“เก้าวิญญาณสวรรค์แปรเปลี่ยน? ไม่ได้ๆ...” หลังจากค้นหาอยู่พักหนึ่ง ฉู่เฉินก็หาเจอจริง ๆ“อันนี้แหละ!”เมื่อคิดได้ดังนั้น ฉู่เฉินก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “อืม เด็กมีแววสอนได้” ฉู่เฉินจิบชาหอมอีกคำถึงค่อยพูดอย่างเฉยชาว่า “ไปหยิบกระดาษกับปากกามา”อินซู่ซู่คิดไม่ถึงว่าฉู่เฉินจะถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้เธอจริง ๆ ในใจเธอทั้งตกใจทั้งยินดี ไม่ว่าอย่างไรเธอก็คิดไม่ถึงว่าฉู่เฉินที่เธอเข้าใจผิดว่าเป็นคนหื่นกามและเป็นมารราคะมาโดยตลอดจะใจกว้างเช่นนี้ อีกทั้งยังถ่อมตน ไม่ถือสากับสิ่งที่เธอกระทำลงไปก่อนหน้านี้ แถมยังถ่ายทอดเคล็ดวิชาให้เธออีกด้วยชั่วขณะหนึ่ง อินซู่ซู่รู้สึกซาบซึ้งใจต่อฉู่เฉินจนขอบตาฉ่ำรื้นเมื่อคิดดูให้ดี เธอกับฉู่เฉินเพิ่งรู้จักกันได้ไม่กี่วันเองนะ?แต่น่าเสียดายที่หลายปีมานี้ อาจารย์ของเธอไม่ได้ถ่ายทอดเคล็ดวิชาที่พอเข้าท่าให้เธอเลยแถมยังมองเธอจะตายแล้วไม่ยอมช่วยอีก!เมื่อคิดถึงตรงนี้ อินซู่ซู่วิ่งเข้าไปในบ้านอย่างรวดเร็วแล้วหยิบกระดาษกับปากกามาก่อนจะเข้าไปใกล้ฉู่เฉิน เบิกตากลมโตที่เปล่งประกายสดใสจ้องมองฉู่เฉินเขียนตัวอักษรที่ยากจะเข้าใจบนกระดาษ ฉู่เฉินลอบปรายตามองอินซ
ฉู่เฉินเห็นตัวเองในช่องสนทนาถึงค่อยสังเกตเห็นว่ามีรอยจูบสีแดงบนแก้มซ้ายตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ เขารีบยื่นมือไปเช็ด แต่กลับทำให้รอยจูบขยายใหญ่ยิ่งขึ้น“ฮึ เฉินเฉิน เพิ่งแยกจากกันคืนเดียว ฉันก็เปลี่ยนจากคนรักตัวน้อยไปเป็นคนรักเก่าแล้วสินะ?” แววตาโจวเทียนเฟิ่งเขียนคำว่าริษยาอยู่เต็มไปหมด สีหน้าเรียกได้ว่าหึงมาก ในช่วงเวลาที่ผ่านมานี้ เธอแทบจะคุ้นชินกับวันเวลาที่ฉู่เฉินอยู่ข้างกายเธอทุกวัน ถึงขนาดที่คิดไปเองว่าเธอเป็นภรรยาคนแรกของฉู่เฉิน ทว่าเมื่อเธอเห็นรอยลิปสติกบนใบหน้าของฉู่เฉิน ทันใดนั้นเธอก็ถูกลากจากภาพลวงตาที่สวยงามกลับมายังโลกความเป็นจริง ความจริงก็คือเธออายุมากกว่าฉู่เฉินหลายปี อีกทั้งฉู่เฉินจะต้องมีสาวงามมากมายอยู่ข้างกายแถมยังผลักไสออกไปไม่ได้แน่นอน เมื่อคิดถึงเรื่องพวกนี้ โจวเทียนเฟิ่งก็อดรู้สึกเจ็บปวดใจไม่ได้ ทำไมเธอถึงไม่เกิดช้ากว่านี้สักหลายปี หรือไม่ฉู่เฉินก็เกิดเร็วกว่านี้สักหลายปีนะ? บางทีนี่อาจจะเป็นเรื่องตลกขำ ๆ ที่พระเจ้าล้อเล่นกับเธอก็ได้ใช่ไหม?ชั่วขณะหนึ่ง ความรู้สึกสับสนต่าง ๆ ประเดประดังขึ้นมาในใจ ดวงตางามของโจวเทียนเฟิ่งมีหยาดน้ำตาเอ่อคลอขึ้นม
ฉู่เฉินพูดจบก็วางสายทันที “นายท่าน ขอโทษด้วยนะคะ ทั้งหมดเป็นความผิดของฉันเองที่ทะ...ทำให้พี่สาวคนนั้นเข้าใจผิด” อินซู่ซู่พูดกับฉู่เฉินด้วยสีหน้ารู้สึกผิดฉู่เฉินโบกมือทีหนึ่งพลางพูดว่า “ไม่เป็นไร ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร อีกอย่างเธอมีอะไรให้เข้าใจผิดได้ เดิมทีระหว่างพวกเราก็เป็นแค่มิตรภาพอันบริสุทธิ์!”มิตรภาพ...อันบริสุทธิ์เหรอ? อินซู่ซู่มองอย่างไร โจวเทียนเฟิ่งก็ดูเหมือนกำลังหึงอยู่นะ? แถมยังรีบร้อนมา เห็นได้ชัดว่ามีความหมายแฝงอยู่ ท่าทางของโจวเทียนเฟิ่งเมื่อครู่นี้เหมือนกับแมวที่อยากปกป้องปลาแห้งที่ตัวเองรักสุดขีด และปลาแห้งตัวนั้นก็เห็นได้ชัดว่าเป็นฉู่เฉิน “ตอนนี้เธอสามารถฝึกฝนตามเคล็ดวิชาที่ฉันให้เธอได้เลย ถ้าเกิดมีตรงไหนไม่เข้าใจก็ถามฉันได้ตลอด” ฉู่เฉินเห็นอินซู่ซู่นิ่งอึ้งอยู่กับที่ ท่าทางเหมือนทำอะไรถูก เขาก็เอ่ยปากพูดทันที“ได้ค่ะ นายท่าน” อินซู่ซู่พูดจบก็คือเคล็ดวิชาที่ฉู่เฉินเพิ่งเขียนให้เธอแล้วนั่งลงบนม้านั่งหินในลานบ้าน ถึงแม้ว่าตัวอักษรเหล่านั้นดูเข้าใจยาก แต่ในตอนที่อินซู่ซู่นั่งขัดสมาธิเริ่มฝึกหายใจเข้าออก ตัวอักษรบนนั้นก็พุ่งเข้าไปในสมองของเธออย่างร
ฉู่เฉินมองโจวเทียนเฟิ่งแวบหนึ่งแล้วพรูลมหายใจเบา ๆ จากนั้นก็โยนกระดาษเอสี่ที่เขียนเคล็ดวิชาสตรีหยกให้โจวเทียนเฟิ่ง“เคล็ดวิชาสตรีหยก?”โจวเทียนเฟิ่งขมวดคิ้วมุ่นกับตัวอักษรที่ยากแก่การเข้าใจบนนั้นก่อนจะเอ่ยถามด้วยความไม่เข้าใจ “อืม นี่เป็นของที่มอบให้คุณ ตอนที่ถ่ายทอดวิชาให้อินซู่ซู่เมื่อกี้ จู่ ๆ ก็นึกขึ้นได้ว่าร่างกายของคุณมีคุณสมบัติพิเศษ ถ้าเกิดไม่ฝึกฝนวิชาที่เหมาะสม เกรงว่าคุณคงไม่มีวันทะลวงสู่ระดับปรมาจารย์ได้ตลอดกาล” ถึงแม้โจวเทียนเฟิ่งผ่าน ‘การฝึกฝนอย่างหนัก’ ในช่วงหลายวันมานี้จนไปถึงระดับกำลังภายในขั้นสูงแล้ว แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามหนักมากแค่ไหน หรือว่าบำเพ็ญคู่กับฉู่เฉิน เธอก็ไม่สามารถก้าวข้ามธรณีประตูนั้นได้เลยถึงขนาดที่ตัวเธอเองก็สงสัยนิดหน่อยว่าเธอไม่ได้เกิดมาเพื่อเป็นนักสู้ใช่หรือเปล่า อันที่จริงเป็นเพราะพลังชีวิตในร่างกายเธอถูกฉู่เฉินดูดซับไปหมดแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อระดับของฉู่เฉินเพิ่มขึ้น ผลประโยชน์ที่โจวเทียนเฟิ่งสามารถนำมาให้เขาก็มีจำกัดมากแล้วต่อให้กายาหงส์หยกเหมันต์เข้ากับวิชาเก้าผันกลืนสวรรค์ของฉู่เฉินได้อย่างเป็นธรรมชาติ แต่ระดับของทั้งสองฝ่ายไม่สามารถ
แม้ว่าเธอจะเอาการหารือกับฉู่เฉินเรื่องรายชื่อแขกที่เชิญมาเป็นข้ออ้าง แต่พอกลับไปถึงเทียนเฟิ่งวิลล่า เธอก็จดจ่ออยู่กับการศึกษาเคล็ดวิชาสตรีหยก โยนเรื่องรายชื่อแขกที่เชิญไปที่ด้านหลังสมองจนหมดเมื่อโจวเทียนเฟิ่งท่องเคล็ดวิชา ตัวอักษรที่ยากจะเข้าใจบนนั้นก็ประทับเข้าไปในสมองของโจวเทียนเฟิ่งราวกับมีมาตั้งแต่กำเนิด ตูม! พอตัวอักษรเหล่านั้นสลักเข้าไปในความทรงจำของโจวเทียนเฟิ่ง เส้นลมปราณทั่วทั้งร่างเธอก็เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างมหาศาล จุดคอขวดที่ก่อนหน้านี้ไม่สามารถทะลวงได้มาตลอดเหมือนกับกระจ่างแจ้งขึ้นฉับพลัน กลายเป็นโปร่งใสอย่างยิ่ง วินาทีต่อมา ลมปราณของโจวเทียนเฟิ่งพลันเพิ่มสูงขึ้น และเพิ่มขึ้นไปเรื่อย ๆ จนถึงขั้นสูงสุดของระดับปรมาจารย์แล้วค่อย ๆ คงที่ลง “ฉะ...ฉันทะลวงได้แล้วเหรอ?” โจวเทียนเฟิ่งไม่อยากเชื่อเลยว่าทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง ปรมาจารย์เชียวนะในสถานที่เล็ก ๆ อย่างเจียงจง ปรมาจารย์หนึ่งคนก็เพียงพอที่จะสยบทุกสิ่งทุกอย่างแล้วอย่าว่าแต่วงการใต้ดินเลย แม้แต่วงการต่อสู้ก็ต้องเคารพนับถือปรมาจารย์ เหมือนกับคนอย่างจินเจิ้นหลงที่ฝึกฝนอย่างยากลำบากมาหลายสิบปีก็เพิ่งบรรลุถึงระ
รีบ! เธอรีบมากจริง ๆ!ครึ่งชั่วโมงที่ผ่านสำหรับโจวเทียนเฟิ่งแล้ว มันช่างยาวนานยิ่งกว่าหนึ่งเดือนเสียอีก ภายในร่างกายเธอเหมือนถูกหว่านด้วยเมล็ดเพลิง ทุกนาที ทุกวินาที เมล็ดเพลิงนั้นกำลังเติบโตและลุกโชนอย่างบ้าคลั่ง! และปราณแท้ในร่างของเธอก็เหมือนได้รับผลกระทบจากเมล็ดเพลิง กลายเป็นรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างยิ่งอาจเป็นเพราะฝึกฝนเคล็ดวิชาสตรีหยก ขอเพียงเธอสัมผัสโดนร่างกายของฉู่เฉินก็จะเกิดความรู้สึกชาเหมือนโดนไฟช็อต ความรู้สึกชานี้ทำให้คันไปทั่วทั้งร่างจนทนไม่ไหวแล้ว ทันทีที่มาถึงด้านข้างก้อนหินใหญ่ที่คุ้นเคยก้อนนั้น โจวเทียนเฟิ่งก็นั่งลงบนขาของฉู่เฉินอย่างอดใจรอไม่ไหว ชั่วพริบตานั้น ฉู่เฉินรู้สึกได้ถึงความผิดปกติของโจวเทียนเฟิ่งเช่นกัน ปราณแท้นับไม่ถ้วนทะลักจากภายในร่างของโจวเทียนเฟิ่งเข้าสู่จุดตันเถียนของฉู่เฉินอย่างบ้าคลั่งบรรยากาศรอบด้านก็เหมือนกับเกิดกระแสพลังสองสายที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงสายหนึ่งร้อนรุ่มและสั่นกระเพื่อม อีกสายเย็นสบายและสงบนิ่งเมื่อกระแสพลังสองสายถักทอเข้าด้วยกัน หมุนวนอย่างรวดเร็ว พลังวิญญาณที่ซ่อนอยู่ในภูเขารอบ ๆ ก็ถูกกระตุ้นขึ้นมาโดยสมบูรณ์
แต่เป็นเพราะฉู่เฉินได้รับการถ่ายทอดจากราชันมังกรแห่งแดนเหนือ ด้วยเหตุนี้รูปแบบของพลังวิญญาณถึงได้วิวัฒนาการเป็นเงามังกร แม้ว่าไม่มีกลิ่นอายมังกรที่แท้จริงอยู่ในเงามังกรนี้ แต่มันดูดซับพลังวิญญาณที่สั่งสมในร่างกายของฉู่เฉินไม่หยุดเพื่อหล่อเลี้ยงเงามังกรนี้อย่างต่อเนื่อง และนี่ทำให้พลังวิญญาณที่จำเป็นต่อการยกระดับขั้นของฉู่เฉินเพิ่มขึ้นหลายเท่าตัว ถ่วงความเร็วในการเพิ่มระดับขั้นของฉู่เฉินโดยไม่รู้ตัว แต่สำหรับฉู่เฉิน ตัวตนของเงามังกรนี้ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเลยเมื่อฉู่เฉินได้รับบาดเจ็บสาหัสหรือว่าจุดตันเถียนได้รับความเสียหาย เงามังกรนี้ก็จะใช้พลังวิญญาณที่สะสมไว้ในร่างกายตัวเองฟื้นฟูอาการบาดเจ็บของฉู่เฉินอย่างรวดเร็ว ก็เท่ากับว่าฉู่เฉินมีความสามารถในการฟื้นฟูที่น่าสะพรึงกลัว และความสามารถในการฟื้นฟูเช่นนี้ต้องการใช้แค่พลังวิญญาณบางส่วนเท่านั้น ขอเพียงมีพลังวิญญาณเพียงพอ แม้ว่าจุดตันเถียนกับทะเลปราณของฉู่เฉินถูกทำลายก็สามารถฟื้นฟูกลับมาได้ในระยะเวลาสั้น ๆ นอกจากนี้ ต่อให้ฉู่เฉินไม่ได้รับบาดเจ็บ เงามังกรนี้ก็จะช่วยปรับแก้กายเนื้อของฉู่เฉินตลอดเวลา แม้ว่าพลังวิญญาณที่สั
เมื่อม่านราตรีคืบคลานลงมา ขณะที่ฉู่เฉินกับโจวเทียนเฟิ่งกำลังเพลิดเพลินกับอาหารทะเลมื้อใหญ่ ในโรงแรมห้าดาวแห่งหนึ่งในเจียงจง หลี่เต้าผิงกับฉินหล่างสองศิษย์อาจารย์กลับกินแป้งม้วนพลางหัวเราะอย่างขมขื่น เพราะจากไปโดยที่รีบร้อนมากเกินไป สองศิษย์อาจารย์จึงลืมบัตรเอทีเอ็มไว้บนเกาะเล็ก ๆ ไร้นามแห่งนั้น โชคดีที่เงินติดตัวของฉินหล่างยังพอจ่ายค่าที่พักแต่ว่าเรื่องอาหารการกินทำได้เพียงกินง่าย ๆ เพื่อประทังท้องเท่านั้น โครกคราก! ฉินหล่างกลืนแป้งม้วนแห้ง ๆ ลงท้องแล้วก็ดื่มน้ำแร่อึกใหญ่เพื่อให้ชุ่มคอ จากนั้นก็เอ่ยปากพูดกับหลี่เต้าผิงว่า “อาจารย์ แค่ปรมาจารย์คนเดียวไม่ต้องให้ผู้อาวุโสอย่างท่านออกหน้าหรอกครับ” “อาศัยผมคนเดียวก็พอที่จะแก้แค้นให้ศิษย์น้องได้แล้ว” เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ ฉินหล่างก็โยนแป้งม้วนที่กินไปได้ครึ่งเดียวในมือลงพื้นอย่างแรงและเอ่ยพลางกัดฟันกรอด หลี่เต้าผิงไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ก็ได้ แต่ถ้าเจอยอดฝีมือขึ้นมา อย่าต่อสู้อย่างรุนแรงเด็ดขาด อาจารย์จะรอข่าวของแกอยู่ที่นี่” ไม่ว่าจะพูดอย่างไรฉินหล่างก็เป็นผู้แข็งแกร่งฝึกปราณชั้นห้า เทียบเท่ากั