มันผิดตั้งแต่ฉันคิดที่จะเปิดประตูให้เขาเข้ามาแล้วแหละ แผนถึงได้พังแบบนี้ไง “จะไปไหน?” ไม่ถามเปล่า ตุลค่อย ๆ เดินมาใกล้ฉันเรื่อย ๆ “จะไปไหนมันก็เรื่องของพี่ ทำไมต้องบอกด้วยล่ะ” “ถามว่า จะ ไป ไหน” ครั้งนี้เขากัดฟันถามเสียงแข็ง ใครบ้างจะไม่กลัว ยิ่งเจอสายตาดุดันแบบนั้นจ้องมองอีก ก่อนหน้านี้เขายังสับสนกับตัวเอง ตอนนี้ไม่เป็นแบบนั้นแล้วรึไง พอฉันถอยก็เพิ่งนึกขึ้นมาได้ว่าสำคัญงั้นเหรอ“พี่ซื้อคอนโดไว้ก็เลยเก็บเสื้อผ้าจะย้ายไปอยู่คอนโด” ที่พูดไปแค่หาข้ออ้าง แต่เหมือนอีกคนจะไม่เชื่อ “ทำไมไม่พูดความจริง” “…” ฉันเม้มปากถอยหลังหนีเพราะเราสองคนอยู่ใกล้กันเกินไปแล้ว “ถ้ายอมให้ไปแล้วจะกลับมาไหม จะไปนานแค่ไหน จะกลับมาเมื่อไหร่ แล้วเรื่องของเรามันยังเป็นเหมือนเดิมอยู่ใช่ไหม” คนตรงหน้าถามเสียงสั่นดวงตาคู่นั้นมันเริ่มแดงก่ำขึ้นเรื่อย ๆ “ไปไม่นานหรอกเดี๋ยวพี่ก็กลับ” ฉันตอบคล้ายกำลังปลอบใจเขาอยู่ “ไปด้วยได้ไหม” สีหน้าของเขาเริ่มงอแงเหมือนเด็ก“จะไปได้ยังไง…” ยังพูดไม่จบเสียงของตุลก็แทรกขึ้นมา “เพราะไม่อยากเจอหน้าสินะถึงได้คิดหนีไปไกล ๆ” “ถ้าตุลไม่ลังเลตั้งแต่แรกพี่คงไม่อยากหนีไปไหนหรอก” พอพูดฉั
#ภายในบ้าน ตอนแรกฉันคิดว่ามีคนอยู่แต่พอเข้ามาบ้านมันเงียบและวังเวง แถมมองไปรอบ ๆ บริเวณนี้ไม่มีบ้านหลังอื่นตั้งอยู่เลย ยิ่งทำให้บรรยากาศวังเวงคูณสองขึ้นไปอีก “นอนห้องนั้นนะ”“อ่ะ” ฉันสะดุ้งกับเสียงพูด ก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอกที่หันมาเจอตุล ถึงจะไม่อยากอยู่กับเขาแต่ตอนนี้การมีเขาอยู่ใกล้ ๆ มันทำให้สบายใจมากที่สุด “กลัวผีขนาดนั้น?”“เปล่าไม่ได้กลัว” ฉันพยายามแสดงท่าทางให้ปกติที่สุด “ให้พี่นอนห้องนั้นใช่ไหม” “หมายถึงเราสองคนนอนห้องนั้นต่างหาก” พูดจบเขาก็ทำหน้าเจ้าเล่ห์ใส่ “ทำไมต้องนอนห้องเดียวกันด้วยในเมื่อไม่ได้เป็นอะไรกันแล้ว” “เพิ่งหมั้นไม่ทันไรจะมาพูดว่าไม่ได้เป็นอะไรกันแบบนี้ เสียใจฉิบ!!” ดูก็รู้ว่าความเสียใจของเขามันเป็นแค่การแสดง “ห้ามตามมานะ” ฉันเหนื่อยที่จะพูดแล้วจริง ๆ อยากพักแล้วพรุ่งนี้ค่อยคิดหาวิธีว่าจะเอายังไงต่อ “บ้านหลังนี้มีห้องนอนแค่ห้องเดียว” พอฉันจะเดินเข้าห้องตุลก็พูดขัดขึ้น ทำให้ต้องชะงัก บ้านหลังนี้เป็นบ้านชั้นเดียวสไตล์โมเดิร์น ไม่น่าเชื่อว่าจะมีห้องนอนเพียงแค่ห้องเดียว เมื่อไม่เชื่อฉันจึงใช้สายตากวาดมองไปรอบ ๆ บ้าน ทำให้เริ่มหวั่นใจเพราะนอกจากห้องโ
ฉันเดินตามตุลไปที่ครัว เห็นว่าเขากำลังตั้งใจทำอาหารและสายตาก็เหลือบไปเห็นโทรศัพท์ที่กำลังเปิดยูทูบดู แล้วไหนบอกว่าไม่มีสัญญาณ!! ถ้าไม่มีแล้วเขาจะเล่นอินเตอร์เน็ตได้ยังไง “ไหนบอกว่าไม่มีสัญญาณไง แล้วดูยูทูบได้ยังไง” ฉันกอดอกถามพร้อมกับใช้สายตามองอย่างหาเรื่อง ตุลหันมาแต่มือยังจับตะหลิวผัดบางอย่างในกระทะอยู่ เขายิ้มก่อนจะตอบ “อัปโหลดคลิปเอาไว้ในเครื่องไง มีคลิปสอนทำอาหารเป็นร้อยคลิปเลยนะ” “นี่คงจะวางแผนมาอย่างดีเลยสินะ” “ก็ประมาณนั้น” เขาหันกลับไปมองกระทะแล้วพูด “เพิ่งหัดทำครั้งแรก อร่อยไม่อร่อยก็ต้องกินนะรู้ไหม ห้ามคายทิ้ง” “ไม่กิน” ฉันกระชากเสียงตอบก่อนจะเดินกระแทกเท้าออกมาจากครัว แล้วเดินออกมาหน้าบ้าน ฉันยืนที่หน้าบ้านมองทิวทัศน์ตรงหน้าที่สวยราวกับภาพวาด “สวยจัง” มันอดเอ่ยปากออกมาไม่ได้จริง ๆ บ้านหลังนี้ตั้งอยู่จุดที่สูงจึงทำให้มองเห็นวิวรอบ ๆ ได้ร้อยแปดสิบองศาเลยทีเดียว ตรงหน้ามีภูเขามองเห็นสุดลูกหูลูกตาและมีหมอกลงบาง ๆ มันเป็นภาพที่สวยมาก ๆ จนไม่อาจละสายตา ชีวิตของฉันอยู่แค่ในเมืองไม่ได้เจอความสวยงามของธรรมชาติแบบนี้มานานมากแล้ว จึงทำให้เคลิบเคลิ้ม “นี่มันไม่ใช่เวลามาเคลิ
ใบหน้าคมคายโน้มลงมาซุกซอกคอพร้อมกับใช้ริมฝีปากหยักขบเม้มผิวอ่อนจนรู้สึกเจ็บจี๊ดเบา ๆ ทั้งที่รู้ว่ามันต้องเป็นรอยแดงแน่ ๆ ทว่าฉันกลับครวญครางออกมาอย่างพึงพอใจ “หอมจัง” “อื้อ” มือหนาดึงผมของฉันเบา ๆ เพื่อให้ใบหน้าเชิดขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ปลายจมูกโด่งจะค่อย ๆ ไล้ผิวจากบริเวณซอกคอไต่ขึ้นมายังพวงแก้มและจบที่ใบหู ลมหายใจอุ่น ๆ ถูกพ่นเข้ามาข้างในชวนให้ซ่านสยิวจนต้องห่อตัวเกร็งฝ่ามือใหญ่เลื่อนมาบีบเคล้นหน้าอกสองข้างเบา ๆ ก่อนจะสอดล้วงมือเข้ามาในสาบเสื้อเพื่อสัมผัสผิวเนื้ออ่อนนุ่ม ปลายนิ้วเฉียดโดนยอดถันผ่าน ๆ ทำเอาขนอ่อนตามร่างกายลุกชูชัน ใจฉันอยากผลักเขาออกแทบแย่ แต่เรี่ยวแรงกลับน้อยนิดเหลือเกิน “ขอถอดเสื้อได้ไหม?” ตุลกระซิบขอเสียงกระเส่าข้างใบหู ในเวลานี้รู้สึกว่าเสียงของเขามันมีเสน่ห์จนฉันเคลิบเคลิ้มหนักกว่าเดิม มันไม่ใช่การขอเพื่อรอฟังคำตอบ แต่เป็นการขอเพื่อกระตุ้นอารมณ์ ชายเสื้อของฉันถูกถกขึ้นมากองเอาไว้บนเนินหน้าอก สายตาของตุลคู่นั้นหื่นกามมากกว่าฉันที่ถูกวางยาเสียอีก ริมฝีปากหนาก้มลงงับปลายจุกไว้ในโพรงปากอุ่น ก่อนจะตะโบมดูดกลืนเม็ดไตที่แข็งสู้ลิ้นอย่างหื่นกระหายราวกับอดอยากมานานจน
Talk - ลลิลแสงแดดยามเช้าเป็นนาฬิกาปลุกทำให้ฉันตื่นจากฝัน มันรู้สึกปวดเนื้อระบมตัวไปหมด เมื่อลืมตาขึ้นสมองก็เริ่มประมวลผลเหตุการณ์ที่สุดแสนจะอับอายเมื่อวานจำได้ว่าฉันกินข้าวแล้วรู้สึกร้อน ๆ หนาว ๆ และมารู้ทีหลังว่าอาหารนั้นผสมยาปลุกเซ็กซ์ แน่นอนว่าตอนนี้ฉันนอนเปลือยกายไม่ได้สวมใส่เสื้อผ้า ก้มมองที่ตัวมันมีแต่ไปด้วยรอยแดงเต็มไปหมด ในขณะที่กำลังคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น ประตูห้องน้ำก็ได้เปิดออกก่อนที่ร่างของตุลจะเดินยิ้มร่าออกมาจากห้องน้ำอย่างอารมณ์ดี “ตื่นแล้วเหรอครับที่รัก ^_^” “อื้อตื่นแล้ว” “หิวไหม ทำอาหารเช้าไว้ให้แล้วนะ เมื่อวานคงจะเสียพลังงานไปเยอะ ^_^”“ตุลช่วยหยิบผ้าขนหนูให้พี่หน่อยสิ” เขาทำตามอย่างว่าง่าย ไม่นานผ้าขนหนูก็ถูกยื่นมาตรงหน้า ไม่รอช้าฉันรีบคว้ามันมาพันตัวก่อนจะลุกขึ้นยื่นประจันหน้ากับผู้ชายที่อายุน้อยกว่าเพี๊ยะ!! นี่คือเสียงมือของฉันที่ฟาดลงบนใบหน้าคมคายอย่างแรง “ต้องทำขนาดนี้เลยหรือไง พอใจแล้วใช่ไหม” สิ้นสุดคำถาม ฉันก็ฟาดมือไปที่ใบหน้าเขาอีกครั้งโดยไม้รอฟังคำตอบ“… ลิลฟังก่อนได้ไหม”“รู้ไหมว่าการใช้วิธีแบบนั้นมันเลวทรามต่ำช้าขนาดไหน!!”“ข… ขอโทษ ไม่คิดว่าจะโ
Talk ตุลผมเดินหน้าสลดออกมาข้างนอกห้อง ที่คิดไว้ในหัวมันไม่ใช่แบบนี้เลย จินตนาการของผมไม่คิดว่าลิลจะโกรธมากขนาดนี้ แถมผมยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีก คงจะนิสัยเหมือนเด็กอย่างที่เธอว่า แค่พูดเรื่องท้องเธอก็คิดจะหาพ่อใหม่ให้ลูก ใครบ้างจะไปควบคุมอารมณ์ตัวเองได้ ตอนนี้ผมได้แต่มานั่งรู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัวเองทำเมื่อวาน ไม่น่าทำอะไรบ้า ๆ แบบนั้นลงไป ผมคงต้องตั้งรับใหม่พยายามง้อให้มากกว่าการบังคับ ผ่านไปสองชั่วโมง ไม่เห็นลิลออกมาจากห้อง เธอคงจะเกลียดและไม่อยากมองหน้าผมจริง ๆ ก็อก ๆ เสียงของผมที่ยืนเคาะประตูห้องอยู่ “ลิล ออกมากินข้าวได้แล้วจะโกรธจนไม่ยอมกินข้าวแบบนี้มันไม่ดีต่อสุขภาพนะ” ปกติผมไม่คิดจะเป็นห่วงใครมากกว่าตัวเอง ไม่คิดจะพูดเสียงสองเสียงสามอ่อนนุ่มแบบนี้กับใคร พอต้องมาง้อเมียอะไรที่ไม่เคยทำก็ได้ทำ“ลิลครับ…”“ไม่หิว!! ไม่กิน!!” เสียงที่ตอบกลับมาดังลั่นทำให้ผมรู้ว่าเธอยังโกรธมากขนาดไหน “เดี๋ยวจะปวดท้องเอานะ”“แล้วยังไงไม่เกี่ยวอะไรกันสักหน่อย ไม่ต้องมาเคาะประตูห้องอีกนะรำคาญ!!” ผมถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับมานั่งโซฟาที่เดิม สายตามองเหม่อลอยไปยังประตูห้องของลิลตลอดเวลา
เมื่อตกลงแล้ว นับตั้งแต่ตอนนี้ไปจนถึงเข้านอนสถานะของฉันกับตุลจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม “เป็นแฟนกันหอมแก้มได้ไหม?”“อื้อ” พอพยักหน้าตอบตุลก็ยื่นริมฝีปากมาจุ๊บที่แก้มฉันเบา ๆ ก่อนจะพูดต่อ “หอมกลับคืนสิ” “สัญญานะว่าจะพากลับกรุงเทพจริง ๆ” ฉันถามน้ำให้แน่ใจอีกครั้ง“จริง” พอได้คำตอบที่ชัดเจนฉันก็เขย่งเท้ายื่นเอาริมฝีปากขึ้นมาสัมผัสที่พวงแก้มของตุลอย่างแผ่วเบา นั่นทำให้เขาพอใจจนยิ้มออกมาแก้มแทบปริ“แล้วทำอย่างอื่นได้อีกไหม?” “ยกเว้นเรื่องบนเตียง” ฉันรู้ว่าเขาต้องการอะไรจึงรีบขัด ก่อนจะเอาดอกไม้มาจากมือเขา “ขอบคุณนะดอกไม้สวยมากเลย พี่ชอบ ^_^” ในเมื่อตอนนี้เราเล่นบทเป็นแฟนกันฉันก็ต้องชอบทุกอย่างที่เขาให้ ใช่ไหมล่ะ “ไปเดินเล่นที่ไร่ไหม ที่นี่ปลูกผลไม้เอาไว้หลายอย่างเลยนะ” “อื้อไปสิ ^_^” ฉันยิ้มหวานให้เขา แต่แววตาคู่นั้นที่มองมากลับเศร้าหมอง เป็นคนต้องการแบบนี้เองแท้ ๆ ทำไมถึงเศร้ากันล่ะ ตุลจับมือฉันพาเดินไปยังสวนที่ปลูกผลไม้ ที่นี่เงียบสงบไม่มีคนเลย คงเป็นเพราะไม่ใช่ฤดูเก็บเกี่ยวผลไม้ด้วย “อีกไกลไหมพี่ปวดขาแล้วนะ” ฉันเริ่มงอแงเพราะเดินมาตั้งนานก็ยังไม่ถึงสักที “ขี่หลังไหม?”“ไม่เอาพี่ตั
ตุลพยายามหยุดร้องไห้แต่เหมือนมันจะเป็นเรื่องยากสำหรับเขา ตอนนี้เขาทำเสียบรรยากาศหมดแล้ว จะกินข้าวยังรู้สึกว่ามันกลืนไม่ลงคอ “ขอโทษ เดี๋ยวไปล้างหน้าก่อนนะกินข้าวไปก่อนเลยไม่ต้องรอ” พูดจบตุลก็รีบลุกขึ้นเดินไป ส่วนฉันก็วางช้อนกระทบจาน ใครมันจะไปมีอารมณ์กินข้าว พรุ่งนี้แล้วที่ต้องหลุดพ้น ฉันเอาแต่ห้ามความรู้สึกของตัวเองไม่ให้หวั่นไหว ผ่านไปประมาณยี่สิบนาทีได้ตุลก็เดินกลับมา ดวงตาสองข้างของเขาแดงก่ำ เส้นผมเปียกชุ่มน้ำเล็กน้อยและมีหยดน้ำไหลตกลงมาบนใบหน้า คงเพิ่งล้างหน้ามา “กินอิ่มแล้วใช่ไหม”“อื้อ” “เดี๋ยวเก็บจานไปล้างให้” เขาเริ่มเก็บจานไปที่ครัว ใครจะไปคิดว่าจะได้มาเจอตุลในเวอร์ชั่นนี้ ทั้งทำอาหาร หุงข้าว เก็บจานให้ ล้างจานให้ ในขณะที่ตุลกำลังล้างจานอยู่ในครัว ฉันก็นั่งเหม่อมองดวงอาทิตย์ที่ค่อย ๆ ลับขอบฟ้า จู่ ๆ ก็ต้องสะดุ้งเมื่อมีผ้าผืนหนึ่งคลุมมาบนไหล่ ก่อนจะหันไปแล้วเห็นว่าเป็นตุล “อากาศเริ่มเย็นแล้วเอาผ้าคลุมไว้เดี๋ยวจะเป็นหวัด” “เป็นคนดีจังเลยนะ ทีเจอกันแรก ๆ ไม่เห็นจะดีกับพี่แบบนี้” “ไม่ต้องมาย้อน” ตอนนี้ตุลคงปรับอารมณ์ของตัวเองได้แล้ว เพราะเขาดูอารมณ์ดีขึ้น “มานั่งตักได้ไห