พวกทหารยังพกน้ำเต้าใส่น้ำของตนเองมาด้วย ท้ายที่สุดแล้วเวลานี้แหล่งน้ำอันมีค่า ยังขาดแคลนอย่างยิ่ง!ครั้นทุกคนจัดเตรียมอุปกรณ์เสร็จเรียบร้อย ก็ออกเดินทางไปยังทางลับ…*หลังจากสามฝ่ายหารือกันเสร็จ พวกเขารวมกำลังคนอย่างเร่งด่วนและดำเนินการปิดล้อมเมืองอย่างเอิกเกริกทันทีทันใด!แต่ทว่า~ครั้นทหารชั้นผู้น้อยทุกคนเข้าประจำตำแหน่ง แม้กระทั่งรถกระทุ้งกำแพงก็ลากมาแล้วและเตรียมตัวจะเปิดการโจมตี!ข้างบนกำแพงเมือง ทหารกองทัพแคว้นฉี่แบ่งไปอยู่หน่วยหน้าไม้ราชวงศ์ฉินแล้วทั้งหมด ครั้นชักคันธนูเตรียมยิงออกไป…วินาทีที่ชีวิตแขวนอยู่บนเส้นด้าย~ผู้นำทัพทั้งสามท่านก็ได้รับจดหมายลับจากสายลับวงในของด่านเจิ้นกวนในจดหมายลับมีเนื้อสำคัญอยู่สามข้อหนึ่ง จ้านเฉิงอิ้นยังไม่ตายสอง จ้านเฉิงอิ้นกำลังพาทหารกล้าตายสองพันคน สวมใส่อุปกรณ์ติดตัวเต็มยศออกจากเมือง ตั้งใจจะโจมตีพวกเขาจากด้านข้างอย่างรุนแรงสาม อุปกรณ์สวมใส่ที่กองทัพตระกูลจ้านเฝ้ารอมาถึงแล้ว!ทั้งที่จ้านเฉิงอิ้นไข้ขึ้นสูง เหตุใดเขาถึงไม่ตาย?เขากลับกล้าพาทหารสองพันคน บุกขนาบข้างกองกำลังห้าแสนห้าหมื่นคน?เขาบ้าไปแล้ว?หรือว่ากองกำลังห้าแสนห้า
“แล้วถ้า ข้าใช้ด่านเจิ้นกวนเป็นเดิมพันล่ะ? ผู้ใดจับฉ้านเฉิงอิ้นตัวเป็น ๆ ได้ ด่านเจิ้นกวนทั้งเมือง เสบียงทั้งหมด พลเมืองทุกคน จะตกเป็นของผู้นั้นทั้งหมด…”หลิงเซี่ยวเฟิงยิ้มเย็นชา เก็บอาการโกรธที่เขาสองคนดูถูกตนพลางเอ่ยถามพวกเขา “พวกท่านคิดว่า ความคิดเห็นนี้เป็นเช่นไร?”ม่อเป่ยอ๋องหลัวซู่กล่าวดังก้องดุจเสียงระฆัง “เช่นนั้นยังต้องถามอีกหรือ ข้าย่อมเป็นผู้ชนะแน่”“เพียงจับตัวเป็น ๆ ไม่ใช่รึ มีความยากตรงไหน!”ครั้นม่อเป๋ยอ๋องกล่าวจบ เขาหันกลับมาพูดกับทหารที่ตามมาด้วยอย่างเสียงดัง “ได้ยินกันหรือยัง? จับจ้านเฉิงอิ้นตัวเป็น ๆ”“ใครจับตัวเป็น ๆ มาได้ เสบียงอาหาร แหล่งน้ำ ผู้หญิง จำนวนนับไม่ถ้วนในเมืองด่านเจิ้นกวน เป็นของพวกเราทั้งหมด!”“ยิ่งใหญ่ ม่อเป่ยอ๋องผู้ยิ่งใหญ่!”เขาหันหัวม้ากลับมา พูดกับฉีซวนเหิงและหลิงเซี่ยวเฟิง “ข้าไปจับตัวจ้านเฉิงอิ้นก่อน หวังว่าพวกท่านทั้งสอง พูดแล้วจะรักษาคำพูด”“ไม่รักษาคำพูดก็ไม่เป็นไร ข้าฆ่าเขาเสร็จ ค่อยกลับมาโจมตีด่านเจิ้นกวนต่อก็ไม่ต่างกัน เสบียงอาหารกับน้ำข้างในนั้นก็เป็นของข้าทั้งหมด!”ม่อเป่ยอ๋องกล่าวทิ้งท้ายเสร็จ หันหลังขี่ม้าออกไปทันทีฉีซวนเ
“พวกเขาไม่มียาแก้พิษ!”“เช่นนั้นท่านว่ามา ทหารด้านบนกำแพงเมืองมากขึ้นเรื่อย ๆ อุปกรณ์สวมใส่ก็ดีขึ้นทุกครั้ง จะนับว่าอย่างงไร?”เมื่อครู่นี้ยังจับธนูทดกำลังกันทุกคน ตอนนี้ล้วนถือหน้าไม้ราชวงศ์ฉินที่สูงกว่าครึ่งหนึ่งของคนเอาไว้“พอได้แล้ว ทุกคนจงถอยกลับไป ถอยออกจากระยะยิงของหน้าไม้ราชวงศ์ฉิน จำไว้…”“ไปค้นหาภายนอกกำแพงเมืองของด่านเจิ้นกวน ระยะทางสามลี้ ห้าลี้ หาจ้านเฉิงอิ้นไม่พบ ก็ขยายระยะทางออกไปให้ถึงสิบลี้ ยี่สิบลี้…”“ไม่ว่าจะต้องแลกกับอะไร ต้องจับตัวเป็น ๆ มาให้จงได้”บุตรชายสองคนคุกเข่าข้างเดียวและคารวะ “ขอรับ ท่านพ่อ!”*เฉินขุย เฉินอู่สองพี่น้อง จับมือกับมั่วฝาน หลินต้าจวิน หลี่หยวนจง อยู่ที่หอด้านบนกำแพงเมืองเตรียมกำลังไว้อย่างพร้อมเพรียงพวกเขาแบ่งทหารมาได้ห้าพันคน ทหารห้าพันคนมีหน้าไม้ราชวงศ์ฉินคนละหนึ่งคัน ลูกธนูสองแสนดอกช่วงเอวยังหนีบดาบม่อเตาเอาไว้ เพียงแค่ฝ่ายตรงข้ามปิดล้อมเมือง ก็จะสั่งให้ยิงธนูทันทีแต่ น่าแปลกเป็นอย่างยิ่ง!ผู้นำทั้งสามฝ่ายมารวมตัวกัน หารือเป็นเวลาธูปครึ่งก้านก็แยกย้ายเดินจากไปจากไปเช่นนี้เลย~ไม่มีการจู่โจมปิดล้อมเมืองต่อ ทั้งหมดกระจา
เช่นนี้จะเอาชนะอย่างไร?ใช้ความตายของทหารเป็นต้นทุน มาช่วยถ่วงเวลา ถ่วงเวลาจนกว่าจ้านเฉิงอิ้นจะกลับมา?พวกเขาภาวนาในใจ ท่านเทพจะส่งระเบิดมาให้เมื่อไหร่ภาวนาว่าท่านจะส่งข้ามมาได้สำเร็จ!ได้โปรดเถอะ!ถ้าส่งไม่สำเร็จ พวกเขาต้องตายแน่ฉู่ฉีหมานทั้งสามฝ่ายจะหาตัวแม่ทัพทั้งช่วงบ่าย อย่างมากอีกหนึ่งค่ำคืนถ้าหาไม่เจอเป็นเวลานาน พวกเขาจะคิดว่าตนถูกหลอก จะเดือดเป็นฟืนเป็นไฟ และปิดล้อมเมืองอย่างดุร้ายแข็งแกร่งมากกว่าเดิมจ้านเฉิงอิ้นเป็นแกนสำคัญของทุกคนในด่านเจิ้นกวนครั้นเขาไม่อยู่ นายทหารชั้นผู้ใหญ่ต่าง ๆ สามารถรับมือแทนไหวแต่สภาพจิตใจของกลุ่มทหารได้รับผลกระทบอยู่ไม่มากไม่น้อยที่ยิ่งไปกว่านั้น ทหารจำนวนไม่น้อยยังไข้ขึ้นไข้ลดอยู่ในอาการป่วยซ้ำ ๆเฉินขุยถามถามเหอหง “ตอนนี้มีคนไข้ขึ้นจำนวนกี่คน?”“ในค่ายพักมีอาการไข้ขึ้นสามพันกว่าคน ตอนนี้ไข้กำลังลดลง…”“มีพลเมืองรับเรื่องมาช่วยดูแล ข้าเลยเพิ่มเสบียงของทุกคนในแต่ละวันมากขึ้นเป็นข้าวสารสองชั่ง บะหมี่แห้งถุงหนึ่งชั่ง เนื้อสัตว์หนึ่งชิ้นเป็นค่าตอบแทน”เฉินขุยพยักหน้า “ควรเป็นเช่นนั้น อาสาสมัครมาดูแลทหารล้มป่วยในค่ายพัก มีความเสี่ยง
หลังจากเย่มู่มู่เงียบไปครึ่งนาที เธอถามเขา “คุณมั่นใจว่ากันน้ำกันไฟได้?”เจ้าของโรงงานส่งวิดีโอท่อนหนึ่งให้เธอทันทีในวีแชตเป็นเสื้อเกราะกันกระสุนเส้นใยคาร์บอน ราดด้วยน้ำมันเครื่องแล้วจุดไฟ ไฟลามทั่วเสื้อเกราะทั้งชุดหลังจากเพลิงไฟดับลง ภายนอกเสื้อเกราะกันกระสุนยังเรียบเนียบเหมือนใหม่ ไม่มีรอยขาดจากการไหม้ครั้นใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดอุณหภูมิข้างในเสื้อเกราะกันกระสุน เป็นอุณหภูมิปกติยี่สิบกว่าองศาเสื้อเกราะกันกระสุนมีฉนวนกันความร้อนสูง สามารถป้องกันการเผาไหม้ได้เมื่อดูเช่นนี้แล้ว ราคาสองหมื่นบาทถือว่าไม่แพงจริง ๆเพราะว่าชุดเกราะหนึ่งชุดสามหมื่นบาท เธอต่อราคาจนได้มาในราคาสองหมื่นห้าพันบาท แต่ผลลัพธ์กลับไม่แข็งแกร่งเท่าเสื้อเกราะกันกระสุน“ค่ะ ฉันขอสั่งห้าหมื่นชุด โอนมัดจำให้คุณก่อนสามสิบเปอร์เซ็นต์ สามารถส่งมาให้ได้เมื่อไหร่คะ”เจ้าของยิ้มจนใจ “คุณเย่ครับ ผมต้องทำการติดตั้งสายการผลิต อย่างเร็วสามเดือน…”“ใช้เวลานานเกินไป ฉันเพิ่มราคาได้ค่ะ ชุดละสองหมื่นสองพันห้าร้อยบาท คุณช่วยเข้าสู่กระบวนการผลิตทันที ผลิตออกมาได้เท่าไหร่ส่งออกมาเท่านั้นก่อน!”คนเงินหนาท่านนี้ รวยและเอาแต่ใจเ
รถบรรทุกขนาดใหญ่แปดคันแอบขับเข้าไปในหมู่บ้านพวกเขาไม่กล้าบีบแตร รถทุกคันจะถูกคลุมอย่างแน่นหนา แม้กระทั่งผลไม้ท้ายรถก็ซ่อนให้พ้นสายตาผู้คนเย่มู่มู่เห็นพวกเขายกลังแอปเปิลและลูกพลัมลงมาก่อนจากนั้นก็นำวัตถุระเบิดออกมาอย่างระมัดระวังวัตถุระเบิดห้าร้อยตัน อานุภาพเทียบเท่ากับระเบิดปรมาณู คนขับรถทุกคนระมัดระวังเป็นพิเศษครั้งนี้ ผู้จัดการโรงงานและผู้ถือหุ้นสองท่านก็มาด้วยเซียวหัวเองก็ตามมาด้วยเช่นกัน กำลังช่วยขนย้ายสินค้าอยู่ของถูกวางซ้อนกันอย่างเรียบร้อยในโกดังหลังจากขนย้ายเสร็จแล้วก็สี่ทุ่มพอดีเย่มู่มู่เกลี้ยกล่อมให้พวกเขาไปพัก ไม่ต้องขับรถตอนกลางคืน เพราะพวกเขาเพิ่งจะออกเดินทางมาเมื่อคืนนี้เธอจองอาหารไว้สองโต๊ะในบ้านพักตากอากาศ และห้องสิบห้อง ให้พวกเขาได้ผ่อนคลายสักหน่อย และเที่ยวเล่นสักสองวันก่อนจะเดินทางเถ้าแก่โรงงานพูดด้วยรอยยิ้ม “คุณหนูเย่ พรุ่งนี้เช้าต้องรีบไปแล้ว ในโรงงานไม่มีสต๊อกของ แถมยังมีคำสั่งซื้ออีกสองรายการด้วย”ผู้ถือหุ้นจับมือของเย่มู่มู่ “ขอบคุณคุณหนูเย่ที่ดูแล พวกเราอยู่นานไม่ได้ ไว้คราวหน้าหวังว่าพวกเราจะได้ร่วมทำธุรกิจด้วยกันอีกนะครับ!”เย่มู่มู่พย
แม่ทัพออกไปแล้ว พวกเขาไม่ว่าใครก็คิดไม่ถึงว่าแม่ทัพจะบุกไปโจมตีรังของราชสำนักเก่าของม่อเป่ยอ๋องความกังวลเดียวของพวกเขาคือระเบิดจะส่งมาไม่ได้แต่ตอนนี้ ในที่สุดก็ไม่ต้องกังวลแล้วท่านเทพส่งกระดาษขาวมาได้ ก็ต้องส่งวัตถุระเบิดมาได้อย่างแน่นอนพวกเขายกแจกันลงมาจากหอสูง ย้ายไปยังพื้นที่รกร้างผืนหนึ่ง มีบ้านดินหลายหลังตั้งอยู่รอให้ท่านเทพส่งวัตถุระเบิดมาให้แต่หลังจากรอไปหนึ่งถ้วยชา ท่านเทพก็ยังไม่ส่งวัตถุระเบิดมาให้ต้องรู้ว่าตอนนี้เป็นเวลาที่สามกองทัพเผชิญหน้ากัน ทหารกำลังจะมาประชิดใต้กำแพงเมือง!พวกเขาต่างก็เป็นกังวล แต่ก็ทำอะไรไม่ได้จวงเหลียงก็ลองดู เขียนจดหมายตอบกลับเย่มู่มู่ ให้นางสบายใจส่งมาได้เลยแต่ว่าส่งจดหมายไปไม่ได้แจกันไม่รู้จักจวงเหลียงมั่วฝานเองก็ลองดูเช่นกัน แต่มันก็ไร้ประโยชน์ทหารที่เหลือ แต่ละคนต่างก็ลองดูกันคนละรอบ แจกันยังปล่อยให้กระดาษร่วงลงไปเช่นเดิมหลังจากรอจนเวลาครึ่งก้านธูป ทุกคนก็มองจนเซ่อซ่าแล้วไม่มีทางตอบจดหมายกลับให้ท่านเทพได้เลย จึงไม่แน่ใจว่านางจะส่งมาเมื่อไหร่แล้วต้องรอจนถึงเมื่อไหร่?ถ้าเกิดว่านางไม่ส่งมาล่ะ พวกทหารจะทำอย่างไร?*เ
ทุกคนแบ่งกันขนวัตถุระเบิดมุ่งหน้าไปที่ประตูเมืองแต่ละทิศ!หลังจากเฉินขุยและเฉินอู่วางวัตถุระเบิดเอาไว้อย่างดีแล้ว ก็เตรียมตัวออกจากเมืองไปฝังระเบิดพวกเขานึกว่ากองทัพศัตรูที่อยู่นอกเมืองถอยทัพกลับไปแล้วเฉินขุยเป็นคนแรกที่ออกจากประตูเมืองขณะที่เขาเปิดประตูเมืองคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินเหมือนเสียงธนูทะลุอากาศในคืนมืดมิดเขาตื่นตัว รีบถอยหลังไปหนึ่งก้าว!ติ้ง~ ลูกธนูพุ่งเข้าไปที่หน้าอกของเขา กระแทกกับชุดเกราะ แล้วเกิดเป็นประกายไฟลูกธนูตกลงพื้น เกิดเสียงดังชัดเจนเฉินขุยรีบปิดประตูเมืองเสียงดังปังเขาเปิดไฟฉาย ส่องไปที่พื้น มันคือปีกลูกธนูยาวที่หยาบมากหนึ่งดอกเขาหยิบลูกธนูบนพื้นขึ้นมาด้วยความสงสัย ธนูยาวคล้ายกับหน้าไม้ราชวงศ์ฉินหลังจากกองทัพแคว้นฉู่พ่ายแพ้ไป ก็เรียนรู้บทเรียนได้อย่างรวดเร็ว กลับไปปรับแก้ธนูและลูกธนูอย่างต่อเนื่องวันนี้ สิ่งที่ยิงบนกำแพงเมืองล้วนเป็นธนูที่ด้อยกว่าหน้าที่หลักมิใช่การสังหารคน แต่เป็นการวางเพลิง ดังนั้นจึงไม่ปวดใจเมื่อใช้มันลูกธนูที่ยิงเฉินขุยตอนกลางคืน เป็นธนูล่าสุดของพวกเขา หัวลูกศรทำจากเหล็กที่ประณีตและแหลมคม!หากไม่ใช่เพราะเฉินขุยสวมช
ตอนที่เธออายุประมาณห้าขวบ เคยพบเคยพบลู่ฉิงยวนครั้งหนึ่งตอนนั้นเป็นการประชุมประจำปีขององค์กร ลู่ฉิงยวนถูกลุงพามาจากเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมการประชุมประจำปีของฟู่ลี่กรุ๊ปเวลานั้นแม่ถามเธอว่า “ชอบพี่ชายตัวน้อยคนนั้นไหมจ๊ะ? ให้เขาเป็นแฟนของหนูดีไหม?”ตอนนั้นเธอยังเด็กเกินไป ฟันยังไม่ทันขึ้นครบเธอกำลังกินเค้กก้อนเล็ก ๆ พลางถามมารดาด้วยท่าทางน่ารัก “คุณแม่คะ แฟนคืออะไรเหรอคะ กินได้หรือเปล่า?”ผลลัพธ์ก็คือคำพูดประโยคนี้ทำให้ลุงของลู่ฉิงยวนกับบิดาของเธอรู้สึกขบขัน!แต่ว่าเธอกับลู่ฉิงยวนเคยพบกันแค่เพียงครั้งนี้ครั้งเดียวเท่านั้น แล้วก็ไม่เคยพบกันอีกเลยตอนนั้นพ่อกับแม่ของเธอประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลู่ฉิงยวนไม่ได้มาไว้ทุกข์ ทว่าลุงของเขาส่งของมาร่วมพิธี!แต่ว่าคนไม่ได้มา!แน่นอนว่าเย่มู่มู่สามารถเข้าใจได้ พอหมดอำนาจคนก็ลาจาก เด็กกำพร้าเช่นเธอไม่ค่าพอที่จะแสวงหาผลประโยชน์โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอถอนตัวจากการบริหารฟู่ลี่กรุ๊ปทุกคนรู้ดีว่าเอาอกเอาใจเธอไปก็ไม่มีประโยชน์ตอนที่พ่อแม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่ มีคนไปมาหาสู่อยู่บ้างทว่าหลังจากที่พ่อแม่ของเธอเสียชีวิต ก็ไม่มีใครมาสนใจอีกเล
คิดไม่ถึงเลยว่าคุณผู้หญิงหลิวจะทำให้เป็นเรื่องราวใหญ่โตและสู้ยิบตา จนคุณชายลู่รู้สึกเสียใจในภายหลังเขาคุกเข่าลงต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว ตบหน้า และสารภาพด้วยน้ำตานองหน้าบอกว่าไม่ยินยอมหย่าร้าง ขอร้องให้คุณผู้หญิงหลิวให้โอกาสเขาอีกสักครั้งหนึ่งเพื่อแสดงความจริงใจ เขาจึงลบข้อมูลการติดต่อของผู้หญิงทุกคนทิ้งไปจนหมด ต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิวทั้งยังเปิดเผยข่าวอื้อฉาวของนักแสดงที่เคยมาก่อเรื่องต่อหน้าคุณผู้หญิงหลิว และทำลายอาชีพของเธอ!นอกจากนี้ยังทำให้ผู้หญิงอีกคนหนึ่งต้องตกงาน และถูกแบนในธุรกิจนั้นด้วยเขาเอาบ้าน และรถที่จ่ายเงินซื้อให้กับคุณหญิงลู่ กลับคืนมาทั้งหมด!บางทีคณผู้ชายลู่อาจจะแสดงเก่งจนเกินไป บางทีลูกอาจจะเล็กจนเกินไป จึงไม่อยากให้ลูกที่พอเกิดมาก็กลายเป็นครอบครัวแม่เลี้ยงเดี่ยวคุณผู้หญิงหลิวจึงใจอ่อนเธอยอมรับคุณผู้ชายลู่ และชิงบริษัทที่อยู่ในมือของคุณชายลู่กลับคืนมาญาติพี่น้องและเพื่อนที่คุณชายลู่เอาเข้ามาก่อนหน้านี้ ถูกไล่ออกไปจนหมดเชิญพนักงานเก่ากลับเข้ามาโรงงานภายใต้การบริหารของคุณผู้หญิงลู่ กลับมาฟื้นฟูอีกครั้งและในครั้งนี้ คุณผู้หญิงหลิวได้บีบคุณผู้ชายลู่ให้ล
หากว่าทางจ้านเฉิงอิ้นสามารถเอาชนะการรบได้ เธอจะต้องเฉลิมฉลองให้สักครั้งอย่างแน่นอนเธอกับหลูหมิงคืนจักรยานไฟฟ้าอย่างมีความสุข และขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้าไปยังสถานีรถไฟความเร็วสูงฮ่าวอี้และเสี่ยวเฉิงที่เฝ้าดูกระบวนการทั้งหมดอยู่ เมื่อเห็นพวกเขาขึ้นรถแท็กซี่ไป ก็ขับรถตามไปอยู่ห่าง ๆจนถึงวันนี้หวังเสี่ยวเฉิงก็ยังไม่อาจเข้าใจได้ เรื่องที่ว่าเจ้านายของตนเองเป็นผู้บำเพ็ญเซียน“พี่ นี่ผมกำลังฝันอยู่ใช่ไหม คุณหนูเย่เป็นนักศึกษาที่อายุยังน้อยแล้วก็สวยขนาดนี้ คิดไม่ถึงเลยว่าเธอจะเป็นผู้บำเพ็ญเซียน เหลือเชื่อเกินไปแล้ว”“พี่ว่า ผมต้องฝากตัวเป็นศิษย์กับเธอหรือเปล่า ไม่อย่างนั้นไปขอให้เธอทดสอบหินวิญญาณให้ดีไหม ไม่แน่ผมอาจมีความสามารถในการบำเพ็ญเซียนเหมือนกันก็ได้?”ฮ่าวอี้กำลังมองคนปัญญาอ่อนที่ฝันกลางวันมาตลอดทั้งวัน “หุบปาก เย่มู่มู่เป็นแค่คนธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น!”“ผมรู้อยู่แล้วน่า ว่าเธอเป็นแค่ผู้บำเพ็ญเซียนที่ซ่อนตัวเป็นคนธรรมดาเท่านั้น พี่ว่าตอนนี้เธอบรรลุถึงขั้นไหนแล้ว?”“ฝึกลมปราณ สร้างรากฐาน หรือว่าแก่นปราณทองคำ? สามารถดูดซับสายฟ้า เคลื่อนย้ายพายุฝน ขั้นต่อไปก็พลักภูเขาผลิกทะเล
แคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ หรือแม้กระทั่งแคว้นอวี่ กับแคว้นหย่งต่างก็กำลังจับจ้องกองทัพเผ่าหมาน...ทำไมงั้นหรือ?พวกเขาต่างก็ต้องการเข้ามาแบ่งปันผลประโยชน์ของแคว้นต้าฉี่เพราะความโง่เขลาและเหี้ยมโหดของฮ่องเต้น้อย ไม่แบ่งแยกถูกผิด และพยายามทุกวิถีทางเพื่อสังหารจ้านเฉิงอิ้นพวกเขาจึงต่างคิดว่าแคว้นต้าฉี่อ่อนแอข่มเหงได้ง่าย!หากในหกแคว้น แคว้นใดที่ล้มลงไวที่สุดย่อมต้องเป็นแคว้นฉี่ที่ปราศจากจ้านเฉิงอิ้นอย่างแน่นอนดังนั้น การที่เผ่าหมานแห่งม่อเป่ยบุกโจมตีแคว้นต้าฉี่ ทุกแคว้นของหัวเซี่ยจึงจ้องกันตาเป็นมันหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยทำสำเร็จแคว้นฉู่กับแคว้นฉี่ก็จะถอนทัพออกจากแคว้นเยี่ยนโดยทันที และยกกำลังทหารทั้งหมดไปที่แคว้นต้าฉี่ล่าสังหารราษฎรของแคว้นต้าฉี่มาเป็นเสบียงอาหารอย่างป่าเถื่อน เพื่อเอาชีวิตรอดจากภัยแล้งสองปีที่อันตรายที่สุดหากว่าเผ่าหมานแห่งม่อเป่ยล้มเหลว ก็ไม่เป็นไรทหารเผ่าหมานที่กล้าหาญและสันทัดในการรบสองแสนคน ถึงแม้จะพ่ายแพ้ ก็สามารถลดทอนกำลังของกองทัพตระกูลจ้านลงได้เมื่อพวกเขาบุกเข้าแคว้นต้าฉี่ก็จะสะดวกมากยิ่งขึ้นจุดจบเป็นเช่นไร พวกเขาเพียงแต่ต้องใช้กลยุทธ์ดูไฟจา
ขอเพียงสามารถยึดครองทัพกระกูลจ้าน พวกเขาก็จะสามารถบุกเข้าเมืองหลวง และแช่งยิงแผ่นดินต้าฉี่มาได้ ผู้ใดจะคาดคิดเล่าว่าจะถูกจ้านเฉิงอิ้นทำให้เสียเรื่องเขามองเข้าไปยังสนามรบ ที่ยังคงโรมรันกับกองทัพตระกูลจ้าน ทหารเผ่าหมานต่อสู้ดิ้นรนอย่างยากลำบาก จะให้พวกเขายอมรับความพ่ายแพ้ ละทิ้งเมืองหลวงแห่งแคว้นต้าฉี่เช่นนี้งั้นหรือ?ไม่มีทาง!เขายกดาบม่อเตาที่อยู่ในมือ จับจ้องไปที่จ้านเฉิงอิ้นด้วยดวงตาที่แหลมคมราวกับเหยี่ยว“ข้า ม่อเป่ยอ๋อง จะไม่มีวันพ่ายแพ้อย่างแน่นอน!”จ้านเฉิงถือดาบม่อเตาด้วยมือเดียว กระชับบังเหียนม้าและเดินวนอยู่รอบ ๆ ตัวเขา“หลัวซู่ เจ้าหมดหวังแล้ว เจ้าไม่อาจเอาชนะกองทัพตระกูลจ้านได้หรอก!”“ยอมจำนนแต่โดยดีเถิด!”หลัวซู่ปักมีดลงไปในดินโคลน สายตาของเขาเย็นชา “ข้าเป็นบุรุษแห่งทุ่งหญ้า ไม่เกรงกลัวความตาย!”“เพียงแต่ข้าไม่ยินยอมเท่านั้น เหตุใดข้าจึงได้พ่ายแพ้เจ้าอย่างไร้สาระเช่นนี้ พ่ายแพ้เจ้าอย่างรวดเร็วเช่นนี้!”การศึกในครั้งนี้มีความแข็งแกร่งที่แตกต่างกันมากกองทัพตระกูลจ้านของจ้านเฉิงอิ้น ไม่ว่าจะเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์ ขวัญกำลังใจ หรือว่าจำนวนคนที่ติดอาวุธ...ไม่ว่าจะ
หลัวซู่กับจ้านเฉิงอิ้นซึ่งเป็นผู้นำหลักของทั้งสองฝ่าย กำลังโรมรันกันอยู่ในสนามรบตอนที่ทหารเผ่าหมานทั้งหมดกำลังจดจ่ออยู่กับจ้านเฉิงอิ้นและหลัวซู่อยู่นั้นทันใดนั้นเอง รถบรรทุกสองคัน ก็พุ่งชนเข้ามาอย่างอุตลุด และพุ่งตรงไปทางกองฟืนทหารเผ่าหมานเห็นสิ่งที่ใหญ่มหึมาก็หน้าเปลี่ยนสี ทุกคนต่างก็วิ่งหนีแยกย้ายกันไปคนละทิศละทางอย่างไม่คิดชีวิตเด็กสองคนที่ถูกขึงไว้บนท่อนไม้ ไม่มีคนคอยจับตาดูเอาไว้รถบรรทุกสองคันจอดอยู่รอบ ๆ กองฟืนกองทัพตระกูลจ้านที่อยู่บนท้ายรถ ยิงธนู ยิงปืน และยิงธนูทดกำลัง ขับไล่กองทัพเผ่าหมานที่อยู่บริเวณโดยรอบออกไปจนหมดทหารที่อยู่ท้ายรถบรรทุก กระโดดลงจากรถโดยทันที จากนั้นก็ตัดเชือกให้ขาดด้วยดาบเดียวในวินาทีที่เด็กร่วงลงมาก็รับไว้ได้อย่างมั่นคงอุ้มเด็กขึ้นมาแล้วยัดเข้าไปในด้านหลังของห้องโดยสารนับจากที่เด็กน้อยร้องให้งอแง จากนั้นก็ถูกช่วยเหลือ และยัดใส่ห้องโดยสาร…สำเร็จภายในอึดใจเดียว!ถึงขนาดที่แม้กระทั่งรถออฟโรดขนาดเล็กก็ยังไม่ได้เอาออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถด้วยซ้ำในตอนนี้ทหารของกองทัพเผ่าหมานถึงได้รู้ตัวว่าพวกเขาถูกหลอกเข้าให้แล้วฝ่ายตรงข้ามไม่ได้บุ
“พยายามช่วยเหลือเด็กกับราษฎรห้าหมื่นคนออกมาอย่างเต็มที่ ไม่ต้องกลัวดินระเบิดของพวกมัน คาดว่าตอนนี้คงเปียกโชกไปจนหมดแล้ว!”เฉินขุยหัวเราะเสียงดัง “เดิมทีท่านบอกว่ามีวิธี เป็นวิธีเช่นนี้นี่เองสินะขอรับ ท่านแม่ทัพใหญ่ การศึกในครั้งนี้พวกเราจะต้องมีชัยกลับมาอย่างแน่นอน!”พอวางจากวิทยุสื่อสารแล้ว จ้านเฉิงอิ้นก็นำแจกันเข้าไปเก็บในรถเขากล่าวกับมั่วฝานว่า “เดินหน้าเต็มที่ จู่โจมเต็มกำลัง...”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”มั่วฝานหยิบแท่งขยายเสียงออกมา ส่วนลำโพงประกาศเสียงขนาดใหญ่วางไว้ที่ด้านหลังของรถกระบะเขากล่าวเสียงดัง “ท่านแม่ทัพมีคำสั่ง จู่โจมเต็มกำลัง...”*เผ่าหมานคิดไม่ถึงเลยว่า ตอนที่พวกเขากำลังเฉลิมฉลองกับฝนที่ตกหนักอยู่นั้นจะมีเสียงระเบิดดังขึ้นมาอย่างกะทันหันตอนแรกพวกเขาคิดว่าเป็นสียงฟ้าร้อง จึงไม่ได้ให้ความสำคัญอันใด!เนื่องจากเสียงฟ้าร้องยังคงอยู่ และมีฟ้าผ่าอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลนักทว่าเมื่อฟังอย่างละเอียด กลับดูเหมือนว่าจะอยู่ใกล้อย่างมาก!จนกระทั่ง มีระเบิดตกลงมาข้างกายพวกเขา มีคนหลายร้อยคนถูกระเบิดจนตายพวกเขาจึงได้ค้นพบว่า...มารดามันเถิด ตอนที่พวกเขากำลังเฉลิมฉลองกับฝนท
เมื่อมั่วฝานได้ยินคำพูดเช่นนี้ ดวงตาก็เบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ“เป็นเจ้าจริง ๆ งั้นหรือ?”จ้านเฉินอิ้นยิ้มพลางส่ายศีรษะ “ไม่ใช่ข้า แต่เป็นท่านเทพ...”“เป็นนางงั้นหรือ?”“นางดูดน้ำฝนเข้ามาในแจกัน และข้าก็เคลื่อนย้ายน้ำฝนจากแจกันมายังแผ่นดินอันแห้งแล้งของตงโจว...”เมื่อมั่วฝานได้ฟัง ก็หัวเราะเสียงดังในทันที“เช่นนั้น พวกเจ้าทั้งสองร่วมแรงกันลำเลียงน้ำฝนจากยุคปัจจุบันมาที่นี่กระนั้นหรือ?”“ใช่!”“ดียิ่งนักจ้านเฉิงอิ้น! ต้าฉี่ของพวกเรามีทางรอดแล้ว แม่น้ำแห้งเหือด แผ่นดินแตกระแหงแล้วอย่างไรเล่า...”“พวกเจ้าสามารถลำเลียงน้ำได้นี่นา ฮ่าฮ่าฮ่า สวรรค์ไม่ปล่อยให้กองทัพตระกูลจ้านของข้าต้องพินาศ!”จ้านเฉิงอิ้นยิ้มพลางกล่าวว่า “เจ้าลองบินอากาศยานไร้คนขับดูหน่อย ข้าควบคุมขอบเขตของฝนตกเอาไว้แล้ว ลองดูว่าสถานที่ที่ฝังดินระเบิดเอาไว้ โดนฝนจนเปียกไปแล้วหรือไม่!”“ได้!”มั่วฝานสั่งให้หน่วยกล้าตายผู้หนึ่งบินอากาศยานไร้คนขับขนาดกลาง เพราะว่าไม่ต้องเกรงกลัวสภาพอากาศฟ้าร้องและฟ้าผ่า และบินได้ไกลขึ้นเล็กน้อยมุมมองภาพของอากาศยานไร้คนขับ นอกเมืองตงโจวยังคงแห้งแล้งดวงอาทิตย์ที่แผดเผาทำให้อากาศข
หากว่าถูกเผ่าหมานเผาจนตาย หรือแม้กระทั่งโดนกิน มั่วฝานคงจะรับไม่ได้!นี่ไม่เกี่ยวกับว่าเป็นบุตรของแม่ทัพลู่หรือไม่ แต่ว่าทุกการกระทำของเผ่าหมาน ล้วนมาถึงจุดที่แม้แต่สวรรค์หรือมนุษย์ต่างก็พากันแค้นคืองแล้วเขาทำได้เพียงจงเกลียดจงชังตัวเองที่ไม่สามารถช่วยเด็กได้เท่านั้นจ้านเฉิงอิ้นให้จวงเหลียงหยุดรถจวงเหลียงหยุดรถ พลางหันไปมองจ้านเฉิงอิ้น“เกิดอันใดขึ้นขอรับ? ท่านแม่ทัพ!”หากขับรถไล่ตามให้เร็วขึ้น อาจจะยังทันแต่ถ้าหยุดอยู่กลางทาง จะต้องไม่ทันกาลเป็นแน่!จ้านเฉิงอิ้นเปิดวิทยุสื่อสาร กล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึม “เฉินขุย เฉินอู่ ประเดี๋ยวไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ให้เดินหน้าอย่างเต็มกำลัง!”ในวิทยุสื่อสาร มีเสียงของทั้งสองคนดังออกมา “ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”“ซ่งตั๋ว ต้องสอดประสานกับเฉินขุยให้ดี!”“ขอรับ ท่านแม่ทัพ!”จ้านเฉิงอิ้นลงจากรถมั่วฝานได้ตามลงมาจากรถด้วยหน้าจอของอากาศยานไร้คนขับที่อยู่ในมือของเขา กำลังแสดงภาพของแม่ทัพภายใต้การบัญชาการของหลัวซู่กำลังถือคบเพลิง และจุดกองฟืน... ฝืนนั้นแห้งเกินไป ไฟจึงลุกไหม้ในทันทีเด็กทั้งสองร้องไห้อย่างน่าเวทนามากยิ่งขึ้น!จ้านเฉิงอิ้นวาง