ท้องทะเลรับน้ำจากสายน้ำนับร้อย ไม่ว่าพลังฝีมือของฝ่ายตรงข้ามจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ทำได้เพียงถูกดูดซับพลังหยางกับพลังวิญญาณเท่านั้น ใครแม่งจะรับได้? ถึงอย่างไรฉู่เฉินก็เข้าใจเคล็ดลับของวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์เป็นอย่างดี หากยังหาวิธีการเปลี่ยนแปลงอินซู่ซู่ไม่เจอ เขาก็จะไม่มีวันเข้าไปยุ่งเป็นอันขาด ด้วยเหตุนี้เอง ต่อให้อินซู่ซู่ยั่วยวนทุกวิถีทาง สำหรับฉู่เฉินแล้วแทบไม่มีผลเลย เมื่อฉู่เฉินบรรลุถึงขั้นนี้แล้ว เขาสามารถควบคุมการทำงานของวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์ได้ตามใจนึก นับประสาอะไรกับฉู่เฉินในตอนนี้ เขาไม่ขาดแคลนผู้หญิงเลยโอเคไหม ไม่จำเป็นต้องลดพลังฝีมือของตัวเองจำนวนมากเพื่อลองชิมของใหม่ ถึงขนาดที่อาจเสี่ยงต่อการลดระดับขั้นด้วย “มะ ไม่มีอะไรค่ะ ฉันแค่อยากให้นายท่านสนใจฉันมากขึ้น อย่างเช่น...” ระหว่างที่พูดอินซู่ซู่ก็ยกเท้าเล็ก ๆ ที่สวมรองเท้าส้นสูงขึ้นมา ขาขาวนวลที่เรียวยาวและกระชับอย่างยิ่งข้างหนึ่งค่อย ๆ ปรากฏขึ้นเบื้องหน้าฉู่เฉินยั่วยวน! ไม่สิ น่าจะเป็นการล่อลวงมากกว่า! ถ้าเกิดสาวน้อยคนนี้ได้รับการสั่งสอนเป็นอย่างดี เธอยังทำได้ถึงขนาดได้กันนะ? ฉู่เฉินเพิ่งรู้สึกได้ถึงวิช
“นายท่าน ฉันสาบานว่าไม่ได้เป็นอย่างที่นายท่านคิดแน่นอน ฉะ...ฉันแค่กังวลว่าออกจากสำนักนานเกินไปจะถูก...จะถูกพบได้”“พอถึงตอนนั้นถ้าเกิดทำให้นายท่านเดือดร้อนขึ้นมา ก็...ก็จะเกิดปัญหาใหญ่ได้”อินซู่ซู่พยายามแสร้งทำเป็นอธิบายด้วยความสงบนิ่ง ฉู่เฉินเอ่ยด้วยรอยยิ้มเฉยชาว่า “ความจริงแล้วการควบคุมบนตัวเธอไม่มีผลกระทบอะไรต่อเธอเลย นอกเสียจากว่าเธอคิดจะฆ่าฉัน ไม่อย่างนั้นก็จะไม่โดนกระตุ้นขึ้นมา” “นอกจากนี้ก็ไม่ส่งผลกระทบต่อการที่เธอกลับไปยังสำนักของเธอด้วย ฉันเชื่อว่าแม้แต่ปรมาจารย์ของเธอก็ไม่สามารถรับรู้ได้” เรื่องความมั่นใจในตัวเองนี้ ฉู่เฉินยังคงมีอยู่อาศัยประสบการณ์ที่รับมือกับสาว ๆ...ไม่สิ กับสำนักใหญ่ต่าง ๆ ของราชันมังกรแห่งแดนเหนือ คนอื่น ๆ จะรับรู้วิชาของเขาได้อย่างไร? ถ้าเกิดไม่ว่าใครก็สามารถรับรู้ถึงความผิดปกติได้ เช่นนั้นราชันมังกรแห่งแดนเหนือคงไม่สิ้นชีพไปนานแล้วเหรอ? “ว่าไงนะ? แม้แต่ปรมาจารย์ของฉันก็ไม่สามารถรับรู้ได้เหรอคะ?”อินซู่ซู่ได้ยินคำพูดนี้ก็อดตกใจยกใหญ่ไม่ได้ เธอไม่กล้าเชื่อหูของตัวเองเลยนับตั้งแต่ที่ออกจากสำนัก อินซู่ซู่ก็ตัดความสัมพันธ์กับสำนักโดยสิ้นเ
“เก้าวิญญาณสวรรค์แปรเปลี่ยน? ไม่ได้ๆ...” หลังจากค้นหาอยู่พักหนึ่ง ฉู่เฉินก็หาเจอจริง ๆ“อันนี้แหละ!”เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉู่เฉินก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อืม เด็กมีแววสอนได้” ฉู่เฉินจิบชาหอมอีกคำถึงค่อยพูดอย่างเฉยชาว่า “ไปหยิบกระดาษกับปากกามา”อินซู่ซู่คิดไม่ถึงว่าฉู่เฉินจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้เธอจริง ๆ ในใจเธอทั้งตกใจทั้งยินดี ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คิดไม่ถึงว่าฉู่เฉินที่เธอเข้าใจผิดว่าเป็นคนหื่นกามและเป็นมารราคะมาโดยตลอดจะใจกว้างเช่นนี้ อีกทั้งยังถ่อมตน ไม่ถือสากับสิ่งที่เธอกระทำลงไปก่อนหน้านี้ แถมยังถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้เธออีกด้วยชั่วขณะหนึ่ง อินซู่ซู่รู้สึกซาบซึ้งใจต่อฉู่เฉินจนขอบตาฉ่ำรื้นเมื่อคิดดูให้ดี เธอกับฉู่เฉินเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วันเองนะ?แต่น่าเสียดายที่หลายปีมานี้ อาจารย์ของเธอไม่ได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาที่พอเข้าท่าให้เธอเลยแถมยังมองเธอจะตายแล้วไม่ยอมช่วยอีก!เมื่อคิดถึงตรงนี้ อินซู่ซู่วิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วแล้วหยิบกระดาษกับปากกามาก่อนจะเข้าไปใกล้ฉู่เฉิน เบิกตากลมโตที่เปล่งประกายสดใสจ้องมองฉู่เฉินเขียนตัวอักษรที่ยากจะเข้าใจบนกระดาษ ฉู่เฉินลอบปรายตามองอินซ
ฉู่เฉินเห็นตัวเองในช่องสนทนาถึงค่อยสังเกตเห็นว่ามีรอยจูบสีแดงบนแก้มซ้ายตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขารีบยื่นมือไปเช็ด แต่กลับทำให้รอยจูบขยายใหญ่ยิ่งขึ้น“ฮึ เฉินเฉิน เพิ่งแยกจากกันคืนเดียว ฉันก็เปลี่ยนจากคนรักตัวน้อยไปเป็นคนรักเก่าแล้วสินะ?” แววตาโจวเทียนเฟิ่งเขียนคำว่าริษยาอยู่เต็มไปหมด สีหน้าเรียกได้ว่าหึงมาก ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เธอแทบจะคุ้นชินกับวันเวลาที่ฉู่เฉินอยู่ข้างกายเธอทุกวัน ถึงขนาดที่คิดไปเองว่าเธอเป็นภรรยาคนแรกของฉู่เฉิน ทว่าเมื่อเธอเห็นรอยลิปสติกบนใบหน้าของฉู่เฉิน ทันใดนั้นเธอก็ถูกลากจากภาพลวงตาที่สวยงามกลับมายังโลกความเป็นจริง ความจริงก็คือเธออายุมากกว่าฉู่เฉินหลายปี อีกทั้งฉู่เฉินจะต้องมีสาวงามมากมายอยู่ข้างกายแถมยังผลักไสออกไปไม่ได้แน่นอน เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ โจวเทียนเฟิ่งก็อดรู้สึกเจ็บปวดใจไม่ได้ ทำไมเธอถึงไม่เกิดช้ากว่านี้สักหลายปี หรือไม่ฉู่เฉินก็เกิดเร็วกว่านี้สักหลายปีนะ? บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องตลกขำ ๆ ที่พระเจ้าล้อเล่นกับเธอก็ได้ใช่ไหม?ชั่วขณะหนึ่ง ความรู้สึกสับสนต่าง ๆ ประเดประดังขึ้นมาในใจ ดวงตางามของโจวเทียนเฟิ่งมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอขึ้นม
ฉู่เฉินพูดจบก็วางสายทันที “นายท่าน ขอโทษด้วยนะคะ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเองที่ทะ...ทำให้พี่สาวคนนั้นเข้าใจผิด” อินซู่ซู่พูดกับฉู่เฉินด้วยสีหน้ารู้สึกผิดฉู่เฉินโบกมือทีหนึ่งพลางพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างเธอมีอะไรให้เข้าใจผิดได้ เดิมทีระหว่างพวกเราก็เป็นแค่มิตรภาพอันบริสุทธิ์!”มิตรภาพ...อันบริสุทธิ์เหรอ? อินซู่ซู่มองอย่างไร โจวเทียนเฟิ่งก็ดูเหมือนกำลังหึงอยู่นะ? แถมยังรีบร้อนมา เห็นได้ชัดว่ามีความหมายแฝงอยู่ ท่าทางของโจวเทียนเฟิ่งเมื่อครู่นี้เหมือนกับแมวที่อยากปกป้องปลาแห้งที่ตัวเองรักสุดขีด และปลาแห้งตัวนั้นก็เห็นได้ชัดว่าเป็นฉู่เฉิน “ตอนนี้เธอสามารถฝึกฝนตามเคล็ดวิชาที่ฉันให้เธอได้เลย ถ้าเกิดมีตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามฉันได้ตลอด” ฉู่เฉินเห็นอินซู่ซู่นิ่งอึ้งอยู่กับที่ ท่าทางเหมือนทำอะไรถูก เขาก็เอ่ยปากพูดทันที“ได้ค่ะ นายท่าน” อินซู่ซู่พูดจบก็คือเคล็ดวิชาที่ฉู่เฉินเพิ่งเขียนให้เธอแล้วนั่งลงบนม้านั่งหินในลานบ้าน ถึงแม้ว่าตัวอักษรเหล่านั้นดูเข้าใจยาก แต่ในตอนที่อินซู่ซู่นั่งขัดสมาธิเริ่มฝึกหายใจเข้าออก ตัวอักษรบนนั้นก็พุ่งเข้าไปในสมองของเธออย่างร
ฉู่เฉินมองโจวเทียนเฟิ่งแวบหนึ่งแล้วพรูลมหายใจเบา ๆ จากนั้นก็โยนกระดาษเอสี่ที่เขียนเคล็ดวิชาสตรีหยกให้โจวเทียนเฟิ่ง“เคล็ดวิชาสตรีหยก?”โจวเทียนเฟิ่งขมวดคิ้วมุ่นกับตัวอักษรที่ยากแก่การเข้าใจบนนั้นก่อนจะเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ “อืม นี่เป็นของที่มอบให้คุณ ตอนที่ถ่ายทอดวิชาให้อินซู่ซู่เมื่อกี้ จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าร่างกายของคุณมีคุณสมบัติพิเศษ ถ้าเกิดไม่ฝึกฝนวิชาที่เหมาะสม เกรงว่าคุณคงไม่มีวันทะลวงสู่ระดับปรมาจารย์ได้ตลอดกาล” ถึงแม้โจวเทียนเฟิ่งผ่าน ‘การฝึกฝนอย่างหนัก’ ในช่วงหลายวันมานี้จนไปถึงระดับกำลังภายในขั้นสูงแล้ว แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามหนักมากแค่ไหน หรือว่าบำเพ็ญคู่กับฉู่เฉิน เธอก็ไม่สามารถก้าวข้ามธรณีประตูนั้นได้เลยถึงขนาดที่ตัวเธอเองก็สงสัยนิดหน่อยว่าเธอไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักสู้ใช่หรือเปล่า อันที่จริงเป็นเพราะพลังชีวิตในร่างกายเธอถูกฉู่เฉินดูดซับไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อระดับของฉู่เฉินเพิ่มขึ้น ผลประโยชน์ที่โจวเทียนเฟิ่งสามารถนำมาให้เขาก็มีจำกัดมากแล้วต่อให้กายาหงส์หยกเหมันต์เข้ากับวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์ของฉู่เฉินได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ระดับของทั้งสองฝ่ายไม่สามารถ
แม้ว่าเธอจะเอาการหารือกับฉู่เฉินเรื่องรายชื่อแขกที่เชิญมาเป็นข้ออ้าง แต่พอกลับไปถึงเทียนเฟิ่งวิลล่า เธอก็จดจ่ออยู่กับการศึกษาเคล็ดวิชาสตรีหยก โยนเรื่องรายชื่อแขกที่เชิญไปที่ด้านหลังสมองจนหมดเมื่อโจวเทียนเฟิ่งท่องเคล็ดวิชา ตัวอักษรที่ยากจะเข้าใจบนนั้นก็ประทับเข้าไปในสมองของโจวเทียนเฟิ่งราวกับมีมาตั้งแต่กำเนิด ตูม! พอตัวอักษรเหล่านั้นสลักเข้าไปในความทรงจำของโจวเทียนเฟิ่ง เส้นลมปราณทั่วทั้งร่างเธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล จุดคอขวดที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถทะลวงได้มาตลอดเหมือนกับกระจ่างแจ้งขึ้นฉับพลัน กลายเป็นโปร่งใสอย่างยิ่ง วินาทีต่อมา ลมปราณของโจวเทียนเฟิ่งพลันเพิ่มสูงขึ้น และเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นสูงสุดของระดับปรมาจารย์แล้วค่อย ๆ คงที่ลง “ฉะ...ฉันทะลวงได้แล้วเหรอ?” โจวเทียนเฟิ่งไม่อยากเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง ปรมาจารย์เชียวนะในสถานที่เล็ก ๆ อย่างเจียงจง ปรมาจารย์หนึ่งคนก็เพียงพอที่จะสยบทุกสิ่งทุกอย่างแล้วอย่าว่าแต่วงการใต้ดินเลย แม้แต่วงการต่อสู้ก็ต้องเคารพนับถือปรมาจารย์ เหมือนกับคนอย่างจินเจิ้นหลงที่ฝึกฝนอย่างยากลำบากมาหลายสิบปีก็เพิ่งบรรลุถึงระ
รีบ! เธอรีบมากจริง ๆ!ครึ่งชั่วโมงที่ผ่านสำหรับโจวเทียนเฟิ่งแล้ว มันช่างยาวนานยิ่งกว่าหนึ่งเดือนเสียอีก ภายในร่างกายเธอเหมือนถูกหว่านด้วยเมล็ดเพลิง ทุกนาที ทุกวินาที เมล็ดเพลิงนั้นกำลังเติบโตและลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง! และปราณแท้ในร่างของเธอก็เหมือนได้รับผลกระทบจากเมล็ดเพลิง กลายเป็นรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างยิ่งอาจเป็นเพราะฝึกฝนเคล็ดวิชาสตรีหยก ขอเพียงเธอสัมผัสโดนร่างกายของฉู่เฉินก็จะเกิดความรู้สึกชาเหมือนโดนไฟช็อต ความรู้สึกชานี้ทำให้คันไปทั่วทั้งร่างจนทนไม่ไหวแล้ว ทันทีที่มาถึงด้านข้างก้อนหินใหญ่ที่คุ้นเคยก้อนนั้น โจวเทียนเฟิ่งก็นั่งลงบนขาของฉู่เฉินอย่างอดใจรอไม่ไหว ชั่วพริบตานั้น ฉู่เฉินรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของโจวเทียนเฟิ่งเช่นกัน ปราณแท้นับไม่ถ้วนทะลักจากภายในร่างของโจวเทียนเฟิ่งเข้าสู่จุดตันเถียนของฉู่เฉินอย่างบ้าคลั่งบรรยากาศรอบด้านก็เหมือนกับเกิดกระแสพลังสองสายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสายหนึ่งร้อนรุ่มและสั่นกระเพื่อม อีกสายเย็นสบายและสงบนิ่งเมื่อกระแสพลังสองสายถักทอเข้าด้วยกัน หมุนวนอย่างรวดเร็ว พลังวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในภูเขารอบ ๆ ก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาโดยสมบูรณ์