ทันใดนั้น ลมหายใจอันอบอุ่นของผู้ชายก็พุ่งเข้าหาใบหน้าของหลิ่วชิงเหอในเวลาชั่วครู่นั้น หลิ่วชิงเหอก็เกิดอาการใจเต้นเร็วขึ้นมาสิ่งนี้มันช่างชวนให้จินตนาการ ทั้งยังทำให้เธอเกิดความรู้สึกอยากต่อต้านในเวลาเดียวกัน นั่นทำให้เธอแทบจะเป็นบ้าเลยล่ะไม่นะ!ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย?เหตุใดเธอถึงใจเต้นกับไอ้สัตว์เดรัจฉานฉู่เฉินนี่...เมื่อครั้นนึกถึงการกระทำของฉู่เฉินครั้งแล้วครั้งเล่า หลิ่วชิงเหอทั้งอายและโกรธเธอยกกำปั้นสีชมพูของเธอขึ้นมา ออกแรงทุบเข้าไปอย่างแรงที่หน้าอกอันแข็งแกร่งทรงพลังของฉู่เฉิน“แกไอ้สัตว์เดรัจฉาน รีบปล่อยฉันนะ!”หลิ่วชิงเหอทั้งส่งเสียงกรีดร้อง ทั้งใช้มือทั้งสองข้างจับไหล่ของฉู่เฉินไว้อย่างแน่น ขาสีขาวราวหิมะที่สวยงามคู่หนึ่งก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อต่อต้านการเคลื่อนไหวของฉู่เฉิน“ปล่อยเธอไปงั้นเหรอ? หรือว่าเธอลืมเรื่องที่รับปากกับฉันไปแล้ว?”ฉู่เฉินยิ้มอย่างยั่วยุ ไม่ได้สนใจเรี่ยวแรงที่ดิ้นรนของหลิ่วชิงเหอแม้แต่น้อย ยืนมือออกไปคว้าชุดนอนกระโปรงซีทรูของเธอแคว้ก!เสียงแหลมดังมาถึงหูของเธอ ชุดนอนกระโปรงซีทรูที่อยู่บนร่างกายของเธอชุดนั้นได้ถูกฉู่เฉินฉีกออกเป็นรูโบ๋ให
“รีบกลับไปสิ ไม่งั้น... แกเข้าใจ”หลิ่วชิงเหอเพิ่งวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงเหนื่อยล้าของฉู่เฉินดังขึ้นมาจากข้างหลัง“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน มันจะต้องมีสักวันที่ฉันจะฆ่าแก!”หลิ่วชิงเหอ หยุดครู่หนึ่งแล้ววิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว โดยกลัวว่าจะพลาดโอกาส หากฉู่เฉินเปลี่ยนใจ เธอจะมาเสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้วเวลาผ่านไปไม่นาน หลิ่วชิงเหอย่องกลับไปยังห้องนอน มองไปที่ฉู่เฉินที่ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว ลมหายใจสม่ำเสมอ แววตาของเธอก็มีแสงหนาวแวบขึ้นมา!“ถึงแม้ว่าจะฆ่าแกไม่สำเร็จ แต่ฉันก็จะตอนแกให้ได้!”เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลิ่วชิงเหอก็เดินไปที่โต๊ะอย่างเงียบ ๆ และจับมีดปอกผลไม้“ทางที่ดีเธอเป็นเด็กดีเชื่อฟังหน่อยนะ เธอคิดว่าไอ้มีดเล็กๆ นั่นจะทำร้ายฉันได้งั้นเหรอ?”เมื่อปลายนิ้วของหลิ่วชิงเหอสัมผัสกับมีดปอกผลไม้ เสียงเย็นชาก็ดังขึ้นมาลอย ๆ“อ๊ะ!”หลิ่วชิงเหอตกใจจนร่างกายเหงื่อออกชุ่ม รีบชักมือกลับมาไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ไม่ได้หลับอยู่เหรอ?ทำไมมันถึงรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ?ในขณะที่หลิ่วชิงเหอกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ฉู่เฉินก็ค่อยๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาในสัมผัสของเขาการกระทำในระยะห้าร้อยเมตร ไ
ฉู่เฉินหัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาของเขากวาดไปทั่วใบหน้าที่แสดงความเกลียดชังของหลิ่วชิงเหอ พร้อมพูดอย่างหยิ่งยโสว่า “งั้นเหรอ? งั้นฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าวงการนี้มันจะขนาดไหนกันเชียว”“อย่างมากครึ่งปี ฉันก็สามารถนำสิ่งที่เป็นของฉันคืนมาได้ทั้งหมด”น้ำเสียงของฉู่เฉินทั้งยืนหยัดและมั่นใจ!“แกฝันไปเถอะ!”หลิ่วชิงเหอจ้องไปที่ฉู่เฉินอย่างดูถูกแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่ว่าในโลกธุรกิจมันจะง่ายดายขนาดนั้นเชียวเหรอ?ฉู่เฉินหนึ่งไม่ได้มีคอนเนคชั่นใดๆ สองไม่มีเงินทุน เขาจะใช้อะไรทำให้บริษัทเติบโตขึ้นมา?อาศัยการโอ้อวดเหรอ?หากฉู่เฉินทำให้บริษัทเติบโตขึ้นมาได้ งั้นแม่หมูก็คงปีนต้นไม้ได้แล้วล่ะ“ไม่เชื่อเหรอ? งั้นพวกเรามาพนันกันไหมล่ะ?”ฉู่เฉินเยาะเย้ยและมองไปที่หลิ่วชิงเหอ“แกจะพนันอะไรล่ะ?”หลิ่วชิงเหอสีหน้าเรียบนิ่ง จ้องไปที่ฉู่เฉินพร้อมถามเขา“เอาแบบนี้ดีกว่า หากภายในหนึ่งเดือน ฉันสามารถทำให้บริษัทเติบโตขึ้นมาได้ เธอต้องเชื่อฟังให้ฉันใช้ไอ้นั่นของเธอ...”ทันใดนั้นสีหน้าของหลิ่วชิงเหอก็เปลี่ยนไป และเธอก็รีบหันหลังกลับเพื่อหลีกเลี่ยงฉู่เฉินใช
หลิ่วชิงเหอที่วิ่งกลับไปยังห้องด้วยความรวดเร็ว ในขณะที่เธอกำลังจะปิดประตูนั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงสายตาของหลิ่วหรูเยียนที่เต็มไปด้วยความสงสัยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจในหัวใจไอ้เลวนั่นมันทำอะไรกับร่างกายเธอกันแน่!หลิ่วชิงเหอแทบจะเป็นบ้าแล้ว!หากถูกหลิ่วหรูเยียนรู้เข้าว่าเมื่อคืนเธอกับฉู่เฉิน...แบบนั้นจะทำอย่างไรดีหลิ่วชิงเหอสีหน้าโกรธจัด รีบวิ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำเมื่อเธอมองไปยังกระจก ก็เห็นข้อความบนบั้นท้ายเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า “รอฟังข่าวดี” เธออึ้งไปเลยเมื่อหวนนึกถึงเดิมพันระหว่างเธอกับฉู่เฉินเมื่อคืน หลิ่วชิงเหอถึงได้เข้าใจทันที“ฉู่เฉิน! ฉันจะฆ่าแก!”“กรี๊ด!”หลิ่วชิงเหอตัวสั่นไปหมด ฉู่เฉินนี่ไม่ได้เรียกว่าทำเกินไป แต่เรียกว่ารนที่ตายไม่ได้!เธอต้องใจเย็นๆ !หลิ่วชิงเหอกลืนน้ำลายลงไป หอบหายใจอย่างแรง เธอพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างหนักแต่พอยิ่งคิดในใจโกรธเป็นอย่างมากมันน่าโมโหจริงๆ!หลิ่วชิงเหอกระทืบเท้าอย่างบ้าคลั่ง เธอต้องการหาที่ระบาย แต่สุดท้ายกลับทำให้เธอโกรธหนักกว่าเดิม!“แม่คะ หนูไปทำงานก่อนนะ วันนี้บริษัทมีประชุมเช้า หนูต้องไปเข้าร่วมตรงเวลา
ฉู่เฉินจะเป็นปรมาจารย์ได้อย่างไร?“คุณชายจิน คุณจำผิดหรือเปล่าคะ? เมื่อไม่กี่วันก่อน ไอ้เจ้านั่นมันยังเป็นคนไร้ประโยชน์อยู่เลยนะคะ”หลิ่วหรูเยียนถามจี้ด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน“หรูเยียนเป็นมันแน่นอน ไอ้เจ้านั่นมันน่าจะเป็นปรมาจารย์ยุทธ์จริงๆ ดังนั้น...”“พอเถอะค่ะ ในเมื่อคุณทำไม่ได้ งั้นฉันค่อยหาทางอื่นแล้วกัน”ไม่รอให้จินอ้าวเทียนพูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็พูดตัดบทขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา หลังจากนั้นก็กดวางสายทันทีปรมาจารย์เหรอ?หลิ่วหรูเยียนเม้มริมฝีปากของเธอเล็กน้อยแล้วส่ายหัว เป็นไปไม่ได้!มันต้องเป็นเพราะไอ้คนไร้ประโยชน์จินอ้าวเทียนดื่มเหล้าเยอะจนเสียสติแน่ๆ ถึงสู้ฉู่เฉินไม่ได้ ถึงได้หาข้ออ้างที่ไม่น่าเชื่อถือมาล้างผิดให้ตัวเองแบบนี้!ใช่!เป็นอย่างนี้แน่!เมื่อคิดอย่างนี้ ความตื่นตระหนกบนใบหน้าของหลิ่วหรูเยียนก็หายไป และเธอก็กลับมามีความมั่นใจอีกครั้งหึ!ฉู่เฉิน!ไม่ว่าแกจะเป็นปรมาจารย์อะไรก็ช่าง ฉันก็จะต้องฆ่าแกให้ได้!หลังจากนั้นหลิ่วหรูเยียนก็ขับรถออกไปอีกครั้ง ขับรถมุ่งหน้าไปยังบริษัท……อีกด้านหนึ่ง ณ โรงพยาบาลประชาชนเจียงจง จินอ้าวเทียนมือพันไปด้วยผ้าพันแผล เขากัดฟ
“อืม ผมก็มีเรื่องจะคุยกับคุณพอดี”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาอย่างนิ่งเฉยเมื่อได้ยินเช่นนั้น โจวเทียนเฟิ่งก็ดีใจมากและรีบบอกที่อยู่ของตึกเฟิ่งให้ฉู่เฉินทราบ จากนั้นจึงกล่าวด้วยความเคารพ “ปรมาจารย์ฉู่ ฉันจะส่งคนไปรับคุณนะคะ”ฉู่เฉินตอบกลับ และวางสายลงอีกด้าน ตึกเฟิ่งตึกเฟิ่งเป็นภัตตาคารขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเจียงจง สำนักเฟิ่งเป็นผู้สร้างขึ้นมา สถานที่สำหรับผู้บริโภคชั้นนำที่ผสมผสานด้านอาหาร ที่พัก และความบันเทิงเพื่อต้อนรับฉู่เฉิน โจวเทียนเฟิ่งตั้งใจจัดงานเลี้ยง ทั้งยังเชิญคนจากต่างประเทศ และเชิญเชฟที่มีชื่อเสียงที่สุดจากทั่วประเทศมาจัดเตรียมอาหารให้เองกับมือมองโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร อีกทั้งสายตาที่เลื่อมใสของโจวเทียนเฟิ่ง อู๋กังยอดฝีมือของสำนักเฟิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าดูไม่ดีเป็นอย่างมากเขาไม่เพียงแต่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักเฟิ่ง อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้มาจีบโจวเทียนเฟิ่งอีกด้วยตอนนั้นเป็นเพราะเข้าหลงใหลท่าทีที่ไม่เหมือนใครของโจวเทียนเฟิ่ง ถึงตกหลุมรักเธอ เขาเต็มใจช่วยเหลือโจวเทียนเฟิ่งสร้างสำนักเฟิ่งจนมีในวันนี้ได้แต่ในสิบปีที่ผ่านมานี้ โจวเทียนเฟิ่งกลับไม่แคร์
“ครับ”แม้ว่าอู๋กังจะยอมจำนนต่อหน้า แต่เขาก็แอบเถียงในใจไอ้ฉู่ ฉันก็อยากจะเห็นจริงๆ ว่าแกจะเก่งขนาดไหนกัน!ผ่านไปสักพัก กูจะเปิดโปงต่อหน้าเจ๊เองว่าแกมันเป็นคนหลอกลวง เมื่อคิดได้เช่นนี้อู๋กังก็ส่งเสียงหึออกมาเบาๆ เขาวิ่งเข้าไปในห้องส่วนตัวกวักมือเรียกลูกน้องมาสองคน นำแผนที่ของบ้านใหญ่ตระกูลฉู่มอบให้“ไปรับตามคำสั่งของเจ๊ ไปรับปรมาจารย์ฉู่มา!”ลูกน้องสองคนที่ได้ยินเช่นนั้นรีบรับกระดาษนั่นมา พร้อมกับรับคำสั่งสามสิบนาทีผ่านไป ลูกน้องสำนักเฟิ่งสองคน จากนั้นเขาก็พาฉู่เฉินไปที่ประตูห้องเทียนจือในตึกเทียนเฟิ่ง และแสดงท่าทางแสดงความเคารพ พร้อมกับผายมือเชิญ “ปรมาจารย์ฉู่ เชิญด้านในครับ เจ๊รอคุณอยู่ในนี้นานแล้วครับ”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย ผลักประตูเข้าไปมองไปที่แผ่นหลังของฉู่เฉินแป๊ปหนึ่ง ลูกน้องหนึ่งในนั้นยักคิ้วขึ้นมา เขากระซิบกับเพื่อนที่อยู่ข้างๆ “นี่คือปรมาจารย์ฉู่ที่อายุน้อยนั่นใช่ไหม?”“ฉันว่าเขาดูเด็กกว่าฉันไปสามสี่ปีเลยนะ”เพื่อนที่อยู่ข้างๆ เขาหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ไม่เห็นเหรอว่าเมื่อกี้สีหน้าของพี่อู๋แย่แค่ไหน? ฉันเดาว่าเด็กนี่ลำบากแล้วล่ะ”เมื่อได้ยินคำนี้ทั้งสองคนส
อู๋กังอดทนกับฉู่เฉินมานานแล้วตั้งแต่ที่ฉู่เฉินเดินเข้ามา อู๋กังก็ไม่ถูกชะตาฉู่เฉินแล้วโจวเทียนเฟิ่งสละที่นั่งให้เขา มันเป็นเพียงมารยาทเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วตึกเฟิ่งก็คือถิ่นของสำนักเฟิ่งอยู่ดีหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น จะไม่มีใครกล้านั่งที่หลักแน่นอน เพราะนั่นมันเป็นสิ่งต้องห้ามในโลกใต้ดินแต่ไอ้เจ้าหน้าจืดนี่มันช่างกล้า นั่งลงไปซะดื้อๆ แบบนั้นเขาอดทนแล้ว ใครใช้ให้โจวเทียนเฟิ่งเอาแต่ปกป้องไอ้หน้าจืดนี่ล่ะ? พอเมื่อพูดถึงซงหู่ ไอ้เจ้านี่มันก็เอาแต่แสร้งทำเป็นอำนาจบาตรใหญ่ พูดออกมาว่าเรื่องเล็กน้อยงั้นเหรอ?คำพูดแบบนี้ไอ้ฉู่มันก็พูดออกมาได้งั้นเหรอ?ในตอนนั้นกำราบซงหู่ พร้อมทั้งนำคนไปทำลายเหมิงหู่ถังกว่าสิบกว่าแห่งก็คืออู๋กังในขณะนั้น อู๋กังมีพลังกำลังภายในระดับพื้นฐานแล้วแต่ถึงอย่างนั้น การต่อสู้อันนองเลือดกับเหมิงหู่ถังก็ยังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำของอู๋กังในตอนที่เข้าสู้กับซงหู่นั้น ร่างกายได้รับบาดเจ็บจากคมมีดหลายจุด สุดท้ายก็เป็นเพียงชัยชนะอันหวุดหวิดไม่ได้เหมือนที่เขาพูดว่าชิวๆ เลยสักนิดผ่านไปก็หลายปีแล้ว ซงหู่พัฒนาไปถึงขั้นไหน แม้แต่อู๋กังก็ยังไม่สามารถเดาได้ที่จ
ด้วยเหตุนี้เองถึงทำให้เกาเซิ่งอี้บ้าคลั่งขึ้นมาโดยสิ้นเชิง “ครับ! พอถึงเวลานั้น ผมจะให้เฮ่อเซวียนบีบบังคับให้แม่ลูกตระกูลหลิ่วมอบของออกมา” ฉีอวี่ไท่เอ่ยด้วยความมั่นใจแม้ว่าเขาจะไม่รู้ว่าหยกโลหิตกิเลนมีประโยชน์อะไร แต่ว่าขอเพียงได้ของชิ้นนี้มาก็เท่ากับทำให้ตระกูลฉีมีต้นทุนที่จะได้ก้าวขึ้นไปสู่ตระกูลชั้นนำอย่างแท้จริง ตามผลประโยชน์ที่เกาเซิ่งอี้รับปากว่าจะมอบให้ตระกูลฉี ลูกหลานของตระกูลฉีในสามรุ่นจะสามารถกราบเข้าสำนักบำเพ็ญเพียรได้ทั้งหมด ถ้าเป็นเช่นนี้ ไม่ถึงสิบปี ตระกูลฉีก็สามารถก้มลงมองไปยังตระกูลธุรกิจกว่าเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ได้แล้ว หากทำงานให้สมาคมกิเลนสำเร็จ ตระกูลฉีจะสามารถใช้โอกาสนี้เป็นสะพานเชื่อมเพื่อเข้าร่วมสมาคมกิเลนอย่างเป็นทางการเช่นนั้นก็หมายความว่าตระกูลฉีจะมีเส้นสายกับคนที่น่ากลัวในโลกแห่งการหยั่งรู้ได้ อนาคตในวันข้างหน้าก็จะไร้ขีดจำกัด.....เพิ่งจะกลับมาถึงเจียงจง โทรศัพท์ของฉู่เฉินก็ดังขึ้นเมื่อเห็นว่าเป็นหมายเลขแปลก ฉู่เฉินก็ลังเลไปชั่วครู่ก่อนจะกดรับสาย“คุณฉู่ ตอนนี้คุณมีเวลาว่างไหมคะ?”ไม่นานก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนของจางม่านดังมาจากป
เมื่อเห็นท่าทางอ่อนต่อโลกของโฮ่วเจี้ยนอิง ฉู่เฉินถึงค่อยเอ่ยปากพูดอย่างน่าพรั่นพรึงว่า “ต้นทุนยาบำรุงปราณไม่ถึงหนึ่งร้อย แต่ราคาตลาดขายได้หลายล้านต่อเม็ดไม่ใช่เหรอ?”“ถ้าไม่เห็นแก่ที่พวกคุณต้องการปริมาณมาก ห้าแสนผมก็ไม่ขายหรอก”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเจื่อนพลางพยักหน้ากล่าวว่า “ได้ครับ ถ้าอย่างนั้นไม่ทราบว่าจัดหาให้ได้เดือนละเท่าไหร่ครับ?”“สัปดาห์ละหนึ่งร้อยเม็ด นี่เป็นขีดจำกัดแล้ว อีกอย่างยาชนิดนี้ไม่มีผลกับคนตาย ตนที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส หนึ่งปีมีแค่ไม่กี่ราย จำนวนเท่านี้น่าจะเพียงพอแล้ว” ฉู่เฉินเอ่ยอย่างเรียบนิ่งอันที่จริงวิธีการหลอมยาสร้างกล้ามเนื้อไม่ได้ซับซ้อนเลย เพียงแต่ว่าตอนที่ใช้ไฟกลั่นขั้นสุดท้าย จำเป็นต้องใช้เปลวไฟหยินบริสุทธิ์ในการกลั่นเท่านั้นด้วยเหตุนี้ในแง่ของการผลิตจึงต้องปล่อยให้เป็นหน้าที่ของฉู่ซื่อกรุ๊ป สิ่งที่ฉู่เฉินต้องทำก็คือไปกลั่นไฟทุกอาทิตย์แต่ในระดับขั้นของฉู่เฉินในตอนนี้ การหลอมยาชั้นหนึ่งจำนวนหนึ่งร้อยเม็ดก็เป็นขีดจำกัดสูงสุดแล้วเห็นได้ชัดว่าโฮ่วเจี้ยนอิงไม่พอใจกับจำนวนเท่านี้ แต่เมื่อเห็นว่าฉู่เฉินไม่มีท่าทีว่าจะผ่อนปรน ก็ได้แต่คว้าสิ่งที่ดีรองลงมา ถ
“งั้นก็ได้ครับ ยังไงผมก็จำเป็นต้องกลับไปกับคุณฉู่อยู่แล้ว”หลูติ้งไห่พูดด้วยใบหน้าจริงจัง“ได้ครับ คุณฉู่ เชิญด้านนี้ครับ”ขณะที่กำลังพาฉู่เฉินไปที่ห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิง โจวอวี้หมิงก็สั่งให้ทหารคนสนิทพาหลูติ้งไห่ไปยังห้องพักเมื่อเปิดประตูห้องทำงานของโฮ่วเจี้ยนอิงออก โจวอวี้หมิงก็เริ่มเข้ามาแนะนำโฮ่วเจี้ยนอิงให้ฉู่เฉินได้รู้จักด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “คุณฉู่ นี่คือท่านโฮ่วเจี้ยนอิงผู้ยิ่งใหญ่ หนึ่งในแปดเทพนักรบแห่งแดนมังกรของเรา”ฉู่เฉินและโฮ่วเจี้ยนอิงสบตากัน ราวกับว่าพวกเขากำลังจะปล่อยประกายไฟที่รุนแรงออกมาหลังจากที่เงียบอยู่นาน โฮ่วเจี้ยนอิงก็หัวเราะออกมาเสียงดัง “คุณเป็นเด็กหนุ่มคนแรกที่สามารถจ้องตาผมได้นานขนาดนี้”“คุณเองก็เป็นชายแก่คนแรกที่ยังไม่ถูกคลื่นลูกใหม่ผลักตกจากชายหาดนะ”ฉู่เฉินยิ้มเยาะ“เหอะ ๆ คุณพูดอะไรน่ะ!”โจวอวี้หมิงรีบสะกิดไปที่ไหล่ของฉู่เฉิน และส่งสายตาเตือนเขาโฮ่วเจี้ยนอิงถูกย้ายไปที่มณฑลเจียงแล้ว ซึ่งทำให้เขาอารมณ์เสียมากพออยู่แล้ว แต่ฉู่เฉินยังมายั่วโมโหเขาอีก นี่มันหาเรื่องมีปากเสียงกันไม่ใช่เหรอ?“คุณมีความสามารถมากจริง ๆ”โฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มเล็กน้
เซียวเฟิงถูกฉู่เฉินซักถามจนหน้าตาแดงก่ำ เขาอยากจะด่ากลับไปจริง ๆ แต่เมื่ออยู่ท่ามกลางผู้คนหลายพันคน เขาด่าออกไปไม่ได้จริง ๆ “ผู้นำเซียว เขาพูดอะไรน่ะ กลางวันอะไร ชาวบ้านทำนาอะไร?” หานหลิงผ้าเช็ดหน้าให้เซียวเสวี่ยอิ๋งถามขึ้นอย่างสงสัย“หุบปาก!”ดวงตางามของเซียวเสวี่ยอิ๋งพลันเย็นชา แล้วถลึงตาใส่หานหลิงหนัก ๆไม่ได้เรียนหนังสือหรือไงแม้แต่ชาวบ้านทำนาในตอนกลางวันก็ยังไม่รู้อีก“ฉู่เฉิน! คุณเลิกพูดจาสองแง่สองง่ามแบบนี้ได้แล้วนะ การประลองในวันนี้ถือว่าเสมอกันไป”เซียวเสวี่ยอิ๋งกัดฟันแน่นและจ้องฉู่เฉินอย่างแน่วแน่ฉู่เฉินยิ้มเยาะ “ไม่ต้องรีบหรอก ยังไงสักวันหนึ่ง ผมก็จะทำให้คุณยอมผมทั้งกายทั้งใจ และเป็นฝ่ายเดินเข้ามาในโลกของผมด้วยตัวเองอย่างเต็มใจ”พูดจบฉู่เฉินก็โยนยาสร้างกล้ามเนื้อไปให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง“ฉัน...ฉันไม่ต้องการ”ถึงแม้ปากจะพูดออกมาแบบนั้น แต่เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ยังคงเก็บยาสร้างกล้ามเนื้อไว้ในแขนเสื้อตามจิตใต้สำนึกของดีขนาดนี้เธอแค่ไม่อยากใช้มันสุ่มสี่สุ่มห้าเท่านั้นเองอีกอย่าง บาดแผลบนร่างกายของเธอก็ไม่ได้ร้ายแรงขนาดนั้น ทนอีกสองวันก็หายแล้ว ที่เธอเก็บยาของฉู่เฉินเอ
ในฐานะผู้นำเขตทหารยศสองดาว หลัวคายไม่กลัวความตาย แต่เขาก็ไม่สามารถตายด้วยน้ำมือของคนจากแดนมังกรได้ เพราะมันเป็นการทำลายเกียรติของกองทัพจนหมดสิ้นในขณะนั้น ความอัดอั้นในใจของเขาก็พุ่งทะยานขึ้น ทำให้หลัวคายกระอักเลือดออกมา“ผู้นำหลัว คุณไม่เป็นไรใช่ไหม?”เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปยังหลัวคายที่อยู่ข้างล่างเวทีประลองด้วยสีหน้าเป็นห่วงปกติแล้วเมื่อได้ยินเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยจากเซียวเสวี่ยอิ๋ง หลัวคายน่าจะรู้สึกดีใจถึงจะถูก แต่ปัญหาคือ ตอนนี้เขากลับรู้สึกเหมือนตัวตลก ที่ถูกฉู่เฉินกดไว้กับพื้นและลากถูไปมาอย่างไร้ศักดิ์ศรีแม้แต่นางฟ้าในใจของตัวเองยังปกป้องไม่ได้ เขาจะยังมีหน้าอะไรไปเจอเซียวเสวี่ยอิ๋งได้อีก? ตอนนี้เขาแทบจะอยากจะมุดดินหนี“สบายใจได้ เขาไม่ตายหรอก ปกติแล้วเวลาที่ผมต่อสู้ก็มักจะมีขอบเขตเสมอ แค่แขนหักไปข้างหนึ่ง เสียหน้าเล็กน้อยเท่านั้น สูญเสียในช่วงวัยรุ่นเป็นเรื่องที่ดี”ฉู่เฉินปัดฝุ่นออกจากมือแล้วพูดเมื่อได้ยินแบบนั้น หลัวคายก็ถึงกับสบถด่าแม่ของเขาในใจชนะก็ชนะไปแล้ว ยังจะคุยโวอีกทำไมกันจะมีความเป็นสุภาพบุรุษบ้างไม่ได้เลยเหรอ?หลัวคายในตอนนี้แทบจะเหมือนกิ้งก่าท
ปัง!เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน คลื่นพลังสีเงินขาวก็ระเบิดออกมาอย่างรุนแรงแม้แต่เวทีการประลองที่สร้างจากแผ่นหินสีเขียวก็ยังเกิดรอยแยกลึกกว่าหนึ่งฟุต เมื่อหมัดทั้งสองชนกัน เศษหินถูกพลังหมัดอันน่ากลัวของทั้งสองคนพัดปลิวขึ้นไปในอากาศ“อ๊ากกก!”ในวินาทีถัดมา เสียงกรีดร้องที่เจ็บปวดก็ดังลั่นสนั่นพร้อมกับที่ร่างหนึ่งพุ่งออกไปราวกับกระสุนปืนตุบ! ร่างนั้นพุ่งไปกระแทกเสาหินข้าง ๆ จนขาดออกเป็นสองท่อน ก่อนจะล้มลงไปยังด้านล่างของอัฒจันทร์อย่างแรงในขณะนั้น เวลาก็ดูเหมือนจะหยุดนิ่งไปชั่วขณะหนึ่งเซียวเสวี่ยอิ๋งที่อยู่บนเวทีประลองมองภาพนั้นด้วยความงงงวยเซียวเฟิงและหลูติ้งไห่ที่อยู่ข้างล่างช็อกนิ่งไปแม้แต่โหวเจี้ยนอิงและโจวอวี้หมิงก็ยังลุกขึ้นยืนและมองไปที่ผู้ชายร่างกายอันสูงใหญ่บนเวทีประลองอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง“เป็นไปไม่ได้!”โหวเจี้ยนอิงเบิกตากว้าง มือทั้งสองข้างกำแน่น ก่อนจะคำรามออกมาเสียงต่ำในขณะนั้นเอง หลัวคายที่อยู่ด้านล่าง ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยเลือดและกำลังกอดแขนที่ขาดอยู่ในมือ เขาเงยหน้าขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินด้วยสีหน้าที่ไม่ยอม“แก...แกซ่อนเข
“แต่ตอนนี้ พวกคุณคิดที่จะใช้วิธีการต่อสู้แบบผลัดเปลี่ยนโจมตีคุณฉู่เหรอครับ?”ทั่วทั้งกองทัพรักษาการณ์มียอดฝีมือเก่ง ๆ แบบหลัวคายอย่างน้อยสามสี่คนถ้าทุกคนผลัดกันขึ้นมาท้าประลองกับฉู่เฉินคนละรอบ ฉู่เฉินก็คงจะเหนื่อยจนตายไปเสียก่อนนอกจากนี้ จากเครื่องหมายดาวสองดวงบนไหล่ของหลัวคาย ก็ไม่ยากที่จะคาดเดาเขาคือยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานขั้นที่สอง ซึ่งเหนือกว่าฉู่เฉินถึงหนึ่งระดับหากต้องการจะกลั่นแกล้ง ก็ไม่ควรจะใช้วิธีนี้กลั่นแกล้งสิโฮ่วเจี้ยนอิงยิ้มอย่างไม่แยแส ก่อนจะมองไปที่ฉู่เฉินบนเวทีประลอง “จะยอมรับการท้าประลองหรือไม่นั้น สามารถให้คุณฉู่ตัดสินใจเองได้ ถ้าหากคุณฉู่ไม่อยากสู้ต่อ การประลองครั้งนี้ก็ถือว่าพวกเราแพ้ไป”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งมองไปที่โฮ่วเจี้ยนอิงอย่างไม่ยอม “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ฉัน…”โฮ่วเจี้ยนอิงส่ายหน้าเล็กน้อยให้เซียวเสวี่ยอิ๋ง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “เสวี่ยอิ๋ง คุณไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา อีกอย่าง เขายอมให้คุณมาโดยตลอด ไม่อย่างนั้น ท่าอุ้มทุ่มเมื่อกี้คุณคงตายไปแล้ว”อะไรนะ?เซียวเสวี่ยอิ๋งถึงกับไม่กล้าเชื่อสิ่งที่หูตัวเองได้ยินฉู่เฉินยอมให้เธอมา
“กล้าหยามเกียรติฉัน แกสมควรตาย!”เซียวเสวี่ยอิ๋งในตอนนี้ ดวงตาคู่สวยของเธอกำลังเป็นสีแดงเพลิง พลังการต่อสู้ของเธอสูงจนเกินขีดสุดไปแล้ว แม้แต่โฮ่วเจี้ยนอิงยังอดไม่ได้ที่จะพยักหน้ารับรัว ๆ ในพริบตาเดียว เซียวเสวี่ยอิ๋งก็ต้อนฉู่เฉินจนจนมุม ทำให้ผู้ชมที่นั่งอยู่ข้างล่างตื่นเต้นถึงขีดสุดนี่แหละคือลักษณะของนักรบหญิงอันดับหนึ่งแห่งกองทัพควรจะมีเมื่อเซียวเฟิงเห็นว่าฉู่เฉินกำลังตกอยู่ในสถานการณ์ที่เสียเปรียบ ความโกรธในใจของเขาก็ลดลงไปไม่น้อย เขามองฉู่เฉินบนเวทีด้วยสายตาแข็งกร้าวแล้วพูดขึ้น “ฉู่เฉิน ยั่วโมโหน้องสาวฉัน นายคงไม่อยากมีชีวิตอยู่ต่ออีกนาน ๆ สินะ”แต่เมื่อฉู่เฉินถูกเซียวเสวี่ยอิ๋งบีบให้ถอยไปเรื่อย ๆ การโจมตีของเซียวเสวี่ยอิ๋งเองก็ถูกฉู่เฉินจับทางได้อย่างหมดเปลือกแค่ท่าของสิบสามกระบวนท่าเตะกับลูกเตะนกกระยางดาวตกเท่านั้นยังไงซะเซียวเสวี่ยอิ๋งไม่มีการสืบทอดพลังที่น่ากลัวเหมือนกับฉู่เฉิน การที่เธอสามารถฝึกฝนสองท่านี้จนถึงระดับสูงสุดได้ ก็ถือว่าหาได้ยากนักเมื่อจับทางวิธีการต่อสู้ของเซียวเสวี่ยอิ๋งได้แล้ว ฉู่เฉินก็ยิ้มบาง ๆ แล้วพูดขึ้น “ตอนนี้ผมจะเอาจริงแล้วนะ”ทันทีที่พูดจบ
นี่มันเวทีการประลองหรือเวทีแสดงความรักกันแน่!?โดยเฉพาะหลัวคาย นายพลสองดาวที่ตามจีบเซียวเสวี่ยอิ๋งอย่างบ้าคลั่งมานานเกือบปี เมื่อเห็นภาพตรงหน้า เขาก็กัดฟันแน่นจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆนั่นมันนางฟ้าของเขานะ!ไอ้คนแซ่ฉู่กล้าดียังไง!เซียวเฟิงเองก็ลุกพรวดขึ้นเช่นกัน เขาชี้นิ้วไปที่ฉู่เฉินก่อนตะโกนลั่นด้วยความโกรธ “ฉู่เฉิน ปล่อยน้องสาวฉันเดี๋ยวนี้!”ไอ้เด็กฉู่เฉิน กล้าฉวยโอกาสน้องสาวเขาโดยอ้างว่าเป็นการประลองใช่ไหม?แบบนี้จะยอมได้ยังไง!แต่ในขณะเดียวกัน โจวอวี้หมิงที่นั่งดูอยู่บนอัฒจันทร์ก็หันไปพูดกับโฮ่วเจี้ยนอิง “ผู้บังคับบัญชาสูงสุดโฮ่ว ยอดฝีมือแค่ขยับมือนิดหน่อยก็รู้ผลแล้ว ผมว่าการประลองครั้งนี้ คงไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นอีกแล้วใช่ไหม?”“หึ!”โฮ่วเจี้ยนอิงแค่นหัวเราะเบา ๆ “ไม่แน่เสมอไป”ทันทีที่โฮ่วเจี้ยนอิงพูดจบ เซียวเสวี่ยอิ๋งที่ถูกฉู่เฉินกอดไว้ ในอ้อมแขน เธอทั้งอายทั้งโกรธ เธอยกขาขึ้นแล้วหมุนตัวเตะไปยังจุดยุทธศาสตร์ของฉู่เฉินอย่างไม่ลังเล!ซี้ด!เมื่อเห็นว่าลูกเตะตัดทายาทนี้พุ่งเข้าใส่ฉู่เฉินรวดเร็วดั่งสายฟ้า หลูติ้งไห่ก็ถึงกับหลับตาปี๋โดยไม่รู้ตัวจบแล้ว!ระยะประชิดขนาดนี