“พ่อ พวกเราไม่ไป!” จินอ้าวเทียนกับจินหลิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยสีหน้าดื้อรั้นจินเจิ้นหลงขมวดคิ้วเอ่ยเสียงเคร่งขรึมว่า “คนที่มาไม่เป็นมิตร พ่ออาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา พวกลูก...”จินเจิ้นหลงยังไม่ทันพูดจบ จินอ้าวเทียนก็พุ่งปราดเข้าไป จินอ้าวเทียนสังเกตฉินหล่างพลางแค่นเสียงเย็นแล้วพูดว่า “แกแม่งเบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม กล้าลงมือทำร้ายคนในถิ่นของสำนักตระกูลจินเราเหรอ?”สิ้นเสียงพูด จินอ้าวเทียนก็ยกมือขึ้นต่อยหมัดพิฆาตใส่หน้าของฉินหล่างก่อนหน้านี้โดนฉู่เฉินสั่งสอนไปหนึ่งยก จินอ้าวเทียนก็เดือดดาลอยู่แล้ว ตอนนี้มีไอ้คนรนหาที่ตายจากไหนก็ไม่รู้มาเป็นที่ระบายอารมณ์ให้เขาได้พอดี แต่ไม่ว่าอย่างไรคุณชายจินก็คิดไม่ถึงว่าชายวัยกลางคนที่ไม่เตะตาตรงหน้านี้ยังมีความสามารถเหนือกว่าพ่อของเขาเสียอีกเขาเพิ่งจะออกหมัดนี้ลงไปก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงส่งมาจากตรงท้องน้อย วินาทีต่อมา ร่างกายของเขาก็กระเด็นลอยออกไปโครม!จินอ้าวเทียนตกลงไปไกลเจ็ดแปดเมตร ก่อนจะกระอักเลือดออกมา“แก...” เวรเอ๊ย นี่มันเล่นสกปรกนี่หว่า จินอ้าวเทียนเอามือกุมเป้ากางเกง ร้องไห้เสียงดังตะโกนบอกจินเจิ้นหลงด้วยสีหน้า
“ผมทำเท่าที่ทำได้แล้ว นอกจากนี้ขอเพียงคุณเชื่อฟังแต่โดยดี บอกที่อยู่ของฉู่เฉินออกมา ผมคิดว่าคุณฉินจะต้องเมตตาคุณแน่” หลี่ก่านกล่าวจบก็เบนสายตาไปทางฉินหล่าง ความจริงแล้วระหว่างทางที่มาตระกูลจิน หลี่ก่านได้เล่าเรื่องของซ่งหู่ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว นอกจากนี้ยังตั้งใจพาฉินหล่างวนบริเวณรอบข้างบ้านใหญ่ตระกูลฉู่เป็นพิเศษด้วยแต่น่าเสียดายที่ฉู่เฉินทำการควบคุมไว้อย่างลับ ๆ ก่อนที่จะไป ด้วยเหตุนี้พวกเขาสองคนวนรอบบ้านใหญ่ตระกูลฉู่สามรอบก็หาบ้านเก่าตระกูลฉู่ไม่เจอนี่ถึงได้ย้อนกลับมาทางเดิม ไปที่ตระกูลจิน “เหอะ พวกแกหลงผิดไปแล้วจริง ๆ! คุณฉู่มีบุญคุณกับตระกูลจินของฉัน ต่อให้ฆ่าพวกเรา พวกแกก็อย่าหวังว่าจะรู้ที่อยู่ของคุณฉู่เลย!” จินเจิ้นหลงยังไม่ทันเอ่ยปาก จินหลิงเอ๋อร์ก็ตวาดด้วยความเกรี้ยวกราด เอ่ยปากพูดอย่างเด็ดขาด“คุณฉิน คุณก็เห็นแล้วนะครับ ตระกูลจินใจแข็งกันหมด ถ้าเกิดไม่สั่งสอนพวกเขาสักหน่อย เกรงว่าพวกเขาคงไม่บอกที่อยู่ของฉู่เฉินหรอกครับ” ฉินหล่างหัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียม ดวงตาเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยตัณหากวาดมองร่างของจินหลิงเอ๋อร์ไปมา จากนั้นเขาก็ก้าวมาข้างหน้า ก่อนจะโบกมือให้หลี่ก่
ฉินหล่างหันหน้าไปมองจินอ้าวเทียนแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มเหี้ยมว่า “พูดมา!” “ฉู่เฉิน...จริง ๆ แล้วฉู่เฉินก็เป็นแค่คนช่วยเหลือ คนที่ต้องการฆ่าซ่งหู่จริง ๆ คะ...คือโจวเทียนเฟิ่ง” จินอ้าวเทียนกลอกตาหลายครั้ง โยนความผิดไปที่โจวเทียนเฟิ่งทันที ถึงแม้ฉู่เฉินมีบุญคุณกับตระกูลจิน ไม่ว่ามองจากด้านไหนก็ไม่ควรบอกที่อยู่ของฉู่เฉินออกมา แต่ว่าโจวเทียนเฟิ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลจินจินอ้าวเทียนได้แต่เสียสละโจวเทียนเฟิ่งเพื่อช่วยเหลือจินหลิงเอ๋อร์ “อ้อ?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แววตาของฉินหล่างพลันเย็นเยียบ เขาหันไปหาหลี่ก่านที่ยังคงยืนอยู่หน้าประตูจ้องมองเรือนร่างของจินหลิงเอ๋อร์พลางน้ำลายไหล เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาราวกับจะฆ่าคนของฉินหล่าง หลี่ก่านก็ตกใจกลัวจนตัวสั่นทันที“พูดอีกอย่างก็คือ คนที่ชื่อโจวเทียนเฟิ่งถึงจะเป็นตัวการที่ฆ่าศิษย์น้องของฉันเหรอ?” ฉินหล่างหรี่ตามองจินอ้าวเทียน“ถูกต้อง ครอบครัวของซ่งหู่ตายในเงื้อมมือของสำนักเฟิ่งกันหมด เขากลับมาที่เจียงจงเพื่อแก้แค้น คนที่เขาตามหาก็คือโจวเทียนเฟิ่ง”จินอ้าวเทียนเล่ารายละเอียดทั้งหมดที่เขาได้ยินให้ฉินหล่างฟังหลังจากที่ฟังจินอ้าว
ปลาหยินหยางกับมังกรทองตัวเล็กนั้นคล้ายกับกำลังตอบสนองซึ่งกันและกันจากไกล ๆ ประสานพลังหยินหยางภายในร่างกายของฉู่เฉินไว้ เมื่อพลังวิญญาณมหาศาลทะลักเข้ามาในร่างกาย ทะเลปราณที่เคยว่างเปล่าของฉู่เฉินก็เต็มไปด้วยพลังวิญญาณเหลวสีทอง หลังจากสูดลมหายใจลึกติดต่อกันหลายครั้ง ระดับของฉู่เฉินก็หยุดอยู่ช่วงกลางของฝึกปราณชั้นหกอย่างมั่นคงแล้วส่วนสถานการณ์ของโจวเทียนเฟิ่งก็ใกล้เคียงกับฉู่เฉินเช่นกัน ขณะที่ปราณแท้ในร่างกายยิ่งเต็มเปี่ยม ตรงท้องน้อยของเธอก็ปรากฏลวดลายปลาหยินหยางในขณะที่โจวเทียนเฟิ่งตกตะลึง ทันใดนั้นก็มีเสียงต่อสู้ดังมาจากหน้าประตูฉู่เฉินขมวดคิ้ว ไม่สนใจเสียงด้านนอกประตู แต่อุ้มโจวเทียนเฟิ่งขึ้นมาแล้วกดเธอลงบนโซฟาทันที .....ปัง ๆๆ! เสียงดังสนั่นขึ้นหลายครั้ง บอดี้การ์ดหลายคนกระเด็นลอยเข้าไปในลานบ้านของเทียนเฟิ่งวิลล่า“ใครกัน!” หัวหน้าทีมบอดี้การ์ดได้ยินเสียงดังผิดปกติก็รีบพุ่งออกมาจากคฤหาสน์เมื่อเขาเห็นเพื่อนร่วมงานหลายคนนอนกองกับพื้นหายใจรวยริน เขาก็อดเดือดดาลไม่ได้!“แกบังอาจนักนะ กล้าทำตัวเหิมเกริมที่เทียนเฟิ่งวิลล่า ดูสิว่าฉันจะฆ่าแกไม่ได้!” เมื่อสิ้นคำพูด หั
“คุณฉู่...” จงอาหู่ฝืนข่มกลั้นความเจ็บปวดอย่างรุนแรง ลุกขึ้นมาอย่างโซเซ แต่วินาทีต่อมาเขาก็สูญเสียการทรงตัวอีกครั้งแล้วล้มลงไปกองกับพื้นทันที “เสียวหู่ ทำใจให้สบายรักษาอาการบาดเจ็บ ที่นี่ไม่มีเรื่องอะไรให้นายต้องยุ่งด้วยแล้ว” ฉู่เฉินสะบัดมือโยนขวดยาบำรุงปราณให้จงอาหู่ ก่อนจะเดินอยู่บนรองเท้าแตะไปหาฉินหล่างฉินหล่างนิ่วหน้าจ้องมองฉู่เฉิน อย่างไรก็ตามเขากลับมองพลังฝึกปรือของฉู่เฉินไม่ออกเลย กลิ่นอายของฉู่เฉินดูคลุมเครือเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา บางครั้งเหมือนยอดฝีมือระดับสุดยอด บางครั้งก็เหมือนคนธรรมดา นี่มันเป็นไปได้อย่างไร? “แกก็คือฉู่เฉิน ตัวการที่สังหารซ่งหู่ศิษย์น้องของฉันใช่ไหม?” ฉินหล่างฝืนทำเป็นเยือกเย็น พอตั้งท่าเรียบร้อยแล้วก็ตะโกนเสียงดังด้วยความโกรธ “ซ่งหู่คือศิษย์น้องของนาย?”ฉู่เฉินขมวดคิ้วถามเมื่อคืนฉู่เฉินยังคงขบคิดว่าควรขุดสำนักของซ่งหู่ออกมาอย่างไร ถึงอย่างไรอาจารย์ของซ่งหู่ก็เป็นผู้บำเพ็ญตน จะเหลืออันตรายแอบแฝงแบบนี้ไว้ไม่ได้เด็ดขาด แต่คิดไม่ถึงว่าอีกฝ่ายจะใส่ใจขนาดนี้ ส่งตัวเองมาหาถึงที่เลย “ถูกต้อง ฉัน...”ฟิ้ว!ฉินหล่างเพิ่งพยักหน้าก็เห็นฉู่เฉินยกเ
“กะ...แกลอบโจมตี...” ฉินหล่างกุมใบหน้าด้านขวาที่โดนกระแทกใส เขากลิ้งตัวก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาจากพื้น เวลานี้ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขามีรอยรองเท้าสีดำสนิท แถมยังมีเลือดไหลซึมจากในรอยรองเท้าไม่หยุด สมองส่งเสียงดังวิ้ง ๆ “ปัง!”สิ่งที่ตอบเขามีเพียงการตบใบหน้าฉาดใหญ่อย่างไร้เสียงของฉู่เฉินเท่านั้นแค่ตบหน้าทีเดียว ฉินหล่างก็ล้มคว่ำลงกับพื้นอีกครั้งเวลานี้ฉินหล่างมึนงงโดยสิ้นเชิงแล้ว เขาอยู่ระดับฝึกปราณชั้นห้านะ ความสามารถเทียบเท่ากับปรมาจารย์!มองไปทั่วทั้งเจียงจงก็หายอดฝีมือระดับปรมาจารย์เจอได้ไม่กี่คนใช่หรือเปล่า? แต่ว่าเมื่ออยู่ต่อหน้าฉู่เฉิน เขาเหมือนกับเป็นเด็กสาวขวบที่โดนฉู่เฉินจัดการได้ตามใจชอบ ถึงขนาดไม่มีโอกาสแม้แต่จะต่อต้านเลย หรือว่าฉู่เฉินคนนี้คือ...จนกระทั่งตอนนี้เอง เขาถึงสังเกตเห็นว่ากลิ่นอายรอบตัวฉู่เฉินคล้ายคลึงกับอาจารย์ของตนเองอย่างน่าประหลาด ใช่แล้ว!มันดูเหมือนคนธรรมดา แต่ความจริงแล้วน่ากลัวสุดขีด เขาก็อยู่ระดับฝึกปราณชั้นหกเหรอ? พอคิดถึงความเป็นไปได้เช่นนี้ นัยน์ตาของฉินหล่างพลันหดลง ลอบตะโกนว่าแย่แล้ว แต่ในตอนนี้เอง เท้าขนาดใหญ่ของฉู่เฉินเหยียบบ
“จินเจิ้นหลงล่ะ?” ฉู่เฉินเดินกลับไปที่ห้องโถงพลางเอ่ยปากถามอย่างเฉยชา“คุณฉู่ ช่วยด้วยครับ”จินอ้าวเทียนคุกเข่าต่อหน้าฉู่เฉินดังตุบ แล้วอ้อนวอนด้วยสีหน้าเคารพนอบน้อมฉู่เฉินกวาดตามองจินอ้าวเทียนแวบหนึ่ง แต่ไม่สนใจเขาเลย ทว่านั่งลงบนโซฟาตามจินหลิงเอ๋อร์ตอนนี้ทั่วทั้งตัวของจินหลิงเอ๋อร์มีเพียงเสื้อคลุมตัวเดียวเท่านั้น หน้าอกอวบอิ่มสองข้างอยู่ในสภาพปกปิดไว้เพียงครึ่งเดียว ท่อนล่างก็เปลือยเปล่า เผยให้เห็นขาขาวนวลดุจหิมะสองข้างกับสะโพกกลมกลึงโดดเด่นกลางอากาศเช่นนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งดวงหน้าเล็กที่ร้องไห้จนเหมือนดอกสาลี่ต้องหยาดฝน ยิ่งเห็นแล้วชวนให้รู้สึกสงสาร“คุณฉู่ พ่อของฉันขะ...เขาโดนทำร้ายจนบาดเจ็บสาหัส แถมหลี่ก่านก็ยังทรยศตระกูลจิน ตอนนี้พ่อของฉันกำลังโดนเขาคุมตัวอยู่ค่ะ” จินหลิงเอ๋อร์ก็เล่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นให้ฉู่เฉินฟังขณะที่พูด หลังจากพูดจบ จินหลิงเอ๋อร์อดหลั่งน้ำตาอีกครั้งไม่ได้ เธอโผเข้าไปอยู่ในอ้อมแขนของฉู่เฉินแล้วส่งเสียงร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดครั้งนี้เธอตกใจกลัวแล้วจริง ๆ ตั้งแต่เด็กจนโต ไม่ว่าอยู่ในบ้านหรืออยู่ข้างนอก เธอคือคุณหนูที่ทรงอำนาจอยู่เสมอ ท
การเสียชีวิตของซ่งหู่กระทบกระเทือนใจหลี่เต้าผิงไม่น้อยจริง ๆ แต่ยังไม่ถึงขั้นทำให้เขาโศกเศร้าใจ แต่ฉินหล่างเป็นคนที่เขาเลี้ยงดูตั้งแต่เด็กจนโต พูดได้ว่าความรู้สึกระหว่างทั้งสองคนเป็นทั้งศิษย์อาจารย์และเหมือนกับพ่อลูก “ศิษย์เอ๋ยค่อย ๆ เดินนะ รออาจารย์แก้แค้นให้แก!”สิ้นคำพูด กลิ่นอายรอบตัวหลี่เต้าผิงเปลี่ยนเป็นโหดเหี้ยมดุดันอย่างยิ่ง นัยน์ตาสองข้างก็เต็มไปด้วยเส้นเลือดฝอย!วินาทีต่อมา หลี่เต้าผิงหยิบกระดาษยันต์ที่วาดยันต์ไว้เรียบร้อยแล้วออกมาจากตัว ก่อนจะพับเป็นนกกระเรียนกระดาษอย่างรวดเร็ว“ทะยานฟ้าค้นหาร่องรอย คำสั่งเร่งด่วน ปลุก!”จากนั้นหลี่เต้าผิงพูดพึมพำและจิ้มนกกระเรียนกระดาษเบา ๆ ราวกับสั่งการนกกระเรียนกระดาษตัวนั้นค่อย ๆ บินขึ้นสูงกว่าหนึ่งเมตร ก่อนจะไปตามห้องของโรงแรมเพื่อติดตามร่องรอยนกกระเรียนกระดาษตัวนี้จะค้นหากลิ่นอายของฉินหล่าง ตามรอยไปตลอดทาง ขอเพียงเป็นสถานที่ที่ฉินหล่างเคยไป กลิ่นอายของฉินหล่างก็จะยังหลงเหลืออยู่ภายในหนึ่งวัน นกกระเรียนกระดาษจึงพาหลี่เต้าผิงไปที่สำนักมวยตระกูลจินก่อน หลังจากเก็บนกกระเรียนกระดาษกลับมาแล้ว หลี่เต้าผิงได้ตรวจสอบบริเวณใกล้เ
อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
“เจ้าสำนักปี้!” ในขณะที่ปี้คุนเตรียมตัวจะตามฉู่เฉินไป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลัง ปี้คุนอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ หันหน้ามองไปทางด้านหลังทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง?” ปี้คุนขมวดคิ้วขึ้นมา มองหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักปี้คงไม่ได้ตั้งใจมาที่เมืองหมอตูเพื่อไอ้เด็กแซ่ฉู่หรอกใช่ไหม?”ปี้คุนทำหน้าทะมึน กัดฟันแต่ไม่ตอบเขาหลี่ว์เจิ้งหยางเป็นเพียงศิษย์ของสำนักนางใน จากในแง่ของฐานะ เขาต่างจากปี้คุนอย่างมากด้วยเหตุนี้ ปี้คุนเลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “เจ้าสำนักปี้ ผมขอแนะนำคุณสักคำ อย่าลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจะคาดคิด” หลี่ว์เจิ้งหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“อ้อ?” นัยน์ตาของปี้คุนฉายแววเย็นชา จ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยางพลางพูดว่า “คุณคิดจะขัดขวางผมเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบโบกมือกล่าวว่า “เจ้าสำนักปี้เข้าใจผิดแล้ว ผมก็มาแก้แค้นไอ้หมอนี่เหมือนกัน”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดจบก็ถลกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่บาดแผลบนตัวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือไอ้หมอนั่น แต่ว่าไอ้เด็กแซ่ฉู่ไม่ได้น่ากลัว คนที่น่ากลัวคือยัยผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายมัน!” หลี
“คุณร่วมมือทุจริตกับคนแซ่หลี่ข้างล่างนั่น เรื่องนี้น่าจะไม่ผิดใช่ไหม? อีกอย่าง คุณปลอมแปลงตัวตน โกหกว่าตัวเองเป็นหมอดูแลสุขภาพท่านหลง คุณทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยใช่ไหม?” ฟางอวี่เจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง มองถังจิ้งจือด้วยรอยยิ้มหยัน “นะ...นี่เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน จะถือว่าเป็นการทุจริตการแข่งขันได้ยังไง? อีกอย่าง ฉะ...ฉันเป็นหมอดูแลสุขภาพของท่านหลงจริง ๆ นะ”ฟางอวี่เจิ้งได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน? คุณพูดง่ายดีนี่ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นการแข่งขันเลือกบุคลากรในวงการแพทย์ ระดับไม่ด้อยไปกว่าการสอบจอหงวนเลย” “คุณเปลี่ยนโจทย์การแข่งขันโดนพลการ นี่ไม่ใช่การทุจริตการแข่งขันหรือไง?” ไม่รอให้ถังจิ้งจือแก้ต่าง ฟางอวี่เจิ้งก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้ผมยืนยันกับทางแก๊งมังกรแล้ว ท่านหลงไม่มีหมอดูแลสุขภาพอะไรทั้งนั้น ทางสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรก็ไม่มีหมอแซ่ถังด้วย”“ตอนนี้คุณจะอธิบายว่ายังไง!” ถังจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เย็นวาบไปครึ่งหนึ่งเขาเพิ่งโดนท่านหลงปลดออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางแก๊งมังกรไม่มีทางไม่มีบันทึกเอาไว้
เมื่อฮว่าจิ่วหยางเอ่ยจบ หลิ่วหรูเยียนก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้แบนทั่วประเทศ?ถ้าอย่างนั้นฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ! แต่เธอทำใจไม่ได้จริง ๆไอ้สารเลวฉู่เฉินกล้าทำให้เธออับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ!“คุณหลิ่ว ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัดนะ” จางเสวี่ยเหยียนจับกรอบแว่นบนใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาคุณพิจารณาอีกหนึ่งนาที ถ้าเกิดคุณหลิ่วยืนกรานไม่ยอมขอโทษฉู่เฉิน งั้นผมก็จะให้นักเรียนทั้งหมดของผมไม่ใช้เวชภัณฑ์ทุกตัวที่มาจากฉู่ซื่อกรุ๊ปตลอดไป” เฝิงว่านชางกับหลินจื้อหงก็พากันลุกขึ้นมาสนับสนุนเช่นกันแม้ว่าเขาเป็นเพียงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ประจำมณฑล แต่หลายสิบปีมานี้ก็มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนขอเพียงพวกเขาพูดคำเดียว แม้แต่คลินิกเล็ก ๆ ทั่วประเทศก็จะแบนฉู่ซื่อกรุ๊ปกันหมด “คุณหลิ่ว ฉันคือเย่ชิ่นเหยียน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ย!” เย่ชิ่นเหยียนพูดพลางลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “การกระทำเมื่อครู่นี้ของคุณถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทคุณฉู่ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมขอโทษคุณฉู่ ฉันจะทำการฟ้องร้องคุณแทนคุณฉ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ