ทันใดนั้น ลมหายใจอันอบอุ่นของผู้ชายก็พุ่งเข้าหาใบหน้าของหลิ่วชิงเหอในเวลาชั่วครู่นั้น หลิ่วชิงเหอก็เกิดอาการใจเต้นเร็วขึ้นมาสิ่งนี้มันช่างชวนให้จินตนาการ ทั้งยังทำให้เธอเกิดความรู้สึกอยากต่อต้านในเวลาเดียวกัน นั่นทำให้เธอแทบจะเป็นบ้าเลยล่ะไม่นะ!ฉันเป็นอะไรไปเนี่ย?เหตุใดเธอถึงใจเต้นกับไอ้สัตว์เดรัจฉานฉู่เฉินนี่...เมื่อครั้นนึกถึงการกระทำของฉู่เฉินครั้งแล้วครั้งเล่า หลิ่วชิงเหอทั้งอายและโกรธเธอยกกำปั้นสีชมพูของเธอขึ้นมา ออกแรงทุบเข้าไปอย่างแรงที่หน้าอกอันแข็งแกร่งทรงพลังของฉู่เฉิน“แกไอ้สัตว์เดรัจฉาน รีบปล่อยฉันนะ!”หลิ่วชิงเหอทั้งส่งเสียงกรีดร้อง ทั้งใช้มือทั้งสองข้างจับไหล่ของฉู่เฉินไว้อย่างแน่น ขาสีขาวราวหิมะที่สวยงามคู่หนึ่งก็พยายามอย่างเต็มที่เพื่อต่อต้านการเคลื่อนไหวของฉู่เฉิน“ปล่อยเธอไปงั้นเหรอ? หรือว่าเธอลืมเรื่องที่รับปากกับฉันไปแล้ว?”ฉู่เฉินยิ้มอย่างยั่วยุ ไม่ได้สนใจเรี่ยวแรงที่ดิ้นรนของหลิ่วชิงเหอแม้แต่น้อย ยืนมือออกไปคว้าชุดนอนกระโปรงซีทรูของเธอแคว้ก!เสียงแหลมดังมาถึงหูของเธอ ชุดนอนกระโปรงซีทรูที่อยู่บนร่างกายของเธอชุดนั้นได้ถูกฉู่เฉินฉีกออกเป็นรูโบ๋ให
“รีบกลับไปสิ ไม่งั้น... แกเข้าใจ”หลิ่วชิงเหอเพิ่งวิ่งออกไปได้ไม่กี่ก้าว เสียงเหนื่อยล้าของฉู่เฉินดังขึ้นมาจากข้างหลัง“ไอ้สัตว์เดรัจฉาน มันจะต้องมีสักวันที่ฉันจะฆ่าแก!”หลิ่วชิงเหอ หยุดครู่หนึ่งแล้ววิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็ว โดยกลัวว่าจะพลาดโอกาส หากฉู่เฉินเปลี่ยนใจ เธอจะมาเสียใจทีหลังก็ไม่ทันแล้วเวลาผ่านไปไม่นาน หลิ่วชิงเหอย่องกลับไปยังห้องนอน มองไปที่ฉู่เฉินที่ดูเหมือนจะหลับไปแล้ว ลมหายใจสม่ำเสมอ แววตาของเธอก็มีแสงหนาวแวบขึ้นมา!“ถึงแม้ว่าจะฆ่าแกไม่สำเร็จ แต่ฉันก็จะตอนแกให้ได้!”เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ หลิ่วชิงเหอก็เดินไปที่โต๊ะอย่างเงียบ ๆ และจับมีดปอกผลไม้“ทางที่ดีเธอเป็นเด็กดีเชื่อฟังหน่อยนะ เธอคิดว่าไอ้มีดเล็กๆ นั่นจะทำร้ายฉันได้งั้นเหรอ?”เมื่อปลายนิ้วของหลิ่วชิงเหอสัมผัสกับมีดปอกผลไม้ เสียงเย็นชาก็ดังขึ้นมาลอย ๆ“อ๊ะ!”หลิ่วชิงเหอตกใจจนร่างกายเหงื่อออกชุ่ม รีบชักมือกลับมาไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่ไม่ได้หลับอยู่เหรอ?ทำไมมันถึงรู้ว่าฉันกำลังทำอะไรอยู่ล่ะ?ในขณะที่หลิ่วชิงเหอกำลังตกตะลึงอยู่นั้น ฉู่เฉินก็ค่อยๆ ลืมตาทั้งสองข้างขึ้นมาในสัมผัสของเขาการกระทำในระยะห้าร้อยเมตร ไ
ฉู่เฉินหัวเราะออกมาเบาๆ ดวงตาของเขากวาดไปทั่วใบหน้าที่แสดงความเกลียดชังของหลิ่วชิงเหอ พร้อมพูดอย่างหยิ่งยโสว่า “งั้นเหรอ? งั้นฉันก็อยากจะเห็นเหมือนกันว่าวงการนี้มันจะขนาดไหนกันเชียว”“อย่างมากครึ่งปี ฉันก็สามารถนำสิ่งที่เป็นของฉันคืนมาได้ทั้งหมด”น้ำเสียงของฉู่เฉินทั้งยืนหยัดและมั่นใจ!“แกฝันไปเถอะ!”หลิ่วชิงเหอจ้องไปที่ฉู่เฉินอย่างดูถูกแม้ว่าเธอจะไม่รู้ว่าไอ้สัตว์เดรัจฉานนี่มันเปลี่ยนแปลงไปอย่างไร แต่ว่าในโลกธุรกิจมันจะง่ายดายขนาดนั้นเชียวเหรอ?ฉู่เฉินหนึ่งไม่ได้มีคอนเนคชั่นใดๆ สองไม่มีเงินทุน เขาจะใช้อะไรทำให้บริษัทเติบโตขึ้นมา?อาศัยการโอ้อวดเหรอ?หากฉู่เฉินทำให้บริษัทเติบโตขึ้นมาได้ งั้นแม่หมูก็คงปีนต้นไม้ได้แล้วล่ะ“ไม่เชื่อเหรอ? งั้นพวกเรามาพนันกันไหมล่ะ?”ฉู่เฉินเยาะเย้ยและมองไปที่หลิ่วชิงเหอ“แกจะพนันอะไรล่ะ?”หลิ่วชิงเหอสีหน้าเรียบนิ่ง จ้องไปที่ฉู่เฉินพร้อมถามเขา“เอาแบบนี้ดีกว่า หากภายในหนึ่งเดือน ฉันสามารถทำให้บริษัทเติบโตขึ้นมาได้ เธอต้องเชื่อฟังให้ฉันใช้ไอ้นั่นของเธอ...”ทันใดนั้นสีหน้าของหลิ่วชิงเหอก็เปลี่ยนไป และเธอก็รีบหันหลังกลับเพื่อหลีกเลี่ยงฉู่เฉินใช
หลิ่วชิงเหอที่วิ่งกลับไปยังห้องด้วยความรวดเร็ว ในขณะที่เธอกำลังจะปิดประตูนั้น เธอก็สัมผัสได้ถึงสายตาของหลิ่วหรูเยียนที่เต็มไปด้วยความสงสัยอดไม่ได้ที่จะรู้สึกกระวนกระวายใจในหัวใจไอ้เลวนั่นมันทำอะไรกับร่างกายเธอกันแน่!หลิ่วชิงเหอแทบจะเป็นบ้าแล้ว!หากถูกหลิ่วหรูเยียนรู้เข้าว่าเมื่อคืนเธอกับฉู่เฉิน...แบบนั้นจะทำอย่างไรดีหลิ่วชิงเหอสีหน้าโกรธจัด รีบวิ่งเข้าไปในห้องอาบน้ำเมื่อเธอมองไปยังกระจก ก็เห็นข้อความบนบั้นท้ายเขียนไว้อย่างชัดเจนว่า “รอฟังข่าวดี” เธออึ้งไปเลยเมื่อหวนนึกถึงเดิมพันระหว่างเธอกับฉู่เฉินเมื่อคืน หลิ่วชิงเหอถึงได้เข้าใจทันที“ฉู่เฉิน! ฉันจะฆ่าแก!”“กรี๊ด!”หลิ่วชิงเหอตัวสั่นไปหมด ฉู่เฉินนี่ไม่ได้เรียกว่าทำเกินไป แต่เรียกว่ารนที่ตายไม่ได้!เธอต้องใจเย็นๆ !หลิ่วชิงเหอกลืนน้ำลายลงไป หอบหายใจอย่างแรง เธอพยายามควบคุมอารมณ์ตัวเองอย่างหนักแต่พอยิ่งคิดในใจโกรธเป็นอย่างมากมันน่าโมโหจริงๆ!หลิ่วชิงเหอกระทืบเท้าอย่างบ้าคลั่ง เธอต้องการหาที่ระบาย แต่สุดท้ายกลับทำให้เธอโกรธหนักกว่าเดิม!“แม่คะ หนูไปทำงานก่อนนะ วันนี้บริษัทมีประชุมเช้า หนูต้องไปเข้าร่วมตรงเวลา
ฉู่เฉินจะเป็นปรมาจารย์ได้อย่างไร?“คุณชายจิน คุณจำผิดหรือเปล่าคะ? เมื่อไม่กี่วันก่อน ไอ้เจ้านั่นมันยังเป็นคนไร้ประโยชน์อยู่เลยนะคะ”หลิ่วหรูเยียนถามจี้ด้วยน้ำเสียงสั่นคลอน“หรูเยียนเป็นมันแน่นอน ไอ้เจ้านั่นมันน่าจะเป็นปรมาจารย์ยุทธ์จริงๆ ดังนั้น...”“พอเถอะค่ะ ในเมื่อคุณทำไม่ได้ งั้นฉันค่อยหาทางอื่นแล้วกัน”ไม่รอให้จินอ้าวเทียนพูดจบ หลิ่วหรูเยียนก็พูดตัดบทขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา หลังจากนั้นก็กดวางสายทันทีปรมาจารย์เหรอ?หลิ่วหรูเยียนเม้มริมฝีปากของเธอเล็กน้อยแล้วส่ายหัว เป็นไปไม่ได้!มันต้องเป็นเพราะไอ้คนไร้ประโยชน์จินอ้าวเทียนดื่มเหล้าเยอะจนเสียสติแน่ๆ ถึงสู้ฉู่เฉินไม่ได้ ถึงได้หาข้ออ้างที่ไม่น่าเชื่อถือมาล้างผิดให้ตัวเองแบบนี้!ใช่!เป็นอย่างนี้แน่!เมื่อคิดอย่างนี้ ความตื่นตระหนกบนใบหน้าของหลิ่วหรูเยียนก็หายไป และเธอก็กลับมามีความมั่นใจอีกครั้งหึ!ฉู่เฉิน!ไม่ว่าแกจะเป็นปรมาจารย์อะไรก็ช่าง ฉันก็จะต้องฆ่าแกให้ได้!หลังจากนั้นหลิ่วหรูเยียนก็ขับรถออกไปอีกครั้ง ขับรถมุ่งหน้าไปยังบริษัท……อีกด้านหนึ่ง ณ โรงพยาบาลประชาชนเจียงจง จินอ้าวเทียนมือพันไปด้วยผ้าพันแผล เขากัดฟ
“อืม ผมก็มีเรื่องจะคุยกับคุณพอดี”ฉู่เฉินพูดขึ้นมาอย่างนิ่งเฉยเมื่อได้ยินเช่นนั้น โจวเทียนเฟิ่งก็ดีใจมากและรีบบอกที่อยู่ของตึกเฟิ่งให้ฉู่เฉินทราบ จากนั้นจึงกล่าวด้วยความเคารพ “ปรมาจารย์ฉู่ ฉันจะส่งคนไปรับคุณนะคะ”ฉู่เฉินตอบกลับ และวางสายลงอีกด้าน ตึกเฟิ่งตึกเฟิ่งเป็นภัตตาคารขนาดใหญ่ที่มีชื่อเสียงที่สุดในเจียงจง สำนักเฟิ่งเป็นผู้สร้างขึ้นมา สถานที่สำหรับผู้บริโภคชั้นนำที่ผสมผสานด้านอาหาร ที่พัก และความบันเทิงเพื่อต้อนรับฉู่เฉิน โจวเทียนเฟิ่งตั้งใจจัดงานเลี้ยง ทั้งยังเชิญคนจากต่างประเทศ และเชิญเชฟที่มีชื่อเสียงที่สุดจากทั่วประเทศมาจัดเตรียมอาหารให้เองกับมือมองโต๊ะที่เต็มไปด้วยอาหาร อีกทั้งสายตาที่เลื่อมใสของโจวเทียนเฟิ่ง อู๋กังยอดฝีมือของสำนักเฟิ่งที่ยืนอยู่ข้างๆ สีหน้าดูไม่ดีเป็นอย่างมากเขาไม่เพียงแต่เป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของสำนักเฟิ่ง อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้มาจีบโจวเทียนเฟิ่งอีกด้วยตอนนั้นเป็นเพราะเข้าหลงใหลท่าทีที่ไม่เหมือนใครของโจวเทียนเฟิ่ง ถึงตกหลุมรักเธอ เขาเต็มใจช่วยเหลือโจวเทียนเฟิ่งสร้างสำนักเฟิ่งจนมีในวันนี้ได้แต่ในสิบปีที่ผ่านมานี้ โจวเทียนเฟิ่งกลับไม่แคร์
“ครับ”แม้ว่าอู๋กังจะยอมจำนนต่อหน้า แต่เขาก็แอบเถียงในใจไอ้ฉู่ ฉันก็อยากจะเห็นจริงๆ ว่าแกจะเก่งขนาดไหนกัน!ผ่านไปสักพัก กูจะเปิดโปงต่อหน้าเจ๊เองว่าแกมันเป็นคนหลอกลวง เมื่อคิดได้เช่นนี้อู๋กังก็ส่งเสียงหึออกมาเบาๆ เขาวิ่งเข้าไปในห้องส่วนตัวกวักมือเรียกลูกน้องมาสองคน นำแผนที่ของบ้านใหญ่ตระกูลฉู่มอบให้“ไปรับตามคำสั่งของเจ๊ ไปรับปรมาจารย์ฉู่มา!”ลูกน้องสองคนที่ได้ยินเช่นนั้นรีบรับกระดาษนั่นมา พร้อมกับรับคำสั่งสามสิบนาทีผ่านไป ลูกน้องสำนักเฟิ่งสองคน จากนั้นเขาก็พาฉู่เฉินไปที่ประตูห้องเทียนจือในตึกเทียนเฟิ่ง และแสดงท่าทางแสดงความเคารพ พร้อมกับผายมือเชิญ “ปรมาจารย์ฉู่ เชิญด้านในครับ เจ๊รอคุณอยู่ในนี้นานแล้วครับ”ฉู่เฉินพยักหน้าเล็กน้อย ผลักประตูเข้าไปมองไปที่แผ่นหลังของฉู่เฉินแป๊ปหนึ่ง ลูกน้องหนึ่งในนั้นยักคิ้วขึ้นมา เขากระซิบกับเพื่อนที่อยู่ข้างๆ “นี่คือปรมาจารย์ฉู่ที่อายุน้อยนั่นใช่ไหม?”“ฉันว่าเขาดูเด็กกว่าฉันไปสามสี่ปีเลยนะ”เพื่อนที่อยู่ข้างๆ เขาหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “ไม่เห็นเหรอว่าเมื่อกี้สีหน้าของพี่อู๋แย่แค่ไหน? ฉันเดาว่าเด็กนี่ลำบากแล้วล่ะ”เมื่อได้ยินคำนี้ทั้งสองคนส
อู๋กังอดทนกับฉู่เฉินมานานแล้วตั้งแต่ที่ฉู่เฉินเดินเข้ามา อู๋กังก็ไม่ถูกชะตาฉู่เฉินแล้วโจวเทียนเฟิ่งสละที่นั่งให้เขา มันเป็นเพียงมารยาทเท่านั้น ท้ายที่สุดแล้วตึกเฟิ่งก็คือถิ่นของสำนักเฟิ่งอยู่ดีหากเปลี่ยนเป็นคนอื่น จะไม่มีใครกล้านั่งที่หลักแน่นอน เพราะนั่นมันเป็นสิ่งต้องห้ามในโลกใต้ดินแต่ไอ้เจ้าหน้าจืดนี่มันช่างกล้า นั่งลงไปซะดื้อๆ แบบนั้นเขาอดทนแล้ว ใครใช้ให้โจวเทียนเฟิ่งเอาแต่ปกป้องไอ้หน้าจืดนี่ล่ะ? พอเมื่อพูดถึงซงหู่ ไอ้เจ้านี่มันก็เอาแต่แสร้งทำเป็นอำนาจบาตรใหญ่ พูดออกมาว่าเรื่องเล็กน้อยงั้นเหรอ?คำพูดแบบนี้ไอ้ฉู่มันก็พูดออกมาได้งั้นเหรอ?ในตอนนั้นกำราบซงหู่ พร้อมทั้งนำคนไปทำลายเหมิงหู่ถังกว่าสิบกว่าแห่งก็คืออู๋กังในขณะนั้น อู๋กังมีพลังกำลังภายในระดับพื้นฐานแล้วแต่ถึงอย่างนั้น การต่อสู้อันนองเลือดกับเหมิงหู่ถังก็ยังคงสดใหม่อยู่ในความทรงจำของอู๋กังในตอนที่เข้าสู้กับซงหู่นั้น ร่างกายได้รับบาดเจ็บจากคมมีดหลายจุด สุดท้ายก็เป็นเพียงชัยชนะอันหวุดหวิดไม่ได้เหมือนที่เขาพูดว่าชิวๆ เลยสักนิดผ่านไปก็หลายปีแล้ว ซงหู่พัฒนาไปถึงขั้นไหน แม้แต่อู๋กังก็ยังไม่สามารถเดาได้ที่จ