แม้ว่าเธอจะเอาการหารือกับฉู่เฉินเรื่องรายชื่อแขกที่เชิญมาเป็นข้ออ้าง แต่พอกลับไปถึงเทียนเฟิ่งวิลล่า เธอก็จดจ่ออยู่กับการศึกษาเคล็ดวิชาสตรีหยก โยนเรื่องรายชื่อแขกที่เชิญไปที่ด้านหลังสมองจนหมดเมื่อโจวเทียนเฟิ่งท่องเคล็ดวิชา ตัวอักษรที่ยากจะเข้าใจบนนั้นก็ประทับเข้าไปในสมองของโจวเทียนเฟิ่งราวกับมีมาตั้งแต่กำเนิด ตูม! พอตัวอักษรเหล่านั้นสลักเข้าไปในความทรงจำของโจวเทียนเฟิ่ง เส้นลมปราณทั่วทั้งร่างเธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล จุดคอขวดที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถทะลวงได้มาตลอดเหมือนกับกระจ่างแจ้งขึ้นฉับพลัน กลายเป็นโปร่งใสอย่างยิ่ง วินาทีต่อมา ลมปราณของโจวเทียนเฟิ่งพลันเพิ่มสูงขึ้น และเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นสูงสุดของระดับปรมาจารย์แล้วค่อย ๆ คงที่ลง “ฉะ...ฉันทะลวงได้แล้วเหรอ?” โจวเทียนเฟิ่งไม่อยากเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง ปรมาจารย์เชียวนะในสถานที่เล็ก ๆ อย่างเจียงจง ปรมาจารย์หนึ่งคนก็เพียงพอที่จะสยบทุกสิ่งทุกอย่างแล้วอย่าว่าแต่วงการใต้ดินเลย แม้แต่วงการต่อสู้ก็ต้องเคารพนับถือปรมาจารย์ เหมือนกับคนอย่างจินเจิ้นหลงที่ฝึกฝนอย่างยากลำบากมาหลายสิบปีก็เพิ่งบรรลุถึงระ
รีบ! เธอรีบมากจริง ๆ!ครึ่งชั่วโมงที่ผ่านสำหรับโจวเทียนเฟิ่งแล้ว มันช่างยาวนานยิ่งกว่าหนึ่งเดือนเสียอีก ภายในร่างกายเธอเหมือนถูกหว่านด้วยเมล็ดเพลิง ทุกนาที ทุกวินาที เมล็ดเพลิงนั้นกำลังเติบโตและลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง! และปราณแท้ในร่างของเธอก็เหมือนได้รับผลกระทบจากเมล็ดเพลิง กลายเป็นรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างยิ่งอาจเป็นเพราะฝึกฝนเคล็ดวิชาสตรีหยก ขอเพียงเธอสัมผัสโดนร่างกายของฉู่เฉินก็จะเกิดความรู้สึกชาเหมือนโดนไฟช็อต ความรู้สึกชานี้ทำให้คันไปทั่วทั้งร่างจนทนไม่ไหวแล้ว ทันทีที่มาถึงด้านข้างก้อนหินใหญ่ที่คุ้นเคยก้อนนั้น โจวเทียนเฟิ่งก็นั่งลงบนขาของฉู่เฉินอย่างอดใจรอไม่ไหว ชั่วพริบตานั้น ฉู่เฉินรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของโจวเทียนเฟิ่งเช่นกัน ปราณแท้นับไม่ถ้วนทะลักจากภายในร่างของโจวเทียนเฟิ่งเข้าสู่จุดตันเถียนของฉู่เฉินอย่างบ้าคลั่งบรรยากาศรอบด้านก็เหมือนกับเกิดกระแสพลังสองสายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสายหนึ่งร้อนรุ่มและสั่นกระเพื่อม อีกสายเย็นสบายและสงบนิ่งเมื่อกระแสพลังสองสายถักทอเข้าด้วยกัน หมุนวนอย่างรวดเร็ว พลังวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในภูเขารอบ ๆ ก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาโดยสมบูรณ์
แต่เป็นเพราะฉู่เฉินได้รับการถ่ายทอดจากราชันมังกรแห่งแดนเหนือ ด้วยเหตุนี้รูปแบบของพลังวิญญาณถึงได้วิวัฒนาการเป็นเงามังกร แม้ว่าไม่มีกลิ่นอายมังกรที่แท้จริงอยู่ในเงามังกรนี้ แต่มันดูดซับพลังวิญญาณที่สั่งสมในร่างกายของฉู่เฉินไม่หยุดเพื่อหล่อเลี้ยงเงามังกรนี้อย่างต่อเนื่อง และนี่ทำให้พลังวิญญาณที่จำเป็นต่อการยกระดับขั้นของฉู่เฉินเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ถ่วงความเร็วในการเพิ่มระดับขั้นของฉู่เฉินโดยไม่รู้ตัว แต่สำหรับฉู่เฉิน ตัวตนของเงามังกรนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเลยเมื่อฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือว่าจุดตันเถียนได้รับความเสียหาย เงามังกรนี้ก็จะใช้พลังวิญญาณที่สะสมไว้ในร่างกายตัวเองฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของฉู่เฉินอย่างรวดเร็ว ก็เท่ากับว่าฉู่เฉินมีความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าสะพรึงกลัว และความสามารถในการฟื้นฟูเช่นนี้ต้องการใช้แค่พลังวิญญาณบางส่วนเท่านั้น ขอเพียงมีพลังวิญญาณเพียงพอ แม้ว่าจุดตันเถียนกับทะเลปราณของฉู่เฉินถูกทำลายก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ในระยะเวลาสั้น ๆ นอกจากนี้ ต่อให้ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บ เงามังกรนี้ก็จะช่วยปรับแก้กายเนื้อของฉู่เฉินตลอดเวลา แม้ว่าพลังวิญญาณที่สั
เมื่อม่านราตรีคืบคลานลงมา ขณะที่ฉู่เฉินกับโจวเทียนเฟิ่งกำลังเพลิดเพลินกับอาหารทะเลมื้อใหญ่ ในโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งในเจียงจง หลี่เต้าผิงกับฉินหล่างสองศิษย์อาจารย์กลับกินแป้งม้วนพลางหัวเราะอย่างขมขื่น เพราะจากไปโดยที่รีบร้อนมากเกินไป สองศิษย์อาจารย์จึงลืมบัตรเอทีเอ็มไว้บนเกาะเล็ก ๆ ไร้นามแห่งนั้น โชคดีที่เงินติดตัวของฉินหล่างยังพอจ่ายค่าที่พักแต่ว่าเรื่องอาหารการกินทำได้เพียงกินง่าย ๆ เพื่อประทังท้องเท่านั้น โครกคราก! ฉินหล่างกลืนแป้งม้วนแห้ง ๆ ลงท้องแล้วก็ดื่มน้ำแร่อึกใหญ่เพื่อให้ชุ่มคอ จากนั้นก็เอ่ยปากพูดกับหลี่เต้าผิงว่า “อาจารย์ แค่ปรมาจารย์คนเดียวไม่ต้องให้ผู้อาวุโสอย่างท่านออกหน้าหรอกครับ” “อาศัยผมคนเดียวก็พอที่จะแก้แค้นให้ศิษย์น้องได้แล้ว” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินหล่างก็โยนแป้งม้วนที่กินไปได้ครึ่งเดียวในมือลงพื้นอย่างแรงและเอ่ยพลางกัดฟันกรอด หลี่เต้าผิงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ก็ได้ แต่ถ้าเจอยอดฝีมือขึ้นมา อย่าต่อสู้อย่างรุนแรงเด็ดขาด อาจารย์จะรอข่าวของแกอยู่ที่นี่” ไม่ว่าจะพูดอย่างไรฉินหล่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งฝึกปราณชั้นห้า เทียบเท่ากั
“บอกมา จินเจิ้นหลงอยู่ที่ไหน?”ฉินหล่างเอ่ยปากพูดด้วยเสียงเย็นชา“แกกล้าดีนักนะที่ทำตัวไร้มารยาทกับศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเรา!”เมื่อเห็นหลี่ก่านถูกฉินหล่างหิ้วขึ้นกลางอากาศ ลูกศิษย์ของสำนักหลายคนก็รวบรวมความกล้าพุ่งไปข้างหน้า ทว่าพวกเขามาเร็ว แต่ก็ไปเร็วยิ่งกว่า ถึงขนาดที่พวกเขายังไม่ทันเข้าใกล้ฉินหล่าง ก็เห็นฝ่ายตรงข้ามโบกมือทีหนึ่ง สายลมพัดมาอย่างรุนแรง ลูกศิษย์สิบกว่าคนของสำนักพากันล้มลงไปกองกับพื้นลุกไม่ขึ้นอีก ไม่รู้ว่าตายหรือยัง “ซี้ด!” เมื่อเห็นฉากนี้ หลี่ก่านก็อดตกใจกลัวจนหนังศีรษะชาไม่ได้ เมื่อกี้มือของฉินหล่างปล่อยปราณแท้ออกมา ขนาดจินเจิ้นหลงที่เป็นอาจารย์ของเขาก็ทำเรื่องนี้ไม่ได้เลยมั้ง?นี่อธิบายได้ว่าพลังของอีกฝ่ายเหนือกว่าจินเจิ้นหลงมาก! “บอกมา จินเจิ้นหลงอยู่ที่ไหน ฉันขอเตือนแกไว้เลยว่าความอดทนของฉันมีจำกัดมาก!” ฉินหล่างค่อย ๆ เงยหน้าขึ้น สายตาที่พร้อมจะฆ่าคนจ้องเขม็งไปยังใบหน้าของหลี่ก่าน ทำให้หลี่ก่านตกใจกลัวจนหน้าซีดเผือดราวกับกระดาษทันที เหงื่อเย็น ๆ ไหลรินลงมา“ท่านผู้กล้าได้โปรดไว้ชีวิตผมด้วย ผะ...ผมจะบอก ผมจะบอก อาจารย์ของผมอยู่ที่...” ขณะที่ฉิ
“พ่อ พวกเราไม่ไป!” จินอ้าวเทียนกับจินหลิงเอ๋อร์เอ่ยด้วยสีหน้าดื้อรั้นจินเจิ้นหลงขมวดคิ้วเอ่ยเสียงเคร่งขรึมว่า “คนที่มาไม่เป็นมิตร พ่ออาจจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขา พวกลูก...”จินเจิ้นหลงยังไม่ทันพูดจบ จินอ้าวเทียนก็พุ่งปราดเข้าไป จินอ้าวเทียนสังเกตฉินหล่างพลางแค่นเสียงเย็นแล้วพูดว่า “แกแม่งเบื่อชีวิตแล้วใช่ไหม กล้าลงมือทำร้ายคนในถิ่นของสำนักตระกูลจินเราเหรอ?”สิ้นเสียงพูด จินอ้าวเทียนก็ยกมือขึ้นต่อยหมัดพิฆาตใส่หน้าของฉินหล่างก่อนหน้านี้โดนฉู่เฉินสั่งสอนไปหนึ่งยก จินอ้าวเทียนก็เดือดดาลอยู่แล้ว ตอนนี้มีไอ้คนรนหาที่ตายจากไหนก็ไม่รู้มาเป็นที่ระบายอารมณ์ให้เขาได้พอดี แต่ไม่ว่าอย่างไรคุณชายจินก็คิดไม่ถึงว่าชายวัยกลางคนที่ไม่เตะตาตรงหน้านี้ยังมีความสามารถเหนือกว่าพ่อของเขาเสียอีกเขาเพิ่งจะออกหมัดนี้ลงไปก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดอย่างรุนแรงส่งมาจากตรงท้องน้อย วินาทีต่อมา ร่างกายของเขาก็กระเด็นลอยออกไปโครม!จินอ้าวเทียนตกลงไปไกลเจ็ดแปดเมตร ก่อนจะกระอักเลือดออกมา“แก...” เวรเอ๊ย นี่มันเล่นสกปรกนี่หว่า จินอ้าวเทียนเอามือกุมเป้ากางเกง ร้องไห้เสียงดังตะโกนบอกจินเจิ้นหลงด้วยสีหน้า
“ผมทำเท่าที่ทำได้แล้ว นอกจากนี้ขอเพียงคุณเชื่อฟังแต่โดยดี บอกที่อยู่ของฉู่เฉินออกมา ผมคิดว่าคุณฉินจะต้องเมตตาคุณแน่” หลี่ก่านกล่าวจบก็เบนสายตาไปทางฉินหล่าง ความจริงแล้วระหว่างทางที่มาตระกูลจิน หลี่ก่านได้เล่าเรื่องของซ่งหู่ตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว นอกจากนี้ยังตั้งใจพาฉินหล่างวนบริเวณรอบข้างบ้านใหญ่ตระกูลฉู่เป็นพิเศษด้วยแต่น่าเสียดายที่ฉู่เฉินทำการควบคุมไว้อย่างลับ ๆ ก่อนที่จะไป ด้วยเหตุนี้พวกเขาสองคนวนรอบบ้านใหญ่ตระกูลฉู่สามรอบก็หาบ้านเก่าตระกูลฉู่ไม่เจอนี่ถึงได้ย้อนกลับมาทางเดิม ไปที่ตระกูลจิน “เหอะ พวกแกหลงผิดไปแล้วจริง ๆ! คุณฉู่มีบุญคุณกับตระกูลจินของฉัน ต่อให้ฆ่าพวกเรา พวกแกก็อย่าหวังว่าจะรู้ที่อยู่ของคุณฉู่เลย!” จินเจิ้นหลงยังไม่ทันเอ่ยปาก จินหลิงเอ๋อร์ก็ตวาดด้วยความเกรี้ยวกราด เอ่ยปากพูดอย่างเด็ดขาด“คุณฉิน คุณก็เห็นแล้วนะครับ ตระกูลจินใจแข็งกันหมด ถ้าเกิดไม่สั่งสอนพวกเขาสักหน่อย เกรงว่าพวกเขาคงไม่บอกที่อยู่ของฉู่เฉินหรอกครับ” ฉินหล่างหัวเราะอย่างเหี้ยมเกรียม ดวงตาเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยตัณหากวาดมองร่างของจินหลิงเอ๋อร์ไปมา จากนั้นเขาก็ก้าวมาข้างหน้า ก่อนจะโบกมือให้หลี่ก่
ฉินหล่างหันหน้าไปมองจินอ้าวเทียนแล้วเอ่ยด้วยรอยยิ้มเหี้ยมว่า “พูดมา!” “ฉู่เฉิน...จริง ๆ แล้วฉู่เฉินก็เป็นแค่คนช่วยเหลือ คนที่ต้องการฆ่าซ่งหู่จริง ๆ คะ...คือโจวเทียนเฟิ่ง” จินอ้าวเทียนกลอกตาหลายครั้ง โยนความผิดไปที่โจวเทียนเฟิ่งทันที ถึงแม้ฉู่เฉินมีบุญคุณกับตระกูลจิน ไม่ว่ามองจากด้านไหนก็ไม่ควรบอกที่อยู่ของฉู่เฉินออกมา แต่ว่าโจวเทียนเฟิ่งไม่มีความเกี่ยวข้องกับตระกูลจินจินอ้าวเทียนได้แต่เสียสละโจวเทียนเฟิ่งเพื่อช่วยเหลือจินหลิงเอ๋อร์ “อ้อ?”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ แววตาของฉินหล่างพลันเย็นเยียบ เขาหันไปหาหลี่ก่านที่ยังคงยืนอยู่หน้าประตูจ้องมองเรือนร่างของจินหลิงเอ๋อร์พลางน้ำลายไหล เมื่อสัมผัสได้ถึงสายตาราวกับจะฆ่าคนของฉินหล่าง หลี่ก่านก็ตกใจกลัวจนตัวสั่นทันที“พูดอีกอย่างก็คือ คนที่ชื่อโจวเทียนเฟิ่งถึงจะเป็นตัวการที่ฆ่าศิษย์น้องของฉันเหรอ?” ฉินหล่างหรี่ตามองจินอ้าวเทียน“ถูกต้อง ครอบครัวของซ่งหู่ตายในเงื้อมมือของสำนักเฟิ่งกันหมด เขากลับมาที่เจียงจงเพื่อแก้แค้น คนที่เขาตามหาก็คือโจวเทียนเฟิ่ง”จินอ้าวเทียนเล่ารายละเอียดทั้งหมดที่เขาได้ยินให้ฉินหล่างฟังหลังจากที่ฟังจินอ้าว
อวี้ลู่ยังไม่ทันพูดจบ ฉู่เฉินก็แคะฟันพลางพูดบทว่า “กินมากเกินไปจะอ้วนเป็นตุ่มได้นะ”“เจ้า...ไม่รู้จักความหวังดีของคนอื่นเลย!” อวี้ลู่เหลือกตาใส่ฉู่เฉินอย่างอำมหิต แล้วดึงสองพี่น้องตระกูลต้วนเดินออกไปจากถนนของกินโดยทิ้งฉู่เฉินไว้ “นายท่าน...” ต้วนหลิงเสวี่ยถูกอวี้ลู่ลากไปข้างหน้าพลางหันหน้ามามองฉู่เฉินอย่างอาลัยอาวรณ์ ฉู่เฉินโบกมือให้ต้วนหลิงเสวี่ยพอดีเลยคืนนี้เขาควรไปหาโจวเทียนเฟิ่งเพื่อทำการเตรียมตัวสำหรับการวางจำหน่ายยาบำรุงปราณในตลาดทั่วประเทศ จนกระทั่งสามสาวเดินจากไปไกลแล้ว ฉู่เฉินถึงค่อยเข้าไปนั่งในรถ แล้วสตาร์ทเครื่องยนต์มุ่งหน้าไปยังเทียนเฟิ่งวิลล่าทันทีช่วงนี้โจวเทียนเฟิ่งยุ่งจนไม่สามารถปลีกตัวออกมาได้อย่าเห็นว่าเป็นแค่ธุรกิจในมณฑลแห่งหนึ่ง แต่ด้วยจำนวนเงินที่หมุนเวียนมหาศาลในแต่ละวัน โจวเทียนเฟิ่งไม่กล้าเลินเล่อแม้เพียงชั่วขณะ เมื่อฉู่เฉินเดินเข้าไปในเทียนเฟิ่งวิลล่า โจวเทียนเฟิ่งกำลังสรุปยอดบัญชีอยู่เมื่อเห็นฉู่เฉิน ยามหลายคนตรงหน้าประตูก็รีบเข้ามาต้อนรับ “โอ้ คุณฉู่ นาน ๆ คุณจะมาเป็นแขก เร็วเข้าเถอะครับ เชิญข้างในเลย” ยามคนหนึ่งผงกศีรษะค้อมเอว พาฉู่
“เจ้าสำนักปี้!” ในขณะที่ปี้คุนเตรียมตัวจะตามฉู่เฉินไป ทันใดนั้นเองก็มีเสียงทุ้มต่ำดังมาจากข้างหลัง ปี้คุนอดสะดุ้งตกใจไม่ได้ หันหน้ามองไปทางด้านหลังทันที“หลี่ว์เจิ้งหยาง?” ปี้คุนขมวดคิ้วขึ้นมา มองหลี่ว์เจิ้งหยางด้วยความประหลาดใจ “เจ้าสำนักปี้คงไม่ได้ตั้งใจมาที่เมืองหมอตูเพื่อไอ้เด็กแซ่ฉู่หรอกใช่ไหม?”ปี้คุนทำหน้าทะมึน กัดฟันแต่ไม่ตอบเขาหลี่ว์เจิ้งหยางเป็นเพียงศิษย์ของสำนักนางใน จากในแง่ของฐานะ เขาต่างจากปี้คุนอย่างมากด้วยเหตุนี้ ปี้คุนเลยไม่เห็นเขาอยู่ในสายตาเลย “เจ้าสำนักปี้ ผมขอแนะนำคุณสักคำ อย่าลงมือเด็ดขาด ไม่งั้นผลที่ตามมาคงเลวร้ายเกินจะคาดคิด” หลี่ว์เจิ้งหยางเอ่ยด้วยสีหน้าเหี้ยมเกรียม“อ้อ?” นัยน์ตาของปี้คุนฉายแววเย็นชา จ้องมองหลี่ว์เจิ้งหยางพลางพูดว่า “คุณคิดจะขัดขวางผมเหรอ?”หลี่ว์เจิ้งหยางรีบโบกมือกล่าวว่า “เจ้าสำนักปี้เข้าใจผิดแล้ว ผมก็มาแก้แค้นไอ้หมอนี่เหมือนกัน”หลี่ว์เจิ้งหยางพูดจบก็ถลกเสื้อขึ้นมา ก่อนจะชี้ไปที่บาดแผลบนตัวแล้วพูดว่า “ทั้งหมดนี้เป็นฝีมือไอ้หมอนั่น แต่ว่าไอ้เด็กแซ่ฉู่ไม่ได้น่ากลัว คนที่น่ากลัวคือยัยผู้หญิงคนนั้นที่อยู่ข้างกายมัน!” หลี
“คุณร่วมมือทุจริตกับคนแซ่หลี่ข้างล่างนั่น เรื่องนี้น่าจะไม่ผิดใช่ไหม? อีกอย่าง คุณปลอมแปลงตัวตน โกหกว่าตัวเองเป็นหมอดูแลสุขภาพท่านหลง คุณทำเรื่องพวกนี้ทั้งหมดเลยใช่ไหม?” ฟางอวี่เจิ้งเอามือสองข้างไพล่หลัง มองถังจิ้งจือด้วยรอยยิ้มหยัน “นะ...นี่เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน จะถือว่าเป็นการทุจริตการแข่งขันได้ยังไง? อีกอย่าง ฉะ...ฉันเป็นหมอดูแลสุขภาพของท่านหลงจริง ๆ นะ”ฟางอวี่เจิ้งได้ยินคำกล่าวก็หัวเราะหยันแล้วเอ่ยว่า “เป็นแค่การแข่งขันแพทย์แผนจีน? คุณพูดง่ายดีนี่ คุณน่าจะเข้าใจนะว่าการแข่งขันแพทย์แผนจีนเป็นการแข่งขันเลือกบุคลากรในวงการแพทย์ ระดับไม่ด้อยไปกว่าการสอบจอหงวนเลย” “คุณเปลี่ยนโจทย์การแข่งขันโดนพลการ นี่ไม่ใช่การทุจริตการแข่งขันหรือไง?” ไม่รอให้ถังจิ้งจือแก้ต่าง ฟางอวี่เจิ้งก็พูดต่อว่า “เมื่อกี้ผมยืนยันกับทางแก๊งมังกรแล้ว ท่านหลงไม่มีหมอดูแลสุขภาพอะไรทั้งนั้น ทางสำนักงานใหญ่ของแก๊งมังกรก็ไม่มีหมอแซ่ถังด้วย”“ตอนนี้คุณจะอธิบายว่ายังไง!” ถังจิ้งจือได้ยินคำพูดนี้ หัวใจก็เย็นวาบไปครึ่งหนึ่งเขาเพิ่งโดนท่านหลงปลดออกเมื่อไม่กี่วันก่อน ทางแก๊งมังกรไม่มีทางไม่มีบันทึกเอาไว้
เมื่อฮว่าจิ่วหยางเอ่ยจบ หลิ่วหรูเยียนก็อดตัวสั่นเทิ้มไม่ได้แบนทั่วประเทศ?ถ้าอย่างนั้นฉู่ซื่อกรุ๊ปก็จบเห่โดยสิ้นเชิงแล้วจริง ๆ! แต่เธอทำใจไม่ได้จริง ๆไอ้สารเลวฉู่เฉินกล้าทำให้เธออับอายขายหน้าต่อหน้าผู้คนเนี่ยนะ!“คุณหลิ่ว ความอดทนของพวกเรามีขีดจำกัดนะ” จางเสวี่ยเหยียนจับกรอบแว่นบนใบหน้า แล้วเอ่ยด้วยเสียงเย็นชาว่า “ให้เวลาคุณพิจารณาอีกหนึ่งนาที ถ้าเกิดคุณหลิ่วยืนกรานไม่ยอมขอโทษฉู่เฉิน งั้นผมก็จะให้นักเรียนทั้งหมดของผมไม่ใช้เวชภัณฑ์ทุกตัวที่มาจากฉู่ซื่อกรุ๊ปตลอดไป” เฝิงว่านชางกับหลินจื้อหงก็พากันลุกขึ้นมาสนับสนุนเช่นกันแม้ว่าเขาเป็นเพียงศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยการแพทย์ประจำมณฑล แต่หลายสิบปีมานี้ก็มีลูกศิษย์มากมายนับไม่ถ้วนขอเพียงพวกเขาพูดคำเดียว แม้แต่คลินิกเล็ก ๆ ทั่วประเทศก็จะแบนฉู่ซื่อกรุ๊ปกันหมด “คุณหลิ่ว ฉันคือเย่ชิ่นเหยียน ทนายความจากสำนักงานกฎหมายหมิงเจวี๋ย!” เย่ชิ่นเหยียนพูดพลางลุกขึ้นมาเช่นกัน ก่อนจะมองหลิ่วหรูเยียนด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วพูดว่า “การกระทำเมื่อครู่นี้ของคุณถือเป็นความผิดฐานหมิ่นประมาทคุณฉู่ ถ้าเกิดคุณไม่ยอมขอโทษคุณฉู่ ฉันจะทำการฟ้องร้องคุณแทนคุณฉ
นี่มันเป็นไปได้ยังไงกัน?หรือว่าฉู่เฉินจะหลอมยาเป็นจริง ๆ?เมื่อคิดถึงการกระทำของเธอมีความเป็นไปได้สูงยิ่งว่าจะทำให้ฉู่ซื่อกรุ๊ปเดือดร้อน ถึงขนาดที่ยังโดนสังคมประณาม หลิ่วหรูเยียนก็รีบผลักเจียงถิงออกแล้วหันตัวกำลังจะคิดหนีไป แต่เสียงเย็นชาของฉู่เฉินดังมาจากข้างหลังว่า “ผู้จัดการใหญ่หลิ่ว รบกวนหยุดก่อน!”หลิ่วหรูเยียนตัวสั่นเล็กน้อย เผลอหยุดฝีเท้าตามจิตใต้สำนึก ก่อนจะหันตัวกลับมาฉับพลันแล้วพูดว่า “ฉู่เฉิน กะ...แกยังจะเอายังไงอีก?” “มะ...เมื่อกี้ฉันแค่สงสัยแก ละ...และก็เพื่อความรอบคอบทางการแพทย์ มันผิดตรงไหนเหรอ?” ฉู่เฉินหัวเราะหยันสองครั้ง มองหลิ่วหรูเยียนอย่างพินิจพิเคราะห์แล้วเอ่ยว่า “เธอว่านั่นเรียกว่าความรอบคอบเหรอ? ดูเหมือนยังมีอีกคำนะ เรียกว่าการใส่ร้ายต่อหน้าผู้คนใช่ไหม”“ถ้าเกิดฉันจำไม่ผิด เมื่อหนึ่งเดือนก่อน เธอเคยพูดกับปากเองต่อหน้าแฟนคลับนับล้านว่าถ้าเกิดฉันชนะการแข่งขันในการแข่งขันแพทย์แผนจีน เธอก็จะคุกเข่าโขกหัวขอโทษ”“ไม่รู้ว่าตอนนี้นับว่าฉันชนะแล้วหรือยัง?” เมื่อสิ้นเสียงพูด ฉู่เฉินก็ค่อย ๆ เงยหน้าขึ้นมองไปทางฮว่าจิ่วหยาง “คุณฉู่พูดล้อเล่นแล้ว วิชาแพทย์ของคุณ
“หรูเยียน ลูกพูดเหลวไหลอะไร! รีบนั่งลงเร็วเข้า!”ไม่ว่าอย่างไรหลิ่วชิงเหอก็คิดไม่ถึงว่าหลิ่วหรูเยียนจะสูญเสียการควบคุมอารมณ์ในเวลานี้ เลยรีบดึงแขนของหลิ่วหรูเยียนไว้“หนูไม่ได้พูดเหลวไหลเลยนะ!” หลิ่วหรูเยียนสะบัดมือของหลิ่วชิงเหอออก ก่อนจะเดินลงจากที่นั่งแขกกิตติมศักดิ์ อย่างรวดเร็ว เจียงถิงมองหลิ่วหรูเยียนที่พุ่งขึ้นมาบนเวที แล้วขมวดคิ้วเอ่ยด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรนิดหน่อยว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ ฉันหวังว่าคุณจะรับผิดชอบต่อคำพูดเมื่อกี้ของคุณได้นะคะ” “การใส่ร้ายคนอื่นต่อหน้าผู้คนเป็นความผิดทางกฎหมายนะคะ!” หลิ่วหรูเยียนแค่นเสียงเย็น แย่งไมโครโฟนมาแล้วเอานิ้วชี้ไปที่ฉู่เฉิน ก่อนจะพูดกับผู้ชมกว่าหมื่นคนด้านล่างเวทีว่า “ฉันพิสูจน์ได้ว่าฉู่เฉินคนนี้เป็นแค่นักต้มตุ๋นที่ไม่มีความรู้ความสามารถ!”“พวกคุณอย่าโดนรูปลักษณ์ภายนอกปลอม ๆ ของเขาหลอกลวงเด็ดขาดนะคะ!”“เขาไม่เพียงไม่มีวิชาแพทย์อะไรทั้งนั้น แม้แต่สามีภรรยาเมื่อครู่นี้จะต้องเป็นหน้าม้าที่เขาจ่ายเงินจ้างมาแน่นอน!”หลังจากที่สิ้นเสียงตะโกนของเธอ ทุกคนก็หันไปมองสามีภรรยาหนุ่มสาวที่กำลังอุ้มลูกเมื่อครู่นี้อีกครั้ง“พวกเราไม่รู้จักคุณ
“ตึกตัก! ตึกตัก!”ฮว่าจิ่วหยางรู้สึกว่าหัวใจของตัวเองใกล้จะกระโดดมาถึงลำคอแล้ว ถ้าเกิดเด็กชายตัวน้อยเอ่ยปากพูดจริง ๆ เช่นนั้นยาบำรุงสวรรค์ตัวนี้ก็จะโด่งดังไปทั่วอินเทอร์เน็ตในพริบตาฉู่เฉินก็จะกลายเป็นดาวเด่นของทั้งวงการแพทย์นี่ไม่ใช่การสร้างปาฏิหาริย์แล้ว แต่เป็นการท้าทายชะตากรรมชะตากรรมของผู้พิการทางการได้ยินและการพูดย่อมแตกต่างจากคนปกติโดยสิ้นเชิง ในขณะที่ทุกคนกลั้นหายใจเพ่งสมาธิ เด็กชายตัวน้อยค่อย ๆ อ้าปากเล็ก ร้องเรียกเบา ๆว่า “บอ” “ระ...เรียกพ่อ”เมื่อชายหนุ่มได้ยินเสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นก็ตื่นเต้นจนน้ำตาร้อน ๆ เอ่อคลอดวงตา แม้แต่ร่างกายก็สั่นเทิ้มไม่หยุด ส่วนบรรยากาศในงานก็ตื่นเต้นถึงที่สุด เสียงที่ไม่ได้มาตรฐานนั้นไม่อาจถือได้ว่าฉู่เฉินประสบความสำเร็จแล้ว อย่างมากก็เป็นเพียงการพูดอ้อแอ้ หรือว่าเสียงจากการครางเท่านั้น“เรียกสิ เรียกพ่อ!” ภายใต้การกระตุ้นครั้งแล้วครั้งเล่าของชายหนุ่ม เด็กชายตัวน้อยอ้าปากเล็ก ๆ อีกครั้งก่อนจะพูดว่า “พะ...อา พอ...พ่อ”เสียงที่ชัดเจนดังออกมาเป็นรอบที่สอง ทั่วทั้งงานและแพลตฟอร์มต่าง ๆ ทั่วทั้งอินเทอร์เน็ตแทบจะเดือดพล่านพร้อมกั
เชี่ย!ฮว่าเทียนอวี่ที่นั่งข้างหลังฮว่าจิ่วหยางอดสบถคำหยาบไม่ได้จากนั้นก็เห็นเพียงเตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินพลันเปล่งแสงสีแดงฉานออกมา ก่อนที่กลิ่นหอมของยาที่สดชื่นผ่อนคลายจะอบอวลไปทั่วทั้งสนามกีฬาระดับสวรรค์!ถึงแม้พวกฮว่าจิ่วหยางไม่เชี่ยวชาญด้านการหลอมยา แต่ว่ายังคงแยกแยะระดับได้ชัดเจนมาก แม้ว่าตัวยาเม็ดนี้หลอมขึ้นจากสูตรยาระดับล่างเท่านั้น แต่เมื่อมันไปถึงระดับสวรรค์ขึ้นไปก็ล้ำค่าจนประเมินค่าไม่ได้เช่นเดียวกัน! อย่างไรเสียสูตรยาเป็นตัวกำหนดคุณสมบัติและทิศทางการรักษาของยา แต่ความสามารถของนักหลอมโอสถเป็นตัวกำหนดระดับของตัวยา แม้ว่าจะเป็นสูตรยาระดับดิน ถ้าเกิดออกมาเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ได้ นั่นก็น่ากลัวมากนี่ก็เปรียบเหมือนกับว่าหากใช้สูตรยาหกตำรับบำรุงไตหลอมเป็นยาวิเศษระดับสวรรค์ ยาหกตำรับบำรุงไตหนึ่งเม็ดนี้สามารถขายได้ถึงหลายพันล้าน และยาในมือฉู่เฉินเม็ดนี้ คุณสมบัติกับการรักษาหลักยังไม่ชัดเจน หรือพูดอีกอย่างก็คือมีความเป็นไปได้สูงว่านี่เป็นยาระดับสวรรค์ที่ประเมินค่าไม่ได้ รวย!รวยเละแล้ว!พวกฮว่าจิ่วหยางรู้สึกอิจฉาฉู่เฉินไม่หยุด ไม่แน่ว่าฉู่เฉินอาศัยยาวิเศษระดับสวร
“พวกนายรีบดูสิ นั่นมันอะไรน่ะ?”“เชี่ย นั่นเหมือน...เหมือนก้อนเมฆเลย?” “นี่แม่งไม่สมเหตุสมผลเลย ขะ...เขาจะมีก้อนเมฆอยู่ในมือได้ยังไง?” แม้แต่เจียงถิง เวลานี้ก็สังเกตเห็นแล้วเหมือนกันว่ามีก้อนเมฆขนาดเท่าฝ่ามือค่อย ๆ ก่อตัวขึ้นเหนือเตาหลอมโอสถของฉู่เฉินนอกจากนี้ด้านในยังมีสายฟ้าที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่า!ซี้ด!พวกฮว่าจิ่วหยางที่อยู่บนที่นั่งกรรมการก็มองไปทางฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อหรือว่านั่นก็คือเคราะห์โอสถในตำนาน?เล่ากันว่า มีเพียงโอสถที่ไปถึงระดับท้าทายสวรรค์ถึงจะเกิดเคราะห์โอสถขึ้นมาในขณะกำลังหลอมยาเสร็จแม้แต่หลี่จวิ้นเฟิงก็มองฉู่เฉินอย่างไม่อยากจะเชื่อเล็กน้อย นั่นมันเคราะห์โอสถเชียวนะ! เพียงแต่ว่าแม้กระทั่งผู้อาวุโสของสำนักหมอก็หลอมโอสถชั้นเลิศที่สามารถผ่านเคราะห์โอสถออกมาไม่ได้เลย ฉู่เฉินเขาทำได้อย่างไร? เป็นไปไม่ได้!จะต้องประสาทหลอนแน่ ๆ! “เลิกหลอกลวงอยู่ตรงนั้นได้แล้ว!”หลี่จวิ้นเฟิงกลืนน้ำลายหนัก ๆ ตะคอกเสียงดังลั่นขึ้นมาฉับพลัน ก่อนจะยกเท้าข้างหนึ่งเตะไปที่เตาหลอมโอสถในมือฉู่เฉินไม่ว่าจะเป็นจริงหรือไม่ เขาต้องหยุดยั้งไม่ให้ฉู่เฉินหลอมยาได้สำเร็จ!แ