Talk - ลลิลแสงแดดยามเช้าเป็นนาฬิกาปลุกทำให้ฉันตื่นจากฝัน มันรู้สึกปวดเนื้อระบมตัวไปหมด เมื่อลืมตาขึ้นสมองก็เริ่มประมวลผลเหตุการณ์ที่สุดแสนจะอับอายเมื่อวานจำได้ว่าฉันกินข้าวแล้วรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ และมารู้ทีหลังว่าอาหารนั้นผสมยาปลุกเซ็กซ์ แน่นอนว่าตอนนี้ฉันนอนเปลือยกายไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า ก้มมองที่ตัวมันมีแต่ไปด้วยรอยแดงเต็มไปหมด ในขณะที่กำลังคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ประตูห้องน้ำก็ได้เปิดออกก่อนที่ร่างของตุลจะเดินยิ้มร่าออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี “ตื่นแล้วเหรอครับที่รัก ^_^” “อื้อตื่นแล้ว” “หิวไหม ทำอาหารเช้าไว้ให้แล้วนะ เมื่อวานคงจะเสียพลังงานไปเยอะ ^_^”“ตุลช่วยหยิบผ้าขนหนูให้พี่หน่อยสิ” เขาทำตามอย่างว่าง่าย ไม่นานผ้าขนหนูก็ถูกยื่นมาตรงหน้า ไม่รอช้าฉันรีบคว้ามันมาพันตัวก่อนจะลุกขึ้นยื่นประจันหน้ากับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเพี๊ยะ!! นี่คือเสียงมือของฉันที่ฟาดลงบนใบหน้าคมคายอย่างแรง “ต้องทำขนาดนี้เลยหรือไง พอใจแล้วใช่ไหม” สิ้นสุดคำถาม ฉันก็ฟาดมือไปที่ใบหน้าเขาอีกครั้งโดยไม้รอฟังคำตอบ“… ลิลฟังก่อนได้ไหม”“รู้ไหมว่าการใช้วิธีแบบนั้นมันเลวทรามต่ำช้าขนาดไหน!!”“ข… ขอโทษ ไม่คิดว่าจะโ
Talk ตุลผมเดินหน้าสลดออกมาข้างนอกห้อง ที่คิดไว้ในหัวมันไม่ใช่แบบนี้เลย จินตนาการของผมไม่คิดว่าลิลจะโกรธมากขนาดนี้ แถมผมยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีก คงจะนิสัยเหมือนเด็กอย่างที่เธอว่า แค่พูดเรื่องท้องเธอก็คิดจะหาพ่อใหม่ให้ลูก ใครบ้างจะไปควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ตอนนี้ผมได้แต่มานั่งรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อวาน ไม่น่าทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นลงไป ผมคงต้องตั้งรับใหม่พยายามง้อให้มากกว่าการบังคับ ผ่านไปสองชั่วโมง ไม่เห็นลิลออกมาจากห้อง เธอคงจะเกลียดและไม่อยากมองหน้าผมจริง ๆ ก็อก ๆ เสียงของผมที่ยืนเคาะประตูห้องอยู่ “ลิล ออกมากินข้าวได้แล้วจะโกรธจนไม่ยอมกินข้าวแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ” ปกติผมไม่คิดจะเป็นห่วงใครมากกว่าตัวเอง ไม่คิดจะพูดเสียงสองเสียงสามอ่อนนุ่มแบบนี้กับใคร พอต้องมาง้อเมียอะไรที่ไม่เคยทำก็ได้ทำ“ลิลครับ…”“ไม่หิว!! ไม่กิน!!” เสียงที่ตอบกลับมาดังลั่นทำให้ผมรู้ว่าเธอยังโกรธมากขนาดไหน “เดี๋ยวจะปวดท้องเอานะ”“แล้วยังไงไม่เกี่ยวอะไรกันสักหน่อย ไม่ต้องมาเคาะประตูห้องอีกนะรำคาญ!!” ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับมานั่งโซฟาที่เดิม สายตามองเหม่อลอยไปยังประตูห้องของลิลตลอดเวลา
เมื่อตกลงแล้ว นับตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงเข้านอนสถานะของฉันกับตุลจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม “เป็นแฟนกันหอมแก้มได้ไหม?”“อื้อ” พอพยักหน้าตอบตุลก็ยื่นริมฝีปากมาจุ๊บที่แก้มฉันเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ “หอมกลับคืนสิ” “สัญญานะว่าจะพากลับกรุงเทพจริง ๆ” ฉันถามน้ำให้แน่ใจอีกครั้ง“จริง” พอได้คำตอบที่ชัดเจนฉันก็เขย่งเท้ายื่นเอาริมฝีปากขึ้นมาสัมผัสที่พวงแก้มของตุลอย่างแผ่วเบา นั่นทำให้เขาพอใจจนยิ้มออกมาแก้มแทบปริ“แล้วทำอย่างอื่นได้อีกไหม?” “ยกเว้นเรื่องบนเตียง” ฉันรู้ว่าเขาต้องการอะไรจึงรีบขัด ก่อนจะเอาดอกไม้มาจากมือเขา “ขอบคุณนะดอกไม้สวยมากเลย พี่ชอบ ^_^” ในเมื่อตอนนี้เราเล่นบทเป็นแฟนกันฉันก็ต้องชอบทุกอย่างที่เขาให้ ใช่ไหมล่ะ “ไปเดินเล่นที่ไร่ไหม ที่นี่ปลูกผลไม้เอาไว้หลายอย่างเลยนะ” “อื้อไปสิ ^_^” ฉันยิ้มหวานให้เขา แต่แววตาคู่นั้นที่มองมากลับเศร้าหมอง เป็นคนต้องการแบบนี้เองแท้ ๆ ทำไมถึงเศร้ากันล่ะ ตุลจับมือฉันพาเดินไปยังสวนที่ปลูกผลไม้ ที่นี่เงียบสงบไม่มีคนเลย คงเป็นเพราะไม่ใช่ฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้ด้วย “อีกไกลไหมพี่ปวดขาแล้วนะ” ฉันเริ่มงอแงเพราะเดินมาตั้งนานก็ยังไม่ถึงสักที “ขี่หลังไหม?”“ไม่เอาพี่ตั
ตุลพยายามหยุดร้องไห้แต่เหมือนมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ตอนนี้เขาทำเสียบรรยากาศหมดแล้ว จะกินข้าวยังรู้สึกว่ามันกลืนไม่ลงคอ “ขอโทษ เดี๋ยวไปล้างหน้าก่อนนะกินข้าวไปก่อนเลยไม่ต้องรอ” พูดจบตุลก็รีบลุกขึ้นเดินไป ส่วนฉันก็วางช้อนกระทบจาน ใครมันจะไปมีอารมณ์กินข้าว พรุ่งนี้แล้วที่ต้องหลุดพ้น ฉันเอาแต่ห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ให้หวั่นไหว ผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีได้ตุลก็เดินกลับมา ดวงตาสองข้างของเขาแดงก่ำ เส้นผมเปียกชุ่มน้ำเล็กน้อยและมีหยดน้ำไหลตกลงมาบนใบหน้า คงเพิ่งล้างหน้ามา “กินอิ่มแล้วใช่ไหม”“อื้อ” “เดี๋ยวเก็บจานไปล้างให้” เขาเริ่มเก็บจานไปที่ครัว ใครจะไปคิดว่าจะได้มาเจอตุลในเวอร์ชั่นนี้ ทั้งทำอาหาร หุงข้าว เก็บจานให้ ล้างจานให้ ในขณะที่ตุลกำลังล้างจานอยู่ในครัว ฉันก็นั่งเหม่อมองดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ลับขอบฟ้า จู่ ๆ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีผ้าผืนหนึ่งคลุมมาบนไหล่ ก่อนจะหันไปแล้วเห็นว่าเป็นตุล “อากาศเริ่มเย็นแล้วเอาผ้าคลุมไว้เดี๋ยวจะเป็นหวัด” “เป็นคนดีจังเลยนะ ทีเจอกันแรก ๆ ไม่เห็นจะดีกับพี่แบบนี้” “ไม่ต้องมาย้อน” ตอนนี้ตุลคงปรับอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว เพราะเขาดูอารมณ์ดีขึ้น “มานั่งตักได้ไห
ฉันรีบเอาผ้าห่มคลุมตัวให้ตุลเหมือนเดิม ถึงจะสงสัยในตัวเขามาก ๆ ก็เถอะ แต่วันนี้คงไม่ได้กลับกรุงเทพแล้วแน่ ๆ “เมื่อวานก็ยังปกติทำไมวันนี้ถึงป่วย” ฉันถามออกไปตามตรง ตุลกรอกตามองดวงตาสองข้างแดงก่ำจนน่ากลัว “เมื่อคืนนั่งตากน้ำค้างนอกบ้านจนเกือบเช้า แล้วอาบน้ำเย็น บอกแล้วว่าอาบน้ำเย็นไม่ได้ก็ไม่เชื่อ” คำตอบนั้นเหมือนจะกล่าวหาฉันเป็นนัย ๆ ด้วย ฉันขยับมาใกล้ ๆ ร่างที่นอนสั่นเทา ก่อนจะนั่งลงแล้วยกมือขึ้นทาบบนหน้าผากของเขา “ตัวร้อนขนาดนี้ควรไปหาหมอนะ” “ไม่มีรถ” เขาตอบเสียงแหบพร่า หรือว่าจะป่วยจริง ๆ ฉันคงมองในแง่ร้ายมากเกินไป “ไม่มีรถก็โทรบอกให้คนเอารถมาให้สิ”“โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ”ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ปล่อยให้ช็อกตายไปเลยก็แล้วกัน “ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลตัวเองแล้วกัน หายเมื่อไหร่ก็ไปส่งพี่ที่กรุงเทพด้วย”“… ลิล” ฉันรีบหันหลังกลับแล้วเดินเข้ามาในห้องเพราะไม่อยากมองใบหน้าและแววตาของเขานาน ๆ กลัวจะใจอ่อน แต่พอเข้ามาในห้องแล้วฉันกลับเอาแต่เป็นห่วงคนที่นอนป่วยอยู่ด้านนอก อากาศค่อนข้างเย็นที่นอนก็เป็นแค่โซฟาเฮ้อ!! ฉันไม่ได้ใจอ่อนสักหน่อย ก็แค่สงสารหรอก เข้ามาในห้องได้ไม่ถึ
Talk ตุล เหตุการณ์เมื่อคืน หลังจากที่ผมจูบกับลิลและเธอดึงสติของตัวเองกลับมาได้ เธอรีบหนีผมเข้าไปนอน มันทำให้ผมรู้ว่าตัวเองไม่อยากเสียเธอไปมากขนาดไหน ผมไม่อยากพาเธอกลับกรุงเทพ อยากยื้อเวลาเอาไว้ไปเรื่อย ๆ ไม่คิดว่าการง้อเมียมันจะเป็นเรื่องยากขนาดนี้ ผมตัดสินใจทำในสิ่งที่ผิดอีกครั้งเพราะอยากยื้อเวลาให้เธอที่นี่ไปเรื่อย ๆ แผนของผมก็คือเข้าไปอาบน้ำเย็นในห้องน้ำและออกมานั่งตากน้ำค้างที่หน้าบ้าน พอตัวเริ่มแห้งก็เข้าห้องน้ำเอาน้ำราดตัวอีก อย่างที่เคยบอกว่าผมไม่ค่อยถูกกับน้ำเย็นเพราะปกติอาบน้ำอุ่น ที่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้ตัวเองป่วย ถ้าผมไม่สบายก็จะสามารถยื้อเอาไว้ได้อีกหลายวัน ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ!! ผมมีอาการตัวร้อนปวดหัวหนักตัวลุกไม่ขึ้น มันอาจจะแลกมาด้วยความทรมาน สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการป่วย เพราะผมไม่ชอบให้ตัวเองอ่อนแอ แต่ป่วยมันก็ดีไปอีกแบบเพราะผมสามารถอ้อนเมียได้ ตอนนี้ผมกำลังมองลิลที่กำลังเช็ดตัวให้ แววตาของเธอบ่งบอกว่าเป็นห่วงมากขนาดไหน แต่เธอใจแข็งไม่ยอมให้อภัยผมสักที “มือเบาจัง” ผมบอกเสียงแหบพร่าแล้วยิ้มจาง ๆ แต่ถูกสายตาของคนตัวเล็กมองค้อนกลับมา “ต้องแก้ผ้าหรือเปล่า จะได
#กรุงเทพฉันมาส่งตุลที่อู่ ตอนแรกจะไปส่งเขาที่บ้านแต่เจ้าตัวไม่ยอม จะพาไปโรงพยาบาลก็ดื้อรั้นงอแงไม่ยอมไป เหนื่อยใจกับเขามากจริง ๆ “มีอะไรก็โทรหากันนะไม่ต้องโทรหาพี่” ฉันพูดทิ้งท้ายเมื่อมาส่งเขาภายในห้องแล้ว “จะไปไหนมันดึกแล้วเดี๋ยวค่อยกลับบ้านพรุ่งนี้เช้าก็ได้” “จะไปคลับ” ฉันตอบปัด ๆ ยังไม่ทันจะได้เดินไปไหนตุลก็รั้งแขนเอาไว้ อีกแล้ว!! เขาใช้สายตาละห้อยมองฉันอีกแล้ว “ไม่อยากให้ไป” ตุลบอกเสียงเบา ตอนนี้เขาทำตัวเหมือนเด็กมากจริง ๆ “พี่จะไปหาเฮีย”“ไม่อยากให้ไปจริง ๆ นะ” เขายังไม่รู้ว่าตอนนี้ฉันตัดสินใจจะให้โอกาสแก้ตัวก็เลยงอแง ฉันเองก็คิด ๆ อยู่ว่าจะเอาแบบไหนดี ยังไม่ตัดสินใจซะทีเดียว “ขอนอนตักได้ไหม”“อย่าเรื่องเยอะ”“ไม่ได้เรื่องเยอะ ขอดี ๆ” ถึงปากจะบ่นแต่สุดท้ายฉันก็ใจอ่อน ก่อนจะหย่อนก้นนั่งลงบนเตียงแล้วตุลก็ค่อย ๆ ขยับศีรษะมาวางบนตักของฉัน “นิ่มกว่าหมอนอีก”“เดี๋ยวนี้หัดพูดเอาใจเก่งนะ ทีเมื่อก่อนไม่เห็นจะเป็นแบบนี้”“ไม่ใช่คนชอบพูดอะไรเลี่ยน ๆ น่าจะรู้” “แล้วทำไมถึงพูดได้ล่ะ”“เมียจะทิ้ง” คำตอบของเขายังตรงไปตรงมาเหมือนเดิม แต่ทีไอ้เรื่องที่อยากให้ชัดเจนตั้งแต่แรกเขากลับลัง
สรุปแล้วฉันก็ต้องโทรไปยกเลิกนัดกับเฮียเพราะตุลไม่ยอมปล่อยให้ออกมาจากห้อง และฉันก็ต้องอยู่กับเขาจนถึงเช้า เช้านี้อาการป่วยของตุลดีขึ้นตัวเขาไม่ร้อนผ่าวมากแบบก่อนหน้านี้ คงเป็นเพราะร่างกายแข็งแรงเลยฟื้นตัวได้เร็วฉันตื่นก่อนคิดว่าจะทำอาหารไว้ให้แล้วกลับบ้าน แต่ที่อู่ไม่มีเครื่องปรุงหรือข้าวเอาไว้ทำอาหารเลย ฉันจึงต้องสั่งข้าวต้มแบบออนไลน์มาให้แทน “พี่สั่งข้าวต้มมาไว้ให้นะ” ฉันเอาถุงวางไว้บนโต๊ะภายในห้องแล้วพูดต่อ “เดี๋ยวต้องกลับบ้านแล้ว พี่บอกให้คนขับรถมารับแล้ว” พอได้ยินว่าจะกลับบ้านตุลที่นอนอยู่บนเตียงก็ทำหน้างอทันที “เช้าอยู่เลยทำไมถึงรีบกลับ”“ถ้าอยากให้อภัยเร็ว ๆ ก็อย่าทำตัวเหมือนเด็กแบบนี้” ฉันดุเขา เดี๋ยวนี้เขาทำนิสัยอย่างกับเด็กไปซะทุกเรื่อง “อืม แล้วจะโทรมาใช่ไหม?” เสียงที่ถามฟังดูแล้วมันทำให้บรรยากาศชวนอึดอัดยังไงชอบกล ไม่รู้ว่าจะดึงดราม่าเพื่ออะไร ฉันก็แค่กลับบ้านโอกาสเขาก็ได้ไปแล้วแท้ ๆ “เดี๋ยวพี่แชตบอกแล้วกัน”“โทรมาไม่ได้เหรอ” “ตุล! อย่างอแงได้ไหมมันน่ารำคาญนะ” “พูดมาดิว่าจะโทร”“อื้อ ๆ โทรก็โทร กลับก่อนแล้วกัน” ฉันเดินออกมาจากอู่เพื่อมาขึ้นรถเพราะคนขับรถจอดรอสักพั