เมื่อม่านราตรีคืบคลานลงมา ขณะที่ฉู่เฉินกับโจวเทียนเฟิ่งกำลังเพลิดเพลินกับอาหารทะเลมื้อใหญ่ ในโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งในเจียงจง หลี่เต้าผิงกับฉินหล่างสองศิษย์อาจารย์กลับกินแป้งม้วนพลางหัวเราะอย่างขมขื่น เพราะจากไปโดยที่รีบร้อนมากเกินไป สองศิษย์อาจารย์จึงลืมบัตรเอทีเอ็มไว้บนเกาะเล็ก ๆ ไร้นามแห่งนั้น โชคดีที่เงินติดตัวของฉินหล่างยังพอจ่ายค่าที่พักแต่ว่าเรื่องอาหารการกินทำได้เพียงกินง่าย ๆ เพื่อประทังท้องเท่านั้น โครกคราก! ฉินหล่างกลืนแป้งม้วนแห้ง ๆ ลงท้องแล้วก็ดื่มน้ำแร่อึกใหญ่เพื่อให้ชุ่มคอ จากนั้นก็เอ่ยปากพูดกับหลี่เต้าผิงว่า “อาจารย์ แค่ปรมาจารย์คนเดียวไม่ต้องให้ผู้อาวุโสอย่างท่านออกหน้าหรอกครับ” “อาศัยผมคนเดียวก็พอที่จะแก้แค้นให้ศิษย์น้องได้แล้ว” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินหล่างก็โยนแป้งม้วนที่กินไปได้ครึ่งเดียวในมือลงพื้นอย่างแรงและเอ่ยพลางกัดฟันกรอด หลี่เต้าผิงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ก็ได้ แต่ถ้าเจอยอดฝีมือขึ้นมา อย่าต่อสู้อย่างรุนแรงเด็ดขาด อาจารย์จะรอข่าวของแกอยู่ที่นี่” ไม่ว่าจะพูดอย่างไรฉินหล่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งฝึกปราณชั้นห้า เทียบเท่ากั
“บอกมา จินเจิ้นหลงอยู่ที่ไหน?”ฉินหล่างเอ่ยปากพูดด้วยเสียงเย็นชา“แกกล้าดีนักนะที่ทำตัวไร้มารยาทกับศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเรา!”เมื่อเห็นหลี่ก่านถูกฉินหล่างหิ้วขึ้นกลางอากาศ ลูกศิษย์ของสำนักหลายคนก็รวบรวมความกล้าพุ่งไปข้างหน้า ทว่าพวกเขามาเร็ว แต่ก็ไปเร็วยิ่งกว่า ถึงขนาดที่พวกเขายังไม่ทันเข้าใกล้ฉินหล่าง ก็เห็นฝ่ายตรงข้ามโบกมือทีหนึ่ง สายลมพัดมาอย่างรุนแรง ลูกศิษย์สิบกว่าคนของสำนักพากันล้มลงไปกองกับพื้นลุกไม่ขึ้นอีก ไม่รู้ว่าตายหรือยัง “ซี้ด!” เมื่อเห็นฉากนี้ หลี่ก่านก็อดตกใจกลัวจนหนังศีรษะชาไม่ได้ เมื่อกี้มือของฉินหล่างปล่อยปราณแท้ออกมา ขนาดจินเจิ้นหลงที่เป็นอาจารย์ของเขาก็ทำเรื่องนี้ไม่ได้เลยมั้ง?นี่อธิบายได้ว่าพลังของอีกฝ่ายเหนือกว่าจินเจิ้นหลงมาก! “บอกมา จินเจิ้นหลงอยู่ที่ไหน ฉันขอเตือนแกไว้เลยว่าความอดทนของฉันมีจำกัดมาก!” ฉินหล่างค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น สายตาที่พร้อมจะฆ่าคนจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของหลี่ก่าน ทำให้หลี่ก่านตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษทันที เหงื่อเย็น ๆ ไหลรินลงมา“ท่านผู้กล้าได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย ผะ...ผมจะบอก ผมจะบอก อาจารย์ของผมอยู่ที่...” ขณะที่ฉิ
“พ่อ พวกเราไม่ไป!” จินอ้าวเทียนกับจินหลิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยสีหน้าดื้อรั้นจินเจิ้นหลงขมวดคิ้วเอ่ยเสียงเคร่งขรึมว่า “คนที่มาไม่เป็นมิตร พ่ออาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา พวกลูก...”จินเจิ้นหลงยังไม่ทันพูดจบ จินอ้าวเทียนก็พุ่งปราดเข้าไป จินอ้าวเทียนสังเกตฉินหล่างพลางแค่นเสียงเย็นแล้วพูดว่า “แกแม่งเบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม กล้าลงมือทำร้ายคนในถิ่นของสำนักตระกูลจินเราเหรอ?”สิ้นเสียงพูด จินอ้าวเทียนก็ยกมือขึ้นต่อยหมัดพิฆาตใส่หน้าของฉินหล่างก่อนหน้านี้โดนฉู่เฉินสั่งสอนไปหนึ่งยก จินอ้าวเทียนก็เดือดดาลอยู่แล้ว ตอนนี้มีไอ้คนรนหาที่ตายจากไหนก็ไม่รู้มาเป็นที่ระบายอารมณ์ให้เขาได้พอดี แต่ไม่ว่าอย่างไรคุณชายจินก็คิดไม่ถึงว่าชายวัยกลางคนที่ไม่เตะตาตรงหน้านี้ยังมีความสามารถเหนือกว่าพ่อของเขาเสียอีกเขาเพิ่งจะออกหมัดนี้ลงไปก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงส่งมาจากตรงท้องน้อย วินาทีต่อมา ร่างกายของเขาก็กระเด็นลอยออกไปโครม!จินอ้าวเทียนตกลงไปไกลเจ็ดแปดเมตร ก่อนจะกระอักเลือดออกมา“แก...” เวรเอ๊ย นี่มันเล่นสกปรกนี่หว่า จินอ้าวเทียนเอามือกุมเป้ากางเกง ร้องไห้เสียงดังตะโกนบอกจินเจิ้นหลงด้วยสีหน้า
“ผมทำเท่าที่ทำได้แล้ว นอกจากนี้ขอเพียงคุณเชื่อฟังแต่โดยดี บอกที่อยู่ของฉู่เฉินออกมา ผมคิดว่าคุณฉินจะต้องเมตตาคุณแน่” หลี่ก่านกล่าวจบก็เบนสายตาไปทางฉินหล่าง ความจริงแล้วระหว่างทางที่มาตระกูลจิน หลี่ก่านได้เล่าเรื่องของซ่งหู่ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว นอกจากนี้ยังตั้งใจพาฉินหล่างวนบริเวณรอบข้างบ้านใหญ่ตระกูลฉู่เป็นพิเศษด้วยแต่น่าเสียดายที่ฉู่เฉินทำการควบคุมไว้อย่างลับ ๆ ก่อนที่จะไป ด้วยเหตุนี้พวกเขาสองคนวนรอบบ้านใหญ่ตระกูลฉู่สามรอบก็หาบ้านเก่าตระกูลฉู่ไม่เจอนี่ถึงได้ย้อนกลับมาทางเดิม ไปที่ตระกูลจิน “เหอะ พวกแกหลงผิดไปแล้วจริง ๆ! คุณฉู่มีบุญคุณกับตระกูลจินของฉัน ต่อให้ฆ่าพวกเรา พวกแกก็อย่าหวังว่าจะรู้ที่อยู่ของคุณฉู่เลย!” จินเจิ้นหลงยังไม่ทันเอ่ยปาก จินหลิงเอ๋อร์ก็ตวาดด้วยความเกรี้ยวกราด เอ่ยปากพูดอย่างเด็ดขาด“คุณฉิน คุณก็เห็นแล้วนะครับ ตระกูลจินใจแข็งกันหมด ถ้าเกิดไม่สั่งสอนพวกเขาสักหน่อย เกรงว่าพวกเขาคงไม่บอกที่อยู่ของฉู่เฉินหรอกครับ” ฉินหล่างหัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียม ดวงตาเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยตัณหากวาดมองร่างของจินหลิงเอ๋อร์ไปมา จากนั้นเขาก็ก้าวมาข้างหน้า ก่อนจะโบกมือให้หลี่ก่
ฉินหล่างหันหน้าไปมองจินอ้าวเทียนแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มเหี้ยมว่า “พูดมา!” “ฉู่เฉิน...จริง ๆ แล้วฉู่เฉินก็เป็นแค่คนช่วยเหลือ คนที่ต้องการฆ่าซ่งหู่จริง ๆ คะ...คือโจวเทียนเฟิ่ง” จินอ้าวเทียนกลอกตาหลายครั้ง โยนความผิดไปที่โจวเทียนเฟิ่งทันที ถึงแม้ฉู่เฉินมีบุญคุณกับตระกูลจิน ไม่ว่ามองจากด้านไหนก็ไม่ควรบอกที่อยู่ของฉู่เฉินออกมา แต่ว่าโจวเทียนเฟิ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลจินจินอ้าวเทียนได้แต่เสียสละโจวเทียนเฟิ่งเพื่อช่วยเหลือจินหลิงเอ๋อร์ “อ้อ?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แววตาของฉินหล่างพลันเย็นเยียบ เขาหันไปหาหลี่ก่านที่ยังคงยืนอยู่หน้าประตูจ้องมองเรือนร่างของจินหลิงเอ๋อร์พลางน้ำลายไหล เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาราวกับจะฆ่าคนของฉินหล่าง หลี่ก่านก็ตกใจกลัวจนตัวสั่นทันที“พูดอีกอย่างก็คือ คนที่ชื่อโจวเทียนเฟิ่งถึงจะเป็นตัวการที่ฆ่าศิษย์น้องของฉันเหรอ?” ฉินหล่างหรี่ตามองจินอ้าวเทียน“ถูกต้อง ครอบครัวของซ่งหู่ตายในเงื้อมมือของสำนักเฟิ่งกันหมด เขากลับมาที่เจียงจงเพื่อแก้แค้น คนที่เขาตามหาก็คือโจวเทียนเฟิ่ง”จินอ้าวเทียนเล่ารายละเอียดทั้งหมดที่เขาได้ยินให้ฉินหล่างฟังหลังจากที่ฟังจินอ้าว
ปลาหยินหยางกับมังกรทองตัวเล็กนั้นคล้ายกับกำลังตอบสนองซึ่งกันและกันจากไกล ๆ ประสานพลังหยินหยางภายในร่างกายของฉู่เฉินไว้ เมื่อพลังวิญญาณมหาศาลทะลักเข้ามาในร่างกาย ทะเลปราณที่เคยว่างเปล่าของฉู่เฉินก็เต็มไปด้วยพลังวิญญาณเหลวสีทอง หลังจากสูดลมหายใจลึกติดต่อกันหลายครั้ง ระดับของฉู่เฉินก็หยุดอยู่ช่วงกลางของฝึกปราณชั้นหกอย่างมั่นคงแล้วส่วนสถานการณ์ของโจวเทียนเฟิ่งก็ใกล้เคียงกับฉู่เฉินเช่นกัน ขณะที่ปราณแท้ในร่างกายยิ่งเต็มเปี่ยม ตรงท้องน้อยของเธอก็ปรากฏลวดลายปลาหยินหยางในขณะที่โจวเทียนเฟิ่งตกตะลึง ทันใดนั้นก็มีเสียงต่อสู้ดังมาจากหน้าประตูฉู่เฉินขมวดคิ้ว ไม่สนใจเสียงด้านนอกประตู แต่อุ้มโจวเทียนเฟิ่งขึ้นมาแล้วกดเธอลงบนโซฟาทันที .....ปัง ๆๆ! เสียงดังสนั่นขึ้นหลายครั้ง บอดี้การ์ดหลายคนกระเด็นลอยเข้าไปในลานบ้านของเทียนเฟิ่งวิลล่า“ใครกัน!” หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดได้ยินเสียงดังผิดปกติก็รีบพุ่งออกมาจากคฤหาสน์เมื่อเขาเห็นเพื่อนร่วมงานหลายคนนอนกองกับพื้นหายใจรวยริน เขาก็อดเดือดดาลไม่ได้!“แกบังอาจนักนะ กล้าทำตัวเหิมเกริมที่เทียนเฟิ่งวิลล่า ดูสิว่าฉันจะฆ่าแกไม่ได้!” เมื่อสิ้นคำพูด หั
“คุณฉู่...” จงอาหู่ฝืนข่มกลั้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ลุกขึ้นมาอย่างโซเซ แต่วินาทีต่อมาเขาก็สูญเสียการทรงตัวอีกครั้งแล้วล้มลงไปกองกับพื้นทันที “เสียวหู่ ทำใจให้สบายรักษาอาการบาดเจ็บ ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรให้นายต้องยุ่งด้วยแล้ว” ฉู่เฉินสะบัดมือโยนขวดยาบำรุงปราณให้จงอาหู่ ก่อนจะเดินอยู่บนรองเท้าแตะไปหาฉินหล่างฉินหล่างนิ่วหน้าจ้องมองฉู่เฉิน อย่างไรก็ตามเขากลับมองพลังฝึกปรือของฉู่เฉินไม่ออกเลย กลิ่นอายของฉู่เฉินดูคลุมเครือเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา บางครั้งเหมือนยอดฝีมือระดับสุดยอด บางครั้งก็เหมือนคนธรรมดา นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? “แกก็คือฉู่เฉิน ตัวการที่สังหารซ่งหู่ศิษย์น้องของฉันใช่ไหม?” ฉินหล่างฝืนทำเป็นเยือกเย็น พอตั้งท่าเรียบร้อยแล้วก็ตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ “ซ่งหู่คือศิษย์น้องของนาย?”ฉู่เฉินขมวดคิ้วถามเมื่อคืนฉู่เฉินยังคงขบคิดว่าควรขุดสำนักของซ่งหู่ออกมาอย่างไร ถึงอย่างไรอาจารย์ของซ่งหู่ก็เป็นผู้บำเพ็ญตน จะเหลืออันตรายแอบแฝงแบบนี้ไว้ไม่ได้เด็ดขาด แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะใส่ใจขนาดนี้ ส่งตัวเองมาหาถึงที่เลย “ถูกต้อง ฉัน...”ฟิ้ว!ฉินหล่างเพิ่งพยักหน้าก็เห็นฉู่เฉินยกเ
“กะ...แกลอบโจมตี...” ฉินหล่างกุมใบหน้าด้านขวาที่โดนกระแทกใส เขากลิ้งตัวก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาจากพื้น เวลานี้ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขามีรอยรองเท้าสีดำสนิท แถมยังมีเลือดไหลซึมจากในรอยรองเท้าไม่หยุด สมองส่งเสียงดังวิ้ง ๆ “ปัง!”สิ่งที่ตอบเขามีเพียงการตบใบหน้าฉาดใหญ่อย่างไร้เสียงของฉู่เฉินเท่านั้นแค่ตบหน้าทีเดียว ฉินหล่างก็ล้มคว่ำลงกับพื้นอีกครั้งเวลานี้ฉินหล่างมึนงงโดยสิ้นเชิงแล้ว เขาอยู่ระดับฝึกปราณชั้นห้านะ ความสามารถเทียบเท่ากับปรมาจารย์!มองไปทั่วทั้งเจียงจงก็หายอดฝีมือระดับปรมาจารย์เจอได้ไม่กี่คนใช่หรือเปล่า? แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่เฉิน เขาเหมือนกับเป็นเด็กสาวขวบที่โดนฉู่เฉินจัดการได้ตามใจชอบ ถึงขนาดไม่มีโอกาสแม้แต่จะต่อต้านเลย หรือว่าฉู่เฉินคนนี้คือ...จนกระทั่งตอนนี้เอง เขาถึงสังเกตเห็นว่ากลิ่นอายรอบตัวฉู่เฉินคล้ายคลึงกับอาจารย์ของตนเองอย่างน่าประหลาด ใช่แล้ว!มันดูเหมือนคนธรรมดา แต่ความจริงแล้วน่ากลัวสุดขีด เขาก็อยู่ระดับฝึกปราณชั้นหกเหรอ? พอคิดถึงความเป็นไปได้เช่นนี้ นัยน์ตาของฉินหล่างพลันหดลง ลอบตะโกนว่าแย่แล้ว แต่ในตอนนี้เอง เท้าขนาดใหญ่ของฉู่เฉินเหยียบบ
ฉู่เฉินยิ้มอย่างเฉยชาแล้วพูดว่า “เมื่อกี้หัวหน้าใหญ่ถานพูดไว้ไม่ใช่เหรอครับ? ว่าจะแจ้งประธานซู ผมคิดว่าประธานซูคงไม่เห็นแก่เรื่องส่วนตัวหรอกใช่ไหมครับ” หา?!เมื่อได้ยินคำพูดนี้ ร่างกายของเจียงจงต้าวทรุดฮวบลงกับพื้นสองปีมานี้ เขารับสินบนมาไม่น้อย และไม่รู้ว่าทำเรื่องผิดศีลธรรมไปมากเท่าไหร่ ถ้าเกิดโดนสมาคมเสวียนเหมินปลดออกจากตำแหน่งจริง ๆ เช่นนั้นเขาก็ย่ำแย่แล้ว“ได้ครับ งั้นผมจะทำตามที่คุณฉู่ว่า พอผมจัดการเรื่องราวเสร็จแล้ว จะไปรวมตัวกับคุณฉู่ที่วิลล่าเฟิ่งหมิงนะครับ” ถานเฟยกล่าวอย่างมีความนัยแอบแฝงฉู่เฉินลังเลอยู่ครู่หนึ่งแล้วเอ่ยว่า “ก็ดีครับ มีเรื่องอะไรไว้ไปถึงที่วิลล่าเฟิ่งหมิงแล้วค่อยคุยกันก็ยังไม่สาย” ฉู่เฉินกล่าวจบก็หิ้วนักพรตชิวสุ่ยเหมือนกับหิ้วลูกเจี๊ยบเดินออกจากอาคารสำนักงานของแก๊งมังกรชิงซงกำลังคิดจะแอบหนีไป ผลปรากฏว่าถูกเซียวเฟิงคว้าคอเสื้อไว้ ทำเอาชิงซงตกใจกลัวจนขาอ่อนยวบก่อนจะคุกเข่าลงไป“ผู้บัญชาการเซียว...” เซียวเฟิงหัวเราะหยันแล้วพูดว่า “ใส่ร้ายป้ายสีคนอื่นตามอำเภอใจ ดูถูกแก๊งมังกร วันนี้คุณไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น และใช้เวลาครึ่งชีวิตที่เหลือของคุณในคุกของ
“ผู้บัญชาการเซียวเป็นคนที่ยึดมั่นในความยุติธรรมมากครับ”ฉู่เฉินมองไปที่เซียวเฟิง แล้วเผยรอยยิ้มที่มีเลศนัยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ หัวใจที่หวั่นวิตกของเซียวเฟิงก็โล่งใจในที่สุดถานเฟยก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเช่นกัน จากนั้นถึงค่อยหันหน้าไปมองเจียงจงต้าวแล้วเอ่ยปากพูดด้วยเสียงเย็นชาว่า “ตราบใดที่คุณฉู่ไม่ยอมให้อภัยคุณ ผมจะเป็นตัวแทนของแก๊งมังกรไปขอคำอธิบายจากประธานซูด้วยตัวเอง”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เจียงจงต้าวถึงกับมึนงงไปแล้วเพื่อที่จะดำรงตำแหน่งรองประธานนี้ ไม่รู้ว่าเขาเสียเงินไปมากเท่าไร ขอเส้นสายมามากเท่าไหร่จะให้ถูกปลดง่าย ๆ แบบนี้ได้ที่ไหนกัน?เมื่อคิดถึงตรงนี้ เจียงจงต้าวก็ไม่สนใจหน้าตาอะไรอีกแล้ว เขาโขกศีรษะพลางพูดกับฉู่เฉินว่า “คุณฉู่ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผมจริง ๆ”“ทั้งหมดเป็นเพราะคนของสำนักเสวียนเทียน โลภมากอยากได้สมบัติในมือของคุณถึงได้ส่งคนมาหาผม แถมยังบอกว่าคุณไม่มีสำนัก สามารถจัดการได้ตามใจชอบ ขอเพียงได้รับสมบัติในมือของคุณ พวกเขาจะมอบทองคำขนาดใหญ่ให้ผมปีละสองแท่ง”“ไม่เชื่อคุณก็ดูสิ นี่ก็คือของไอ้สารเลวชิวสุ่ยมอบให้ผม”เจียงจงต้าวพูดพลางหยิบทองคำขนาดใหญ่สี่แท่ง
หรือว่า...ตอนนี้เอง พวกเขาสองคนทำได้เพียงภาวนาในใจอย่างเงียบ ๆ ว่าถานเฟยไม่ได้มาเพราะเรื่องของฉู่เฉิน“ลมอะไร?”ถานเฟยเอ่ยพลางหัวเราะด้วยเสียงเย็นชา “ลมปีศาจไง!”เมื่อสิ้นเสียงพูด ถานเฟยก็ไม่สนใจพวกเซียวเฟิงเลย แต่เดินไปหาฉู่เฉินอย่างรวดเร็ว“คุณฉู่ ต้องขออภัยจริง ๆ ที่สร้างความลำบากให้คุณมากขนาดนี้ ผมเป็นตัวแทนของหัวหน้าหลงขอกล่าวขอโทษคุณอย่างเป็นทางการครับ”ภายใต้สายตาตกตะลึงอย่างยิ่งของทุกคน ถานเฟยกลับโค้งตัวให้ฉู่เฉินสามครั้งติดกัน!เมื่อเจียงจงต้าวเห็นภาพนี้ ในใจพลันเย็นเยียบไปครึ่งหนึ่งดูเหมือนว่าแม้แต่ทองคำขนาดใหญ่สี่แท่งที่อยู่ในแขนเสื้อของเขาก็กลายเป็นเผือกร้อนมือแล้วนักพรตชิวสุ่ยเต๋ายิ่งตกใจกลัวจนเหงื่อแตกพลั่กเป็นสายฝน ร่างที่นั่งอยู่บนเก้าอี้สั่นจนเป็นก้อนแล้วชิงซงก็ทรุดตัวลงไปบนเก้าอี้ทันที ไม่มีความกล้าแม้กระทั่งจะเงยหน้ามองฉู่เฉินสักแวบหนึ่ง ครั้งนี้เตะถูกแผ่นเหล็กเข้าแล้วจริง ๆเดิมทีเขาแค่อยากรังแกงฉู่เฉินที่ไม่มีสำนักและคนหนุนหลัง แย่งชิงกระจกแปดทิศจากในมือของฉู่เฉินแต่คนอย่างฉู่เฉินจำเป็นต้องมีคนหนุนหลังด้วยเหรอ?ต้องมีสำนักด้วยเหรอ?ไม่จำเป็นเลย
คำพูดนี้ของเซียวเฟิงไม่เพียงพูดกับพวกเจียงจงต้าว แต่ยังพูดกับฉู่เฉินด้วยก่อนที่ความจริงจะกระจ่าง เซียวเฟิงไม่มีทางเลือกข้างโดยง่ายเป็นอันขาดขณะที่เวลาผ่านไปแต่ละนาทีแต่ละวินาที ในขณะที่ทุกคนยังคงรอคอยถานเฟย เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ของนักพรตชิวสุ่ยพลันดังขึ้นมาอย่างบ้าคลั่งราวกับเร่งเอาชีวิตเมื่อก้มหน้ามองหมายเลขที่โทรศัพท์เข้ามา เห็นว่าเป็นหัวหน้านักพรตชิวเฟิง นักพรตชิวสุ่ยก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ก่อนจะรับสายแล้วพูดว่า “ศิษย์น้องชิวเฟิง มีธุระอะไรรอให้ฉันกลับไปแล้วค่อยคุย!” “ศะ...ศิษย์พี่เจ้าสำนัก...กะ...เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!”แม้จะมีสายโทรศัพท์กั้นไว้ แต่นักพรตชิวสุ่ยก็ยังรู้สึกได้ถึงความสิ้นหวังในน้ำเสียงของนักพรตชิวเฟิง“เป็นอะไรไป เกิดอะไรขึ้น?” นักพรตชิวสุ่ยรู้สึกเหมือนหัวใจหนักอึ้ง รีบถามซักไซ้“ศิษย์พี่ ละ...ลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ยอดฝีมือระดับสร้างรากฐานหลายสิบคนของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ล้อมสำนักเสวียนเทียนไว้แล้ว เอาแต่พูดว่ามาหาพวกเราเพื่อขอคำอธิบายครับ”“ตะ...แต่ผมจำไม่ได้จริง ๆ ว่าพวกเราเคยล่วงเกินลัทธิศักดิ์สิทธิ์นะครับ”เมื่อเอ่ยถึงตรงนี้ คำพูดของชิวเฟิงมีความรู้สึกเหมือ
“ถ้าหากสมบัติชิ้นนี้ไม่ได้เป็นของพวกคุณ ผมก็จะให้พวกคุณต้องชดใช้ด้วยชีวิตเช่นกัน”ทันทีที่พูดจบ ฉู่เฉินก็หยิบโทรศัพท์ออกมาแล้วกดโทรหาถานเฟยทันทีเดิมทีฉู่เฉินไม่ได้อยากให้ถานเฟยเข้ามาเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ แต่ก็จนปัญญาจริง ๆ เพราะนักพรตชิวสุ่ยดื้อด้านราวกับพลาสเตอร์แปะแผลหนังหมา ที่พยายามสลัดเท่าไหร่ก็ไม่ยอมหลุด!ไม่นานนัก อีกฝ่ายก็รับโทรศัพท์ ก่อนที่เสียงของถานเฟยจะดังขึ้นจากปลายสาย “คุณฉู่ ทำไมถึงเป็นคุณล่ะ ผมก็กำลังจะติดต่อหาคุณพอดี!”มุมปากของฉู่เฉินกระตุกเล็กน้อยสองที ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยชา “ถานเฟย ผมว่าคุณจงใจจะเล่นงานผมใช่ไหม ยังจะบอกว่ากำลังจะโทรหาผมอีก? กลัวแค่ว่าถ้าคราวหน้าจะเจอกัน คุณคงต้องไปไหว้หลุมศพผมที่สุสานแทนแล้วล่ะ!”อะไรนะ?!เมื่อถานเฟยได้ยินแบบนั้น ก็ถึงกับชาวาบไปทั้งตัว รีบถามกลับด้วยงุนงง “คุณฉู่ หมายความว่ายังไงกัน? ผมยังไม่ทันได้ขอบคุณคุณด้วยซ้ำ จะจงใจเล่นงานคุณได้ยังไง?”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ “จริงเหรอ? นี่คุณไม่ได้คิดจะใช้โอกาสที่มอบกระจกแปดทิศให้ผม แล้วปล่อยให้สมาคมเสวียนเหมินแห่งมณฑลเจียงหาเรื่องผมใช่ไหม?”“ผมได้ยินมาว่า การขโมยสมบัติของผู้อื่นน
“แย่แล้ว!”เจียงจงต้าวสูดลมหายใจเฮือกใหญ่ ก่อนจะรีบใช้ท่าม้วนตัวกลิ้งไปด้านหลัง เขาหมอบร่างกายลงต่ำ ก่อนจะกลิ้งไปตามพื้นไกลถึงสามสี่เมตรในขณะที่เจียงจงต้าวเพิ่งจะกลิ้งออกไป แสงสีขาวสายหนึ่งก็พุ่งออกมาในชั่วพริบตา ก่อนจะปะทะเข้ากับเก้าอี้ที่เจียงจงต้าวนั่งอยู่ก่อนหน้านี้!ปัง!เก้าอี้ตัวนั้นถึงกับมอดไหม้กลายเป็นเถ้าถ่านในพริบตา พร้อมกับกลุ่มควันหนาทึบที่พวยพุ่งพรึ่บ!นักพรตชิวสุ่ยที่เห็นเหตุการณ์นั้นก็ถึงกับเย็นวาบไปทั่วสันหลังเมื่อครู่นี้ โชคดีที่ฉู่เฉินพุ่งเป้าไปที่เจียงจงต้าว ถ้าหากฉู่เฉินใช้กระจกแปดทิศส่องมาทางเขาล่ะก็ มีความเป็นไปได้สูงว่าสิ่งที่จะกลายเป็นเถ้าถ่านคงไม่ใช่เก้าอี้อีกต่อไปแต่เป็นตัวเขาที่จะสลายกลายเป็นเลือดหนองแทนแต่ยิ่งเป็นเช่นนี้ นักพรตชิวสุ่ยก็ยิ่งปรารถนาอยากจะได้กระจกแปดทิศมาครอบครองมากขึ้น“ฉู่เฉิน แก…แกกล้าลงมือกับประธานสมาคมอย่างฉัน…”ยังไม่ทันที่เจียงจงต้าวจะพูดจบ เซียวเฟิงก็ยกนิ้วชี้ไปที่เจียงจงต้าว “ประธานเจียง กางเกงของคุณ”ซี้ด!หลังจากเซียวเฟิงเอ่ยเตือนมาแบบนี้ เจียงจงต้าวเองก็แอบรู้สึกว่าช่วงล่างของเขาเย็นวาบผิดปกติเมื่อก้มลงมอง เจียง
หลังจากที่ชิงซงเดินเข้ามาในห้อง เขาก็ปิดประตูลงตามหลังอย่างเรียบร้อย“ไอ้เด็กแซ่ฉู่ แกอธิบายเรื่องเลี้ยงศพเพื่อฆ่าคนมาก่อนเถอะ”เจียงจงต้าวแค่นเสียงเย็นชา ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะน้ำชาตรงข้ามฉู่เฉิน จากนั้นเขาก็เอื้อมมือไปหยิบถ้วยชาหอมที่ฉู่เฉินชงเสร็จแล้ว“รอให้เขาฉี่ออกมาใหม่เถอะ แบบร้อน ๆ เลย”ฉู่เฉินใช้มือชี้ไปที่เซียวเฟิง ก่อนจะเทน้ำชาทั้งหมดจากกาน้ำชาใส่ถ้วยของตัวเองจนหมด“พรวด”เซียวเฟิงถลึงตาจ้องฉู่เฉินอย่างดุดัน ก่อนจะคว้ากระปุกชามา และยื่นให้เจียงจงต้าวแทน!ในตอนนี้ ใบหน้าของเจียงจงต้าวเปลี่ยนเป็นสีม่วงด้วยความโกรธแต่ในฐานะรองประธานสมาคมเสวียนเหมิน เขาไม่สามารถเล่นงานฉู่เฉินได้เพียงเพราะคำพูดไม่กี่คำยิ่งไปกว่านั้น เขาเองก็ไม่แน่ใจว่าจะเอาชนะฉู่เฉินได้หรือไม่“ท่านประธานเจียง เราไม่จำเป็นต้องพูดถึงเรื่องผีดิบเลือดคลั่งอีก นั่นเป็นเรื่องที่ผู้ว่าการมณฑลเกาพยักหน้าให้การอนุมัติแล้ว เรามาพูดถึงเรื่องขโมยสมบัติ เรื่องนั้นดีกว่า”เซียวเฟิงถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยปากพูดขึ้นกับเจียงจงต้าวเจียงจงต้าวกัดฟันแน่น เขาจ้องเซียวเฟิงอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะพยายามระงับโทสะที่พลุ่งพล่านใน
อีกด้านหนึ่ง หลังจากฉู่เฉินจากไป อวี้ลู่ก็โกรธจนต้องกระทืบเท้าเจ้าหมอคนนี้ไม่รู้จักบุญคุณเสียเลย!แต่ถึงจะโมโหแค่ไหน เธอก็ไม่มีวันยอมแพ้ที่นี่!อย่าคิดว่าตอนนี้เธอไม่สามารถใช้ปราณแท้ได้ตามใจชอบ และยิ่งไม่สามารถลงมือได้ง่าย ๆ แต่การกดดัน สำนักเสวียนเทียน ยังถือว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเธอมากอวี้ลู่พุ่งทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้าด้วยความโกรธ ในชั่วพริบตาเดียว เธอก็หายลับไปบนท้องฟ้าในเจียงจงไม่นานนัก อวี้ลู่ก็บินมาถึงยอดเขาของลัทธิศักดิ์สิทธิ์ “จงประกาศราชโองการของข้า! ศิษย์แห่งลัทธิศักดิ์สิทธิ์ ที่มีพลังตั้งแต่ระดับสร้างรากฐานขึ้นไป จงเล็งคมดาบไปที่สำนักเสวียนเทียน!”สิ้นเสียงประกาศิต ทั้งสำนักลัทธิศักดิ์สิทธิ์ก็เกิดเสียงฮือฮาไปทั่วสำนักเสวียนเทียน?สำนักเสวียนเทียนอะไรนี้ ไม่เห็นเคยได้ยินมาก่อนเลยในสำนักลัทธิศักดิ์สิทธิ์เองก็มีผู้บำเพ็ญพรตอาวุโสอยู่ไม่น้อย แม้ว่าพวกเขาจะเพิ่งเข้าร่วมสำนักลัทธิศักดิ์สิทธิ์มาใหม่ แต่ก็ล้วนเป็นผู้อาวุโสที่บำเพ็ญพรตทั้งสิ้นยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้ล้วนมาจากสำนักใหญ่ทั้งหลาย การที่พวกเขาไม่เคยได้ยินชื่อสำนักเล็ก ๆ ไร้ชื่อเสียงจึงถือว่าเป็นเรื่องป
“ถุย!”เซียวเฟิงถ่มน้ำลายลงพื้นอย่างแรง “ใครเป็นพี่เมียแกกัน พูดจาให้มันดี ๆ หน่อยเถอะ!”ฉู่เฉินหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเดินกลับเข้าห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้า พร้อมกับพูดขึ้นอย่างติดตลก “ผมก็ไม่ได้พาน้องสาวคุณไปเปิดห้องจริง ๆ ซะหน่อย”“ฉู่เฉิน!”ครั้งนี้เซียวเฟิงโมโหขึ้นมาจริง ๆแต่ฉู่เฉินก็ไม่สนใจ เขาเปลี่ยนชุดอย่างลวก ๆ ก่อนจะพูดกับเซียวเฟิง “ผมไม่ทำให้คุณลำบากใจหรอก ไปกันเถอะ บอกว่าจะไปกองบัญชาการของแก๊งมังกรไม่ใช่เหรอ? ได้ยินมาว่าชาของที่นั่นรสชาติดีเลยทีเดียว”ระหว่างที่พูด ฉู่เฉินก็ยกมือไปวางบนไหล่ของเซียวเฟิงอย่างสนิทสนม และทำท่าจะเดินไปพร้อมกัน“เอามือสกปรกของแกออกไป!”เซียวเฟิงปัดมือฉู่เฉินออกอย่างแรง ก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องสมาชิกแก๊งมังกรคนหนึ่งที่อยู่ด้านหลัง “ใส่กุญแจมือ!”สองสมาชิกแก๊งมังกรก้าวไปข้างหน้าหนึ่งก้าวด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก “คุณฉู่ ขอโทษจริง ๆ นะครับ นี่เป็นกฎ คงทำให้คุณต้องลำบากไปสักพัก เมื่อถึงกองบัญชาการของแก๊งมังกร พวกเราจะปลดมันออกให้คุณทันที”สมาชิกแก๊งมังกรทั้งสองคนเคยเข้าร่วมภารกิจที่ทะเลสาบหย่งติ้งครั้งก่อน พูดง่าย ๆ ก็คือ ฉู่เฉินเองก็เป็นผู้มีพระคุณที่ช่