ฉันเดินตามตุลไปที่ครัว เห็นว่าเขากำลังตั้งใจทำอาหารและสายตาก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ที่กำลังเปิดยูทูบดู แล้วไหนบอกว่าไม่มีสัญญาณ!! ถ้าไม่มีแล้วเขาจะเล่นอินเตอร์เน็ตได้ยังไง “ไหนบอกว่าไม่มีสัญญาณไง แล้วดูยูทูบได้ยังไง” ฉันกอดอกถามพร้อมกับใช้สายตามองอย่างหาเรื่อง ตุลหันมาแต่มือยังจับตะหลิวผัดบางอย่างในกระทะอยู่ เขายิ้มก่อนจะตอบ “อัปโหลดคลิปเอาไว้ในเครื่องไง มีคลิปสอนทำอาหารเป็นร้อยคลิปเลยนะ” “นี่คงจะวางแผนมาอย่างดีเลยสินะ” “ก็ประมาณนั้น” เขาหันกลับไปมองกระทะแล้วพูด “เพิ่งหัดทำครั้งแรก อร่อยไม่อร่อยก็ต้องกินนะรู้ไหม ห้ามคายทิ้ง” “ไม่กิน” ฉันกระชากเสียงตอบก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกมาจากครัว แล้วเดินออกมาหน้าบ้าน ฉันยืนที่หน้าบ้านมองทิวทัศน์ตรงหน้าที่สวยราวกับภาพวาด “สวยจัง” มันอดเอ่ยปากออกมาไม่ได้จริง ๆ บ้านหลังนี้ตั้งอยู่จุดที่สูงจึงทำให้มองเห็นวิวรอบ ๆ ได้ร้อยแปดสิบองศาเลยทีเดียว ตรงหน้ามีภูเขามองเห็นสุดลูกหูลูกตาและมีหมอกลงบาง ๆ มันเป็นภาพที่สวยมาก ๆ จนไม่อาจละสายตา ชีวิตของฉันอยู่แค่ในเมืองไม่ได้เจอความสวยงามของธรรมชาติแบบนี้มานานมากแล้ว จึงทำให้เคลิบเคลิ้ม “นี่มันไม่ใช่เวลามาเคลิ
ใบหน้าคมคายโน้มลงมาซุกซอกคอพร้อมกับใช้ริมฝีปากหยักขบเม้มผิวอ่อนจนรู้สึกเจ็บจี๊ดเบา ๆ ทั้งที่รู้ว่ามันต้องเป็นรอยแดงแน่ ๆ ทว่าฉันกลับครวญครางออกมาอย่างพึงพอใจ “หอมจัง” “อื้อ” มือหนาดึงผมของฉันเบา ๆ เพื่อให้ใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะค่อย ๆ ไล้ผิวจากบริเวณซอกคอไต่ขึ้นมายังพวงแก้มและจบที่ใบหู ลมหายใจอุ่น ๆ ถูกพ่นเข้ามาข้างในชวนให้ซ่านสยิวจนต้องห่อตัวเกร็งฝ่ามือใหญ่เลื่อนมาบีบเคล้นหน้าอกสองข้างเบา ๆ ก่อนจะสอดล้วงมือเข้ามาในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสผิวเนื้ออ่อนนุ่ม ปลายนิ้วเฉียดโดนยอดถันผ่าน ๆ ทำเอาขนอ่อนตามร่างกายลุกชูชัน ใจฉันอยากผลักเขาออกแทบแย่ แต่เรี่ยวแรงกลับน้อยนิดเหลือเกิน “ขอถอดเสื้อได้ไหม?” ตุลกระซิบขอเสียงกระเส่าข้างใบหู ในเวลานี้รู้สึกว่าเสียงของเขามันมีเสน่ห์จนฉันเคลิบเคลิ้มหนักกว่าเดิม มันไม่ใช่การขอเพื่อรอฟังคำตอบ แต่เป็นการขอเพื่อกระตุ้นอารมณ์ ชายเสื้อของฉันถูกถกขึ้นมากองเอาไว้บนเนินหน้าอก สายตาของตุลคู่นั้นหื่นกามมากกว่าฉันที่ถูกวางยาเสียอีก ริมฝีปากหนาก้มลงงับปลายจุกไว้ในโพรงปากอุ่น ก่อนจะตะโบมดูดกลืนเม็ดไตที่แข็งสู้ลิ้นอย่างหื่นกระหายราวกับอดอยากมานานจน
Talk - ลลิลแสงแดดยามเช้าเป็นนาฬิกาปลุกทำให้ฉันตื่นจากฝัน มันรู้สึกปวดเนื้อระบมตัวไปหมด เมื่อลืมตาขึ้นสมองก็เริ่มประมวลผลเหตุการณ์ที่สุดแสนจะอับอายเมื่อวานจำได้ว่าฉันกินข้าวแล้วรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ และมารู้ทีหลังว่าอาหารนั้นผสมยาปลุกเซ็กซ์ แน่นอนว่าตอนนี้ฉันนอนเปลือยกายไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า ก้มมองที่ตัวมันมีแต่ไปด้วยรอยแดงเต็มไปหมด ในขณะที่กำลังคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ประตูห้องน้ำก็ได้เปิดออกก่อนที่ร่างของตุลจะเดินยิ้มร่าออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี “ตื่นแล้วเหรอครับที่รัก ^_^” “อื้อตื่นแล้ว” “หิวไหม ทำอาหารเช้าไว้ให้แล้วนะ เมื่อวานคงจะเสียพลังงานไปเยอะ ^_^”“ตุลช่วยหยิบผ้าขนหนูให้พี่หน่อยสิ” เขาทำตามอย่างว่าง่าย ไม่นานผ้าขนหนูก็ถูกยื่นมาตรงหน้า ไม่รอช้าฉันรีบคว้ามันมาพันตัวก่อนจะลุกขึ้นยื่นประจันหน้ากับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเพี๊ยะ!! นี่คือเสียงมือของฉันที่ฟาดลงบนใบหน้าคมคายอย่างแรง “ต้องทำขนาดนี้เลยหรือไง พอใจแล้วใช่ไหม” สิ้นสุดคำถาม ฉันก็ฟาดมือไปที่ใบหน้าเขาอีกครั้งโดยไม้รอฟังคำตอบ“… ลิลฟังก่อนได้ไหม”“รู้ไหมว่าการใช้วิธีแบบนั้นมันเลวทรามต่ำช้าขนาดไหน!!”“ข… ขอโทษ ไม่คิดว่าจะโ
Talk ตุลผมเดินหน้าสลดออกมาข้างนอกห้อง ที่คิดไว้ในหัวมันไม่ใช่แบบนี้เลย จินตนาการของผมไม่คิดว่าลิลจะโกรธมากขนาดนี้ แถมผมยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีก คงจะนิสัยเหมือนเด็กอย่างที่เธอว่า แค่พูดเรื่องท้องเธอก็คิดจะหาพ่อใหม่ให้ลูก ใครบ้างจะไปควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ตอนนี้ผมได้แต่มานั่งรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อวาน ไม่น่าทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นลงไป ผมคงต้องตั้งรับใหม่พยายามง้อให้มากกว่าการบังคับ ผ่านไปสองชั่วโมง ไม่เห็นลิลออกมาจากห้อง เธอคงจะเกลียดและไม่อยากมองหน้าผมจริง ๆ ก็อก ๆ เสียงของผมที่ยืนเคาะประตูห้องอยู่ “ลิล ออกมากินข้าวได้แล้วจะโกรธจนไม่ยอมกินข้าวแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ” ปกติผมไม่คิดจะเป็นห่วงใครมากกว่าตัวเอง ไม่คิดจะพูดเสียงสองเสียงสามอ่อนนุ่มแบบนี้กับใคร พอต้องมาง้อเมียอะไรที่ไม่เคยทำก็ได้ทำ“ลิลครับ…”“ไม่หิว!! ไม่กิน!!” เสียงที่ตอบกลับมาดังลั่นทำให้ผมรู้ว่าเธอยังโกรธมากขนาดไหน “เดี๋ยวจะปวดท้องเอานะ”“แล้วยังไงไม่เกี่ยวอะไรกันสักหน่อย ไม่ต้องมาเคาะประตูห้องอีกนะรำคาญ!!” ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับมานั่งโซฟาที่เดิม สายตามองเหม่อลอยไปยังประตูห้องของลิลตลอดเวลา
เมื่อตกลงแล้ว นับตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงเข้านอนสถานะของฉันกับตุลจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม “เป็นแฟนกันหอมแก้มได้ไหม?”“อื้อ” พอพยักหน้าตอบตุลก็ยื่นริมฝีปากมาจุ๊บที่แก้มฉันเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ “หอมกลับคืนสิ” “สัญญานะว่าจะพากลับกรุงเทพจริง ๆ” ฉันถามน้ำให้แน่ใจอีกครั้ง“จริง” พอได้คำตอบที่ชัดเจนฉันก็เขย่งเท้ายื่นเอาริมฝีปากขึ้นมาสัมผัสที่พวงแก้มของตุลอย่างแผ่วเบา นั่นทำให้เขาพอใจจนยิ้มออกมาแก้มแทบปริ“แล้วทำอย่างอื่นได้อีกไหม?” “ยกเว้นเรื่องบนเตียง” ฉันรู้ว่าเขาต้องการอะไรจึงรีบขัด ก่อนจะเอาดอกไม้มาจากมือเขา “ขอบคุณนะดอกไม้สวยมากเลย พี่ชอบ ^_^” ในเมื่อตอนนี้เราเล่นบทเป็นแฟนกันฉันก็ต้องชอบทุกอย่างที่เขาให้ ใช่ไหมล่ะ “ไปเดินเล่นที่ไร่ไหม ที่นี่ปลูกผลไม้เอาไว้หลายอย่างเลยนะ” “อื้อไปสิ ^_^” ฉันยิ้มหวานให้เขา แต่แววตาคู่นั้นที่มองมากลับเศร้าหมอง เป็นคนต้องการแบบนี้เองแท้ ๆ ทำไมถึงเศร้ากันล่ะ ตุลจับมือฉันพาเดินไปยังสวนที่ปลูกผลไม้ ที่นี่เงียบสงบไม่มีคนเลย คงเป็นเพราะไม่ใช่ฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้ด้วย “อีกไกลไหมพี่ปวดขาแล้วนะ” ฉันเริ่มงอแงเพราะเดินมาตั้งนานก็ยังไม่ถึงสักที “ขี่หลังไหม?”“ไม่เอาพี่ตั
ตุลพยายามหยุดร้องไห้แต่เหมือนมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ตอนนี้เขาทำเสียบรรยากาศหมดแล้ว จะกินข้าวยังรู้สึกว่ามันกลืนไม่ลงคอ “ขอโทษ เดี๋ยวไปล้างหน้าก่อนนะกินข้าวไปก่อนเลยไม่ต้องรอ” พูดจบตุลก็รีบลุกขึ้นเดินไป ส่วนฉันก็วางช้อนกระทบจาน ใครมันจะไปมีอารมณ์กินข้าว พรุ่งนี้แล้วที่ต้องหลุดพ้น ฉันเอาแต่ห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ให้หวั่นไหว ผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีได้ตุลก็เดินกลับมา ดวงตาสองข้างของเขาแดงก่ำ เส้นผมเปียกชุ่มน้ำเล็กน้อยและมีหยดน้ำไหลตกลงมาบนใบหน้า คงเพิ่งล้างหน้ามา “กินอิ่มแล้วใช่ไหม”“อื้อ” “เดี๋ยวเก็บจานไปล้างให้” เขาเริ่มเก็บจานไปที่ครัว ใครจะไปคิดว่าจะได้มาเจอตุลในเวอร์ชั่นนี้ ทั้งทำอาหาร หุงข้าว เก็บจานให้ ล้างจานให้ ในขณะที่ตุลกำลังล้างจานอยู่ในครัว ฉันก็นั่งเหม่อมองดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ลับขอบฟ้า จู่ ๆ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีผ้าผืนหนึ่งคลุมมาบนไหล่ ก่อนจะหันไปแล้วเห็นว่าเป็นตุล “อากาศเริ่มเย็นแล้วเอาผ้าคลุมไว้เดี๋ยวจะเป็นหวัด” “เป็นคนดีจังเลยนะ ทีเจอกันแรก ๆ ไม่เห็นจะดีกับพี่แบบนี้” “ไม่ต้องมาย้อน” ตอนนี้ตุลคงปรับอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว เพราะเขาดูอารมณ์ดีขึ้น “มานั่งตักได้ไห
ฉันรีบเอาผ้าห่มคลุมตัวให้ตุลเหมือนเดิม ถึงจะสงสัยในตัวเขามาก ๆ ก็เถอะ แต่วันนี้คงไม่ได้กลับกรุงเทพแล้วแน่ ๆ “เมื่อวานก็ยังปกติทำไมวันนี้ถึงป่วย” ฉันถามออกไปตามตรง ตุลกรอกตามองดวงตาสองข้างแดงก่ำจนน่ากลัว “เมื่อคืนนั่งตากน้ำค้างนอกบ้านจนเกือบเช้า แล้วอาบน้ำเย็น บอกแล้วว่าอาบน้ำเย็นไม่ได้ก็ไม่เชื่อ” คำตอบนั้นเหมือนจะกล่าวหาฉันเป็นนัย ๆ ด้วย ฉันขยับมาใกล้ ๆ ร่างที่นอนสั่นเทา ก่อนจะนั่งลงแล้วยกมือขึ้นทาบบนหน้าผากของเขา “ตัวร้อนขนาดนี้ควรไปหาหมอนะ” “ไม่มีรถ” เขาตอบเสียงแหบพร่า หรือว่าจะป่วยจริง ๆ ฉันคงมองในแง่ร้ายมากเกินไป “ไม่มีรถก็โทรบอกให้คนเอารถมาให้สิ”“โทรศัพท์ไม่มีสัญญาณ”ฉันถอนหายใจออกมาพรืดใหญ่ ถ้าเป็นแบบนี้ก็ปล่อยให้ช็อกตายไปเลยก็แล้วกัน “ถ้าอย่างนั้นก็ดูแลตัวเองแล้วกัน หายเมื่อไหร่ก็ไปส่งพี่ที่กรุงเทพด้วย”“… ลิล” ฉันรีบหันหลังกลับแล้วเดินเข้ามาในห้องเพราะไม่อยากมองใบหน้าและแววตาของเขานาน ๆ กลัวจะใจอ่อน แต่พอเข้ามาในห้องแล้วฉันกลับเอาแต่เป็นห่วงคนที่นอนป่วยอยู่ด้านนอก อากาศค่อนข้างเย็นที่นอนก็เป็นแค่โซฟาเฮ้อ!! ฉันไม่ได้ใจอ่อนสักหน่อย ก็แค่สงสารหรอก เข้ามาในห้องได้ไม่ถึ
Talk ตุล เหตุการณ์เมื่อคืน หลังจากที่ผมจูบกับลิลและเธอดึงสติของตัวเองกลับมาได้ เธอรีบหนีผมเข้าไปนอน มันทำให้ผมรู้ว่าตัวเองไม่อยากเสียเธอไปมากขนาดไหน ผมไม่อยากพาเธอกลับกรุงเทพ อยากยื้อเวลาเอาไว้ไปเรื่อย ๆ ไม่คิดว่าการง้อเมียมันจะเป็นเรื่องยากขนาดนี้ ผมตัดสินใจทำในสิ่งที่ผิดอีกครั้งเพราะอยากยื้อเวลาให้เธอที่นี่ไปเรื่อย ๆ แผนของผมก็คือเข้าไปอาบน้ำเย็นในห้องน้ำและออกมานั่งตากน้ำค้างที่หน้าบ้าน พอตัวเริ่มแห้งก็เข้าห้องน้ำเอาน้ำราดตัวอีก อย่างที่เคยบอกว่าผมไม่ค่อยถูกกับน้ำเย็นเพราะปกติอาบน้ำอุ่น ที่ทำแบบนี้ก็เพราะอยากให้ตัวเองป่วย ถ้าผมไม่สบายก็จะสามารถยื้อเอาไว้ได้อีกหลายวัน ในที่สุดผมก็ทำสำเร็จ!! ผมมีอาการตัวร้อนปวดหัวหนักตัวลุกไม่ขึ้น มันอาจจะแลกมาด้วยความทรมาน สิ่งที่ผมเกลียดที่สุดคือการป่วย เพราะผมไม่ชอบให้ตัวเองอ่อนแอ แต่ป่วยมันก็ดีไปอีกแบบเพราะผมสามารถอ้อนเมียได้ ตอนนี้ผมกำลังมองลิลที่กำลังเช็ดตัวให้ แววตาของเธอบ่งบอกว่าเป็นห่วงมากขนาดไหน แต่เธอใจแข็งไม่ยอมให้อภัยผมสักที “มือเบาจัง” ผมบอกเสียงแหบพร่าแล้วยิ้มจาง ๆ แต่ถูกสายตาของคนตัวเล็กมองค้อนกลับมา “ต้องแก้ผ้าหรือเปล่า จะได
เช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“
ฉันนั่งรอแฟนเด็กขี้งอนของตัวเองที่หายไปอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง พอออกมาก็เห็นว่าเหงื่อท้วมตัวเขาเลย แบบนี้จะให้กลั้นขำได้ยังไง โกรธไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ “ขำอะไร” ตุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง ก่อนจะเดินมานอนที่เตียง “เหงื่อท้วมตัวแบบนั้นทำไมไม่ไปอาบน้ำก่อน” “ขี้เกียจ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” “รังเกียจขนาดนั้น ?”“เปล่า แค่อยากให้ไปอาบน้ำจะได้สบายตัว” “ขี้เกียจ” เขาพูดย้ำคำเดิมแล้วก็ไม่สนใจ ฉันจึงคิดอะไรดีๆ ออกที่จะทำให้เขาหายงอน “แล้วถ้าพี่บอกว่าจะอาบน้ำให้ล่ะ ตุลจะยอมไปอาบไหม” ร่างหนาลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินมาถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นก็หันมาบอก “ไปรอในห้องน้ำนะ รีบๆ ตามมาด้วยล่ะ” ฉันที่กำลังอึ้งได้แต่พยักหน้าหงึกๆ กับอารมณ์ที่แปรปรวนของตุล เขานี่นะพอเรื่องแบบนั้นก็ยอมกันง่ายๆ ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำตามที่พูด ฉันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วหยิบผ้าขนหนูมาพันตัว จากนั้นก็เดินตามตุลมายังห้องน้ำ “หมอสั่งห้ามนะจำได้ใช่ไหม” ฉันย้ำก่อนเพราะกลัวว่าตุลจะทำอะไรที่มันเลยเถิด อารมณ์ของเขายิ่งพลุกพล่านเกินหักห้ามอยู่ด้วย “มาตรงนี้” เขาดึงผ้าขนห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป การเป็นคนท้องนี่มันสบายแบบนี้นี่เอง เพราะตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลวันนั้นฉันก็แทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แถมตอนไปเรียนตุลก็กำชับว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด ห้ามขับรถ ห้ามเดินเยอะ เขาสั่งให้ฉันอยู่ในห้อง นี่เขาจริงจังถึงขั้นซื้อกล้องมาติดในห้องเพื่อดูฉันเลยนะ เรื่องท้องฉันกับตุลตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกทางบ้าน รอเซอร์ไพรส์วันแต่งงาน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันแทบไม่เจอเฮียเลย ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แถมเฮียยังมีท่าทางแปลกๆ มาขอชุดที่ฉันไม่ได้ใส่แล้วบอกว่าจะเอาไปบริจาค มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เฮียจะทำแบบนั้น อย่าคิดนะว่าเห็นอยู่กับฉันเฮียดูเป็นพี่ชายที่แสนดี นั่นมันก็แค่กับฉันที่เป็นน้องสาว ถ้าเป็นคนอื่นเฮียไม่เคยไว้หน้าใคร ก็คิดดูสิว่าคนที่ทำธุรกิจสีเทาได้ต้องโหดขนาดไหน หลายชั่วโมงผ่านไปที่ฉันนอนเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงจนกระทั่งตุลกลับมา เขาถือเสื้อของฉันติดมือไม่ยอมให้ห่างเลยจริงๆ “วันนี้เรียนเหนื่อยมาก ขอชาร์จแบตหน่อย” เขาพูดเสียงอ้อนแล้วก็โอบแขนแกร่งมาสวมกอดฉันเพื่อชาร์จแบตให้กับร่างกาย“ขี้อ้อนนะเราเดี๋ยวนี้” “วันนี้ไอ้กันชวนไปวันเกิดมัน” “ว
Talk ตุล แทบทั้งคืนที่ผมไม่ได้นอนเพราะมันรู้สึกไม่สบายตัวและอยากจะอ้วกในบางครั้ง แต่เพราะไม่ได้กินอะไรเลยทำให้อ้วกก็ไม่มีอะไรออกมา ผมที่ตื่นก่อนกำลังนอนมองใบหน้าหวานของว่าที่ภรรยาในอนาคตที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในตอนนี้ เมื่อคืนเธอคอยตื่นมาดูอาการของผมจนแทบไม่ได้นอนเหมือนกัน “ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ให้คลั่งรักได้ยังไง” ผมพูดกับใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับอย่างเอ็นดู ตอนนี้มันชินแล้วที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรก วันไหนไม่ได้นอนด้วยมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง จุ๊บ! ผมก้มลงหอมแก้มแดงระเรื่อฟอดใหญ่ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มันทำให้อยากฝังจมูกอยู่แบบนั้นไม่อยากผละออกไปไหน “อื้อ~” เสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนจะรู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนของคนที่กำลังนอนหลับดังขึ้นมา ผมค่อย ๆ ยกปลายจมูกออกจากแก้มนิ่ม ๆ อย่างนึกเสียดายผมจับเอาเสื้อของลิลมาพาดไว้บนบ่า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์กับบุหรี่เดินมาที่นอกระเบียง จู่ ๆ ก็ติดกลิ่นเสื้อของเมียขึ้นมา ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมและไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่ยืนสูบบุหรี่ก็ใช้สายตามองเข้าไปในห้องดูลิลที่กำลังนอนหลับ สมองมันคิดถึงวันแรกที่เธอตามจีบ