ภาพจำเมื่อหลายวันก่อนในห้องพัก ร่างสมส่วนของแสงเทียน ยืนมองดูตัวเองอยู่หน้ากระจกเงา สำรวจความเรียบร้อยของตัวเอง ระหว่างนั้นเครื่องมือสื่อสารที่วางไว้หัวเตียงก็ดังขึ้น ใบหน้าเรียบนิ่งก่อนจะฉีกยิ้มหวาน
‘ไม่พ่อก็แม่คงโทรมาหา’ เธอคิดพลางละสายตาจากกระจกเงา หยิบสิ่งของที่ส่งเสียงมองหน้าจอเพื่อหาคำตอบ แต่กลับไม่ใช่เบอร์ที่เธอรอคอย หัวใจหล่นวูบ สายตาที่เคยเบิกบานฉายแววดีใจหม่นลง ความหวังที่จะได้กลับไทยคงต้องรอไปอีกวันสองวันหรือเป็นอาทิตย์!
“ขอโทษนะคะ โทรผิดหรือเปล่าคะ” เสียงหวานเอ่ยถามอย่างสุภาพ แม้จะไม่คุ้นเคยกับน้ำเสียงปลายสายบวกกับเบอร์ไม่คุ้นเคย ทำให้แสงเทียนเลือกที่จะถามคำถามนี้ตั้งแต่กดรับสาย
“หากคนที่คุยอยู่ คือคุณแสงเทียน เตชะรัฐลูกสาวแสนสวยของคุณปิยะ เตชรัฐก็ใช่ค่ะ ไม่ผิดเบอร์” ปลายสายเป็นเสียงผู้หญิง คำพูดทุกคำเน้นชัดเหมือนรู้ลึก
คิ้วเรียวงามของแสงเทียนขมวดเข้าหากันแล้วถามกับตัวเอง ‘ใครกัน’
“ขอโทษนะคะ คุณเป็นใครและต้องการอะไร”
แม้คำพูดอาจฟังดูไม่สุภาพ แต่เธอก็เลือกที่จะทำ เพราะเบอร์ที่ใช้มีอยู่แค่สามคนที่รู้ พ่อ แม่ และเพื่อนสนิทคือเอลิส หากแต่ตอนนี้ไม่รู้ใครที่ไหนกลับมาพูดจาเหมือนรู้จักประวัติความเป็นมาของครอบครัวเธอดี
ปลายสายเว้นจังหวะ เหมือนกำลังชั่งใจบางอย่าง แล้วเอ่ยออกมาว่า “ใคร... ที่คุ้นเคยกันดีกับครอบครัวเตชรัฐและวันนี้ด้วยความหวังดี จะมาบอกว่าสิ่งที่ทำให้คุณอยู่อย่างสุขสบายอยู่ทุกวันนี้กำลังล้ม และทางเดียวที่จะทำให้ทุกอย่างเป็นเหมือนเดิม คุณควรกลับมาสะสาง เพราะพ่อคุณคงทำต่อไปไม่ไหว รักที่จะกตัญญูก็กลับมา จะคอย... ”
สายที่โทรเข้ามาวางไปแล้ว แต่ความรู้สึกของคนที่ได้ฟังมันยังสับสนปนเประคนสงสัย
เขาจะคอยอะไรจากเธอ...
แล้วเขาเป็นใคร คนที่เธอรู้จักหรือเปล่า...
ตอนนี้คำถามที่เคยมีอยู่ในหัวหลายวัน กำลังจะเปิดเผยความจริง ว่าเขาคนนั้นเป็นใครและต้องการอะไรกันแน่...
“คุณหนูจะออกไปไหนหรือคะ”
ป้านุ่นที่เดินออกมาจากในครัว หลังที่จัดการทุกอย่างเรียบร้อยแล้วเอ่ยถาม เมื่อเห็นคุณหนูที่เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไม่ถึง 24 ชั่วโมง ไม่ทันได้พัก ก็จะเตรียมตัวออกข้างนอกอีกแล้ว
สาวสวยในชุดกางเกงขายาวสีครีมขากระบอกเสื้อด้านในสีดำลูกไม้คอวีมีระบายเล็ก ๆน่ารัก สวมทับด้วยเสื้อนอกสีครีมเนื้อผ้าแบบเดียวกันกับกางเกง ซึ่งเป็นภาพรวมที่ดูแล้วคุณหนูของนางเป็นสาวมั่นที่สวยคมในสายตานาง ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจที่เด็ดขาด คำพูดที่หนักแน่นซึ่งติดตัวมาตั้งแต่เด็ก คุณแม่ที่ว่าเอาแต่ใจยังยอมล่าถอย
“เทียนจะออกไปธุระสักหน่อย ป้านุ่นช่วยเรียนคุณพ่อกับคุณแม่ด้วยนะคะ” ร่างสมส่วนยิ้มกับคำบอกกล่าวของตัวเอง แต่คนที่ได้รับฟังทำหน้าบุเลี่ยน รับคำเบา ๆ
“ค่ะ”
เมื่อกล่าวจบแสงเทียนจึงก้าวออกด้านนอก มุ่งตรงไปยังโรงรถที่หมายตาเอาไว้ตั้งแต่อยู่บนห้อง คนทำหน้าที่ขับรถก้ม ๆ เงย ๆ เช็ดถูเตรียมพร้อมกับการรับใช้นาย
ใบหน้าหวานวูบไหวกวาดสายตาเพ่งมองบรรยากาศโดยรอบ ตอนเข้ามาเธอลืมสังเกตสิ่งแวดล้อมโดยรอบ เพราะมัวแต่ดีใจในการกลับมาของตัวเอง
แม้สิ่งแวดล้อมภายในตัวบ้านไม่เคยผ่านสายตามาสามปีเต็มๆ แต่ต้นไม้ทุกต้นกลับสูงใหญ่ ชูช่อละลานตาให้ร่มเงากับเจ้าของเหมือนตอบแทนกับสิ่งที่มันได้รับ หากแต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้ความหดหู่และบีบคั้นความรู้สึก ยากจะหาคำใดเอ่ยออกมาที่จุดหนึ่ง ซึ่งตรงนี้บ่งบอกถึงฐานะทางการเงิน และการใช้สอยของครอบครัวเป็นอย่างดี
สายตาจับจ้องร่องรอยหวนคิดถึงภาพในอดีต รถที่เคยจอดเรียงราย โดยเจ้าของบ้านจะเลือกใช้ตามใจต้องการ มาบัดนี้เหลืออยู่แค่คันเดียว ภาพที่อยู่ตรงหน้ามันสะท้อนออกมาให้เห็น ว่าสถานะทางการเงินของครอบครัวกำลังเป็นเช่นไร
“ลุงเทิดไปส่งเทียนหน่อยสิ” เสียงหวานเอ่ยบอก
ชายสูงวัยที่เห็นกันมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยยิ้มกว้าง
“เรียบร้อยแล้วครับ จะไปไหนบอกมาเลยพร้อมบริการครับ” น้ำเสียงระรื่นเอ่ยบอก พร้อมเก็บผ้าขนหนูในมือและขวดสีดำไม่ใหญ่นัก เดินอ้อมไปที่กระโปรงหลัง และปิดเข้าที่เรียบร้อย
“ N Y เมโทรพอยท์ ถนนรามคำแหง 81 ลุงไปถูกไหมคะ” แสงเทียนบอกจุดหมายปลายทางที่ตนเองต้องไป
“โอ๊ย สบายมาก ผมเคยไปมาแล้ว ตัดกับถนนลาดพร้าวใช่ไหมครับ แต่เอ๊ะ...”
‘คุณหนูเทียนจะไปทำไมที่นั่น...’
ลุงเทิดผ่อนน้ำเสียงลงในตอนท้าย โดยอีกฝ่ายไม่ทันได้ยินและมีคำถามขึ้นมาในความคิด ก่อนจะยื่นมือหนาทำหน้าที่เปิดประตูให้คุณหนูสาวสวยนั่งประจำที่ด้านหลัง สายตายังคงจับจ้องร่างบางสมส่วน ส่งแววตาห่วงใยออกไป
...เพราะเรื่องบางเรื่องที่ถูกปิดบังเอาไว้ แต่ความคุ้นเคยที่อยู่กันมาจนเกิดเป็นความไว้ใจ เรื่องที่ร้ายแรงของเจ้านายก็ถูกระบายให้ลูกจ้างอย่างเขาได้ฟังเสมอ และตอนนี้เรื่องทุกอย่างยังคงเป็นความลับต่อไป! “ถึงแล้วครับ” ลุงเทิดเอ่ยบอกเมื่อรถเก๋งคันงามจอดเข้าที่ “ค่ะ!” เสียงหวานสะดุ้งเล็กน้อย สายตาที่เคยเหม่อลอยเริ่มจับจ้องสิ่งรอบกายตรงหน้า โรงแรมขนาดใหญ่สูงตระหง่านมันทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นถี่รัว คำพูดที่คุยก่อนหน้า บนห้องนอนไม่กี่ชั่วโมงแวบเข้ามา...“คุณ...” เสียงหวานกรอกเข้าไป หยุดเว้นคำพูดเมื่ออีกฝ่ายรับสายและตอบกลับมา แค่ ‘สวัสดีค่ะ’ และเธอก็สวนไปด้วยคำถามน้ำเสียงนุ่มนวลทันที“ยังจำฉัน… ‘แสงแทน’ ได้ไหมคะ... คนที่คุณเคยโทรหา” เสียงหวานกรอกคำพูดเข้าไป ทั้งที่ใจเริ่มประหม่า หากปลายสายตอบว่าจำไม่ได้ แล้วเธอจะเริ่มต้นคำพูดใด ไม่ให้ดูไม่เสียหน้า... ปลายสายเงียบเหมือนกำลังใช้เวลาครุ่นคิด แต่เปล่าเลยเธอจำได้สนิท และเอ่ยออกมาในที่สุด ‘จำได้ สาวสวยนามว่า แสงเทียน เตชะรัฐ มีอะไรงั้นหรือ หรือตัดสินใจได้แล้ว... ทางนี้ยังยืนยันคำเดิมนะ’ น้ำเสียงที่ส่งออกมา นุ่มลึกจนแสงเทียนร้อ
“สวัสดีค่ะ NY เมโทรพอยท์ไทยแลนด์ ยินดีให้บริการค่ะ”เสียงหวานดังมาจากพนักงานสาว รูปร่างสูงโปร่งแต่งแต้มไว้อย่างสวยงามในชุดไทย สไบตีเกล็ดดูหรูในสายตาแขกมาเยือน เสื้อกระดุมผ่าหน้าคอกลม แขนสามส่วน กระโปรงป้าย จากนั้นก็ก้มพนมมือไหว้เมื่อก้าวแรกของแขกผ่านเข้ามาแสงเทียนยิ้มพยักหน้ารับอย่างมีไมตรีตอบรับกลับไป ก่อนก้าวผ่านสาวสวยด้านหน้า ตรงไปยังเคาน์เตอร์หรูตัวเตี้ยรูปตัว L ต่อข้างลายไม้ตกแต่งประดับด้วยแก้วเจียระไนฝังในตัวไม้ได้อย่างสวยงาม แสงเทียนส่งยิ้มหวานที่ต่อเนื่องมาจากอีกคนให้คนที่เธอกำลังต้องการสอบถามถึงคนที่เธอนัดพบ “ขอโทษนะคะ ดิฉัน แสงเทียน นัดไว้กับคุณ... คุณธัญกร เทียนเทพ ไม่ทราบว่าจะพบได้ที่ไหนคะ” เธอมั่นใจว่าบอกชื่อถูกต้องไม่ตกหล่น “อ๋อค่ะ เดี๋ยวยังไงจะให้พนักงานพาไปนะคะ แต่ต้องรอนะคะ เพราะตอนนี้คุณธัญกรยังติดประชุมอยู่ค่ะ” เสียงนุ่มนวลเอ่ยบอกเหตุผลคำตอบที่ได้ทำให้แสงเทียนมั่นใจว่าไม่พลาด ผู้หญิงที่เธอคุยด้วยทั้งที่ไม่มีความสนิทเป็นการส่วนตัวและไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน หากแต่เธอก็ไม่ได้เอะใจว่าเหตุใดคำตอบของพนักงานหน้าเคาน์เตอร์ ถึงไม่ซักถามอะไรอีก“ค่ะ” เธอตอบร
ธัญกรยิ้มพราว เธอรู้ว่าผู้หญิงตรงหน้าคือลูกผู้บริหารที่มีตำแหน่งทัดเทียมกันกับเธอ หากแต่ตอนนี้ผู้สูงวัย ต้องการวางมือปล่อยให้หุ้นส่วนรุ่นใหม่ดูแล เพราะปัญหาภายในครอบครัวยังไม่ลงตัว ตามที่ได้ยินมาจากวงสังคมธุรกิจ แต่นั่นไม่ใช่ปัญหาของความอยู่รอดของธุรกิจ จึงตัดสินใจยอมร่วมหุ้นด้วย“งานโรงแรมของเราไม่ได้มีปัญหาทางการเงิน แต่เพราะผมอายุมากแล้ว จะทำจะคิดอะไรก็ไม่ทันเด็ก ๆ รุ่นใหม่ ผมจึงอยากได้คนอย่างคุณธัญกรเข้าร่วมหุ้นด้วย ผมอยากวางมือเต็มแก่ แต่ก็มีเพียงลูกสาวคนเดียวที่รักดี แต่ผมยังไม่กล้าวางมือให้เธอดูแลเพียงลำพัง ส่วนลูกชายอีกคนที่ผมเหลืออยู่กลับไม่รู้จักทำมาหากิน... หากคุณยอม ผมให้คุณบริหารไปคนเดียวพลาง ๆ ก่อน จนกว่าลูกชายผมจะพร้อมกลับมาทำหน้าที่ไปพร้อมกับคุณ” คำพูดของ เทวัน ทำเอาธัญกรที่อยากก้าวหน้าในงานธุรกิจทุก ๆ ด้านมีหรือจะปฏิเสธ และบัดนี้เธอก็ได้มายืนอยู่ตรงจุดนี้ในสถานะผู้บริหารของโรงแรมดังระดับห้าดาว แม้จะแค่ชั่วคราวในฐานะผู้ร่วมหุ้นรายใหญ่ แต่เธอจะก้าวไปข้างหน้าต่อยอดยิ่งขึ้นไปอีก“ว่างก็สะกิดมานะคะ” เอลิสย้ำกับคนเก่งหาตัวจับยากอย่างธัญกร ในขณะคนที่อยู่ในห้วงความคิดรีบหันม
ในห้องทำงานหรูตกแต่งได้อย่างลงตัว เก้าอี้ตัวงามถูกเจ้าของดึงออกก่อนจะนั่งลงอย่างมาดราชสีห์ สายตาคมวาวไม่ได้ละจากใบหน้างาม ก่อนจะผายมือเชิญแขกมาเยือนอีกครั้ง“เชิญนั่งค่ะ จะได้ต่อด้วยเรื่องของ ‘เรา’ ที่คุณ...” ธัญกรหยุดไว้แค่นั้น“แสงเทียน เตชะรัฐค่ะ...” แสงเทียนแนะนำตัวเองไปในตัว แล้วเอ่ยต่อ “หรือหากไม่รังเกียจจะเรียกเทียนก็ได้นะคะ”มุมปากอวบอิ่มสีเรื่อกรีดยิ้ม “ได้สิ คุณเทียน งั้นคุณก็เรียกแทนตัวเองว่าเทียนและเรียกฉันว่าคุณธัญเป็นไง” เป็นประโยคเหมือนขอความคิดเห็น หากแต่คิดดูอีกเหมือนเป็นคำสั่งกราย ๆ แต่แสงเทียนไม่ได้คิดมากถึงเรื่องนั้น“ได้ค่ะ”เพราะไม่อยากให้บรรยากาศของการพบกันครั้งแรกดูอึดอัดเธอจึงตอบรับอย่างว่าง่าย“ดี งั้นก็มาคุยเรื่องของเรา” ธัญกรเน้นน้ำเสียงให้อีกฝ่ายเข้าใจชัดขึ้น“ค่ะ เรื่องของเราที่คุณเคยบอกไว้ เหมือนว่าคุณรู้ดีทุกอย่างเกี่ยวกับครอบครัวของเทียน คุณธัญรู้อะไรแค่ไหนคะ” ทั้งที่ได้ยินและเห็นกับตากับสถานภาพของครอบครัวตอนนี้ แต่เธอก็อยากหยั่งเชิงอีกฝ่ายดู“ใช่ รู้ดีเลยล่ะ” สายตามองประสานกัน เหมือนต่างคนต่างกำลังค้นหาความนึกคิดของอีกฝ่าย ก่อนที่เจ้าของห้องจะเอ่ยข
ธัญกรจ้องคนตรงหน้าไม่วางตา แม้เวลาผ่านไปไม่นาน การสัมผัสแค่เพียงสายตาและเสียงหวาน ทำให้หัวใจผู้หญิงอย่างเธอรู้สึกปวดหนึบ อยากทำลายฝันที่เต็มไปด้วยพลังและมุ่งหวังของคนตรงหน้าเสียเดี่ยวนั้น แต่เธอต้องเลือกว่าจะเล่นแบบไหนให้สาแก่ใจ!“คนอย่าง ธัญกร เทียนเทพ พูดจริงทำจริง ไม่ทราบว่า ตระกูล ‘เตชรัฐ’ จะทำจริงได้หรือเปล่า” หญิงสาวเอ่ยถามหากแต่สายตาจับจ้องใบหน้าหวานที่ตกแต่งไว้อย่างลงตัว เธอชอบมองเวลาปากอิ่มขยับไหวยามเอ่ยวาจา หากได้ลิ้มลอง มันคงหอมหวานยิ่งกว่า... นักธุรกิจสาวแอบคิดลวนลามหญิงสาวตรงหน้า ครั้นก็แอบเสียดายที่เธอเป็นคนตระกูล ‘เตชะรัฐ’กระนั้นร่างกายที่สมบูรณ์แบบด้วยวัย ก็เป็นใจร้อนวูบวาบไปทั่วช่องท้องไปกับความคิด ทั้งที่ไม่เคยเกิดขึ้นกับผู้หญิงคนไหนเพียงเพราะความคิด เว้นแต่...อยากระบายเท่านั้น!“อย่าเอ่ยถึงตระกูลเลยค่ะ แค่ถามว่าพร้อมหรือเปล่า... ก็มีคำตอบให้คุณเดี๋ยวนี้” ใบหน้าหวานเชิดขึ้นเล็กน้อยถึงเธอจะจนตรอกแต่ก็พร้อมปกป้องตระกูลของตัวเอง งั้นก็อย่าหาว่า ‘เนตรศิริ’ ใจร้าย! ธัญกรยิ้มเหยียด ยอมรับใจอีกฝ่าย “ใจแบบนี้ น่าจะร่วมงานกันได้ไม่ยากนะ”“พูดแบบนี้ คุณธัญเปลี่ยนใจช่วยบริษัท
หากแต่ทนอ่านไปจนบรรทัดสุดท้าย ล่างสุดมีลายเซ็นเจ้าของสัญญาลงชื่อไว้เรียบร้อย เหมือนเขาเตรียมพร้อมทุกอย่างไว้สำหรับงานนี้แล้ว“....” สายตาที่เคยไหวระริกด้วยความหวังมาบัดนี้เหลือไว้แค่ร่องรอยความเจ็บปวด ใบหน้าหวานขาวซีดสลับเปลี่ยนเป็นสีแดงเรื่อในเวลาถัดมาเธอคงหลากหลายความรู้สึก... ธัญกรคิดไปหลังจากที่นั่งจับตาดูคนตรงหน้าอยู่ตลอดเวลา หากแต่เหตุใดต้องแคร์ เมื่อมั่นใจว่ายังไงเธอก็ไม่กล้าปฏิเสธเมื่อเห็นว่าเวลาสมควรกับการทำความเข้าใจ ท่ามกลางความเงียบ เสียงนุ่มลึกก็เอ่ยขึ้นเพื่อขีดเส้นตาย“เวลามีให้คุณเทียนไม่มาก จะเซ็นก็เซ็น”สายตาคมภายใต้ขนตางามงอนตวัดมองแล้วพูดขึ้น “มันไม่เกินไปหน่อยหรือคะ” แค่สายตาที่มองมาอย่างดูถูก ก็เจ็บปวดมากพอ แต่จะให้แลกร่างกายกับการยื้อบริษัทไม่ให้ล่ม มันมากเกินไป ผู้หญิงคนนี้เอาสมองส่วนไหนคิด... แม้พยายามย้ำคิดและกลืนความหดหู่เอาไว้ แต่ก็ยังรู้สึกสมเพชตัวเองไม่ได้ริมฝีปากอวบอิ่มยกยิ้มมุมปากแล้วตอบกลับ“คุณเทียนก็แค่เอาของที่มีอยู่แล้วลงทุน ส่วนฉันต้องลงทุนของที่มองไม่เห็นว่าผลจะออกมายังไง...”“คุณธัญ...” เหมือนโดนตบหน้า โดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองทำผิดอะไร “คุณเอาร่
เจ้าของดวงหน้างามคลียิ้มบาง ๆ แล้วพูดขึ้น “เสียเวลาตั้งนานสองนาน จะไปทั้งแบบนี้ไม่เหมาะมั้งคะ...”สายตาและน้ำเสียงชวนเสียวช่องท้อง สายตาจับจ้องอยู่ตรงริมฝีปากยัก แสงเทียนรีบออกแรงสะบัดตัวออกห่าง เมื่อรู้สึกถึงแรงคุกคาม “ปล่อย! อย่ามาทำอะไรบ้า ๆ แบบนี้นะ”“บ้าเหรอ แค่จะขอหากำไรเล็ก ๆ น้อย ๆ”ไม่รอคำตอบรับหรือคำคัดค้าน ใบหน้างามก็ก้มลงมาหาปากอวบอิ่มประกบปิดริมฝีปากของคนหัวแข็งที่อ้าค้างทันที และเป็นจังหวะให้ลิ้นร้อนชื้นของเธอเข้าซอกซอนอย่างง่ายดาย โดยอีกฝ่ายไม่ทันตั้งรับ“อึก อืออ” เสียงแผ่วร้องประท้วงดังเล็ดลอดออกมา หากแต่ริมฝีปากอวบอิ่มที่มีชั้นเชิงกว่ากดน้ำหนักแล้วบดขยี้ด้วยความช่ำชองเสียงหวานแหลมถูกกลืนหาย ร่างบางออกอาการสั่นมือไม้อ่อน เมื่อได้รับสัมผัสสิ่งแปลกใหม่ ที่ไม่ได้ร้องขอ โดยอีกฝ่ายไม่รอคำอุทธรณ์ใด ๆ จากเธอ“อือ...” เธอรวบรวมแรงอันน้อยนิด ส่งเสียงลอดไรฟันเพื่อประท้วงและใช้ปากสูดเอาอากาศปอด แต่มันยังไม่เต็มอิ่ม เมื่อมือเรียวที่จับท้ายทอยกลับเพิ่มน้ำหนักและล็อกเป้าแน่นกว่าเดิมแสงตาเหลือกลานด้วยความตื่นกลัวจึงรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีไปที่กำปั้นแล้วทุบไปบนไหล่มนสองสามครั้งแต่อีก
แสงเทียนวิ่งออกมายืนคว้างอยู่กลางลานด้านหน้าตึกสูง สายตาสาดมองหารถของลุงเทิด ใจภาวนาขอให้อีกฝ่ายรอเธอที่จุดไหนสักแห่งไม่ไกลจากที่เธอยืนอยู่ “คุณเทียนครับ” แสงเทียนสะดุ้งโหยง แต่เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ยิ้มอย่างโล่งใจ “ลุงเทิด...”“มีอะไรหรือเปล่าครับ” ลุงเทิดถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นแววตาลุกลนเหมือนเด็กน้อยเจอเรื่องตื่นตกใจมา“ไม่มีอะไร เรากลับกันเถอะค่ะ”แสงเทียนบอกปัด ในขณะที่คนอาบน้ำร้อนมาก่อนจับสังเกตได้ แต่เมื่อเจ้าตัวบอกมาแบบนั้น ผู้สูงวัยใหญ่จึงปล่อยผ่าน จากนั้นก็เดินนำไปยังรถที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก“คุณหนูจะกลับเลยไหมครับ”หลังจากที่เคลื่อนรถออกมาแล้วลุงเทิดก็ถามขึ้นแสงเทียนที่ทิ้งแผ่นหลังไปบนเบาะและพักสายตาอยู่ ตอบกลับ “กลับบ้านเลยค่ะ”เสียงนั้นดูอ่อนล้ากว่าขามา ลุงเทิดจึงปล่อยให้คนด้านหลังพักผ่อน ส่วนตัวเองก็ทำหน้าที่ไปบ้าน ‘เตชะรัฐ’หน้าประตูรั้วรีโมทอัลลอยมีกลุ่มคนจำนวนหนึ่งยืนออกันอยู่ ทำให้ลุงเทิดต้องบีบแตรขอทาง หากคนพวกนั้นที่อายุอยู่ในราวยี่สิบถึงสี่สิบห้าปีหันมามองจากนั้นก็เดินตรงมาหา ซึ่งลุงเทิดรู้ได้ในทันทีว่าคนกลุ่มนั้นคือพวกไหน“มีอะไรหรือคะ...” แ