รอบขอบตาเฉินอู่แดงก่ำขึ้นเช่นกัน “ใช่แล้ว ลูกสาวสองคนของข้าหวิดจะสิ้นชีพอยู่แล้ว หากไม่มีข้าวกล่องช่วยไว้ พวกนางคงไม่มีชีวิตมาถึงตอนนี้ ท่านแม่ทัพ ข้าเฉินอู่ขอคารวะท่าน และขออภัยสำหรับความหยาบทรามที่ข้าแสดงเมื่อยามเราได้พบกันคราแรก!”คนอื่น ๆ ดวงตาก็เริ่มชื้นน้ำไปตาม ๆ กัน พวกเขาติดสอยห้อยตามกองทัพตระกูลจ้าน ก้าวขึ้นมาอย่างช้า ๆเช่นซ่งตั๋ว เปี้ยนจื่อผิง หลี่หยวนจง หลินต้าจวิน และเหอหงบ้างก็ถูกส่งตัวมาจากราชสำนัก ในตอนแรกพวกเขาถูกส่งมาเพื่อตรวจสอบกองทัพตระกูลจ้าน และคอยโอกาสแบ่งแย่งอำนาจทางการทหารจากจ้านเฉิงอิ้นอาทิเฉินขุย เฉินอู่ อู๋ซานหลาง มั่วฝาน และเฉินจวิ้นหลินสองพี่น้องเฉินขุยและเฉินอู่ คราแรกที่มาถึงด่านเจิ้นกวน ก็ตรงเข้าไปหาจ้านเฉิงอิ้นเพื่อขอทหาร จ้านเฉิงอิ้นบอกปัดปฏิเสธ สองคนจึงยุยงมั่วฝาน ให้เป็นปฏิปักษ์ต่อจ้านเฉิงอิ้นมั่วฝานสืบสายสกุลบรรดาศักดิ์ขุนนาง เป็นหลานชายแท้ ๆ ของไทเฮาในเมืองหลวงเขามีชื่อในฐานะผู้รากมากดี ทุก ๆ วันหลับนอนเสียจนตะวันโด่งขึ้นสามลำไผ่ ไม่มีวันใดแวะเวียนไปค่ายทหาร วัน ๆ เทียวแต่ดื่มเหล้าเคล้าด้วยนารีครอบครัวกลัวเขาลำบากยากแค้น จึงส่งข้
เย่มู่มู่ไม่ได้ตอบกลับ เธอรีบออฟไลน์ จัดการเติมน้ำลงในแจกัน แล้วไปพักผ่อนเช้าวันรุ่งขึ้นเมื่อตื่นขึ้นมาเธอพบว่ามีสายที่ไม่ได้รับอยู่หลายสายเธอรีบลุกขึ้น อาบน้ำชำระร่างกายอย่างง่าย ๆ จากนั้นโอบยกแจกันดอกไม้ขึ้นรถตรงไปยังโกดังเจ้าของร้านค้าข้าวและหัวหน้าฝ่ายขายโรงงานสิ่งทอกำลังรอการชำระเงินอยู่ที่โกดังครึ่งชั่วโมงต่อมา เธอก็มาถึงโกดังหลังตรวจเช็กสินค้ากับทางเจ้าของร้านค้าข้าวแล้ว ก็ทำการชำระเงินก้อนสุดท้าย ก่อนเจ้าของร้านค้าข้าวจะจากไปเขาเอ่ยถามเธอ “ยังต้องการเสบียงอีกไหมครับ?”เธอตอบ “ต้องการค่ะ คุณจัดหาข้าวสารมาเรื่อย ๆ ได้เลยนะคะ”“งั้นตกลงตามนี้เลยนะครับ!”สิ่งของช่วยบรรเทาภัยน้ำท่วมห้าคันรถบรรทุก เสบียงสามแสนล้านชั่ง ทั้งหมดเป็นเงินกว่าห้าสิบล้านบาทเธอแบ่งจ่ายเงินก้อนสุดท้ายให้กับหัวหน้าฝ่ายขายโรงงานสิ่งทอไปหนึ่งในสามส่วนก่อนจะกลับไปก็เอ่ยถามขึ้น “สนใจจักรเย็บผ้าไหมคะ แบบใช้เท้าเหยียบน่ะ? ลูกค้าฉันจากโรงงานตัดเย็บเสื้อผ้า มีจักรเย็บผ้าแบบเท้าเหยียบรุ่นที่เลิกใช้ไปเมื่อสิบปีก่อนอยู่ล็อตหนึ่ง ราคาถูกมาก เครื่องละห้าร้อยบาทเอง ไหนจะมีเข็มสำหรับใช้กับเครื่องโดยเฉพาะอ
พืชผลถูกแสงแดดแผดเผาจนเฉาตายอยู่ในไร่แคว้นอื่น ๆ อีกห้าแคว้นต่างก็กำลังคิดหาหนทางตุนเสบียงหากเรื่องที่ด่านเจิ้นกวนมีเสบียงแพร่งพรายออกไป ไม่เพียงเผ่าหมานที่คิดจะแย่งชิงเสบียง กองทัพจากแคว้นอื่นต้องมารวมตัวกันที่ด่านเจิ้นกวนอย่างแน่นอนตอนนี้ทั้งการเกณฑ์ทหาร จัดกำลังพล อาวุธยุทโธปกรณ์ และการฝึกฝนล้วนกำลังดำเนินการไปอย่างเร่งรัดเผ่าหมานยังปักหลักอยู่นอกเมืองห่างออกไปสิบลี้ จับจ้องด่านเจิ้นกวนอย่างไม่ยอมละสายตาพร้อมโจมตีได้ทุกเมื่อ!พวกเขาต้องปกป้องเสบียงชุดนี้ไว้ให้ได้ในขณะที่จ้านเฉิงอิ้นกำลังจะออกจากคลังพร้อมกับแจกันนั้นก็มีบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป ไส้กรอกแฮม ข้าวสวยแบบอุ่นเอง และหม้อไฟแบบอุ่นเองร่วงตกลงมาอีกมากมายนับไม่ถ้วน…พื้นที่ในคลังมีไม่พอ กล่องเหล่านั้นจึงล้นออกมานอกประตูพลทหารหลายคนเบิกตากว้าง พากันจ้องมองหม้อไฟและข้าวสวยแบบอุ่นเองที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อนเฉินขุยเปิดกล่อง และหยิบขึ้นมาดูหนึ่งกล่องเล็กด้วยความสงสัยทุกคนเพ่งมองอักษรตัวย่อ ครั้นปะติดปะต่อกันก็พออ่านออกได้“ท่านแม่ทัพ ข้าวนี้ แค่ใช้น้ำก็อุ่นให้ร้อนได้แล้วขอรับ!”ซ่งตั๋วอ่านวิธีทำเขาตื่นเต้นอย่าง
จ้านเฉิงอิ้นกับเฉินขุยมาถึงที่บ้านของเขาเฉินขุยมีภรรยาเอกหนึ่งคน อนุอีกสองคน และบ่าวรับใช้อีกสามสิบคน ทุกคนออกมารอต้อนรับทุกคนแต่งกายซอมซ่อ เหล่าภรรยาและลูก ๆ ยังถือว่าแต่งกายเรียบร้อย เพียงแต่เสื้อผ้าดูมอมแมมเพราะไม่มีน้ำให้ซักผ้าเสื้อผ้าของบ่าวรับใช้เต็มไปด้วยรอยเย็บปะ แม้พวกเขาจะผ่ายผอม ทว่าแต่ละคนดูกระตือรือร้นเฉินขุยนำบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปกับไส้กรอกแฮมให้ภรรยาลูก ๆ ของเขาต่างดีใจกระโดดโลดเต้น อยากเห็นว่าท่านพ่อของพวกเขานำของอร่อยอะไรกลับมาบ้านอีกคืนวันก่อน ท่านพ่อนำหมูอบซอสน้ำแดง และข้าวสวยหุงสุกเลิศรสกลับมาอย่างละหนึ่งกล่องคืนเมื่อวาน เป็นขาแกะย่าง และเนื้อย่าง ยังมีเนื้อวัวผัดแห้งอีกหนึ่งจานตอนนี้ ลูก ๆ ทุกคนต่างพากันตั้งหน้าตาตั้งตารอท่านพ่อกลับบ้านวันนี้เขานำกล่องกระดาษใหญ่ ๆ กลับมาด้วยสองกล่องเฉินขุยแกะกล่องไส้กรอกแฮม ก่อนจะแจกจ่ายให้ลูก ๆ ห้าคน คนละอัน“จำไว้ เปลือกนอกกินไม่ได้นะ”เขาเอาบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปออกมาอีกสามห่อ มอบให้กับภรรยาของเขาภรรยาของเขายิ้มและคารวะขอบคุณจ้านเฉิงอิ้นเล็กน้อย ก่อนจะส่งต่อให้พ่อบ้านพ่อบ้านพาเด็ก ๆ ไปต้มบะหมี่ในครัวเฉินขุ
จ้านเฉิงอิ้นเอ่ยว่า “ผ้าไม่กี่พับ ไม่เป็นไรหรอก”ขณะที่เขาเตรียมตัวจะกลับ เฉินขุยรีบเอ่ยขึ้น “ท่านแม่ทัพ โปรดช้าก่อน”เฉินขุยรีบส่งสายตาให้ภรรยาของตนฮูหยินเฉินเข้าใจทันที ไม่นาน นางก็ยกกล่องขนาดใหญ่กล่องหนึ่งมา ในกล่องมีกล่องสีแดงลายดอกไม้สองกล่องวางอยู่ฮูหยินยกมาอย่างยากลำบาก เฉินขุยรีบเข้าไปรับไว้ จากนั้นก็ยกมาวางไว้ตรงหน้าจ้านเฉิงอิ้น ก่อนจะเปิดออกในกล่องเต็มไปด้วยเพชรนิลจินดา ส่องประกายระยิบระยับในกล่องสีแดงลายดอกไม้ มีปิ่นระย้าที่หญิงสาวชอบอยู่ข้างในเป็นแบบที่นิยมกันอย่างมากในแคว้นต้าฉี่จ้านเฉิงอิ้นเห็นกล่องเครื่องประดับสองกล่องนั้น ก็ดีใจอย่างมากท่านเทพจะต้องชอบแน่!เฉินขุยกล่าวว่า “ท่านเทพประทานเสบียงอาหารมาให้เรา วันนี้ยังประทานผ้ามาให้ด้วย ข้าเฉินขุยสมควรตอบแทน”“ท่านแม่ทัพ มอบเพชรนิลจินดาเหล่านี้ให้ท่านเทพทั้งหมดเถิด!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มขณะตบไหล่เฉินขุย“ลำบากแล้ว!”จ้านเฉิงอิ้นปิดกล่อง ก่อนจะหย่อนกล่องลงไปในแจกันดอกไม้พร้อมกันเขาปล่อยมือ สิ่งของก็หายวับไปกับตาฮูหยินเฉินเห็นเหตุการณ์ประหลาดเช่นนี้ก็ยกมือขึ้นปิดปาก ราวกับนึกว่าตัวเองตาฝาดไปสิ่งของหายไป
สองสามีภรรยาส่งจ้านเฉิงอิ้นที่ประตู บังเอิญเจอกลุ่มพลทหารที่มาดูผ้าในจวนของเฉินขุยพอดีครั้นเห็นว่าทุกคนอยู่พร้อมหน้า จ้านเฉิงอิ้นจึงบอกว่า “พวกเจ้าไปเลือกผ้ามาสองสามพับ เอากลับบ้านไปให้บ่าวเย็บเสื้อผ้า พรุ่งนี้มะรืนนี้ยังจะมีผ้าถูกส่งมาอีกสองชุด”ผ้าที่ท่านเทพประทานมาให้ครั้งนี้ นอกจากทำเสื้อผ้าใหม่ให้เหล่าทหารแล้วก็ยังเหลืออีก!มั่วฝานเหนื่อยหน่ายกับเสื้อผ้าที่สกปรกมอมแมม และเหม็นสาบบนตัวมานานแล้วไม่มีน้ำ จึงซักผ้าไม่ได้เขาวิ่งเข้าไปในเรือนหลังเป็นคนแรก ผ่านไปไม่นาน ก็อุ้มผ้าออกมาสี่ห้าพับผ้าสีคราม สีน้ำเงินอย่างละพับ และผ้าลายดอกสีสันสดใสอีกสามพับ มอบให้กับกุนซือผู้ติดตามพอเขาเปิด พลทหารที่เหลือก็ไม่มัวอ้ำอึ้งอีกทุกคนเลือกคนละสามพับ มอบให้กับทหารชั้นผู้ช่วยเอากลับบ้านไปก่อนเฉินขุยกลับไม่ได้เข้าไปเลือก พี่ใหญ่ของเขาจะช่วยส่งกลับจวนไปเองเขาบอกว่า “ท่านแม่ทัพ ทางกำแพงเมืองรายงานมา จนถึงยามเที่ยงวัน เผ่าหมานไม่ได้โจมตี แต่ก็มิได้ล่าถอย ยังคงปักหลักอยู่นอกเมืองห่างออกไปสิบลี้ขอรับ”จ้านเฉิงอิ้นขมวดคิ้ว “พวกเขากำลังรอโอกาส ได้ยินว่าหลัวเก๋อพาหมอผีมาด้วย หมายจะอาศัยการทำน
จ้านเฉิงอิ้นส่ายหน้า “บรรพบุรุษของข้ารับใช้แคว้นต้าฉี่มานาน ไม่มีทางยอมจำนนต่อแคว้นฉีแน่นอน เจ้าเขียนจดหมายส่งกลับไปให้เยว่หงหนึ่งฉบับ”“สั่งให้เขานำกองกำลังมาจำนนต่อเรา ทหารหนึ่งคนเบิกข้าวสารได้หกจิน แป้งหมี่สามจิน น้ำมันหนึ่งถัง เกลือขาวหนึ่งห่อต่อหนึ่งเดือน...”“เขานำคนมามากเท่าใด ข้าก็จะรับไว้เท่านั้น”เฉินขุยหัวเราะเสียงดัง “ดี ความคิดนี้ดีมาก เหยียดหยามเขาได้สาแก่ใจนัก”จากนั้นเขาก็กล่าวอย่างกังวลอีกว่า “อย่างนั้นก็เท่ากับเราเป็นคนแพร่งพรายเรื่องที่เรามีเสบียงด้วยตัวเองน่ะสิขอรับ?”จ้านเฉิงอิ้น “อย่างไรก็ปิดข่าวไม่มิด เพื่อเสบียงอาหาร เจ้าว่าแคว้นฉู่กับแคว้นฉีจะส่งทหารมาขับไล่เผ่าหมานหรือไม่?”“แน่นอน ใต้หล้าประสบภัยแล้ง เสบียงอาหารมีค่ากว่าชีวิตคน”จ้านเฉิงอิ้นเอ่ยต่อว่า “พวกเขาจะร่วมมือกันขับไล่เผ่าหมานเพื่อเสบียงอาหารและน้ำแน่นอน จากนั้นสองแคว้นก็จะรบกัน แคว้นใดชนะจะหันมาโจมตีเมืองเรา เพื่อชิงเสบียงอาหาร!”สายตาของเขาเย็นชาเมื่อใดที่ท่านเทพส่งอาวุธชุดที่สองมา ไม่ว่าแคว้นฉู่หรือแคว้นฉีชนะ เขาก็ไม่กลัวเขาสั่งเฉินขุย “อย่างไรก็ต้องกวนน้ำให้ขุ่น เจ้าส่งสารส์นไปที่แคว้น
เสื้อเกราะกันกระสุนหลายสิบชุดที่ซื้อในออนไลน์คราวก่อนยังอยู่ระหว่างจัดส่งเธอเจอร้านค้าออนไลน์ที่ขายแผ่นเหล็กกระสุนระดับหกโดยเฉพาะด้านหน้าและด้านหลังมีเหล็กสองแผ่นป้องกัน เพิ่มเสื้อเกราะกันกระสุนสองร้อยชุดยอดขายดี รีวิวก็ไม่เลวด้วยเย่มู่มู่ถามฝ่ายบริการลูกค้าว่าแผ่นเหล็กกันกระสุนและเสื้อเกราะกันกระสุนในสต๊อกสินค้าเหลืออยู่เท่าไหร่ฝ่ายบริการลูกค้าบอกว่าเดิมทียังเหลืออยู่หนึ่งแสนชุด แต่หลายวันก่อนทางฝั่งตะวันออกสั่งไปแปดหมื่นชุด ขายปลีกไปก็ไม่น้อย ตอนนี้จึงเหลืออยู่เพียงหนึ่งหมื่นกว่าชุดเท่านั้นเย่มู่มู่บอกว่าจะเหมาหมดเลย แล้วถามว่าลดราคาได้หรือไม่หลังจากปรึกษากับเถ้าแก่ร้าน เมื่อเธอซื้อหนึ่งหมื่นห้าพันชุด จะได้ในราคาเก้าร้อยบาทต่อชุดฝ่ายบริการลูกค้าบอกว่าจะจัดส่งพรุ่งนี้เย่มู่มู่ให้ทางร้านส่งสินค้าเดี๋ยวนี้ รถบรรทุกขนาดใหญ่ก็มาในชั่วข้ามคืนเธอสามารถจ่ายเงินมัดจำก่อนครึ่งหนึ่งได้ เมื่อสินค้ามาถึงแล้วค่อยจ่ายเงินเต็มจำนวณฝ่ายบริการลูกค้าขอปรึกษากับเถ้าแก่เถ้าแก่ตกลงว่าจะส่งสินค้าเดี๋ยวนี้*จากนั้นเธอก็หาร้านค้าออนไลน์ที่ขายรองเท้าผ้าใบสำหรับผู้ชายรองเท้าผ้าปักก
“ข้าจะออกจากเมืองไปฆ่าเขาเอง!”แม่ทัพผู้ทรยศต่อบ้านเมืองขาดน้ำไร้เสบียงคนหนึ่ง กลับยังกล้าไม่เห็นหัวพวกเขาให้เกียรติมันเกินไปแล้ว! จ้านเฉิงอิ้นเอ่ยขึ้นว่า “เขาอยากได้ด่านเจิ้นกวน พวกเราก็ย่อมหมายจะได้กองกำลังของเขาเช่นกัน!” “คอยดูเถิด อีกหน่อย สวีหวยจะล้มเอง” สิ้นคำพูดของเขา ทันใดนั้น จากมุมอับหนึ่งของกระโจมข้าง ๆ ปืนล่าสัตว์ก็ยื่นออกมา มือปืนเหนี่ยวไก ยิงกระสุนตรงเข้าหัวใจของสวีหวย ปัง~ ระยะที่ใกล้เกินไป ทำให้สวีหวยและหลี่หู่รู้สึกตัว แต่ก็สายเกินกว่าจะหลบหลีกได้ ทั้งสองรู้จักเพียงคันธนู แต่ไม่รู้จักสิ่งที่เรียกว่าปืน สวีหวยที่ถูกยิงก็ล้มลงทันที...หลี่หู่รีบตะโกนอย่างร้อนรน “มีนักฆ่า ทหาร”“เร็ว มาช่วยแม่ทัพ...”พลทหารในกระโจมใกล้เคียง เมื่อได้ยินเสียงผิดปกติ ก็คว้าดาบพุ่งเข้ามายังที่ซ่อนของเฉินขุยและพรรคพวกทันที... ฟิ้ว~ ดาบที่เพิ่งถูกยกขึ้น ก็ถูกหน้าไม้ราชวงศ์ฉินบนกำแพงเมืองตะวันตกยิงเข้าอย่างแม่นยำ ร่างนั้นล้มลงในทันที เสียงจากลำโพงบนกำแพงเมืองดังกึกก้อง ในค่ำคืนอันเงียบสงัด เสียงนั้นยิ่งชัดเจน! “หากคิดจะเข้าด่านเจิ้นกวน อย่าได้ประมาทหรือ
จ้านเฉิงอิ้นเดินออกจากกระโจม ร่วมดื่มเหล้าและกินเนื้อกับเหล่าทหาร ในช่วงเที่ยง พ่อครัวยุ่งวุ่นวายกับการจัดเตรียมอาหารสำหรับชาวเมือง มีทั้งปลานึ่ง เป็ดแย่ง ไก่ตุ๋น...กลิ่นหอมอบอวลของอาหารเหล่านี้แผ่กระจายไปทั่วทั้งค่ายทหาร ชาวบ้านที่เคยกินเพียงข้าวต้มขาวทุกวัน บางครั้งถึงกับต้องเอาข้าวสารไปแลกเนื้อม้ากับโรงครัวเพื่อประทังชีวิต แต่งานเลี้ยงฉลองชัยในวันนี้ กลับมีปลานึ่งที่ชาวบ้านจำนวนมากไม่เคยเห็นมาก่อน ในพื้นที่ตอนเหนือ แม้ก่อนจะเกิดภัยแล้ง ฝนก็ตกน้อยมาก ปลาจึงกลายเป็นของหายาก! จะพบได้เฉพาะในแม่น้ำชานเมืองใกล้เมืองหลวง ซึ่งแม่น้ำถูกชนชั้นสูงเหมาไว้เลี้ยงปลาปลาจึงเป็นอาหารที่ราคาแพงอย่างยิ่งในเมืองหลวง วันนี้ ชาวเมืองทั้งชายหญิงคนแก่และเด็กต่างได้ลิ้มรสเนื้อปลาเป็นครั้งแรก รอยยิ้มเปี่ยมสุขปรากฏบนใบหน้าของทุกคน พวกเขากินกันอย่างเอร็ดอร่อย นอกจากนี้ ยังมีไก่ตุ๋น เป็ดย่าง... และอาหารอร่อยอื่น ๆ อีกมากมาย ชาวบ้านที่ตรากตรำทำงานหนักตลอดชีวิต ไม่เคยมีโอกาสได้ลิ้มรสอาหารที่อุดมสมบูรณ์ขนาดนี้มาก่อน สุราขาวและเบียร์มากกว่าพันลังถูกนำออกมา เหล่าทหารดื่มกินกันอย่างเต็
*หลังจากซ่อมกระโจมของจ้านเฉิงอิ้นเสร็จ เถียนฉินเดินเข้ามารายงาน“แม่ทัพ สวีหวยกับกองกำลังคนและม้าหนึ่งแสนคน ตั้งค่ายพักที่ประตูทิศตะวันออก ไม่ยอมจากไปขอรับ”“สมาชิกในครอบครัวของพวกทหารล่ะ?”เถียนฉินถอนหายใจเฮือกหนึ่ง “เมื่อคืน เพื่อล่อให้ท่านออกจากเมือง สมาชิกในครอบครัวหนึ่งหมื่นกว่าคนของทหาร ถูกฆ่าตายหกพันคน เหลือเพียงผู้หญิงและเด็กที่บาดเจ็บจำนวนหนึ่งเท่านั้น!”“พวกนางอยากเข้าด่านเจิ้นกวน แต่สวีหวยไม่ยอมปล่อยคน”“วันนี้ แม่ทัพเฉินขุยเฉินอู่เกณฑ์ทหาร มีคนสนใจจำนวนมากขอรับ แต่กลับถูกสวีหวยฆ่าตายถึงสามคนที่ตรงนั้น คนที่เหลือเลยไม่มีใครกล้าขยับตัวอีก!”ในเวลาเดียวกัน เฉินขุยเปิดม่านกระโจมเดินเข้ามาหลังจากเขานั่งลง เขาดื่มน้ำคำใหญ่ก่อน จากนั้นเริ่มระบายความโกรธด่าทอสวีหวย“ในมือเขาไม่มีเสบียงอาหารแต่ก็ไม่ยอมให้นายทหารใต้บัญชาเข้าเมือง!”“และยังเชือดไก่ให้ลิงดู!”“คนที่ติดตามเขา นับว่าโชคร้ายแปดชั่วอายุคน”“วางใจเถอะ สามีของหลานสาวข้าเฉิงจื่อเซียว กล่วว่าคืนนี้จะนำคนกลุ่มหนึ่งเข้าเมือง เขาทนการฆ่าผู้บริสุทธิ์ของสวีหวยไม่ไหวแล้วเช่นกัน”สวีหวยทำเช่นนี้ เขากำลังเดิมพันเดิมพั
ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นเธอซื้อของใช้ประจำวันมากหน่อยและส่งไปด่านเจิ้นกวนหลังจากพูดคุยกับจ้านเฉิงอิ้นเสร็จเธอชำระล้างง่าย ๆ แล้วลงไปข้างล่างเธอกินอาหารเช้าพร้อมใช้มือถือสั่งของผู้หญิงล้วนชอบซื้อของทุกคนเธอซื้อของอย่างมีความสุขมากเธอเข้าไปร้านค้าออนไลน์ของศูนย์การค้าท้องถิ่น สั่งซื้อน้ำหอม ครีมบำรุงผิว เครื่องสำอางค์ ลิปสติก ปากกาเขียนคิ้ว อายแชโดว์ รองพื้น โฟมล้างหน้าก่อน…ให้พี่ขนส่งหรือพี่รับจัดการเรื่องแทนส่งมาให้จากนั้นเธอซื้อของใช้มีประโยชน์เช่น ผ้าเช็ดทำความสะอาด ทรายขัดผิว สบู่กำมะถัน รองเท้าแตะ ถุงเท้า ถุงมือแรงงานและยากำจัดเหาต่อ…หนึ่งร้อยลังเป็นอย่างต่ำ เธอพูดคุยกับร้านค้า ให้เจ้าของร้านส่งของถึงหน้าประตู!หลังจากหนึ่งชั่วโมงผ่านไป เจ้าของร้านข้าวมาพร้อมกับแอลกอฮอล์หนึ่งคันรถพี่ซุนเรียกยามมาช่วยขนถ่ายสินค้าเมื่อมีคนมาก การขนถ่ายจึงรวดเร็ว ของที่สั่งล้วนวางไว้ข้างในโกดังจอดรถของคฤหาสน์ หลังจากคนเดินออกไปแล้ว เย่มู่มู่ดึงประตูม้วนโกดังลงมาและทำการส่งแอลกอฮอล์เครื่องดื่มไปให้จากนั้นคนขับหวงขับรถมาส่งเนื้อสัตว์ไม่มีใครช่วยคนขับหวงขนถ่าย เธอจึงให้คนข
*จ้านเฉิงอิ้นนั่งลง หยิบกระดาษจับพู่กันแล้วตอบจดหมายเย่มู่มู่“ท่านเทพ ตื่นแล้วหรือ?”เย่มู่มู่มองเวลาเก้าโมงเช้า ยังดี ถือว่าตื่นเช้า!“ด่านเจิ้นกวนเริ่มงานเลี้ยงฉลองความสำเร็จแล้วหรือ?”“ใช่ กำลังกินขอรับ”“ในค่ายทหารทำของอร่อยอะไรบ้าง?”“เมื่อคืนนำเนื้อม้ากลับมาได้จำนวนมาก จึงทำเนื้อม้าเป็นกะมะลังใหญ่ ยังมีพืชผักที่ส่งมาเมื่อครั้งก่อน มีข้าวสารนึ่งสุก พลเมืองทั่วทั้งเมืองมาร่วมกินด้วยกันทุกคน ทุกคนดีใจมาก...”กระบี่คมกริบที่แขวนไว้ในด่านเจิ้นกวนหายไปแล้วเย่มู่มู่จินตนาการได้ว่าทุกคนดีใจเพียงใดหนึ่งปี!หนึ่งปีเต็ม ๆ กองทัพตระกูลจ้านต้องสูญเสียคนถึงหนึ่งแสนแปดหมื่นคนชาวเมืองด่านเจิ้นกวนสองแสนคนล้มตายเสียชีวิตจากนี้ไป ทุกคนสามารถดำรงชีวิตต่อไปและเดินทางเข้าออกเมืองได้อย่างอิสระ จะไม่มีกองทัพศัตรูปิดล้อมพวกเขาอีกแล้ว!“ทำดีมาก! นักเรียนจ้านเฉิงอิ้น เมื่อคืนเจ้าทำตัวกล้าหาญองอาจเป็นอย่างมาก!”“ท่านเทพยกยอเกินไป เป็นเพราะท่านเทพส่งเสื้อเกราะกันกระสุนกับปืนล่าสัตว์มาได้ทันเวลา ทำให้หน่วยดาบม่อเตาที่เป็นแนวหน้า ฆ่าฟันศัตรูได้ตามใจชอบราวกับเข้าไปในดินแดนไร้คน…”“อืม ในเม
จ้านเฉิงอิ้นกล่าวหยุดเฉินขุย“เจ้าออกไปทางลับ ถ้ามีคนยอมติดตามกองทัพตระกูลจ้าน นำตัวกลับเข้ากองทัพ!”“ขอรับ แม่ทัพ!”“สำหรับสวีหวย ข้าไม่ลงมือฆ่าเขาด้วยตนเอง ถือว่าให้ความเมตตาที่สุดแล้ว!”“พระราชโองการนั่นที่เขากล่าวถึง ข้าออกรบชนะศึก ฮ่องเต้จะยกให้คนอื่นมารับช่วงด่านเจิ้นกวนต่อได้อย่างไร ต้องเป็นของปลอมแน่!”เฉินขุยเฉินอู่พยักหน้าซ้ำ ๆ เห็นด้วย“ใช่ เป็นของปลอม สวีหวยประกาศพระราชโองการปลอม ความผิดของเขาต้องฆ่าทิ้งทันที!”“เพื่อเพิ่มความปรีดาให้แก่ท่าน ข้าน้อยจะไปกวาดล้างคนเลวข้างกายฮ่องเต้ ตัดหัวสวีหวยผู้ประกาศพระราชโองการปลอมเดี๋ยวนี้!”สองพี่น้องนำคนและม้าออกจากเมืองไปอย่างยิ่งใหญ่เกรียงไกรจ้านเฉิงอิ้นจึงนั่งลงอีกครั้ง เห็นมั่วฝานทอดมองแผ่นหลังที่กำลังจากไปของสองพี่น้องพร้อมกับขมวดคิ้วเขาจึงถามมั่วฝาน “เป็นอะไรไป?”“ตอนนี้ยังฆ่าสวีหวยไม่ได้!”“เพราะเหตุใด?”มั่วฝานนำสารลับที่ได้รับวันนี้จากไทเฮา ยื่นให้จ้านเฉิงอิ้นจ้านเฉิงอิ้นเปิดสารลับอ่าน คิ้วยาวดุจดาบพลางขมวดเล็กน้อยมั่วฝานกล่าวต่อ “บุตรสาวของสวีหวยได้รับความโปรดปรานเป็นอย่างมากในพระราชวังถูกแต่งตั้งให้เป็นกุ้
อำนาจทางการทหารของกองทัพตระกูลจ้านจะถูกส่งต่อให้กับคนอื่นกองทัพตระกูลจ้านไม่เป็นที่พอใจในสายตาของฮ่องเต้ตั้งแต่ต้นวันนี้พวกเขามีเสบียงมีน้ำ มีอุปกรณ์ติดตัวที่ยอดเยี่ยม…สมาชิกราชวงศ์ต้าฉี่ประพฤติตนไร้สาระ เสนาบดีซูขูดรีดพลเมืองสภาพการณ์ของชาวเมือง ไม่ต่างจากด่านเจิ้นกวนในเวลานั้นภายในแคว้นต้าฉี่มีอิทธิพลหลายกลุ่มเริ่มผนึกตัว เพียงแต่ถูกกำลังทหารสองแสนคนขวางไว้ถ้าชาวเมืองมีชีวิตต่อไปได้ ใครจะรวมพลก่อกบฏอีกเล่าทุกคนล้วนอยู่ภายใต้หนทางตัน สุดท้ายจึงจำใจเลือกเส้นทางนี้จ้านเฉิงอิ้นทำลายกองทัพพันธมิตรของแคว้นฉู่กับแคว้นฉีอย่างแสนสาหัส ทำให้กองทัพเผ่าหมานต้องถอยทัพด้วยความปราชัย ชื่อเสียงของเขาในหมู่พลเมือง อยู่เหนือกว่าสมาชิกราชวงศ์ไปมากฮ่องเต้ไม่อาจยอมรับเขาได้ถอดชุดเกราะเป็นเพียงก้าวแรก ยึดอำนาจทางการทหารของแม่ทัพแล้วยังไม่สบายใจต้องประหารชีวิตแม่ทัพอย่างแน่นอน!พวกเขามีมิตรภาพที่ผ่านความตายมาด้วยกันทั้งนั้น เผชิญความอดอยากด้วยกันในด่านเจิ้นกวน ฆ่าศัตรูในสนามรบไปด้วยกันยิ่งไปกว่านั้น แม่ทัพสามารถติดต่อกับท่านเทพเช่นนั้นแม่ทัพจะกลับเข้าเมืองหลวงไม่ได้ในเวลานี้ ทุ
ลำโพงประกาศเสียงบนกำแพงเมืองราวกับเสียงประหลาดที่ดังก้องหู มันเล่นซ้ำแล้วซ้ำเล่าทหารใต้บังคับบัญชาของสวีหวยล้วนรู้สึกสนใจ!ก่อนที่พวกเขาจะมาที่นี่ สำหรับข่าวคราวที่ว่าด่านเจิ้นกวนมีน้ำมีเสบียงอาหาร บางทียังยึดมั่นในความสงสัยวันนี้เมื่อเห็นบนกำแพงมีทหารชั้นผู้น้อยเฝ้าประตูเมือง กินข้าวโดยใช้กะละมังและดื่มน้ำอย่างตามใจโดยไม่รู้สึกสิ้นเปลือง!ชีวิตดี ๆ ที่พวกเขามี เทียบได้กับช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยไม่ ดีกว่าช่วงก่อนเกิดภัยแล้งและทุพภิกขภัยเสียอีกชีวิตของทหารในด่านเจิ้นกวน เทียบเท่ากับตระกูลชนชั้นสูงของเมืองหลวง ทำให้คนที่อยู่ข้างล่างนับไม่ถ้วนล้วนเกิดแรงปรารถนาพวกเขาอยากเข้าไปในเมือง อยากเข้าร่วมกองทัพตระกูลจ้าน อยากมีข้าวสวยกินทุกวัน อยากมีน้ำที่ดื่มไม่หมดทุกคน!สวีหวยโมโหและดุด่า “ไปเรียกจ้านเฉิงอิ้นออกมา ข้ามารับช่วงด่านเจิ้นกวนพร้อมด้วยพระราชโองการจากฮ่องเต้!”ครั้งนี้ คนที่อยู่ใกล้กำแพงเมืองไม่กี่คน มองสวีหวยคราหนึ่งโดยไม่แสดงอารมณ์ใดในสายตานั้น ไร้ซึ่งความเคารพและความกลัวของทหารที่พึงมีต่อแม่ทัพอย่างสิ้นเชิงใช้แววตาเรียบนิ่งมองสวีหวย กระทั่งแฝงความรังเกียจ
นายทหารหนึ่งในนั้นกลับยกกาน้ำแล้วเริ่มดื่มน้ำเนื่องจากดื่มเร็วและรีบเกินไป น้ำจึงไหลตามมุมปากลงมาที่ลำคอและทำให้คอเสื้อเปียกเขาไม่ประหยัดน้ำแม้แต่น้อย!จวบจนวินาทีนี้ ทุกคนจึงมั่นใจว่าในเมืองด่านเจิ้นกวนมีน้ำ มีเสบียง…นายทหารข้างล่างกำแพงเมือง เผยดวงตาอันแดงก่ำพวกเขาแทบอดไม่ได้ที่จะปีนขึ้นไปบนกำแพงแล้วแย่งน้ำมาดื่มเองแย่งข้าวสารของพวกเขาแล้วกินเข้าไปเอง!พวกเขาอยากดื่มน้ำ อยากกินเนื้อมากจริง ๆที่ทำเกินไปยิ่งกว่านั้น โต๊ะที่ห่างจากกำแพงเมืองโต๊ะนั้น มีทหารหนึ่งคนถือกะละมังเคลือบเซรามิกไว้อันหนึ่ง ข้างในมีข้าวหุงสุกข้าวหุงสุกเป็นเม็ด ๆ ชัดเจน พวกเขาใช้กะละมังเคลือบเซรามิกที่ใหญ่กว่าหม้อมาใส่ข้าว และราดเต็มไปด้วยเนื้อกับผักเขานั่งยองบนกำแพงเมือง ใช้ตะเกียบหนึ่งคู่ปัดเข้าปากอย่างเต็มกำลังเขากินอย่างรวดเร็วและรีบเร่ง…จนนายทหารข้างล่างที่ทอดมองมา พากันกลืนน้ำลายไม่หยุดถ้าสามารถบินได้ พวกเขาจะบินขึ้นบนกำแพงเมืองและแย่งข้าวหุงสุกกะละมังนั้นมาจากเขาให้จงได้ทหารชั้นผู้น้อยที่เฝ้าเมืองคนนี้ เหน็ดเหนื่อยเป็นอย่างมาก อันเนื่องจากจ้านเฉิงอิ้นเดินทางไปกลับเมื่อคืนเขาเหนื่อ