“พี่ฉู่เฉิน ชุดของฉันชุดนี้เป็นยังไงบ้างคะ?” กู้รั่วเสวี่ยจงใจเดินเข้าไปหาฉู่เฉิน หมุนตัว เผยให้เห็นแผ่นหลังที่ไร้ที่ติ และบั้นท้ายอมชมพูที่โค้งงอนความเด้งและความโค้งของบั้นท้ายนั้น มันช่างน่าทึ่งจริงๆผิวก็ขาวราวกับหิมะ“ฟู่...”ฉู่เฉินถอนหายใจเอาลมร้อนออกมา ร่างกายร้อนอย่างหาที่เปรียบไม่ได้แย่แล้วล่ะ!วิชาเก้าผันกลืนสวรรค์โคจรอัตโนมัติแล้ว“พี่ฉู่เฉิน พี่เป็นอะไรคะ? หน้าทำไมแดงขนาดนี้...”กู้รั่วเสวี่ยเห็นว่าสีหน้าของฉู่เฉินไม่สู้ดี ก็รีบถามขึ้นมาอย่างกังวล ยืนมือออกไปลูบเข้าที่หน้าของฉู่เฉิน ร้อนจนน่าตกใจ“พี่ฉู่เฉิน พี่ไม่เป็นอะไรใช่ไหมคะ พี่อย่าแกล้งฉันสิคะ? เป็นเพราะน้ำร้อนเกินไปเหรอคะ ฉันเติมน้ำเย็นให้พี่เพิ่มนะ” กู้รั่วเสวี่ยกังวลเป็นอย่างมาก รีบหันหลังไปปราณหยางในร่างกายของฉู่เฉินพุ่งกระฉูด จำเป็นต้องปลดปล่อยออกมาให้เร็วที่สุด เมื่อเห็นว่ากู้รั่วเสวี่ยกำลังจะออกไป เขาก็คว้าไหล่ของเธอไว้ คว้าเธอมาไว้ในอ้อมอก พูดขึ้นมาว่า “ผมต้องการให้คุณช่วย”“หา? ชะ ช่วยอย่างไรคะ?”กู้รั่วเสวี่ยราวกับกระต่ายน้อยที่ทำให้ตกใจ หน้าแดงก่ำ ไม่กล้าสบสายตาฉู่เฉินเพราะว่าสายตาของเ
คำพูดของจินเอ้าเทียนสิ้นสุดลง ชายร่างกำยำห้าหรือหกคนในชุดฝึกวิชาก้าวมาข้างหน้า เพียงแค่ยื่นมือไปก็สามารถจับคอเสื้อของฉู่เฉินไว้ได้ฉู่เฉินถอยหลังไปหนึ่งก้าว ยักคิ้วให้จินเอ้าเทียนแล้วพูดว่า “พวกแกเป็นใคร?”จินเอ้าเทียนพ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นวง แววตายั่วยุมองไปยังฉู่เฉิน แล้วขยับนิ้วพูดอย่างกำแหงว่า “ฉันเป็นใคร แกไม่ต้องรู้หรอก จัดการมัน!”เมื่อสิ้นเสียงนั้น ชายร่างกำยำสองคนก็พุ่งเข้าไปขวางฉู่เฉินไว้ข้างหลังส่วนชายสามคนที่เหลือก็ก้าวไปข้างหน้า ยืนสามมุมล้อมฉู่เฉินไว้โดยรอบ“ไอ้นี่ อย่าพล่ามให้มันมาก ยอมให้จับซะดีๆ แกจะได้เจ็บน้อยหน่อย!”หัวหน้าเป็นชายที่ซึ่งมีใบหน้าที่ดูแข็งแรง เหยียดฝ่ามือออกเหมือนพัดใบไม้ธูปฤาษี และกำลังจะคว้าแขนของชูเฉินไว้ข้างๆ เขามีชายใบหน้าดำแดง ในมือถือมีดสั้นไว้ในมือ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเยือกเย็นนั้นพุ่งเข้ามา หลังจากจับฉู่เฉินได้แล้ว เขาก็ตัดเอ็นมือและขาออกด้วยมีด“ปัง!”ก่อนที่หัวหน้าจะคว้าแขนของฉู่เฉิน เขาก็ได้ยินเสียงอู้อี้ดังออกมาวินาทีต่อมา ชายร่างกายสูงใหญ่กำยำสองเมตร น้ำหนักกว่าหนึ่งร้อยกิโลกรัม ก็ถลาออกมา!ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นอย่างกะทันหั
เมื่อคำพูดนี้ได้เอ่ยออกไป จินเอ้าเทียนก็อดไม่ได้ที่จะโมโห จะหักมือทั้งสองข้างของเขางั้นเหรอ?ไอ้คนไร้ประโยชน์ฉู่เฉิน มันเอาความมั่นใจมาจากไหน!“แกไปตายซะ!”เมื่อคำพูดนี้จบลง จินเอ้าเทียนยังฝ่ามือขึ้นมา พุ่งตรงไปที่ส่วนศีรษะของฉู่เฉิน!ขอเพียงแค่หมัดนี้ต่อยโดน แม้ว่าศีรษะของฉู่เฉินจะไม่แบะออกมา แต่เขาก็ได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต!ฉู่เฉินหรี่ตาสองข้าง ตามองไปที่ฝ่ามือของจินเอ้าเทียนที่ห่างจากส่วนศีรษะเขาไม่ถึงสามนิ้ว เขายกมือขึ้นมาทันทีปัง!หลังจากนั้นก็มีเสียงดังตามขึ้นมา ร่างร่างหนึ่งมีเลือดกระจายออกมา พร้อมกระเด็นไปข้างหลัง!ตึ่ง!จินเอ้าเทียนหล่นลงบนพื้นอย่างแรง เขามองไปที่ฉู่เฉินอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเองฝ่ามือเมื่อครู่ เขาเหมือนกับการซัดขุนเขา แขนของเขาสั่น และเขาก็หมดสติไปช็อก!หวาดกลัว!นี่จะเป็นคนไร้ประโยชน์ได้อย่างไร?นี่มันปรมาจารย์ยุทธ์ชัดๆ !หลิ่วหรูเยียนนังเลว กล้าหลอกฉันเหรอ!แม้ว่าเขาจะรู้สึกเสียใจ แต่จินเอ้าเทียนจะมาเสียใจตอนนี้ก็สายไปแล้วล่ะ!ฉู่เฉินไม่รีรอให้เขาลุกขึ้นมาจากพื้น ฉู่เฉินยกเท้าขึ้นมาเหยียบที่หน้าอกของเขา พละกำลังเฉกเช่นภูผา ทันทีที่ถ
“มันจะเป็นใครได้อีกล่ะคะ มันก็ต้องเป็นฉู่เฉินคนไร้ประโยชน์นั่นไงคะ!”เมื่อพูดถึงตอนนี้ ในดวงตาของหลิ่วหรูเยียนก็ฉายแววตาเกลียดชังออกมาเมื่อนึกถึงฉู่เฉินคนไร้ประโยชน์นั่น บังอาจให้เธอคุกเข่าโขกหัวขอโทษ ในใจของหลิ่วหรูเยียนเต็มไปด้วยความโกรธอย่างไรก็ตามหลังจากดูเวลาแล้ว ฉู่เฉินก็น่าจะไม่รอดแล้วล่ะ น่าจะโดนคุณจินหักมือเท้าใช่ไหม?เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ อารมณ์ของหลิ่วหรูเยียนก็ดีขึ้นมาเยอะ“ลูกบอกว่าฉู่เฉินเปิดบริษัทเหรอ? เป็นบริษัทเกี่ยวกับอะไรล่ะ?”หลิ่วชิงเหออดไม่ได้กับคำพูดที่ฉู่เฉินพูดตอนนั้น หรือว่าไอ้เลวนั่นมันคิดจะแก้แค้นพวกเธอสองแม่ลูกกันนะ?“เป็นบริษัทยาค่ะ ชื่อบริษัทคือซินฉู่ฟาร์มาซูติคอล คนไร้ประโยชน์แบบมันน่ะเหรอ อยากจะเลียนแบบคนอื่นเปิดบริษัทเหรอ? หนูเกรงว่าแม้แต่ทุนจดทะเบียนก็จะไม่พอนะสิคะ”หลิ่วหรูเยียนสีหน้าเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยกิจการของตระกูลฉู่ทั้งหมด ล้วนแต่อยู่ในมือของเธอและหลิ่วชิงเหอ ฉู่เฉินไม่มีเงิน แม้แต่ค่าดำเนินการก็อาจจะต้องไปหามาอย่างยากลำบาก“ซินฉู่ฟาร์มาซูติคอล...”หลิ่วชิงเหอสีหน้าเคร่งขรึมขึ้น คิ้วทั้งสองข้างของเธอขมวดเข้าหากัน จริงๆ ด้วย!ฉู่เฉิ
ขอเพียงแค่พิษของหรูเยียนหายไปจนหมด หลังจากนั้นจะกลายเป็นเวลาตายของไอ้เลวนี่!หลิ่วชิงเหอแอบวางแผนในใจ แม้จะสูญเสียทุกสิ่งไปก็ตาม เธอก็จะเชิญผู้เชี่ยวชาญ หั่นไอ้เลวนี้เป็นชิ้นๆ ซะ!ฉู่เฉินที่อยู่ปลายสายก็สามารถจินตนาการท่าทางเกรี้ยวกราดของหลิ่วชิงเหอได้เขาพูดด้วยสีหน้าติดตลกเล็กน้อย “ง่ายนิดเดียว ก็เงื่อนไขที่ฉันบอกไปไง”ฉู่เฉินหัวเราะออกมาเล็กน้อย“แก... ฉันเป็นแม่บุญธรรมของแกนะ!”หลิ่วชิงเหอกัดริมฝีปากไว้แน่น“เธอไม่ใช่แม่บุญธรรมของฉัน ในเมื่อยังคิดไม่ได้ งั้นก็อย่าโทรมาหาฉัน”พูดเสร็จ ฉู่เฉินก็วางสาย“เดี๋ยว!”หลิ่วชิงเหอตะโกนออกมา เล็บจิกลึกเข้าไปในเนื้อ เลือดหยดลงตามข้อมือของเธอ หลังจากนั้นไม่นาน หลิ่วชิงเหอก็ปริปากพูดออกมาอย่างยากลำบากว่า “ได้! ฉันรับปากแก!”“ได้ ไปรอฉันที่บ้าน”ฉู่เฉินยิ้มอย่างชั่วร้าย วางสาย รีบไปยังคฤหาสน์ของตระกูลหลิ่วเมื่อฟังสัญญาณไม่ว่างทางโทรศัพท์ หลิ่วชิงเหอหายใจเข้าลึก ๆ และสั่งด้วยเสียงเย็นชา “ป้าอู๋ พยุงหรูเยียนไปที่โซฟา”“ค่ะ!”ป้าอู๋เห็นว่าสีหน้าของหลิ่วชิงเหอดูไม่ดี ก็ไม่กล้าที่จะปริปากถาม พยุงหลิ่วหรูเยียนไปที่โซฟา พร้อมกับซ่อนตัว
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของฉู่เฉินไร้อารมณ์ หลิ่วชิงเหอก็โกรธจนแทบจะบ้า!แต่เมื่อมองไปลูกสาวของเธอที่ลมหายใจรวยริน หลิ่วชิงเหอก็ค่อยๆ คลานมา......หลังจากสิบนาทีผ่านไป ความรู้สึกยินดีแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ฉู่เฉินถึงคลายมือจากผมของหลิ่วชิงเหอ“ตอนนี้ แกพอใจหรือยัง?” หลิ่วชิงเหอเช็ดปาก สายตาขยะแขยงจ้องไปที่ฉู่เฉินฉู่เฉินหัวเราะออกมาสองที ขยับกายขึ้นมา เดินไปทางหลิ่วหรูเยียน อุ้มเธอเข้าสู่อ้อมอกของเขาทันที“ไอ้เดรัจฉาน! แกจะทำอะไร!” หลิ่วชิงเหอเกิดอาการตกใจฉู่เฉินจ้องมองไปที่หลิ่วชิงเหอ หัวเราะร้ายแล้วพูดว่า “ก็ต้องช่วยเธอถอนพิษไง รอบนี้วิธีไม่เหมือนเก่า”“แกไอ้ชั่ว! อย่ามาแตะต้องลูกสาวฉันนะ! ไม่อย่างนั้นละก็ฉันฆ่าแกทิ้งแน่นอน!” หลิ่วชิงเหอพูดขึ้นมาอย่างร้อนรน กัดฟันโกรธ เกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก! ไอ้เดรัจฉานนี่ เมื่อกี้มันเพิ่งกระทำชำเราตัวเธอไป มันยังไม่พออีกเหรอ?ยังจะอยากลงมือกับลูกสาวของเธออีก...ฉู่เฉินหัวเราะอย่างยั่วยุ “หลิ่วชิงเหอ เธอมีสิทธิ์ขู่ฉันด้วยเหรอ?”พูดเสร็จฉู่เฉินก็อุ้มหลิ่วหรูเยียนขึ้นไปข้างบน ทิ้งให้หลิ่วชิงเหอยืนอยู่ข้างล่างฉู่เฉินใช้เท้าข้างเดียวถีบเข้าไปที
เห็นหลิ่วหรูเยียนที่หายใจรวยริน หลิ่วชิงเหอจึงทำได้แค่ทิ้งคำพูดรุนแรงอย่างไม่ยินยอมพวกนั้นไป เปิดประตูห้องดังปังปัง!ต่อมา ระหว่างที่ฉู่เฉินยกมือขึ้นมากำลังจะฝังเข็มเข้าไปยังจุดจงตันของหลิ่วหรูเยียนตามมาด้วยปลายเข็มที่สั่นเบาๆ ลมหายใจที่แผ่วเบาก็ถูกถ่ายโอนไปยังร่างกายของหลิ่วหรูเยียนพร้อมกับเข็ม“อือ...”หลิ่วหรูเยียนที่ไม่ได้สติ ครางออกมาโดยสัญชาตญาณขณะที่ปราณแท้นี้เข้าสู่ร่างกายของเธอ...“หรูเยียน!”หลิ่วชิงเหอ เอาตัวแนบติดอยู่กับประตูแอบฟังการเคลื่อนไหวในห้องได้ยินได้ชัดเจน และทันใดนั้นหัวใจของเธอก็กังวลเป็นอย่างมากแต่ในเวลาต่อมา ก็ได้ยินเสียงครวญครางดังออกมาจากห้องอย่างชัดเจนหลิ่วชิงเหอเริ่มวิตกกังวลขึ้นมาไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่มันทำอะไร?มันคงไม่ได้ทำเรื่องบ้าๆ กับหรูเยียนหรอกนะ?ไม่หรอก... ไม่หรอก...แต่ว่า...แต่ว่าเสียงเมื่อกี้มันคืออะไรกัน?หากมันกล้าลงไม้ลงมือกับหรูเยียน ฉันจะ... ฉันจะ...หลิ่วชิงเหอเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย ถึงขนาดที่ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นมันปรากฏขึ้นมา ภาพที่เธอถูกฉู่เฉินกระทำอย่างบ้าคลั่งจากด้านหลังตอนนี้สำหรับหลิ่วชิงเหอแล้วทุกวินาทีม
ทันใดนั้น ลมหายใจอันอบอุ่นของผู้ชายก็พุ่งเข้าหาใบหน้าของหลิ่วชิงเหอในเวลาชั่วครู่นั้น หลิ่วชิงเหอก็เกิดอาการใจเต้นเร็วขึ้นมาสิ่งนี้มันช่างชวนให้จินตนาการ ทั้งยังทำให้เธอเกิดความรู้สึกอยากต่อต้านในเวลาเดียวกัน นั่นทำให้เธอแทบจะเป็นบ้าเลยล่ะไม่นะ!ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย?เหตุใดเธอถึงใจเต้นกับไอ้สัตว์เดรัจฉานฉู่เฉินนี่...เมื่อครั้นนึกถึงการกระทำของฉู่เฉินครั้งแล้วครั้งเล่า หลิ่วชิงเหอทั้งอายและโกรธเธอยกกำปั้นสีชมพูของเธอขึ้นมา ออกแรงทุบเข้าไปอย่างแรงที่หน้าอกอันแข็งแกร่งทรงพลังของฉู่เฉิน“แกไอ้สัตว์เดรัจฉาน รีบปล่อยฉันนะ!”หลิ่วชิงเหอทั้งส่งเสียงกรีดร้อง ทั้งใช้มือทั้งสองข้างจับไหล่ของฉู่เฉินไว้อย่างแน่น ขาสีขาวราวหิมะที่สวยงามคู่หนึ่งก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อต่อต้านการเคลื่อนไหวของฉู่เฉิน“ปล่อยเธอไปงั้นเหรอ? หรือว่าเธอลืมเรื่องที่รับปากกับฉันไปแล้ว?”ฉู่เฉินยิ้มอย่างยั่วยุ ไม่ได้สนใจเรี่ยวแรงที่ดิ้นรนของหลิ่วชิงเหอแม้แต่น้อย ยืนมือออกไปคว้าชุดนอนกระโปรงซีทรูของเธอแคว้ก!เสียงแหลมดังมาถึงหูของเธอ ชุดนอนกระโปรงซีทรูที่อยู่บนร่างกายของเธอชุดนั้นได้ถูกฉู่เฉินฉีกออกเป็นรูโบ๋ให
คนที่มีคุณสมบัตินั่งอยู่ที่โต๊ะตัวนี้ มีเพียงเฉียวเทียนฉี่และโฮ่วเจี้ยนอิงสองคนเท่านั้นแม้แต่โจวอวี้หมิงก็ได้แต่นั่งดื่มเป็นเพื่อนที่โต๊ะด้านข้างเท่านั้นเมื่อนับรวมเฉินเยว่เอ๋อร์ที่เป็นรองขุนพลของซ่งหนิงซวง ทั้งโต๊ะก็มีแค่สี่คนเท่านั้นฉู่เฉินไม่เกรงใจเช่นกัน เขานั่งลงตรงข้ามซ่งหนิงซวงทันที ก่อนจะยิ้มให้ซ่งหนิงซวงแล้วพูดว่า “คิดว่าถึงยังไงวันนี้ขุนพลหญิงเรียกผมมา คงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อดื่มเหล้าแน่นอนหรอกใช่ไหม?”“ผมเป็นคนชอบพูดจาตรงไปตรงมา มีเรื่องอะไรก็ขอให้ขุนพลหญิงพูดให้ชัดเจน”ถึงแม้ว่าฉู่เฉินจะเอ่ยคำพูดนี้ด้วยความเกรงใจมาก แต่ใบหน้ากลับไม่ได้ดูเอาอกเอาใจเลยแม้แต่น้อยซ่งหนิงซวงพยักหน้าเล็กน้อยก่อนจะกล่าวว่า “ฉันก็ชอบพูดคุยกับคนฉลาดเหมือนกัน” ซ่งหนิงซวงพูดพลางล้วงใบสั่งยาแผ่นหนึ่งออกมาจากในอก แล้วส่งให้เฉินเยว่เอ๋อร์เฉินเยว่เอ๋อร์รับใบสั่งยาก่อนจะลุกขึ้นมาเดินไปหาฉู่เฉิน จากนั้นก็กางใบสั่งยาออกแล้ววางไว้ตรงหน้าฉู่เฉิน“ฉันได้ยินว่าคุณฉู่ค่อนข้างเชี่ยวชาญด้านวิชาแพทย์ ฉันคิดว่าคุณฉู่จะต้องเข้าใจใบสั่งยานี้แน่นอนเลยใช่ไหม”ซ่งหนิงซวงพูดพลางดื่มน้ำชา ฉู่เฉินกวาดตามองใบส
เมื่อคำพูดนี้ออกมา โฮ่วเจี้ยนอิงกับเฉียวเทียนฉี่ รวมไปถึงทุกคนในที่แห่งนี้ล้วนทอดสายตาไปยังฉู่เฉิน“น้องฉู่ การมองท่านขุนพลตรง ๆ มันเป็นการไม่เคารพอย่างมากเลยนะ รีบ...” ฉู่เฉินไม่รอให้ฟางอวี่เจิ้งกล่าวจบก็เอ่ยด้วยรอยยิ้มจาง ๆ ว่า “ขอโทษด้วยครับ ผมป่วยเป็นโรคข้อกระดูกสันหลังอักเสบ โค้งตัวไม่ได้ อีกอย่าง คุณให้พวกเขาโทรเชิญผมมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่ใช่ผมอยากมาเองนะครับ” “คุณคงไม่ได้เชิญผมมาเพื่อให้ผมกราบไหว้หรอกใช่ไหม? คุณไม่ใช่เจ้าพ่อหลักเมืองเสียหน่อย”เชี่ย!เมื่อฉู่เฉินเอ่ยคำพูดนี้ออกม ทุกคนในงานต่างตกตะลึงจนตาค้าง เฉียวเทียนฉี่กับโฮ่วเจี้ยนอิงหลั่งเหงื่อเย็น ๆ ออกมาแล้ว ส่วนหลิ่วชิงเหอที่ยืนอยู่ข้างหลังซ่งหนิงซวงก็ตกใจกลัวจนดวงหน้าเล็กซีดเผือด กระทืบเท้าไม่หยุด ฉู่เฉินบุ่มบ่ามเกินไปแล้วมั้ง?กล้าใช้น้ำเสียงแบบนี้พูดกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้อย่างไร?ฟางอวี่เจิ้งที่อยู่ข้าง ๆ ฉู่เฉินยิ่งตกใจกลัวจนขาสองข้างอ่อนแรง กระตุกชายเสื้อของฉู่เฉินไม่หยุดซ่งหนิงซวงหรี่นัยน์ตาหงส์ลงเล็กน้อย จ้องมองฉู่เฉินอย่างพิจารณาก่อนจะเอ่ยว่า “คุณก็คือฉู่เฉินสินะ?” “ถูกต้อง”ฉู่เฉินยืดหลังตรง ตอบ
ฉู่เฉินก้าวเข้ามาใกล้ฟางอวี่เจิ้ง จับมือกับฟางอวี่เจิ้ง หลังจากนั่งลงจึงกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ประธานฟาง เรื่องยาบำรุงสวรรค์หลี่จิงจิงทางนั้นจัดการให้เรียบร้อยแล้วใช่ไหมครับ?”ฟางอวี่เจิ้งยิ้มประจบ รินน้ำชาให้ฉู่เฉินไปพลาง พยักหน้าและกล่าวไปพลาง “เรียบร้อยแล้ว ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เดือนสิบปีนี้ ฉันก็อาจได้เลื่อนตำแหน่งไปที่ที่ว่าการมณฑลแล้ว”“เรื่องนี้ ต้องขอบคุณน้องฉู่ที่ช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ต่อไป ถ้ามีอะไรที่ฉันฟางอวี่เจิ้งช่วยได้ น้องฉู่แค่เอ่ยปากมา”ทั้งสองพูดคุยกันไปพลาง ฉู่เฉินมองไปรอบๆ ไปพลาง ก่อนจะกล่าวว่า “ประธานฟางครับ งานเลี้ยงคืนนี้ดูเหมือนจะไม่ธรรมดาเลย ขุนพลเทียนเฟิ่งคนนี้มีที่มายังไงกันแน่ครับ?”พอได้ยินคำนี้ ฟางอวี่เจิ้งรีบยกนิ้วขึ้นหนึ่งนิ้วแล้วกล่าวว่า “ชู่... เบาเสียงหน่อย”“ขุนพลเทียนเฟิ่งไม่ธรรมดาเลย นับตั้งแต่เข้ากองทัพเมื่อห้าปีก่อน ก็สร้างผลงานทางการรบมานับครั้งไม่ถ้วน และยังเป็นหนึ่งในแปดยอดขุนพลดินแดนมังกร ฉันได้ยินมาว่าอีกสามเดือนให้หลัง เธอยังต้องเข้าร่วมการแข่งขันศิลปะการต่อสู้ของสี่ยอดขุนพลพิทักษ์ชาติด้วย”“ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด เธอควรจะเป็นคนรุ่นใหม่เพียงค
ฉู่เฉินหัวเราะเบาๆ หนึ่งเสียง ก่อนจะฟาดฝ่ามือลงบนก้นของหลี่จิงจิงอย่างแรงครั้ง จากนั้นเปิดหน้าต่างระบายอากาศออกและจะกระโดดลงไปทันทีซี้ด!หลี่จิงจิงเห็นฉู่เฉินกระโดดลงจากหน้าต่าง ทันใดนั้นก็ตกใจจนใบหน้าเล็กซีดเผือดนี่ชั้นหกเลยนะ!แต่ในวินาทีถัดมา เมื่อฉู่เฉินเดินไปที่ลานจอดรถเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลี่จิงจิงจึงเบิกตากว้างอย่างไม่เชื่อสายตา“ปัง!”ขณะที่หลี่จิงจิงยังตกใจจนพูดไม่ออก ประตูห้องทำงานก็ถูกคนผลักเปิดอย่างแรงชายวัยกลางคนอายุราวสามสิบสี่หรือสามสิบห้าปี ทันทีที่ผลักประตูเข้ามา คนทั้งคนก็ชะงักไปทั่วทั้งห้องทำงานอบอวลไปด้วยกลิ่นฮอร์โมน และหลี่จิงจิงสวมเพียงกางเกงชั้นในตัวเล็กตัวเดียว กำลังยืนอยู่ริมหน้าต่างชะเง้อมองออกไปด้านนอกภาพนี้ทำให้ชายวัยกลางคนพลันสัมผัสได้ถึงลางร้าย เหมือนกับถูกคนสวมเขาโดยเฉพาะในห้องทำงาน เครื่องออกกำลังกายที่แม้แต่เขายังไม่รู้จักชื่อ และเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนนั้น ยิ่งทำให้ความคิดในใจเขาชัดเจนขึ้น“จิงจิง! คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ชายวัยกลางคนโกรธจัด รีบก้าวไปที่ริมหน้าต่าง ก่อนจะยื่นมือผลักเปิดหน้าต่างระบายอากาศออก แล้วโผล่ตัวออกไปชะเง
......อีกด้านหนึ่ง ภายในห้องทำงานของผู้อำนวยการหลี่จิงจิงย้ายเครื่องออกกำลังกายที่ตนจัดเตรียมไว้อย่างดีออกมา ขณะเดียวกันก็หยิบรองเท้าบาเลนเซียกาคู่ใหม่สองคู่จากลิ้นชักเหลือบมองนาฬิกาข้อมือ นี่ก็ผ่านไปเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมฉู่เฉินยังไม่มาสักที?เธอร้อนใจมากจริงๆเวลาเป็นเงินเป็นทอง เวลาคือชีวิตสิ่งสำคัญก็คือบ่ายวันนี้สามีของเธอจะมารับเธอไปร่วมงานเลี้ยงของตระกูลอีกด้วยรอไปอีกเกือบครึ่งชั่วโมง หลี่จิงจิงรีบร้อนจนรอไม่ไหว สุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรไปหาฉู่เฉินผ่านไปเกือบครึ่งนาที ฉู่เฉินถึงจะรับสาย แต่ในวินาทีถัดมา หลี่จิงจิงก็ได้ยินเสียงหอบหายใจคุ้นเคย และเสียงการปะทะที่รุนแรงคงไม่ใช่มั้ง?ร่างของหลี่จิงจิงแทบจะกลายเป็นหิน เพื่อการพบกันครั้งนี้ เธออุตส่าห์ตั้งใจเตรียมตัวอย่างดีมาแล้วหลายวัน แต่กลับถูกลีน่าชิงตัดหน้าไปก่อน?“รอผมอยู่ในออฟฟิศ อีกเดี๋ยวก็ถึง”ฉู่เฉินพูดจบ โดยไม่รอให้หลี่จิงจิงเอ่ยปาก ก็ตัดสายโทรศัพท์ไปขณะที่หลี่จิงจิงรออย่างกระวนกระวายใจ ทันใดนั้นประตูห้องทำงานก็ถูกผลักเปิดออก และฉู่เฉินก็ผลักประตูก้าวเข้ามา“คุณก็กล้าเกินไปแล้ว ในห้องผู้ป่วยก็..
ฉึก!ขณะที่ลีน่ากำลังส่ายก้นอวบอิ่มและโพสท่าเย้ายวน ทันใดนั้นฉู่เฉินก็ดึงเข็มเงินออกมา แทงเข้าที่ภายในจุดฝังเข็มกลางยอดศีรษะของแรนด์แรนด์เพียงรู้สึกว่าเลือดลมทั้งหมดในร่างกาย ราวกับจะพุ่งไปที่ยอดศีรษะพร้อมๆ กันในทันที และสมองที่มึนงงก็เปลี่ยนเป็นตื่นตัวขึ้นไม่น้อยบางทีอาจเป็นเพราะเลือดลมสูบฉีด แรนด์เพียงรู้สึกว่าปากและลิ้นแห้งผาก ภายในปากราวกับว่ามีไฟลุกโชนอยู่“ลีน่า…”เดิมที แรนด์คิดจะขอให้ลีน่าช่วยเทน้ำให้เขาสักแก้ว แต่เมื่อหันศีรษะไป กลับเห็นก้นกลมกลึงและอวบอิ่มของลีน่า ทันใดนั้นก็สับสนไปหมด“โอ้ พระเจ้า คุณ...คุณกำลังทำอะไรอยู่!”ในวินาทีถัดมา ดวงตาของแรนด์ก็แดงก่ำเขาเกือบจะพิการแล้ว ลีน่าหญิงโสมมนี่ ถึงกับถกชายกระโปรงขึ้นและส่ายก้นงั้นเหรอ?อ๊าย?!เมื่อได้ยินเสียงของแรนด์ ลีน่าก็ตกใจเหมือนกันไม่ใช่ว่าเพิ่งวางยาชาทั้งตัวมางั้นเหรอ?ทำไมถึงฟื้นตัวเร็วขนาดนี้ล่ะ?ไม่มีเวลาคิดมาก ลีน่ารีบร้อนดึงชายกระโปรงลง หันกลับมาแล้วกล่าวกับแรนด์ว่า “เอ่อ... ฉัน... ฉันรู้สึกร้อนนิดหน่อย จึงคลายร้อนสักหน่อยน่ะ”เมื่อเห็นเข็มเงินแทงลงบนไปที่จุดไป่ฮุ่ยบนยอดศีรษะของแรนด์ ลีน่าจึงเหล
เมื่อถูกสองก้อนเนื้ออ่อนนุ่มถูไปไถมาบนแขน ฉู่เฉินก็อดไม่ได้ที่จะตีสะโพกอวบของหลี่จิงจิงหนึ่งครั้ง“แหมๆ ชั่วร้ายจังเลย ไปดูคนไข้ก่อนเถอะค่ะ อีกเดี๋ยวฉันจะไปรอคุณอยู่ที่ออฟฟิศนะ”พูดถึงตอนนี้ หลี่จิงจิงจึงกัดริมฝีปากสีแดงโดยไม่รู้ตัวอย่างอดใจไม่ไหว ดวงตาคู่สวยเป็นประกาย ยิ่งเต็มไปด้วยสีสันแห่งฤดูใบไม้ผลิ“ไปเถอะ ไปดูคนไข้กัน”ฉู่เฉินโอบรอบเอวของหลี่จิงจิง แล้วเดินไปยังตึกผู้ป่วยในเมื่อมาถึงหน้าห้องผู้ป่วยพิเศษชั้นห้า พบว่าหน้าประตูรายล้อมไปด้วยแพทย์และพยาบาลของโรงพยาบาลประชาชน“ทุกคนหลีกทางหน่อยค่ะ”ทันทีที่เสียงของหลี่จิงจิงดังขึ้น เหล่าแพทย์พยาบาลต่างพากันถอยออกไปด้านหนึ่งมีเพียงผู้เชี่ยวชาญอาวุโสสวมแว่นกรอบดำวัยประมาณห้าสิบกว่าปี เขาใช้คีมคีบส่วนนั้นที่เฉาใกล้ตายของแรนด์ ก่อนจะถอนหายใจและกล่าวว่า “จากประสบการณ์ทางการแพทย์กว่าสามสิบปีของผม ทางที่ดีที่สุดคือการตัดออกครับ”“ไม่งั้น เนื้อเยื่อที่ตายแล้วอาจลุกลามไปทั่ว ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้”แรนด์ที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เมื่อได้ยินคำพูดนี้ถึงกับหมดอาลัยตายอยากแม้แต่ตัวเขาเองก็รู้สึกสับสน ตอนกินข้าวกับฉู่เฉินยังดีๆ อ
ฉู่เฉินฝืนใจกล่าวว่า “ก็ได้ ก็ถือว่าให้เกียรติผู้ว่าการเฉียวแล้วกัน”“เฮ้อ น้องฉู่ เกรงใจกันเกินไปแล้ว เรียกพี่ใหญ่สิ บอกนายกี่ครั้งแล้วว่าให้เรียกพี่!”เฉียวเทียนฉี่วางสายด้วยความโล่งอกฉู่เฉินเพิ่งเดินกลับมาที่ห้องโถงหน้า โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาอีกครั้งเมื่อเห็นว่าหลี่จิงจิงโทรมา ฉู่เฉินก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว ขุนพลเทียนเฟิ่งท่านนี้ นี่คือสืบลำดับวงศ์ตระกูลของตนมาจนหมดแล้วสินะ?แม้แต่ความสัมพันธ์ของหลี่จิงจิงล้วนงัดมาใช้แล้ว!“ผมตอบรับคำเชิญผู้ว่าการเฉียวแล้ว คืนนี้จะไปร่วมงานเลี้ยง”ฉู่เฉินรับสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดหลี่จิงจิงที่ปลายสายเงียบไปถึงสามวินาที ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยความสงสัย “คุณฉู่ คุณพูดเรื่องอะไรคะ? ฉันไม่เข้าใจเลย?”ฉู่เฉินก็กล่าวด้วยความสับสน “คุณไม่ได้โทรมาเชิญผมไปเข้าร่วมงานเลี้ยงต้อนรับอะไรนั่นเหรอ?”“ไม่ใช่นะคะ! ฉันตั้งใจโทรมาขอความช่วยเหลือจากคุณต่างหาก”หลี่จิงจิงกล่าวด้วยน้ำเสียงร้อนรน“เกิดอะไรขึ้น? พูดเถอะครับ”ฉู่เฉินกล่าวไปพลาง ดื่มชาหนึ่งอึกไปพลาง“คุณฉู่ เราเพิ่งรับคนไข้เข้ามา อาการวิกฤตอย่างมาก ด้วยระดับการแพทย์ของโรงพยาบาลเรา เกรงว่า… เกรงว่าจะท
งานเลี้ยง?ฉู่เฉินขมวดคิ้วแล้วกล่าวว่า “คงไม่ใช่งานเลี้ยงของหอการค้ากิเลนอีกใช่ไหม? ถ้าใช่ล่ะก็ งั้นก็ช่างเถอะ”ในเมื่อทุกคนเปิดไพ่แล้ว ก็ไม่มีความจำเป็นต้องมาพูดจาเกรงใจกันให้มากความอีก ใช้พลังพูดแทนก็พอ“หอการค้ากิเลน? ไม่ใช่หรอก ฉู่เฉิน แกเข้าใจผิดแล้ว เป็น... งานเลี้ยงต้อนรับของขุนพลเทียนเฟิ่ง เมื่อถึงเวลา ผู้มีชื่อเสียงมากมายในเจียงจง แม้กระทั่งเจ้าเมืองต่างจะมาร่วมงานเหมือนกัน”“ฉันคิดว่า… ถ้าสามารถผูกมิตรกับขุนพลเทียนเฟิ่งได้ ก็น่าจะเป็นการข่มขวัญหอการค้ากิเลนได้ด้วย แกคิดว่าอย่างไร?”ฉู่เฉินหัวเราะเสียงเย็นแล้วกล่าวว่า “ถ้าจะแกร่งก็ต้องแกร่งให้ได้ด้วยตัวเอง การผูกมิตรกับเธอจะให้อะไรฉันได้บ้าง? โทษทีนะ ฉันไม่สนใจ”พูดจบ ฉู่เฉินก็ตัดสายโทรศัพท์ทันที......ขณะนั้น บนทางด่วนข้ามมณฑล หลิ่วชิงเหอมองโทรศัพท์ที่สายไม่ว่าง มองไปซ่งหนิงซวงด้วยสีหน้าไม่เป็นธรรมชาติอย่างยิ่ง แล้วกล่าวว่า “ท่านขุนพลคะ ฉู่เฉินเขา...”ซ่งหนิงซวงแค่นเสียงเบาหนึงเสียง ฉู่เฉินคนนี้ช่างบ้าบิ่นไร้ขอบเขตจริงๆเมื่อกี้บทสนทนาระหว่างหลิ่วชิงเหอกับฉู่เฉิน เธอได้ยินอย่างชัดเจนทั้งหมดถ้าเป็นคนอื่น ป่านนี้คง