ฉู่เฉินมองโจวเทียนเฟิ่งแวบหนึ่งแล้วพรูลมหายใจเบา ๆ จากนั้นก็โยนกระดาษเอสี่ที่เขียนเคล็ดวิชาสตรีหยกให้โจวเทียนเฟิ่ง“เคล็ดวิชาสตรีหยก?”โจวเทียนเฟิ่งขมวดคิ้วมุ่นกับตัวอักษรที่ยากแก่การเข้าใจบนนั้นก่อนจะเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ “อืม นี่เป็นของที่มอบให้คุณ ตอนที่ถ่ายทอดวิชาให้อินซู่ซู่เมื่อกี้ จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าร่างกายของคุณมีคุณสมบัติพิเศษ ถ้าเกิดไม่ฝึกฝนวิชาที่เหมาะสม เกรงว่าคุณคงไม่มีวันทะลวงสู่ระดับปรมาจารย์ได้ตลอดกาล” ถึงแม้โจวเทียนเฟิ่งผ่าน ‘การฝึกฝนอย่างหนัก’ ในช่วงหลายวันมานี้จนไปถึงระดับกำลังภายในขั้นสูงแล้ว แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามหนักมากแค่ไหน หรือว่าบำเพ็ญคู่กับฉู่เฉิน เธอก็ไม่สามารถก้าวข้ามธรณีประตูนั้นได้เลยถึงขนาดที่ตัวเธอเองก็สงสัยนิดหน่อยว่าเธอไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักสู้ใช่หรือเปล่า อันที่จริงเป็นเพราะพลังชีวิตในร่างกายเธอถูกฉู่เฉินดูดซับไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อระดับของฉู่เฉินเพิ่มขึ้น ผลประโยชน์ที่โจวเทียนเฟิ่งสามารถนำมาให้เขาก็มีจำกัดมากแล้วต่อให้กายาหงส์หยกเหมันต์เข้ากับวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์ของฉู่เฉินได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ระดับของทั้งสองฝ่ายไม่สามารถ
แม้ว่าเธอจะเอาการหารือกับฉู่เฉินเรื่องรายชื่อแขกที่เชิญมาเป็นข้ออ้าง แต่พอกลับไปถึงเทียนเฟิ่งวิลล่า เธอก็จดจ่ออยู่กับการศึกษาเคล็ดวิชาสตรีหยก โยนเรื่องรายชื่อแขกที่เชิญไปที่ด้านหลังสมองจนหมดเมื่อโจวเทียนเฟิ่งท่องเคล็ดวิชา ตัวอักษรที่ยากจะเข้าใจบนนั้นก็ประทับเข้าไปในสมองของโจวเทียนเฟิ่งราวกับมีมาตั้งแต่กำเนิด ตูม! พอตัวอักษรเหล่านั้นสลักเข้าไปในความทรงจำของโจวเทียนเฟิ่ง เส้นลมปราณทั่วทั้งร่างเธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล จุดคอขวดที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถทะลวงได้มาตลอดเหมือนกับกระจ่างแจ้งขึ้นฉับพลัน กลายเป็นโปร่งใสอย่างยิ่ง วินาทีต่อมา ลมปราณของโจวเทียนเฟิ่งพลันเพิ่มสูงขึ้น และเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นสูงสุดของระดับปรมาจารย์แล้วค่อย ๆ คงที่ลง “ฉะ...ฉันทะลวงได้แล้วเหรอ?” โจวเทียนเฟิ่งไม่อยากเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง ปรมาจารย์เชียวนะในสถานที่เล็ก ๆ อย่างเจียงจง ปรมาจารย์หนึ่งคนก็เพียงพอที่จะสยบทุกสิ่งทุกอย่างแล้วอย่าว่าแต่วงการใต้ดินเลย แม้แต่วงการต่อสู้ก็ต้องเคารพนับถือปรมาจารย์ เหมือนกับคนอย่างจินเจิ้นหลงที่ฝึกฝนอย่างยากลำบากมาหลายสิบปีก็เพิ่งบรรลุถึงระ
รีบ! เธอรีบมากจริง ๆ!ครึ่งชั่วโมงที่ผ่านสำหรับโจวเทียนเฟิ่งแล้ว มันช่างยาวนานยิ่งกว่าหนึ่งเดือนเสียอีก ภายในร่างกายเธอเหมือนถูกหว่านด้วยเมล็ดเพลิง ทุกนาที ทุกวินาที เมล็ดเพลิงนั้นกำลังเติบโตและลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง! และปราณแท้ในร่างของเธอก็เหมือนได้รับผลกระทบจากเมล็ดเพลิง กลายเป็นรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างยิ่งอาจเป็นเพราะฝึกฝนเคล็ดวิชาสตรีหยก ขอเพียงเธอสัมผัสโดนร่างกายของฉู่เฉินก็จะเกิดความรู้สึกชาเหมือนโดนไฟช็อต ความรู้สึกชานี้ทำให้คันไปทั่วทั้งร่างจนทนไม่ไหวแล้ว ทันทีที่มาถึงด้านข้างก้อนหินใหญ่ที่คุ้นเคยก้อนนั้น โจวเทียนเฟิ่งก็นั่งลงบนขาของฉู่เฉินอย่างอดใจรอไม่ไหว ชั่วพริบตานั้น ฉู่เฉินรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของโจวเทียนเฟิ่งเช่นกัน ปราณแท้นับไม่ถ้วนทะลักจากภายในร่างของโจวเทียนเฟิ่งเข้าสู่จุดตันเถียนของฉู่เฉินอย่างบ้าคลั่งบรรยากาศรอบด้านก็เหมือนกับเกิดกระแสพลังสองสายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสายหนึ่งร้อนรุ่มและสั่นกระเพื่อม อีกสายเย็นสบายและสงบนิ่งเมื่อกระแสพลังสองสายถักทอเข้าด้วยกัน หมุนวนอย่างรวดเร็ว พลังวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในภูเขารอบ ๆ ก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาโดยสมบูรณ์
แต่เป็นเพราะฉู่เฉินได้รับการถ่ายทอดจากราชันมังกรแห่งแดนเหนือ ด้วยเหตุนี้รูปแบบของพลังวิญญาณถึงได้วิวัฒนาการเป็นเงามังกร แม้ว่าไม่มีกลิ่นอายมังกรที่แท้จริงอยู่ในเงามังกรนี้ แต่มันดูดซับพลังวิญญาณที่สั่งสมในร่างกายของฉู่เฉินไม่หยุดเพื่อหล่อเลี้ยงเงามังกรนี้อย่างต่อเนื่อง และนี่ทำให้พลังวิญญาณที่จำเป็นต่อการยกระดับขั้นของฉู่เฉินเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ถ่วงความเร็วในการเพิ่มระดับขั้นของฉู่เฉินโดยไม่รู้ตัว แต่สำหรับฉู่เฉิน ตัวตนของเงามังกรนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเลยเมื่อฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือว่าจุดตันเถียนได้รับความเสียหาย เงามังกรนี้ก็จะใช้พลังวิญญาณที่สะสมไว้ในร่างกายตัวเองฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของฉู่เฉินอย่างรวดเร็ว ก็เท่ากับว่าฉู่เฉินมีความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าสะพรึงกลัว และความสามารถในการฟื้นฟูเช่นนี้ต้องการใช้แค่พลังวิญญาณบางส่วนเท่านั้น ขอเพียงมีพลังวิญญาณเพียงพอ แม้ว่าจุดตันเถียนกับทะเลปราณของฉู่เฉินถูกทำลายก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ในระยะเวลาสั้น ๆ นอกจากนี้ ต่อให้ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บ เงามังกรนี้ก็จะช่วยปรับแก้กายเนื้อของฉู่เฉินตลอดเวลา แม้ว่าพลังวิญญาณที่สั
เมื่อม่านราตรีคืบคลานลงมา ขณะที่ฉู่เฉินกับโจวเทียนเฟิ่งกำลังเพลิดเพลินกับอาหารทะเลมื้อใหญ่ ในโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งในเจียงจง หลี่เต้าผิงกับฉินหล่างสองศิษย์อาจารย์กลับกินแป้งม้วนพลางหัวเราะอย่างขมขื่น เพราะจากไปโดยที่รีบร้อนมากเกินไป สองศิษย์อาจารย์จึงลืมบัตรเอทีเอ็มไว้บนเกาะเล็ก ๆ ไร้นามแห่งนั้น โชคดีที่เงินติดตัวของฉินหล่างยังพอจ่ายค่าที่พักแต่ว่าเรื่องอาหารการกินทำได้เพียงกินง่าย ๆ เพื่อประทังท้องเท่านั้น โครกคราก! ฉินหล่างกลืนแป้งม้วนแห้ง ๆ ลงท้องแล้วก็ดื่มน้ำแร่อึกใหญ่เพื่อให้ชุ่มคอ จากนั้นก็เอ่ยปากพูดกับหลี่เต้าผิงว่า “อาจารย์ แค่ปรมาจารย์คนเดียวไม่ต้องให้ผู้อาวุโสอย่างท่านออกหน้าหรอกครับ” “อาศัยผมคนเดียวก็พอที่จะแก้แค้นให้ศิษย์น้องได้แล้ว” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินหล่างก็โยนแป้งม้วนที่กินไปได้ครึ่งเดียวในมือลงพื้นอย่างแรงและเอ่ยพลางกัดฟันกรอด หลี่เต้าผิงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ก็ได้ แต่ถ้าเจอยอดฝีมือขึ้นมา อย่าต่อสู้อย่างรุนแรงเด็ดขาด อาจารย์จะรอข่าวของแกอยู่ที่นี่” ไม่ว่าจะพูดอย่างไรฉินหล่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งฝึกปราณชั้นห้า เทียบเท่ากั
“บอกมา จินเจิ้นหลงอยู่ที่ไหน?”ฉินหล่างเอ่ยปากพูดด้วยเสียงเย็นชา“แกกล้าดีนักนะที่ทำตัวไร้มารยาทกับศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเรา!”เมื่อเห็นหลี่ก่านถูกฉินหล่างหิ้วขึ้นกลางอากาศ ลูกศิษย์ของสำนักหลายคนก็รวบรวมความกล้าพุ่งไปข้างหน้า ทว่าพวกเขามาเร็ว แต่ก็ไปเร็วยิ่งกว่า ถึงขนาดที่พวกเขายังไม่ทันเข้าใกล้ฉินหล่าง ก็เห็นฝ่ายตรงข้ามโบกมือทีหนึ่ง สายลมพัดมาอย่างรุนแรง ลูกศิษย์สิบกว่าคนของสำนักพากันล้มลงไปกองกับพื้นลุกไม่ขึ้นอีก ไม่รู้ว่าตายหรือยัง “ซี้ด!” เมื่อเห็นฉากนี้ หลี่ก่านก็อดตกใจกลัวจนหนังศีรษะชาไม่ได้ เมื่อกี้มือของฉินหล่างปล่อยปราณแท้ออกมา ขนาดจินเจิ้นหลงที่เป็นอาจารย์ของเขาก็ทำเรื่องนี้ไม่ได้เลยมั้ง?นี่อธิบายได้ว่าพลังของอีกฝ่ายเหนือกว่าจินเจิ้นหลงมาก! “บอกมา จินเจิ้นหลงอยู่ที่ไหน ฉันขอเตือนแกไว้เลยว่าความอดทนของฉันมีจำกัดมาก!” ฉินหล่างค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น สายตาที่พร้อมจะฆ่าคนจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของหลี่ก่าน ทำให้หลี่ก่านตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษทันที เหงื่อเย็น ๆ ไหลรินลงมา“ท่านผู้กล้าได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย ผะ...ผมจะบอก ผมจะบอก อาจารย์ของผมอยู่ที่...” ขณะที่ฉิ
“พ่อ พวกเราไม่ไป!” จินอ้าวเทียนกับจินหลิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยสีหน้าดื้อรั้นจินเจิ้นหลงขมวดคิ้วเอ่ยเสียงเคร่งขรึมว่า “คนที่มาไม่เป็นมิตร พ่ออาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา พวกลูก...”จินเจิ้นหลงยังไม่ทันพูดจบ จินอ้าวเทียนก็พุ่งปราดเข้าไป จินอ้าวเทียนสังเกตฉินหล่างพลางแค่นเสียงเย็นแล้วพูดว่า “แกแม่งเบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม กล้าลงมือทำร้ายคนในถิ่นของสำนักตระกูลจินเราเหรอ?”สิ้นเสียงพูด จินอ้าวเทียนก็ยกมือขึ้นต่อยหมัดพิฆาตใส่หน้าของฉินหล่างก่อนหน้านี้โดนฉู่เฉินสั่งสอนไปหนึ่งยก จินอ้าวเทียนก็เดือดดาลอยู่แล้ว ตอนนี้มีไอ้คนรนหาที่ตายจากไหนก็ไม่รู้มาเป็นที่ระบายอารมณ์ให้เขาได้พอดี แต่ไม่ว่าอย่างไรคุณชายจินก็คิดไม่ถึงว่าชายวัยกลางคนที่ไม่เตะตาตรงหน้านี้ยังมีความสามารถเหนือกว่าพ่อของเขาเสียอีกเขาเพิ่งจะออกหมัดนี้ลงไปก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงส่งมาจากตรงท้องน้อย วินาทีต่อมา ร่างกายของเขาก็กระเด็นลอยออกไปโครม!จินอ้าวเทียนตกลงไปไกลเจ็ดแปดเมตร ก่อนจะกระอักเลือดออกมา“แก...” เวรเอ๊ย นี่มันเล่นสกปรกนี่หว่า จินอ้าวเทียนเอามือกุมเป้ากางเกง ร้องไห้เสียงดังตะโกนบอกจินเจิ้นหลงด้วยสีหน้า
“ผมทำเท่าที่ทำได้แล้ว นอกจากนี้ขอเพียงคุณเชื่อฟังแต่โดยดี บอกที่อยู่ของฉู่เฉินออกมา ผมคิดว่าคุณฉินจะต้องเมตตาคุณแน่” หลี่ก่านกล่าวจบก็เบนสายตาไปทางฉินหล่าง ความจริงแล้วระหว่างทางที่มาตระกูลจิน หลี่ก่านได้เล่าเรื่องของซ่งหู่ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว นอกจากนี้ยังตั้งใจพาฉินหล่างวนบริเวณรอบข้างบ้านใหญ่ตระกูลฉู่เป็นพิเศษด้วยแต่น่าเสียดายที่ฉู่เฉินทำการควบคุมไว้อย่างลับ ๆ ก่อนที่จะไป ด้วยเหตุนี้พวกเขาสองคนวนรอบบ้านใหญ่ตระกูลฉู่สามรอบก็หาบ้านเก่าตระกูลฉู่ไม่เจอนี่ถึงได้ย้อนกลับมาทางเดิม ไปที่ตระกูลจิน “เหอะ พวกแกหลงผิดไปแล้วจริง ๆ! คุณฉู่มีบุญคุณกับตระกูลจินของฉัน ต่อให้ฆ่าพวกเรา พวกแกก็อย่าหวังว่าจะรู้ที่อยู่ของคุณฉู่เลย!” จินเจิ้นหลงยังไม่ทันเอ่ยปาก จินหลิงเอ๋อร์ก็ตวาดด้วยความเกรี้ยวกราด เอ่ยปากพูดอย่างเด็ดขาด“คุณฉิน คุณก็เห็นแล้วนะครับ ตระกูลจินใจแข็งกันหมด ถ้าเกิดไม่สั่งสอนพวกเขาสักหน่อย เกรงว่าพวกเขาคงไม่บอกที่อยู่ของฉู่เฉินหรอกครับ” ฉินหล่างหัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียม ดวงตาเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยตัณหากวาดมองร่างของจินหลิงเอ๋อร์ไปมา จากนั้นเขาก็ก้าวมาข้างหน้า ก่อนจะโบกมือให้หลี่ก่