ในขณะที่ร้องไห้ไม่มีแม้แต่คำปลอบใจจากคนที่กอดอยู่ เขานิ่งและเงียบเอาแต่กอดฉันเอาไว้อยู่แบบนั้นจนฉันเริ่มหยุดร้องและตั้งสติ “… ขอโทษแปลว่ายอมรับใช่ไหม ยอมรับว่ายังรักเธอใช่ไหม”“ไม่ถึงขั้นที่ยังรักอยู่ แต่ขอเวลาได้ไหมมาเจอกะทันหันแบบนี้มันตั้งตัวไม่ทันจริง ๆ”“ขอเวลาอีกแล้วเหรอตุล”ฉันถอนหายใจออกมาเพราะความเหนื่อยก่อนจะแกะมือหนาออกแล้วค่อย ๆ หมุนตัวหันมาประจันหน้า “ถ้าพี่ให้เวลากับตุลพี่จะไม่เสียใจใช่ไหม”“อืม” เขาก้มหน้าลงแล้วตอบเบา ๆ เหมือนไม่มีความมั่นใจเลย แต่ฉันกลับเต็มใจจะให้เวลาผู้ชายคนนี้ ฉันแค่คิดว่าถ้าให้เวลาเขาได้ปรับตัวมันคงดีกว่า การที่ฉันดีกับเขามาก ๆ คงทำให้เขาเกรงใจและไม่กล้าที่จะทำผิด“อื้อ พี่จะให้เวลาแต่ต้องห้ามทำให้พี่เสียความรู้สึกอย่างวันนี้อีกนะ”“จะไม่ทำอีก” ตุลเอานิ้วก้อยขึ้นมาชูตรงหน้าเพื่อให้ฉันเอานิ้วของตัวเองไปเกี่ยวกัน “พรุ่งนี้กลับกรุงเทพกันนะ ถ้าอยู่ตรงนี้แล้วไม่สบายใจก็กลับ” ครั้งนี้ตุลเป็นคนชวนกลับด้วยตัวเอง มันยิ่งทำให้ฉันมั่นใจว่าเขากำลังปรับจูนความรู้สึกของตัวเองจริง ๆ “อื้อ ขอบคุณนะที่เลือกจะทำให้พี่สบายใจ” ตุลจูบลงมาบนหน้าผากของฉันแล้วจูงมื
ผู้หญิงคนนั้นมองตุลแววตาเศร้า เธอทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนอยู่ตรงนี้ทั้งที่เมื่อครู่เพิ่งโดนจิกหัวตบไป “พราวกลับมาเพราะอยากขอโทษ พราวถูกพ่อบังคับให้แต่งงาน ตุลช่วยพราวได้ไหมพราวไม่อยากแต่งงานกับผู้ชายคนนั้น” เธอแสร้งทำเสียงเศร้าให้อีกคนสงสาร แต่ฉันกลับรู้สึกสมเพชผู้หญิงคนนี้เอามาก ๆ “คิดว่าพี่ชายฉันอยากจะแต่งงานกับเธอนักหรือไง” ฉันพูดสวนกลับเสียงดัง “กลับไป” ตุลยังคงพูดย้ำคำเดิมแต่เป็นน้ำเสียงที่แผ่วเบาไม่ได้ตวาดบอกเหมือนตอนแรก อดีตแฟนเก่าของเขาทำเป็นบีบน้ำตาก่อนจะเดินไปขึ้นรถ สังเกตว่าในตอนนี้ตุลกำมือแน่น “แค่นี้ก็หวั่นไหวแล้วเหรอ” ฉันถามคู่หมั้นของตัวเองอย่างหาเรื่อง “ก็ไล่ให้กลับไปแล้วทำขนาดนี้ยังไม่พอใจอีกรึไง” ตุลเองก็พูดเหมือนมีอารมณ์นิด ๆ เขาไม่เก็บอาการเลย แบบนี้ไม่ให้ฉันคิดมากได้ยังไง “แววตาของตุลอยากจะรั้งเธอเอาไว้มากกว่าไล่เธอกลับไปด้วยซ้ำ”“ถ้าจะชวนทะเลาะก็กลับบ้านไป” เขาตวาดบอกเบา ๆ “ไล่พี่งั้นเหรอ?” “แค่ไม่อยากทะเลาะ” “มันก็คือการไล่นั่นแหละ สิ่งที่ควรทำคือพูดกับพี่ดี ๆ สิ ผู้หญิงคนนั้นพูดอะไรตุลก็ได้ยิน จะให้พี่อยู่เฉย ๆ ยิ้มยินดีกับคำพูดแบบนั้นน่ะเหรอ”“ก็ไม่ควรใ
ฉันยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาออกจากแก้ม ก่อนจะเดินผ่านหน้าของตุลออกมาจากห้อง แต่ทว่าเดินได้ไม่กี่ก้าวก็ถูกรั้งแขนเอาไว้“ปล่อย” สิ้นสุดเสียงฉันก็สะบัดแขนแรง ๆ เพื่อให้หลุดจากการจับกุม แต่ก็ถูกอีกคนบีบรัดแรงขึ้น “พูดแบบนั้นหมายความว่ายังไง อะไรคือเลื่อนงานหมั้น อะไรคือยกเลิก?” เขาจ้องหน้าฉันเขม็งราวกับว่ามีความผิดมากมาย ทั้งที่ไม่ได้ผิดอะไรเลยคนที่ผิดคือเขาต่างหาก “มันก็เป็นอย่างที่ตุลต้องการไม่ใช่เหรอ” ฉันพยายามกลั้นเสียงสะอื้นถึงแม้ว่าตอนนี้หยดน้ำตาจะไหลอาบเปื้อนแก้มสองข้างก็ตาม“มันไม่ใช่แบบนั้น…” เขากำลังจะพูดต่อแต่ฉันขัดขึ้นมาก่อน “แต่สิ่งที่พี่ได้ยินมันทำให้เข้าใจว่าตอนนี้ตุลต้องการอะไร ไม่ใช่แบบนั้นแล้วเป็นแบบไหนเหรอ” “ที่พูดไปยอมรับว่าสับสนแต่ก็ไม่ได้คิดจะยกเลิกงานหมั้นไหมวะ” เขาตอบแบบใส่อารมณ์ทั้งที่ควรจะพูดดี ๆ อีกทั้งแววตาที่ดูเหมือนกำลังหงุดหงิดคู่นั้นมันคืออะไร ฉันทำผิดอะไร“พี่ให้เวลาตุลสับสนมากี่ครั้งแล้ว ถ้าถึงขนาดนี้ยังสับสนอีกแล้วพี่ต้องรอเหรอ ต้องให้เวลาตุลใช่ไหม”“ก็บอกว่าไม่อยากยกเลิกงานหมั้น” “พี่เหนื่อยแล้วตุล ที่ผ่านมาพี่พยายามจีบ พี่พยายามมาตลอด พยายามอยู่ฝ่ายเด
ถึงแม้ว่าเขาจะใช้คำพูดและน้ำเสียงที่อ่อนลงแต่ฉันก็ไม่อยากจะพูดคุยอะไรอีก เรื่องนั้นมันทำให้เจ็บจุกจนไม่อยากเห็นหน้าเขาด้วยซ้ำ ฉันสะบัดแขนออกแรง ๆ ก่อนจะจ้องหน้าตุลเขม็งแล้วตวาดเสียงดัง “อย่ามายุ่งกับพี่อีก!!” “จะให้เลิกยุ่งได้ไงวะ อีกไม่กี่วันก็จะหมั้นกันแล้วอย่าทำให้เป็นเรื่องใหญ่ได้ไหม”“อ๋อ! นี่พี่ทำให้เป็นเรื่องใหญ่งั้นเหรอ” “ก็ใช่ไง”“ถ้ามาแล้วพูดแบบนี้คราวหน้าอย่าโผล่หน้ามาให้เห็นอีกนะ” ฉันหยิบเงินจำนวนหนึ่งออกมาแล้วจับมันนัดใส่มือของไนท์“พี่ฝากจ่ายหน่อยนะไนท์” พูดจบฉันก็เดินออกจากร้านเหล้าตรงมายังรถของตัวเอง เมื่อเข้ามาในรถก็สตาร์ทเตรียมจะขับออกไปจากร้านแต่ดันถูกตุลมายืนขวางหน้ารถเอาไว้ แสงไฟหน้ารถสาดส่องไปตรงร่างของตุลที่ยืนจ้องมาที่ฉัน สายตาของเขาแน่วแน่ไม่มีท่าทีว่าจะหลบให้เลยสักนิด ฉันพ่นลมหายใจออกมาแรง ๆ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถแล้วเดินมาหาคนที่ยืนดักหน้ารถอยู่ จากนั้นก็ฟาดมือไปที่หน้าเขาเต็มแรง “จะคุยกันดี ๆ ได้หรือยัง” เพี๊ยะ! สิ้นสุดคำถามนั้นฉันก็ตบหน้าเขาอีกครั้ง “ถ้าตบจนพอใจแล้ว…” ไม่รอให้พูดจบฉันรีบฟาดมือลงบนใบหน้าเขาทันทีเป็นครั้งที่สาม “ตอบมาสิว่าตอนนี้ต
Talk ตุลผมกลับมาที่อู่แทนที่จะกลับบ้าน วันนี้ตั้งใจจะพูดกับลิลดี ๆ แต่พอเห็นว่าเธออยู่กับไอ้นั่นมันก็ทำให้โกรธจนระงับอารมณ์ไม่ได้ ผมยอมรับความผิดที่ตัวเองสับสนเพราะการที่พราวกับมาทำให้ความรู้สึกเก่า ๆ ของผมมันหวนคืนอีกครั้ง เธอคือผู้หญิงที่ผมรักและเป็นผู้หญิงที่ทิ้งผมไปอย่างไม่เหลือเยื่อใย การกลับมาเจอกันอีกครั้งทำให้หัวใจของผมมันเต้นแรง แต่มันไม่ใช่ความรู้สึกที่อยากจะให้ความสัมพันธ์ของเรากลับมาเป็นเหมือนเดิม ผมก็ไม่สามารถอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ได้ ยอมรับความผิดที่วันนั้นผมคุยกับพราวลับหลังลิล ตอนนี้ผมก็ไม่รู้ว่าทำแบบนั้นไปทำไม ในหัวมันเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย ผมแค่อยากให้ลิลให้เวลาผมอีกสักนิดเพื่อปรับตัว แต่เธอกลับมาได้ยินสิ่งที่ผมคุยกับไอ้กัน ทุกอย่างที่พูดมันทำให้เธอคิดว่าผมยังมีใจให้คนเก่า และตอนนั้นผมก็ไม่สามารถแสดงความชัดเจนให้เธอมั่นใจได้ หน้ามันชาเมื่อได้ยินคำพูดที่บอกว่าจะยกเลิกงานหมั้น ในหัวของผมคิดแค่ว่าเรื่องแค่นี้ถึงกับจะยกเลิกงานหมั้นเลยหรือไง ทั้งที่ผมก็แค่คุยเท่านั้นไม่ได้กลับไปมีความสัมพันธ์กับแฟนเก่า ผมให้เวลาเธออย่างที่เคยทำเพราะคิดว่าถ้าปล่อยให้เธอกลับบ้า
ตอนนี้ทุกคนเงียบบรรยากาศภายในห้องรับแขกเริ่มอึดอัด ฉันก็ไม่ได้อยากจะตัดสินใจแบบนี้แต่ถ้าปล่อยให้เรื่องหมั้นเกิดขึ้น… มันคงยากที่จะถอย “ผมขอคุยกับลิล…”“ไม่คุย! เราไม่มีเรื่องต้องคุยกันแล้วตุล” ฉันพูดแทรก ถึงแววตาของเขาจะเศร้าแค่ไหนก็คงไม่เท่าวันที่ฉันรู้สึกเจ็บมากที่สุด “มีปัญหาแล้วทำไมไม่ยอมหันหน้าเคลียร์กันตั้งแต่แรก ทำตัวเป็นเด็กไปได้!!” ฉันรู้ว่าพ่อหงุดหงิดมาก ๆ ที่งานหมั้นถูกยกเลิกกะทันหัน “ลุงอยากให้หนูลิลใจเย็น ๆ ก่อนนะ อย่าเพิ่งรีบตัดสินใจแบบนั้น เปิดโอกาสให้ตาตุลได้อธิบายก่อน” “หนูต้องขอโทษด้วยจริง ๆ ค่ะ” ฉันยกมือไหว้พ่อของตุลเพื่อให้ท่านเห็นใจ “ตอนนี้หนูเหนื่อยไม่อยากพยายามทำอะไรเพื่อใครอีกแล้ว” “… ยกเลิกงานหมั้นก็ได้ครับ ลิลคงลำบากใจมากที่ต้องหมั้นกับผม” ในที่สุดฉันก็ได้ยินคำนี้ออกจากปากของตุล มันเจ็บปวดราวกับมีมีดหลายเล่มกำลังทิ่มแทงที่อก ไม่ใช่สิ่งที่ฉันอยากจะได้ยินเลยสักนิด แต่มันคือทางออกที่ดีสำหรับเราสองคน “พูดว่ายกเลิกแล้วคิดว่ามันทำได้ง่าย ๆ รึไง งานจะเริ่มพรุ่งนี้ไม่ใช่เดือนหน้าจะทำอะไรทำไมไม่คิดถึงหน้าพ่อบ้างฮะ!!!” พ่อพูดเสียงดังด้วยท่าทางที่หัวเสียมาก ๆ “ไ
ฉันเดินหนีขึ้นมาบนห้องถึงแม้มันจะดูไร้มารยาทไปหน่อยแต่บอกตามตรงว่าไม่พอใจกับการตัดสินของพ่อเอามาก ๆ ตอนนี้ฉันกำลังคิดว่าควรจะทำยังไงดี ควรจะหนีหรือทำตามที่พ่อพูด แล้วถ้ายอมเรื่องมันจะจบง่าย ๆ หรือเปล่า เฮ้อ!! ทำไมถึงจนมุมแบบนี้นะ ฉันทิ้งตัวนอนลงบนเตียงอย่างคิดหนัก ความรู้สึกอยากหนีคน ๆ หนึ่งไปไกล ๆ ทั้งที่ยังรักเขามันเจ็บปวดแบบนี้นี่เอง…เวลา 03:00 น. ฉันถูกปลุกให้ตื่นจากความฝันเพื่อเดินทางไปเตรียมตัวสำหรับเข้าพิธีหมั้น ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะยอมทำตามที่พ่อบอก เพราะไม่อยากให้เป็นเรื่องเป็นราวไปมากกว่านี้ “อยู่กับหนูไม่ได้เหรอคะ” ฉันอ้อนพี่ชาย เฮียเป็นคนขับรถมาส่งที่โรงแรมแต่ต้องรีบกลับบ้านเพราะมีอีกหลายอย่างที่ต้องจัดเตรียมในตอนเช้า “เดี๋ยวตอนเช้าเฮียก็มาที่โรงแรม อย่างอแงเป็นเด็กแบบนี้สิ” “หนูไม่อยากเจอหน้าเขาเลย”“ไม่ต้องห่วงหลังจบงานหมั้นเฮียจะรีบพาไปต่างประเทศ” “ขอบคุณเฮียมากนะคะที่คอยอยู่ข้าง ๆ แล้วก็เข้าใจหนู” “น้องสาวเฮียทั้งคน” เฮียเฟยยกมือขึ้นมายีผมของฉันเบา ๆ อย่างเอ็นดู ก่อนที่เราจะแยกกัน ฉันเดินเข้ามาในโรงแรม มีพนักงานคอยเดินนำพาไปยังห้องที่ใช้แต่งตัว แต่ก่อนจะเดิน
ฝ่ามือหนาเริ่มซุกซนบีบเคล้นหน้าอกของฉันพร้อมกับริมฝีปากหนาที่จูบหนัก ๆ “อื้อ~” ฉันร้องท้วงในลำคอและดิ้นแรง ๆ แต่ถูกกดทับเอาไว้จึงหนีไปไหนไม่ได้ ผ่านไปครู่หนึ่งริมฝีปากก็ยอมถอนจูบออกไป ก่อนจะเปลี่ยนมาซุกไซร้ที่ซอกคอแทน “ตุลถ้าทำแบบนี้เราจะแต่งตัวไม่ทันนะ” “เพราะฉะนั้นต้องรีบทำใช่ไหม” “มะ… ไม่ใช่ ปล่อยนะ!! ถ้าทำต่ออย่าคิดว่าจะเจอหน้าพี่อีก” เหมือนคำขู่ของฉันมันไร้ประโยชน์เพราะคนด้านบนเริ่มเลื่อนฝ่ามือมาดึงกางเกงของฉันลงจนพ้นเรียวขา ก่อนจะจัดการถอดกางเกงของตัวเอง เรียวขาสองข้างของฉันถูกจับให้อ้าออกกว้าง ๆ ก่อนที่แก่นกายใหญ่จะถูขึ้นลงช้า ๆ แล้วค่อย ๆ สอดใส่เข้ามา จากที่ดิ้นฉันก็หยุดนิ่งทันทีเพราะรู้ว่าหนีไม่ได้แล้ว เมื่อเห็นว่าฉันหยุดนิ่งตุลก็หยัดตัวขึ้น เขามองหน้าฉันครู่หนึ่งโดยที่ไม่ได้พูดอะไร และฉันก็เป็นฝ่ายพูดก่อน“นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายของเรา” สิ้นสุดคำพูดของฉันเสียงทุ้มก็ตอบกลับทันควัน “มันไม่มีทางเป็นครั้งสุดท้าย” เอวสอบเริ่มทำงานกระแทกความเป็นชายเสียดสีร่องแคบถี่ขึ้นตามจังหวัดและเริ่มมีเสียงเนื้อกระทบกันดังขึ้นเรื่อย ๆ พอเห็นว่าฉันนอนนิ่งตุลก็ใช้นิ้วใหญ่แตะลงมาบนติ่งเกส
เช้าวันต่อมา ตื่นมาก็ไม่เจอคนที่เคยนอนอยู่ข้างๆ แล้ว โทรหาก็ไม่รับสาย วันนี้ตุลไม่ได้ไปเรียนพรุ่งนี้ก็ด้วยเขาจะไปไหนได้ ถ้าจะกลับบ้านหรืออู่ก็น่าจะทิ้งข้อความบอก เดินหาแทบทั้งบ้านในที่สุดก็เจอที่สวนดอกไม้ ทั้งที่พรุ่งนี้ก็จะเป็นวันสำคัญของเราแล้วแท้ๆ แต่ตุลยังทำตัวชิวอยู่อีก อาจเป็นเพราะทุกอย่างเตรียมพร้อมหมดแล้ว แต่เขาก็ควรแสดงความตื่นเต้นมากกว่าการมาปลูกดอกไม้แบบนี้สิ “ว่าที่เจ้าบ่าวทำตัวชิวจังเลยนะคะ” ฉันพูดแซวก่อนที่ตุลจะหันมายิ้ม สองมือของเขาเปื้อนดินเต็มไปหมด “เขาว่าคนท้องมองดอกไม้แล้วจะทำให้อารมณ์ดีขึ้น เป็นไงอารมณ์ดีบ้างไหม?” เรื่องหาข้อมูลต้องยกให้เขาเป็นที่หนึ่งจริงๆ “อารมณ์ดีสิ แต่ตุลลืมอะไรไปหรือเปล่าเดี๋ยวเราก็ต้องย้ายไปอยู่บ้านหลังใหม่แล้วนะ” พ่อของตุลซื้อบ้านให้เป็นเรือนหอของเรา แต่คงต้องตกแต่งอีกสักหน่อยยังไม่ได้ย้ายไปกระทันหัน“อีกตั้งสองสามเดือนกว่าจะได้ย้ายไป จะปลูกไว้ที่นี่แล้วก็ที่บ้านหลังใหม่ด้วยเลย” “ตามใจแล้วกัน” ฉันเดินมาดูใกล้ๆ เห็นว่าตุลาตั้งใจกับการปลูกดอกไม้เอามากๆ “มา เดี๋ยวพี่ช่วยปลูก”“ไม่ต้องๆ แค่ไปนั่งให้กำลังใจตรงนั้นก็พอ” พอจะช่วยก็ถูกสั่งให้
ฉันไม่ได้แกะผ้าปิดตาออกเพราะเคลิ้มไปกับเพลงที่ตุลร้อง จนกระทั่งจบเพลง บรรยากาศกลับมาเงียบสงัดอีกครั้ง ไม่นานผ้าที่ปิดตาฉันก็ถูกเอาออกไป เดาไม่ยากว่าคนที่ยืนตรงหน้าฉันตอนนี้เขากำลังเขิน คงเป็นเพราะที่ผ่านมาตุลไม่เคยทำอะไรแบบนี้เลย แม้แต่การดีดกีตาร์ร้องเพลงฉันก็ไม่รู้ว่าเขาทำได้ “แฟนพี่ร้องเพลงเพราะนะเนี่ย ไม่เห็นเคยร้องให้ฟังบ้างเลย ^_^”“ไม่ได้ทำเป็นแต่แรกหรอก เพิ่งไปเรียนเมื่อเดือนที่แล้ว” “เรียน? หมายถึงดีดกีตาร์ร้องเพลงน่ะหรอ” “อือ” ตุลพยักหน้า ใครจะไปเชื่อ ภายในเวลาแค่เดือนเดียวเขาทำได้ขนาดนี้เชียวหรอ “คิดยังไงถึงไปเรียน” “อยากมีโมเมนต์หวานๆ กับเมียบ้าง”“ขอบคุณนะ ^_^”ฉันให้รางวัลด้วยการหอมแก้มเขาไปหนึ่งที จากนั้นก็มองไปยังโต๊ะดินเนอร์ที่ตุลเตรียมไว้ “ว้าว! นี่ตุลทำเองจริงๆ หรอเนี่ย” ถึงกับต้องตาลุกวาวเป็นประกายเมื่อเห็นโต๊ะอาหารที่ถูกจัดแต่งอย่างกับมืออาชีพมาทำด้วยตัวเอง แถมบรรยากาศรอบๆ ก็มีไฟติดอยู่หลากหลายสี สองข้างทางเดินไปที่โต๊ะมีเทียนวางอยู่เป็นทางยาว “มันดูไม่น่าเชื่อขนาดนั้น?” “เปล่า พี่แค่ไม่คิดว่าตุลจะทำออกมาสวยขนาดนี้” “ชอบไหม?”“ชอบสิ ชอบมากๆ ^_^” “หิวห
เวลาผ่านไป อีกแค่สองวันฉันกับตุลก็จะได้เข้าหอด้วยกันในฐานะสามีภรรยาแล้ว ที่ผ่านมาค่อนข้างยุ่งทั้งเรื่องเตรียมของชำร่วย เช็คความเรียบร้อยของสถานที่ ลองชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาว การ์ดซองเชิญแขก มันยุ่งมากๆ ทำให้ฉันกับตุลแทบจะไม่ได้พักกันเลย ถึงแม้พ่อของเราสองคนบอกว่าจะช่วยจัดการอีกแรง แต่ในฐานะที่ฉันกับตุลเป็นเจ้าของงานก็อยากจะมีส่วนร่วม หลังจากผ่านความวุ่นวายไปแล้ววันนี้คุณแม่ท้องอ่อนอย่างฉันก็ได้พักผ่อนที่บ้านสักที ส่วนตุลก็ติดเรียน วันนี้เป็นอีกหนึ่งวันที่แสนจะพิเศษ เพราะมีนัดดินเนอร์กินข้าวใต้แสงเทียนเพิ่มความหวานก่อนแต่งงาน แค่ได้ฟังตุลพูดฉันก็ดีใจปลื้มปริ่ม ตั้งแต่คบกันมานี่คือครั้งแรกที่เราสองคนได้ดินเนอร์ด้วยกัน ฉันสั่งของขวัญมาเซอร์ไพรส์เขาด้วยแหละ ตาตุลเห็นต้องชอบแน่ๆ ตอนนี้ฉันกำลังยืนมองดูเสื้อผ้าในตู้อย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบมาทาบกับตัวเพื่อดูว่าจะใส่ชุดไหนดี ดินเนอร์ทั้งทีก็ต้องแต่งตัวสวยๆ หน่อยสิ ใช่ไหมล่ะ ประมาณสามชั่วโมงผ่านไป ตุลกลับมาจากมหาวิทยาลัยแล้ว วันนี้เขาดูกระตือรือร้นถือของมาเต็มไม้เต็มมือไปหมด “ซื้ออะไรมาเยอะแยะเลย” “ของจัดโต๊ะ ไม่รู้จะใช้แบบไหนดีเลยซื้อมาหลายๆ
ฉันบอกให้ตุลรอที่หน้าประตูบ้านแล้วเป็นฝ่ายไปหาเขาเอง ใบหน้าที่สลดของเขาทำให้รู้สึกหมั่นไส้อยากจะหยิกสักที“เมียจ๋าเค้าขอโทษ ความหึงมันบังตา ขอโทษจริงๆ ต่อไปจะไม่คิดอะไรแบบนั้นอีก” ตุลพูดเสียงเล็กเสียงน้อยพร้อมกับทำหน้าสำนึกผิด แต่ฉันคงไม่ยอมง่ายๆ ต้องสั่งสอนสักหน่อย “ถอดเสื้อผ้าออกให้หมด” ฉันยืนกอดอกวางมาดออกคำสั่ง ส่วนคนที่ได้ฟังก็ถึงกับขมวดคิ้วเป็นปม “ถอดทำไม ?” “บอกให้ถอดก็ถอด ถามมาก!” “แต่ตรงนี้มีคนอยู่นะลิล ถ้าจะทำเรื่องสิบแปดบวกเราไปทำที่ห้องกันดีกว่าไหม” ความคิดนี้มันชี้ชัดได้แล้วว่าในหัวของเขามีแต่เรื่องบนเตียงจริงๆ “ใครจะทำเรื่องลามกแบบนั้นกันล่ะ” “อ้าว! แล้วให้ถอดทำไม”“ถอดเสื้อผ้าแล้วไปวิ่งรอบสนามหญ้ายี่สิบรอบ” “ละ…ลิล” ตุลเรียกชื่อฉันเสียงอ่อย สีหน้าของเขาเริ่มซีดเผือดขึ้นมาทันที “ถ้าอยากให้พี่หายโกรธก็ต้องทำ” “ถ้าทำแล้วต้องหายโกรธจริงๆ นะ”“ถอดสิ” ถึงแม้จะไม่เต็มใจแต่ตุลก็ยอมถอดเสื้อผ้าออกจนเหลือแค่เพียงบ็อกเซอร์สีดำตัวโปรดที่เขาชอบใส่กับเสื้อของฉันที่เขาพกติดตัวไม่ยอมวาง “ต้องถอดนี่ด้วยไหม” ตุลชี้ไปที่บ็อกเซอร์ชิ้นสุดท้ายบนร่างกายของตัวเอง “ไม่ต้อง”“ถ้าอย่างน
เมื่อคืนจำได้ว่าไม่ยอมให้ตุลดูดนมแต่ไหงตื่นเช้ามาริมฝีปากของเขาดันคาบอยู่ที่หน้าอกฉันได้ คงแอบตอนเผลอหลับแน่ๆ เช้าวันนี้ฉันอารมณ์ดีขึ้นไม่หงุดหงิดเหมือนเมื่อคืนแล้ว อย่าว่าแต่อารมณ์ของตุลแปรปรวนเลยอารมณ์ของฉันก็ไม่ต่างกัน “ตื่นได้แล้วตุล” วันนี้ไม่มีเรียนเขาจึงตื่นสายได้“อือ ขอดูดนมต่ออีกหน่อย” ดูเขาสิ ถ้าไม่ใช่แฟนฉันคงคิดว่าเป็นลูกแน่ๆ “วันนี้เราต้องไปลองชุดแต่งงานนะ”“ไปไม่ไหว เพลีย เหนื่อย อ้วกทั้งคืน” เขาบอกแล้วก็ปรือตาขึ้นมามอง ใบหน้าคมคายที่หล่อเหลาตอนนี้โทรมลงอย่างเห็นได้ชัด “อ้วกด้วยหรอเมื่อคืน” “อือ” วงแขนแกร่งกำชับกอดอย่างออดอ้อน “โทรนัดให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านดีไหม”“แบบนั้นก็ได้” ฉันพยักหน้าตอบ ให้ร้านเอาชุดมาให้ลองที่บ้านก็ดีเหมือนกัน สะดวกสบาย “แบบนี้จะเป็นเจ้าบ่าวไหวหรอ เลื่อนงานแต่งของเราออกไปก่อนจนกว่าตุลจะดีขึ้น……”“ไม่เลื่อน!!” ตุลตอบกลับมาเสียงแข็งทั้งที่ตอนแรกยังใช้เสียงออดอ้อนอยู่เลย “ไม่เห็นต้องเสียงแข็งใส่กันเลยนี่ พี่ตกใจนะ” “อือขอโทษครับ ก็ไม่อยากให้เลื่อนไงไม่ได้ตั้งใจขึ้นเสียงใส่สักหน่อย” “ลุกขึ้นไปอาบน้ำเลย เดี๋ยวพี่จะโทรบอกให้ร้านเสื้อเอาชุด
ตรวจคำผิดย้อนหลัง————ในเมื่อมันเป็นความต้องการของแฟนเด็กฉันก็ไม่สามารถขัดได้ และในตอนนี้ตุลกับฉันกำลังนอนบนเตียง โดยมีอุ้งปากร้อนๆ คาบเม็ดไตบนหน้าอกเอาไว้ไม่ยอมปล่อย แถมยังใช้มือนวดคลึงหน้าอกอีกข้างไปด้วย “อื้อ~ อย่าดูดแรงสิตุล” ฉันร้องอุทานเบาๆ เหมือนโดนแกล้งไม่ให้หลับ พอเคลิ้มจะหลับตุลก็ดูดแรงๆ จนต้องสะดุ้ง “ดูดเบาๆ เองนะ” เขายังมีหน้ามาบอกด้วยใบหน้าทะเล้น อยากจะดีดหูสักที “ไม่ต้องเลย พี่เจ็บไปหมดแล้ว” “จะไปลองชุดเมื่อไร ใกล้จะถึงวันแต่งแล้วนะทำไมเจ้าสาวถึงยังทำตัวชิวอยู่อีก” ตุลพูดค้อน อีกไม่ถึงเดือนก็จะถึงวันที่เราสองคนได้แต่งงานกันแล้วแต่ฉันยังไม่ได้ไปลองชุด เหตุผลก็เพราะอาการที่ไม่ค่อยจะสู้ดีของเขานั่นแหละ “ถ้าอย่างนั้นเราไปพรุ่งนี้เลยก็ได้” ตุลยิ้มให้กับคำตอบของฉัน เหมือนเขารอให้พํดแบบนี้มานานแล้ว “อยากเห็นเมียใส่ชุดเจ้าสาวจะแย่ ต้องเป็นเจ้าสาวที่สุดที่สุดในโลกแน่ๆ”“พูดเวอร์เกินไปแล้วตุล” “พูดเรื่องจริง” เขาทำเมินกับคำตอบแล้วก็วับเม็ดไตบนหน้าอกของฉันไปดูดอีกครั้ง “สัญญากับพี่นะว่าจะไม่ดึงมือที่สามเข้ามาในชีวิตคู่หลังแต่งงานของเรา ถ้าพี่ต้องเสียใจเพราะตุลอีกครั้ง….”“
ฉันนั่งรอแฟนเด็กขี้งอนของตัวเองที่หายไปอยู่ในห้องน้ำนานเกือบครึ่งชั่วโมง พอออกมาก็เห็นว่าเหงื่อท้วมตัวเขาเลย แบบนี้จะให้กลั้นขำได้ยังไง โกรธไม่ลืมหูลืมตาจริงๆ “ขำอะไร” ตุลเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงที่ชวนหาเรื่อง ก่อนจะเดินมานอนที่เตียง “เหงื่อท้วมตัวแบบนั้นทำไมไม่ไปอาบน้ำก่อน” “ขี้เกียจ”“ลุกขึ้นไปอาบน้ำเดี๋ยวนี้เลยนะ” “รังเกียจขนาดนั้น ?”“เปล่า แค่อยากให้ไปอาบน้ำจะได้สบายตัว” “ขี้เกียจ” เขาพูดย้ำคำเดิมแล้วก็ไม่สนใจ ฉันจึงคิดอะไรดีๆ ออกที่จะทำให้เขาหายงอน “แล้วถ้าพี่บอกว่าจะอาบน้ำให้ล่ะ ตุลจะยอมไปอาบไหม” ร่างหนาลุกขึ้นพรวดพราดแล้วเดินมาถอดเสื้อผ้าลงตะกร้าเหลือเพียงร่างกายเปลือยเปล่า จากนั้นก็หันมาบอก “ไปรอในห้องน้ำนะ รีบๆ ตามมาด้วยล่ะ” ฉันที่กำลังอึ้งได้แต่พยักหน้าหงึกๆ กับอารมณ์ที่แปรปรวนของตุล เขานี่นะพอเรื่องแบบนั้นก็ยอมกันง่ายๆ ในเมื่อพูดแล้วก็ต้องทำตามที่พูด ฉันถอดเสื้อผ้าออกจนหมดแล้วหยิบผ้าขนหนูมาพันตัว จากนั้นก็เดินตามตุลมายังห้องน้ำ “หมอสั่งห้ามนะจำได้ใช่ไหม” ฉันย้ำก่อนเพราะกลัวว่าตุลจะทำอะไรที่มันเลยเถิด อารมณ์ของเขายิ่งพลุกพล่านเกินหักห้ามอยู่ด้วย “มาตรงนี้” เขาดึงผ้าขนห
หนึ่งอาทิตย์ผ่านไป การเป็นคนท้องนี่มันสบายแบบนี้นี่เอง เพราะตั้งแต่กลับจากโรงพยาบาลวันนั้นฉันก็แทบไม่ต้องหยิบจับอะไรเลย แถมตอนไปเรียนตุลก็กำชับว่าห้ามไปไหนเด็ดขาด ห้ามขับรถ ห้ามเดินเยอะ เขาสั่งให้ฉันอยู่ในห้อง นี่เขาจริงจังถึงขั้นซื้อกล้องมาติดในห้องเพื่อดูฉันเลยนะ เรื่องท้องฉันกับตุลตกลงกันแล้วว่าจะไม่บอกทางบ้าน รอเซอร์ไพรส์วันแต่งงาน หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันแทบไม่เจอเฮียเลย ถึงแม้ปกติจะไม่ค่อยได้เจออยู่แล้วแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป แถมเฮียยังมีท่าทางแปลกๆ มาขอชุดที่ฉันไม่ได้ใส่แล้วบอกว่าจะเอาไปบริจาค มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่เฮียจะทำแบบนั้น อย่าคิดนะว่าเห็นอยู่กับฉันเฮียดูเป็นพี่ชายที่แสนดี นั่นมันก็แค่กับฉันที่เป็นน้องสาว ถ้าเป็นคนอื่นเฮียไม่เคยไว้หน้าใคร ก็คิดดูสิว่าคนที่ทำธุรกิจสีเทาได้ต้องโหดขนาดไหน หลายชั่วโมงผ่านไปที่ฉันนอนเบื่อหน่ายอยู่บนเตียงจนกระทั่งตุลกลับมา เขาถือเสื้อของฉันติดมือไม่ยอมให้ห่างเลยจริงๆ “วันนี้เรียนเหนื่อยมาก ขอชาร์จแบตหน่อย” เขาพูดเสียงอ้อนแล้วก็โอบแขนแกร่งมาสวมกอดฉันเพื่อชาร์จแบตให้กับร่างกาย“ขี้อ้อนนะเราเดี๋ยวนี้” “วันนี้ไอ้กันชวนไปวันเกิดมัน” “ว
Talk ตุล แทบทั้งคืนที่ผมไม่ได้นอนเพราะมันรู้สึกไม่สบายตัวและอยากจะอ้วกในบางครั้ง แต่เพราะไม่ได้กินอะไรเลยทำให้อ้วกก็ไม่มีอะไรออกมา ผมที่ตื่นก่อนกำลังนอนมองใบหน้าหวานของว่าที่ภรรยาในอนาคตที่กำลังหลับไม่รู้เรื่องอยู่ในตอนนี้ เมื่อคืนเธอคอยตื่นมาดูอาการของผมจนแทบไม่ได้นอนเหมือนกัน “ทำตัวน่ารักขนาดนี้ไม่ให้คลั่งรักได้ยังไง” ผมพูดกับใบหน้าหวานที่กำลังนอนหลับอย่างเอ็นดู ตอนนี้มันชินแล้วที่ตื่นขึ้นมาแล้วเจอหน้าผู้หญิงคนนี้เป็นคนแรก วันไหนไม่ได้นอนด้วยมันรู้สึกเหมือนขาดอะไรไปสักอย่าง จุ๊บ! ผมก้มลงหอมแก้มแดงระเรื่อฟอดใหญ่ กลิ่นหอมที่เป็นเอกลักษณ์มันทำให้อยากฝังจมูกอยู่แบบนั้นไม่อยากผละออกไปไหน “อื้อ~” เสียงอู้อี้ในลำคอเหมือนจะรู้สึกรำคาญที่ถูกรบกวนของคนที่กำลังนอนหลับดังขึ้นมา ผมค่อย ๆ ยกปลายจมูกออกจากแก้มนิ่ม ๆ อย่างนึกเสียดายผมจับเอาเสื้อของลิลมาพาดไว้บนบ่า ก่อนจะลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์กับบุหรี่เดินมาที่นอกระเบียง จู่ ๆ ก็ติดกลิ่นเสื้อของเมียขึ้นมา ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าทำไมและไม่สามารถอธิบายได้ ขณะที่ยืนสูบบุหรี่ก็ใช้สายตามองเข้าไปในห้องดูลิลที่กำลังนอนหลับ สมองมันคิดถึงวันแรกที่เธอตามจีบ