อ”“เงินที่ฉันเอาของแกไป ฉั
ลัคนาตื่นขึ้นในช่วงบ่ายโมงของอีกวัน หลังจากพีรภาสเคล้นพลังจากเธอไปจนหมดแรง กว่าจะยอมปล่อยให้เธอเพลียหลับก็ตอนเกือบจะตีสี่ โน้ตเล็กๆถูกวางไว้ที่ตู้ข้างเตียงนอน ในนั้นแจ้งว่าให้เธอพักผ่อนให้พอ เขาสั่งรูมเซอร์วิสไว้ให้ ถ้าหากเธอหิวให้โทรตามพนักงานขึ้นมาเสิร์ฟอาหารแต่หญิงสาวกลับอยากจะออกไปจากที่นี่ เธอรีบแต่งตัวก่อนจะออกจากห้องพักของเขาไปอย่างเงียบๆ ไปเริ่มต้นที่บ้าน อาบน้ำแต่งตัวใหม่และไปรับงานสอนพิเศษ กลับมาใช้ชีวิตให้เป็นปรกติ เพราะเธอจะต้องทำมาหากิน เธอยอมช่วยพี่ชาย แต่ไม่ได้หมายความว่าจะต้องอยู่งอมืองอเท้าทำตัวเป็นเครื่องขัดดอกเบี้ยให้ใครดูถูก “อ้าวหลิว เป็นไงบ้าง” ลัคนัยเอ่ยทักทายน้องสาวอย่างเสียมิได้ ยามเมื่อเห็นน้องเดินเข้ามาในตัวบ้าน เขาพึ่งตื่นเช่นเคยในวันเสาร์ที่ไม่ต้องไปทำงาน ตื่นบ่ายสองตรงกับช่วงเวลาที่น้องกำลังเดินกลับเข้าบ้าน“หลิว ยัยหลิว” พี่ชายรีบเดินขึ้นมาดักหน้าหญิงสาวไว้ เมื่อเห็นว่าเธอกำลังเดินไปอีกทาง“พี่แฮม มีอะไรเหรอคะ” ก้มหน้าไว้ไม่ยอมเงยมองผู้เป็นพี่ที่กำลังทักทาย อย่างจงใจหลบหน้าหลบตา“หลิวเป็นไงบ้าง คุณเติร์กเขาทำร้ายหลิวหรือเปล่า” คำถามของพี่ชาย ถ้าได้ยิน