ขอเพียงแค่พิษของหรูเยียนหายไปจนหมด หลังจากนั้นจะกลายเป็นเวลาตายของไอ้เลวนี่!หลิ่วชิงเหอแอบวางแผนในใจ แม้จะสูญเสียทุกสิ่งไปก็ตาม เธอก็จะเชิญผู้เชี่ยวชาญ หั่นไอ้เลวนี้เป็นชิ้นๆ ซะ!ฉู่เฉินที่อยู่ปลายสายก็สามารถจินตนาการท่าทางเกรี้ยวกราดของหลิ่วชิงเหอได้เขาพูดด้วยสีหน้าติดตลกเล็กน้อย “ง่ายนิดเดียว ก็เงื่อนไขที่ฉันบอกไปไง”ฉู่เฉินหัวเราะออกมาเล็กน้อย“แก... ฉันเป็นแม่บุญธรรมของแกนะ!”หลิ่วชิงเหอกัดริมฝีปากไว้แน่น“เธอไม่ใช่แม่บุญธรรมของฉัน ในเมื่อยังคิดไม่ได้ งั้นก็อย่าโทรมาหาฉัน”พูดเสร็จ ฉู่เฉินก็วางสาย“เดี๋ยว!”หลิ่วชิงเหอตะโกนออกมา เล็บจิกลึกเข้าไปในเนื้อ เลือดหยดลงตามข้อมือของเธอ หลังจากนั้นไม่นาน หลิ่วชิงเหอก็ปริปากพูดออกมาอย่างยากลำบากว่า “ได้! ฉันรับปากแก!”“ได้ ไปรอฉันที่บ้าน”ฉู่เฉินยิ้มอย่างชั่วร้าย วางสาย รีบไปยังคฤหาสน์ของตระกูลหลิ่วเมื่อฟังสัญญาณไม่ว่างทางโทรศัพท์ หลิ่วชิงเหอหายใจเข้าลึก ๆ และสั่งด้วยเสียงเย็นชา “ป้าอู๋ พยุงหรูเยียนไปที่โซฟา”“ค่ะ!”ป้าอู๋เห็นว่าสีหน้าของหลิ่วชิงเหอดูไม่ดี ก็ไม่กล้าที่จะปริปากถาม พยุงหลิ่วหรูเยียนไปที่โซฟา พร้อมกับซ่อนตัว
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของฉู่เฉินไร้อารมณ์ หลิ่วชิงเหอก็โกรธจนแทบจะบ้า!แต่เมื่อมองไปลูกสาวของเธอที่ลมหายใจรวยริน หลิ่วชิงเหอก็ค่อยๆ คลานมา......หลังจากสิบนาทีผ่านไป ความรู้สึกยินดีแผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ฉู่เฉินถึงคลายมือจากผมของหลิ่วชิงเหอ“ตอนนี้ แกพอใจหรือยัง?” หลิ่วชิงเหอเช็ดปาก สายตาขยะแขยงจ้องไปที่ฉู่เฉินฉู่เฉินหัวเราะออกมาสองที ขยับกายขึ้นมา เดินไปทางหลิ่วหรูเยียน อุ้มเธอเข้าสู่อ้อมอกของเขาทันที“ไอ้เดรัจฉาน! แกจะทำอะไร!” หลิ่วชิงเหอเกิดอาการตกใจฉู่เฉินจ้องมองไปที่หลิ่วชิงเหอ หัวเราะร้ายแล้วพูดว่า “ก็ต้องช่วยเธอถอนพิษไง รอบนี้วิธีไม่เหมือนเก่า”“แกไอ้ชั่ว! อย่ามาแตะต้องลูกสาวฉันนะ! ไม่อย่างนั้นละก็ฉันฆ่าแกทิ้งแน่นอน!” หลิ่วชิงเหอพูดขึ้นมาอย่างร้อนรน กัดฟันโกรธ เกรี้ยวกราดเป็นอย่างมาก! ไอ้เดรัจฉานนี่ เมื่อกี้มันเพิ่งกระทำชำเราตัวเธอไป มันยังไม่พออีกเหรอ?ยังจะอยากลงมือกับลูกสาวของเธออีก...ฉู่เฉินหัวเราะอย่างยั่วยุ “หลิ่วชิงเหอ เธอมีสิทธิ์ขู่ฉันด้วยเหรอ?”พูดเสร็จฉู่เฉินก็อุ้มหลิ่วหรูเยียนขึ้นไปข้างบน ทิ้งให้หลิ่วชิงเหอยืนอยู่ข้างล่างฉู่เฉินใช้เท้าข้างเดียวถีบเข้าไปที
เห็นหลิ่วหรูเยียนที่หายใจรวยริน หลิ่วชิงเหอจึงทำได้แค่ทิ้งคำพูดรุนแรงอย่างไม่ยินยอมพวกนั้นไป เปิดประตูห้องดังปังปัง!ต่อมา ระหว่างที่ฉู่เฉินยกมือขึ้นมากำลังจะฝังเข็มเข้าไปยังจุดจงตันของหลิ่วหรูเยียนตามมาด้วยปลายเข็มที่สั่นเบาๆ ลมหายใจที่แผ่วเบาก็ถูกถ่ายโอนไปยังร่างกายของหลิ่วหรูเยียนพร้อมกับเข็ม“อือ...”หลิ่วหรูเยียนที่ไม่ได้สติ ครางออกมาโดยสัญชาตญาณขณะที่ปราณแท้นี้เข้าสู่ร่างกายของเธอ...“หรูเยียน!”หลิ่วชิงเหอ เอาตัวแนบติดอยู่กับประตูแอบฟังการเคลื่อนไหวในห้องได้ยินได้ชัดเจน และทันใดนั้นหัวใจของเธอก็กังวลเป็นอย่างมากแต่ในเวลาต่อมา ก็ได้ยินเสียงครวญครางดังออกมาจากห้องอย่างชัดเจนหลิ่วชิงเหอเริ่มวิตกกังวลขึ้นมาไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่มันทำอะไร?มันคงไม่ได้ทำเรื่องบ้าๆ กับหรูเยียนหรอกนะ?ไม่หรอก... ไม่หรอก...แต่ว่า...แต่ว่าเสียงเมื่อกี้มันคืออะไรกัน?หากมันกล้าลงไม้ลงมือกับหรูเยียน ฉันจะ... ฉันจะ...หลิ่วชิงเหอเดินไปเดินมาอย่างกระวนกระวาย ถึงขนาดที่ภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นมันปรากฏขึ้นมา ภาพที่เธอถูกฉู่เฉินกระทำอย่างบ้าคลั่งจากด้านหลังตอนนี้สำหรับหลิ่วชิงเหอแล้วทุกวินาทีม
ทันใดนั้น ลมหายใจอันอบอุ่นของผู้ชายก็พุ่งเข้าหาใบหน้าของหลิ่วชิงเหอในเวลาชั่วครู่นั้น หลิ่วชิงเหอก็เกิดอาการใจเต้นเร็วขึ้นมาสิ่งนี้มันช่างชวนให้จินตนาการ ทั้งยังทำให้เธอเกิดความรู้สึกอยากต่อต้านในเวลาเดียวกัน นั่นทำให้เธอแทบจะเป็นบ้าเลยล่ะไม่นะ!ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย?เหตุใดเธอถึงใจเต้นกับไอ้สัตว์เดรัจฉานฉู่เฉินนี่...เมื่อครั้นนึกถึงการกระทำของฉู่เฉินครั้งแล้วครั้งเล่า หลิ่วชิงเหอทั้งอายและโกรธเธอยกกำปั้นสีชมพูของเธอขึ้นมา ออกแรงทุบเข้าไปอย่างแรงที่หน้าอกอันแข็งแกร่งทรงพลังของฉู่เฉิน“แกไอ้สัตว์เดรัจฉาน รีบปล่อยฉันนะ!”หลิ่วชิงเหอทั้งส่งเสียงกรีดร้อง ทั้งใช้มือทั้งสองข้างจับไหล่ของฉู่เฉินไว้อย่างแน่น ขาสีขาวราวหิมะที่สวยงามคู่หนึ่งก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อต่อต้านการเคลื่อนไหวของฉู่เฉิน“ปล่อยเธอไปงั้นเหรอ? หรือว่าเธอลืมเรื่องที่รับปากกับฉันไปแล้ว?”ฉู่เฉินยิ้มอย่างยั่วยุ ไม่ได้สนใจเรี่ยวแรงที่ดิ้นรนของหลิ่วชิงเหอแม้แต่น้อย ยืนมือออกไปคว้าชุดนอนกระโปรงซีทรูของเธอแคว้ก!เสียงแหลมดังมาถึงหูของเธอ ชุดนอนกระโปรงซีทรูที่อยู่บนร่างกายของเธอชุดนั้นได้ถูกฉู่เฉินฉีกออกเป็นรูโบ๋ให
“รีบกลับไปสิ ไม่งั้น... แกเข้าใจ”หลิ่วชิงเหอเพิ่งวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงเหนื่อยล้าของฉู่เฉินดังขึ้นมาจากข้างหลัง“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน มันจะต้องมีสักวันที่ฉันจะฆ่าแก!”หลิ่วชิงเหอ หยุดครู่หนึ่งแล้ววิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว โดยกลัวว่าจะพลาดโอกาส หากฉู่เฉินเปลี่ยนใจ เธอจะมาเสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้วเวลาผ่านไปไม่นาน หลิ่วชิงเหอย่องกลับไปยังห้องนอน มองไปที่ฉู่เฉินที่ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว ลมหายใจสม่ำเสมอ แววตาของเธอก็มีแสงหนาวแวบขึ้นมา!“ถึงแม้ว่าจะฆ่าแกไม่สำเร็จ แต่ฉันก็จะตอนแกให้ได้!”เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลิ่วชิงเหอก็เดินไปที่โต๊ะอย่างเงียบ ๆ และจับมีดปอกผลไม้“ทางที่ดีเธอเป็นเด็กดีเชื่อฟังหน่อยนะ เธอคิดว่าไอ้มีดเล็กๆ นั่นจะทำร้ายฉันได้งั้นเหรอ?”เมื่อปลายนิ้วของหลิ่วชิงเหอสัมผัสกับมีดปอกผลไม้ เสียงเย็นชาก็ดังขึ้นมาลอย ๆ“อ๊ะ!”หลิ่วชิงเหอตกใจจนร่างกายเหงื่อออกชุ่ม รีบชักมือกลับมาไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ไม่ได้หลับอยู่เหรอ?ทำไมมันถึงรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ?ในขณะที่หลิ่วชิงเหอกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ฉู่เฉินก็ค่อยๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาในสัมผัสของเขาการกระทำในระยะห้าร้อยเมตร ไ
ฉู่เฉินหัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาของเขากวาดไปทั่วใบหน้าที่แสดงความเกลียดชังของหลิ่วชิงเหอ พร้อมพูดอย่างหยิ่งยโสว่า “งั้นเหรอ? งั้นฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าวงการนี้มันจะขนาดไหนกันเชียว”“อย่างมากครึ่งปี ฉันก็สามารถนำสิ่งที่เป็นของฉันคืนมาได้ทั้งหมด”น้ำเสียงของฉู่เฉินทั้งยืนหยัดและมั่นใจ!“แกฝันไปเถอะ!”หลิ่วชิงเหอจ้องไปที่ฉู่เฉินอย่างดูถูกแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่ว่าในโลกธุรกิจมันจะง่ายดายขนาดนั้นเชียวเหรอ?ฉู่เฉินหนึ่งไม่ได้มีคอนเนคชั่นใดๆ สองไม่มีเงินทุน เขาจะใช้อะไรทำให้บริษัทเติบโตขึ้นมา?อาศัยการโอ้อวดเหรอ?หากฉู่เฉินทำให้บริษัทเติบโตขึ้นมาได้ งั้นแม่หมูก็คงปีนต้นไม้ได้แล้วล่ะ“ไม่เชื่อเหรอ? งั้นพวกเรามาพนันกันไหมล่ะ?”ฉู่เฉินเยาะเย้ยและมองไปที่หลิ่วชิงเหอ“แกจะพนันอะไรล่ะ?”หลิ่วชิงเหอสีหน้าเรียบนิ่ง จ้องไปที่ฉู่เฉินพร้อมถามเขา“เอาแบบนี้ดีกว่า หากภายในหนึ่งเดือน ฉันสามารถทำให้บริษัทเติบโตขึ้นมาได้ เธอต้องเชื่อฟังให้ฉันใช้ไอ้นั่นของเธอ...”ทันใดนั้นสีหน้าของหลิ่วชิงเหอก็เปลี่ยนไป และเธอก็รีบหันหลังกลับเพื่อหลีกเลี่ยงฉู่เฉินใช
หลิ่วชิงเหอที่วิ่งกลับไปยังห้องด้วยความรวดเร็ว ในขณะที่เธอกำลังจะปิดประตูนั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงสายตาของหลิ่วหรูเยียนที่เต็มไปด้วยความสงสัยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจในหัวใจไอ้เลวนั่นมันทำอะไรกับร่างกายเธอกันแน่!หลิ่วชิงเหอแทบจะเป็นบ้าแล้ว!หากถูกหลิ่วหรูเยียนรู้เข้าว่าเมื่อคืนเธอกับฉู่เฉิน...แบบนั้นจะทำอย่างไรดีหลิ่วชิงเหอสีหน้าโกรธจัด รีบวิ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำเมื่อเธอมองไปยังกระจก ก็เห็นข้อความบนบั้นท้ายเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า “รอฟังข่าวดี” เธออึ้งไปเลยเมื่อหวนนึกถึงเดิมพันระหว่างเธอกับฉู่เฉินเมื่อคืน หลิ่วชิงเหอถึงได้เข้าใจทันที“ฉู่เฉิน! ฉันจะฆ่าแก!”“กรี๊ด!”หลิ่วชิงเหอตัวสั่นไปหมด ฉู่เฉินนี่ไม่ได้เรียกว่าทำเกินไป แต่เรียกว่ารนที่ตายไม่ได้!เธอต้องใจเย็นๆ !หลิ่วชิงเหอกลืนน้ำลายลงไป หอบหายใจอย่างแรง เธอพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างหนักแต่พอยิ่งคิดในใจโกรธเป็นอย่างมากมันน่าโมโหจริงๆ!หลิ่วชิงเหอกระทืบเท้าอย่างบ้าคลั่ง เธอต้องการหาที่ระบาย แต่สุดท้ายกลับทำให้เธอโกรธหนักกว่าเดิม!“แม่คะ หนูไปทำงานก่อนนะ วันนี้บริษัทมีประชุมเช้า หนูต้องไปเข้าร่วมตรงเวลา
ฉู่เฉินจะเป็นปรมาจารย์ได้อย่างไร?“คุณชายจิน คุณจำผิดหรือเปล่าคะ? เมื่อไม่กี่วันก่อน ไอ้เจ้านั่นมันยังเป็นคนไร้ประโยชน์อยู่เลยนะคะ”หลิ่วหรูเยียนถามจี้ด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน“หรูเยียนเป็นมันแน่นอน ไอ้เจ้านั่นมันน่าจะเป็นปรมาจารย์ยุทธ์จริงๆ ดังนั้น...”“พอเถอะค่ะ ในเมื่อคุณทำไม่ได้ งั้นฉันค่อยหาทางอื่นแล้วกัน”ไม่รอให้จินอ้าวเทียนพูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็พูดตัดบทขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา หลังจากนั้นก็กดวางสายทันทีปรมาจารย์เหรอ?หลิ่วหรูเยียนเม้มริมฝีปากของเธอเล็กน้อยแล้วส่ายหัว เป็นไปไม่ได้!มันต้องเป็นเพราะไอ้คนไร้ประโยชน์จินอ้าวเทียนดื่มเหล้าเยอะจนเสียสติแน่ๆ ถึงสู้ฉู่เฉินไม่ได้ ถึงได้หาข้ออ้างที่ไม่น่าเชื่อถือมาล้างผิดให้ตัวเองแบบนี้!ใช่!เป็นอย่างนี้แน่!เมื่อคิดอย่างนี้ ความตื่นตระหนกบนใบหน้าของหลิ่วหรูเยียนก็หายไป และเธอก็กลับมามีความมั่นใจอีกครั้งหึ!ฉู่เฉิน!ไม่ว่าแกจะเป็นปรมาจารย์อะไรก็ช่าง ฉันก็จะต้องฆ่าแกให้ได้!หลังจากนั้นหลิ่วหรูเยียนก็ขับรถออกไปอีกครั้ง ขับรถมุ่งหน้าไปยังบริษัท……อีกด้านหนึ่ง ณ โรงพยาบาลประชาชนเจียงจง จินอ้าวเทียนมือพันไปด้วยผ้าพันแผล เขากัดฟ
ในฐานะผู้นำเขตทหารยศสองดาว หลัวคายไม่กลัวความตาย แต่เขาก็ไม่สามารถตายด้วยน้ำมือของคนจากแดนมังกรได้ เพราะมันเป็นการทำลายเกียรติของกองทัพจนหมดสิ้นในขณะนั้น ความอัดอั้นในใจของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น ทำให้หลัวคายกระอักเลือดออกมา“ผู้นำหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปยังหลัวคายที่อยู่ข้างล่างเวทีประลองด้วยสีหน้าเป็นห่วงปกติแล้วเมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากเซียวเสวี่ยอิ๋ง หลัวคายน่าจะรู้สึกดีใจถึงจะถูก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตัวตลก ที่ถูกฉู่เฉินกดไว้กับพื้นและลากถูไปมาอย่างไร้ศักดิ์ศรีแม้แต่นางฟ้าในใจของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอะไรไปเจอเซียวเสวี่ยอิ๋งได้อีก? ตอนนี้เขาแทบจะอยากจะมุดดินหนี“สบายใจได้ เขาไม่ตายหรอก ปกติแล้วเวลาที่ผมต่อสู้ก็มักจะมีขอบเขตเสมอ แค่แขนหักไปข้างหนึ่ง เสียหน้าเล็กน้อยเท่านั้น สูญเสียในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ดี”ฉู่เฉินปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น หลัวคายก็ถึงกับสบถด่าแม่ของเขาในใจชนะก็ชนะไปแล้ว ยังจะคุยโวอีกทำไมกันจะมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้างไม่ได้เลยเหรอ?หลัวคายในตอนนี้แทบจะเหมือนกิ้งก่าท
ปัง!เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน คลื่นพลังสีเงินขาวก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงแม้แต่เวทีการประลองที่สร้างจากแผ่นหินสีเขียวก็ยังเกิดรอยแยกลึกกว่าหนึ่งฟุต เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน เศษหินถูกพลังหมัดอันน่ากลัวของทั้งสองคนพัดปลิวขึ้นไปในอากาศ“อ๊ากกก!”ในวินาทีถัดมา เสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดก็ดังลั่นสนั่นพร้อมกับที่ร่างหนึ่งพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนตุบ! ร่างนั้นพุ่งไปกระแทกเสาหินข้าง ๆ จนขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะล้มลงไปยังด้านล่างของอัฒจันทร์อย่างแรงในขณะนั้น เวลาก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่งเซียวเสวี่ยอิ๋งที่อยู่บนเวทีประลองมองภาพนั้นด้วยความงงงวยเซียวเฟิงและหลูติ้งไห่ที่อยู่ข้างล่างช็อกนิ่งไปแม้แต่โหวเจี้ยนอิงและโจวอวี้หมิงก็ยังลุกขึ้นยืนและมองไปที่ผู้ชายร่างกายอันสูงใหญ่บนเวทีประลองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง“เป็นไปไม่ได้!”โหวเจี้ยนอิงเบิกตากว้าง มือทั้งสองข้างกำแน่น ก่อนจะคำรามออกมาเสียงต่ำในขณะนั้นเอง หลัวคายที่อยู่ด้านล่าง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดและกำลังกอดแขนที่ขาดอยู่ในมือ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่ยอม“แก...แกซ่อนเข
“แต่ตอนนี้ พวกคุณคิดที่จะใช้วิธีการต่อสู้แบบผลัดเปลี่ยนโจมตีคุณฉู่เหรอครับ?”ทั่วทั้งกองทัพรักษาการณ์มียอดฝีมือเก่ง ๆ แบบหลัวคายอย่างน้อยสามสี่คนถ้าทุกคนผลัดกันขึ้นมาท้าประลองกับฉู่เฉินคนละรอบ ฉู่เฉินก็คงจะเหนื่อยจนตายไปเสียก่อนนอกจากนี้ จากเครื่องหมายดาวสองดวงบนไหล่ของหลัวคาย ก็ไม่ยากที่จะคาดเดาเขาคือยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่สอง ซึ่งเหนือกว่าฉู่เฉินถึงหนึ่งระดับหากต้องการจะกลั่นแกล้ง ก็ไม่ควรจะใช้วิธีนี้กลั่นแกล้งสิโฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มอย่างไม่แยแส ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินบนเวทีประลอง “จะยอมรับการท้าประลองหรือไม่นั้น สามารถให้คุณฉู่ตัดสินใจเองได้ ถ้าหากคุณฉู่ไม่อยากสู้ต่อ การประลองครั้งนี้ก็ถือว่าพวกเราแพ้ไป”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปที่โฮ่วเจี้ยนอิงอย่างไม่ยอม “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ฉัน…”โฮ่วเจี้ยนอิงส่ายหน้าเล็กน้อยให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เสวี่ยอิ๋ง คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อีกอย่าง เขายอมให้คุณมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้น ท่าอุ้มทุ่มเมื่อกี้คุณคงตายไปแล้ว”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งถึงกับไม่กล้าเชื่อสิ่งที่หูตัวเองได้ยินฉู่เฉินยอมให้เธอมา
“กล้าหยามเกียรติฉัน แกสมควรตาย!”เซียวเสวี่ยอิ๋งในตอนนี้ ดวงตาคู่สวยของเธอกำลังเป็นสีแดงเพลิง พลังการต่อสู้ของเธอสูงจนเกินขีดสุดไปแล้ว แม้แต่โฮ่วเจี้ยนอิงยังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับรัว ๆ ในพริบตาเดียว เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ต้อนฉู่เฉินจนจนมุม ทำให้ผู้ชมที่นั่งอยู่ข้างล่างตื่นเต้นถึงขีดสุดนี่แหละคือลักษณะของนักรบหญิงอันดับหนึ่งแห่งกองทัพควรจะมีเมื่อเซียวเฟิงเห็นว่าฉู่เฉินกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ความโกรธในใจของเขาก็ลดลงไปไม่น้อย เขามองฉู่เฉินบนเวทีด้วยสายตาแข็งกร้าวแล้วพูดขึ้น “ฉู่เฉิน ยั่วโมโหน้องสาวฉัน นายคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกนาน ๆ สินะ”แต่เมื่อฉู่เฉินถูกเซียวเสวี่ยอิ๋งบีบให้ถอยไปเรื่อย ๆ การโจมตีของเซียวเสวี่ยอิ๋งเองก็ถูกฉู่เฉินจับทางได้อย่างหมดเปลือกแค่ท่าของสิบสามกระบวนท่าเตะกับลูกเตะนกกระยางดาวตกเท่านั้นยังไงซะเซียวเสวี่ยอิ๋งไม่มีการสืบทอดพลังที่น่ากลัวเหมือนกับฉู่เฉิน การที่เธอสามารถฝึกฝนสองท่านี้จนถึงระดับสูงสุดได้ ก็ถือว่าหาได้ยากนักเมื่อจับทางวิธีการต่อสู้ของเซียวเสวี่ยอิ๋งได้แล้ว ฉู่เฉินก็ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ผมจะเอาจริงแล้วนะ”ทันทีที่พูดจบ
นี่มันเวทีการประลองหรือเวทีแสดงความรักกันแน่!?โดยเฉพาะหลัวคาย นายพลสองดาวที่ตามจีบเซียวเสวี่ยอิ๋งอย่างบ้าคลั่งมานานเกือบปี เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาก็กัดฟันแน่นจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆนั่นมันนางฟ้าของเขานะ!ไอ้คนแซ่ฉู่กล้าดียังไง!เซียวเฟิงเองก็ลุกพรวดขึ้นเช่นกัน เขาชี้นิ้วไปที่ฉู่เฉินก่อนตะโกนลั่นด้วยความโกรธ “ฉู่เฉิน ปล่อยน้องสาวฉันเดี๋ยวนี้!”ไอ้เด็กฉู่เฉิน กล้าฉวยโอกาสน้องสาวเขาโดยอ้างว่าเป็นการประลองใช่ไหม?แบบนี้จะยอมได้ยังไง!แต่ในขณะเดียวกัน โจวอวี้หมิงที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์ก็หันไปพูดกับโฮ่วเจี้ยนอิง “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ยอดฝีมือแค่ขยับมือนิดหน่อยก็รู้ผลแล้ว ผมว่าการประลองครั้งนี้ คงไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นอีกแล้วใช่ไหม?”“หึ!”โฮ่วเจี้ยนอิงแค่นหัวเราะเบา ๆ “ไม่แน่เสมอไป”ทันทีที่โฮ่วเจี้ยนอิงพูดจบ เซียวเสวี่ยอิ๋งที่ถูกฉู่เฉินกอดไว้ ในอ้อมแขน เธอทั้งอายทั้งโกรธ เธอยกขาขึ้นแล้วหมุนตัวเตะไปยังจุดยุทธศาสตร์ของฉู่เฉินอย่างไม่ลังเล!ซี้ด!เมื่อเห็นว่าลูกเตะตัดทายาทนี้พุ่งเข้าใส่ฉู่เฉินรวดเร็วดั่งสายฟ้า หลูติ้งไห่ก็ถึงกับหลับตาปี๋โดยไม่รู้ตัวจบแล้ว!ระยะประชิดขนาดนี
เมื่อเห็นฉากนี้ โฮ่วเจี้ยนอิงถึงกับหัวเราะออกมาอย่างกลั้นไม่ได้ ก่อนหันไปมองโจวอวี้หมิง “นี่น่ะเหรอ? ผู้บัญชาการกองทัพโจว คุณคงอยากจะแก้แค้นมากสินะ”“ถึงแม้ว่าจุดตันเถียนของเทียนห้าวจะถูกทำลายไป และมันก็น่าเสียดายจริง ๆ แต่ฝีมือของเสวี่ยอิ๋งก็เป็นที่ประจักษ์ ไม่ใช่ว่าใครที่ไหนก็จะสามารถล้างแค้นแทนเทียนห้าวได้หรอกนะ”โจวอวี้หมิงเหลือบมองโฮ่วเจี้ยนอิง ก่อนจะยิ้มและไม่พูดอะไรเห็นได้ชัดว่าฉู่เฉินกำลังแสร้งทำเป็นอ่อนแอเพื่อหลอกศัตรูเวทีการประลองสูงแค่สองเมตรเท่านั้น ต่อให้โจวอวี้หมิงยังไม่ได้บรรลุช่วงระดับสร้างรากฐาน แต่ก็ไม่จำเป็นต้องใช้มือจับขอบเวทีเพื่อกระโดดขึ้นไปหรอกใช่ไหม?ส่วนท่าทางของฉู่เฉินเมื่อครู่ ก็ยิ่งไม่ใช่การแสดงความอ่อนแออย่างแน่นอนมีคำกล่าวว่า ทหารที่ทะนงตนมักพ่ายแพ้ฉู่เฉินกำลังจงใจทำให้เซียวเสวี่ยอิ๋งประมาทและดูถูกเขา!และก็เป็นไปดั่งที่คิด เมื่อเซียวเสวี่ยอิ๋งเห็นท่าทางของฉู่เฉินแล้ว บนใบหน้าสวยก็ฉายแววดูแคลนขึ้นมาทันทีเธอบิดขี้เกียจเล็กน้อยเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ก่อนจะเดินเข้าหาฉู่เฉินอย่างใจเย็น“ระวัง!”ทันใดนั้นเอง!เซียวเสวี่ยอิ๋งยกขาเรียวยาวขึ้น ก่
โจวอวี้หมิงรู้สึกสงสัยอยู่ในใจ แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงออกแม้แต่น้อย เขาหันไปสั่งให้ทหารคนสนิทนำเก้าอี้มาเพิ่มให้โฮ่วเจี้ยนอิงโฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดขึ้น “ได้ยินมาว่ามีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง กล้าท้าประลองทหารกับของผม ผมก็ต้องมาดูด้วยตัวเองสิครับ”ระหว่างที่เขาพูด รถจี๊ปและรถตำรวจก็แล่นเข้ามายังสนามฝึก โดยมีรถจี๊ปนำหน้า ส่วนรถตำรวจตามหลังมา“มาแล้ว!”เหล่าตำรวจที่อยู่ในสนามต่างจำรถตำรวจคันนั้นได้ในทันทีว่าเป็นรถประจำตำแหน่งของหลูติ้งไห่ พวกเขาจึงพากันลุกขึ้นยืน พร้อมจับจ้องไปยังทิศทางที่รถกำลังมุ่งหน้ามาจากนั้นไม่นาน ประตูรถจี๊ปก็เปิดออก ก่อนที่ปลายรองเท้าทหารสีดำขลับสะท้อนแสงจะโผล่ออกมาจากนั้นเซียวเสวี่ยอิ๋งในชุดรบลายหงส์เพลิง ท่าทางดูองอาจสง่างามก็เปิดประตูรถจี๊ปลงมาด้วยท่าทีมั่นใจฉู่เฉินและหลูติ้งไห่ก็ลงมาจากรถตำรวจตามลำดับ“ผู้นำเซียวต้องชนะ!”“ผู้นำเซียวต้องชนะ!”ทหารจากกองกำลังรักษาการณ์ทั้งหมดต่างจับจ้องไปที่เซียวเสวี่ยอิ๋งด้วยแววตาเป็นประกายร้อนแรงเซียวเสวี่ยอิ๋งเชิดหน้าขึ้น เธอจ้องตรงไปยังฉู่เฉินด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความท้าทายฉู่เฉินไม่ได้แสดงความหวาดกลัวแม้แต
เมื่อข่าวการท้ารบกับเทพนักรบหญิงอันดับหนึ่งแห่งมณฑลเจียงของฉู่เฉินแพร่สะพัดออกไป เจ้าหน้าที่ทั้งกรมตำรวจต่างทยอยกันยื่นใบลา ก่อนจะขับรถบัสของกรมตำรวจฝ่ายอำนวยการมุ่งหน้าไปยังกองกำลังรักษาการณ์อย่างรวดเร็วไม่นานข่าวนี้ก็มาถึงหูของผู้บังคับบัญชาสูงสุดกองกำลังรักษาการณ์แห่งมณฑลเจียง“พวกนายได้ยินข่าวหรือยัง!? มีคนกล้าท้าประลองกับผู้นำเซียว!”“บ้าไปแล้ว ใครกันที่ไม่กลัวตายขนาดนี้? ครั้งก่อนที่โจวเทียนห้าวท้าประลอง ก็โดนซัดจนจุดตันเถียนแตกเลยนะ!”“ได้ยินมาว่าไม่ใช่คนจากกองกำลังรักษาการณ์ เหมือนจะแซ่ฉู่”ไม่ใช่คนจากกองกำลังรักษาการณ์?ในตอนนี้ กองกำลังรักษาการณ์กำลังปั่นป่วนเป็นอย่างมากและในตอนนั้นเอง ทหารคนสนิทของโจวอวี้หมิงก็รีบวิ่งเข้ามาในห้องทำงานของเขา หอบหายใจหนักก่อนพูดขึ้น “ท่าน… ท่านผู้บัญชาการ! เรื่องใหญ่ เรื่องใหญ่ครับ!”“ได้ยินมาว่ามีคนแซ่ฉู่ต้องการท้าประลองกับผู้นำเซียว!”โจวอวี้หมิงที่กำลังจิบชา ในตอนแรกเขาไม่ได้ใส่ใจนัก แต่ไม่นาน ภาพของใครคนหนึ่งที่เขาไม่มีวันลืมตลอดชีวิตก็ผุดขึ้นมาในหัวทันที…ฉู่เฉิน?!“คนแซ่ฉู่ที่นายพูดถึง ใช่ฉู่เฉินหรือเปล่า?” เขาถามด้วยสีหน้าจ
ถือดีอย่างไรมาคิดว่าฉู่เฉินจะชนะน้องสาวเขา?ฝันยังไม่กล้าฝันเกินจริงขนาดนี้เลย!“คุณรู้ได้ยังไงว่าผมจะชนะไม่ได้? ผู้ชายยังไงก็ห้ามพูดว่าไม่ไหว”ฉู่เฉินเอามือไพล่หลัง กล่าวพร้อมจ้องมองเซียวเสวี่ยอิ๋ง “ยังไง กลัวแล้วเหรอ?”เซียวเสวี่ยอิ๋งยิ้มเย้ยหยันกล่าว “เงื่อนไขประลองแกเลือกมาได้เลย ฉันตกลงทุกอย่าง”มั่นใจ!เซียวเสวี่ยอิ๋งมั่นใจมาก!คนที่ต่อสู้ผลออกมาเสมอทั้งหมดมีไม่ถึงห้าคนในกองทหารรักษาการณ์ทั่วทั้งมณฑลเจียงและมีไม่เกินสามคนที่สามารถเอาชนะเธอได้ภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่าส่วนฉู่เฉินที่ฝึกฝนด้วยตนเองในโลกคนทั่วไป ยิ่งเป็นไปไม่ได้ที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเธอด้วยซ้ำรู้ไหมว่าเทคนิคหมัดมวยในกองทัพเป็นผลงานชิ้นเอกที่ผสมผสานร้อยตระกูลจนสำเร็จเชียวนะถ้าประลองกับยอดฝีมือที่มีระดับขั้นเหมือนกัน ยอดฝีมือในกองทัพก็จะชนะขาดภายในหนึ่งร้อยกระบวนท่าแค่อย่างเดียวนี้ก็เพียงพอที่จะเห็นความห่างชั้นแล้วและเซียวเสวี่ยอิ๋งก็สังเกตอย่างละเอียดในตอนที่ฉู่เฉินตั้งรับกระบวนท่าของหานหลิงเมื่อครู่ อย่างมากฉู่เฉินก็แค่ระดับสร้างรากฐานขั้นหนึ่งเท่านั้นกล่าวอีกนัยหนึ่ง นี่เป็นการดวลกันระหว่างคนระดับขั