มือของจิเหยียนโจวที่ลูบแก้มของเธอ วางลงอย่างหมดแรง ขณะที่ปลายนิ้วไล้ผ่านไปสัมผัสโดนผมลอนของเธอนั้น...ผมยาวแบบนั้น ชูยีไม่มีนี่นะในสายตาพร่ามัวของจิเหยียนโจว ค่อยๆปรากฎภาพเครื่องหน้าที่คลับคล้ายกับชูยี แต่ไม่เหมือนซะทีเดียวขึ้นมาที่แท้ เป็นซูหว่าน ไม่ใช่ชูยีนี่นาเขาจำผิดคนอีกแล้วในแววตาที่มีแสงสว่างขึ้นมาของจิเหยียนโจว ก็ค่อยๆมืดมิดลงเขาขยับสายตา เคลื่อนไปยังหัวใจดวงนั้น ทำให้เขารู้สึกสบายใจยิ่งกว่าสิ่งใด ราวกับสัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของเธอ"ซู...หว่าน..."เขาเอ่ยชื่อของเธอออกมาอย่างยากลำบาก ซูหว่านที่นั่งอยู่ข้างๆเห็นเขาได้สติกลับมา ก็รีบเช็ดน้ำตา แล้วขึ้นหน้าไปใกล้เขา"พี่เขย"ยังไงเธอก็ยังนับถือเขาเป็นพี่เขย แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยปฏิบัติแบบนั้นต่อเธอความเมตตาของเธอ ทำให้จิเหยียนโจวทอดสายตาลงต่ำด้วยความรู้สึกผิดหลังจากเงียบไปหลายอึดใจ จู่ๆเขาก็ปริปาก พูดกับซูหว่านด้วยความจริงใจ "ขอ...โทษ...."บางทีมนุษย์เราพอใกล้จะตาย เขาก็เลยสำนึกได้ว่าตัวเองในอดีตนั้น สารเลวมากแค่ไหน คำขอโทษที่ช้าเกินไป จึงแสดงให้เห็นถึงความจริงใจมากซูหว่านรู้ว่าจิเหยียนโจวกำลังขอโทษตัวเอง ก็
เมื่อเห็นเธอรับปาก จิเหยียนโจวก็ยิ้มมุมปากอย่างรู้สึกปลดปล่อย ทว่าดวงตากลับเคลื่อนไปทางประตูด้วยความยากลำบาก...ตรงนั้นยังคงมีเงาเย็นชาสูงส่ง ยืนตัวตรงคุ้มกันอยู่ตรงประตูกระจกคำตอบที่ไม่ได้พูดออกมานั้น ชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูน่าจะเข้าใจดีแต่เรื่องพวกนี้ล้วนไม่สำคัญอีกต่อไป ชีวิตนี้ของเขา จะรักแค่ชูยีคนเดียวมันเริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะหรอ อาจจะเป็นตอนที่เธอขี่จักรยานไล่ตามรถของเขาอย่างคนเอาแต่ใจทุกครั้งที่เขามองเห็นเงา และรอยยิ้มที่มั่นใจเปิดเผยผ่านกระจกมองหลัง ก็มักจะยิ้มบางๆตามไปด้วยเสมอบางคนมักจะไม่เข้าใจความรัก ต้องรอให้ถึงวันที่สูญเสียไปแล้วถึงได้เข้าใจ และเขาก็เพิ่งตื่นรู้ได้ตอนที่มันสายไปกว่านั้นแล้ว...เมื่อใกล้ถึงความตาย ภาพความทรงจำในชีวิตก็ผุดขึ้นในหัวอย่างรวดเร็วราวกับความเร็วแสง...เขาเพิ่งจะรู้ว่าตัวเองรักชูยีเข้ากระดูกมาตั้งนานแล้ว แต่ถึงกระนั้น มันกลับสายเกินไปก่อนที่เขาจะปิดเปลือกตาลง มือสั่นเทาที่ยื่นออกไป อยากจะสัมผัสหัวใจของชูยีเป็นครั้งสุดท้าย จากนั้นพูดกับเธอสักคำชูยี ขอโทษ ฉันเองก็รักเธอแต่ เขาไม่มีแรงอีกแล้ว...สุดท้ายแล้ว จนวาระสุดท้าย เขาก็ไม
เมื่อเสิ่นหนานอี้ได้ข่าวก็รีบตามมา แต่ร่างกายของจิเหยียนโจวถูกแช่แข็งไปแล้วเขายืนอยู่ในห้องดับจิต มองจิเหยียนโจวที่ถูกคลุมด้วยผ้าขาวอย่างไม่อยากจะเชื่อแตกต่างจากที่ซูหว่านเห็น จิเหยียนโจวในเวลานี้เปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่จนสะอาดสะอ้านเขาเหมือนกับคนที่นอนหลับไป นอนอย่างเงียบๆอยู่ตรงนั้น ความเงียบเชียบดั่งปกติ ไม่มีกลิ่นอายของการเสียชีวิตเสิ่นหนานอี้สาวขายาวๆเดินเข้าไป ยื่นมือออกหวังอยากจะสัมผัสใบหน้าของจิเหยียนโจว แต่ก็พบว่าเขาไม่มีความกล้านั้น"อาจารย์..."เขาพึมพำทีนึง ถ้าเป็นปกติใครก็ตามที่มารบกวนการนอนหลับของอาจารย์ อาจารย์จะต้องลุกขึ้นมาต่อยสักหมัดแน่ๆอาจารย์ของเขามีแรงในการลุกจากที่นอน แต่ตอนนี้ เขากลับนอนอยู่ตรงนั้นอย่างสงบ ไม่สะทกสะท้านอะไรกับการที่ถูกเขารบกวนเสิ่นหนานอี้แสบจมูกขึ้นมา รอบๆดวงตาก็แดงก่ำ "อาจารย์ คุณเป็นอะไรไป ไหนบอกว่าจะรอให้ผมล้มคุณให้ได้ไม่ใช่หรอ?"วันที่เขาประกาศตัวออกจากการเป็นศิษย์ จิเหยียนโจวตบบ่าของเขา แล้วพูดกับเขาว่า "หนานอี้ รอให้นายได้ถ้วยรางวัลมากกว่าอาจารย์ แล้วอาจารย์จะสร้างห้องเล็กๆทองคำให้นายนะ"อาจารย์รู้ว่าเขาชอบทองคำ เดี๋ยวก็ซื้อทองคำ
เสิ่นหนานอี้คุกเข่าลงกับพื้น หันหน้าเข้าหาจิเหยียนโจว แล้วผงกหัวลงสามครั้งเขากับอาจารย์สัญญากันเอาไว้ หากได้ถ้วยรางวัลมากกว่าอาจารย์ อาจารย์จะสร้างห้องทองคำเล็กๆให้เขาแต่เห็นได้ชัดว่าชาตินี้เป็นไปไม่ได้แล้ว งั้นชาติหน้าก็แล้วกันหวังว่าชาติหน้า เขาจะยังได้เป็นศิษย์ของจิเหยียนโจวถึงตอนนั้น ให้เขาเป็นฝ่ายสร้างห้องทองคำให้อาจารย์ก็แล้วกันยังไงซะชาตินี้ เขาก็ยังไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณ อาจารย์ก็จากไปก่อนตอนที่เสิ่นหนานอี้คุกเข่าลงกับพื้น ร้องไห้อย่างปวดใจจนน้ำตาอาบหน้า จอร์จก็ยื่นมือไปจบบ่าเขา"ก่อนที่จิจะจากไป เขาฝากบริษัทภายใต้ชื่อของเขากับนาย...""เขาหวังว่า นายจะนำพาบริษัทสู่สายตาคนทั้งโลก..."คำร้องขอที่ยากจะสำเร็จ ทว่าสามารถทำให้เสิ่นหนานอี้ยืนหยัดต่อไปได้อาจารย์ของเขา ส่งเสียเขา ชี้แนะเขาก่อนตาย แม้จะตายไปแล้วก็ยังไม่วายคิดเผื่อเขาเสิ่นหนานอี้ที่เป็นคนร่าเริงแจ่มใสมาตลอด ตอนนี้ จู่ๆก็เสียศูนย์จนราวกับเป็นคนละคนซูหว่านยังคงนั่งอยู่ในห้องผู้ป่วย เอนศีรษะลงพิงบนไหล่ของจี้ซือหาน รอฟังข่าวอยู่เงียบๆจี้ซือหานส่งอาเจ๋อไปขัดขวางเครื่องบินส่วนตัวของเคซีย์ ไม่รู้ว่าขวางสำเร
ซูหว่านเคยเจอเจียงโม่แค่สองครั้ง ทุกครั้งมักจะสัมผัสได้ถึงความงามที่ไม่เหมือนใครจากตัวของเธอความงามแบบนี้ เป็นความงามที่ปรายตามองแค่แวบเดียว ทุกคนก็ต้องยอมจำนน งามจนมองแค่แวบเดียว ก็ไม่อาจละสายตาไปไหนได้อีกในขณะเดียวกัน ออร่าความสูงศักดิ์ที่แผ่ซ่านออกมาจากตัวของเธอ ก็ทำให้ผู้คนอดรู้สึกต่ำต้อยไม่ได้ซูหว่านก้มหน้าลง ทว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายกลับจับมือของเธอ ประสานนิ้วทั้งสิบเข้าด้วยกัน ให้ความอบอุ่นปลอดภัยที่เพียงพอกับเธอจี้ซือหานจับมือของซูหว่านแน่น แล้ววางลงบนต้นขาเรียวยาวของตัวเอง จากนั้นมือข้างนึงเท้าคาง มองไปยังเจียงโม่ด้วยความเฉยเมย"เรื่องของเคซีย์ อธิบายมาให้ชัด ไม่งั้นพอกลับสำนักงานใหญ่ ก็จงรับโทษด้วยตัวเองไปซะ"เห็นเขาไม่แม้แต่จะพูดเกริ่นนำ แต่เข้าเรื่องทันที เจียงโม่ก็รู้ว่าเขากลัวภรรยาสุดสวยจะเข้าใจผิด...เจียงโม่ลอบพ่นคำว่า "ไอ้คนคลั่งรักจนหน้ามืด" ใส่เขาในใจ ทว่ากลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ สาวเท้าเดินเข้ามาเธอเองก็คร้านจะพูดพร่ำทำเพลงกับเขา หยิบหน้ากากลายสีขาวดำออกมาจากในกระเป๋า แล้วยื่นไปตรงหน้าจี้ซือหาน"นายน่าจะเข้าใจนะ?"นี่เป็นหน้ากากของพ่อบุญธรรมของเธอ หรือก็
ตอนที่ซูหว่านตื่นขึ้นมา ก็พบว่าจี้ซือหานไปอังกฤษแล้วไม่บ่อยนักที่เธอจะโกรธจี้ซือหาน ทว่าครั้งนี้เธอโกรธจนตัวสั่น หัวใจเต้นแรงไม่หยุดทั้งที่ตกลงกันแล้วว่าจะไปอังกฤษด้วยกัน แต่หลังจากที่จี้ซือหานกล่อมเธฮจนหลับ เขากลับเดินทางไปคนเดียวเธอกดหัวใจที่โหวงเหวง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเขา แต่อีกฝ่ายปิดเครื่องมือของซูหว่านที่กำโทรศัพท์สั่นไม่หยุด เดาได้ว่าเขายังอยู่บนเครื่องบินส่วนตัว แต่ก็ยังโทรหาเขาอย่างบ้าคลั่งซานซานเคาะประตูแล้วเดินเข้ามา เห็นเธอนั่งอยู่บนพื้นกระเบื้องเย็นเฉียบ ก็รีบเข้ามาประคองเธอลุกขึ้น"หว่านหว่าน ทำไมเธอมาไปนั่งบนพื้นแบบนั้น?"ซูหว่านกระวนกระวายใจจนยืนไม่ติด ต้องอาศัยพิงที่มุมผนัง ถึงได้ความรู้สึกปลอดภัยกลับมา "ซานซาน เขาออกไปตอนไหน?"หลังจากที่ซานซานระคองเธอให้นั่งลงบนโซฟาแล้ว มองหน้าจอโทรศัพท์ของเธอแวบนึง "ไปเมื่อเช้า ตอนนี้น่าจะยังอยู่บนเครื่องบินส่วนตัว เธอไม่ต้องห่วง ถ้าเขาลงเครื่องแล้ว ก็น่าจะโทรกลับหาเธอแน่นอน"ซูหว่านวางโทรศัพท์ลง ปวดหว่างคิ้วอย่างเหนื่อยล้า "ก่อนที่เคซีย์จะบังคับให้จิเหยียนโจวไปตาย จิตใจของฉันก็ไม่สงบ ตอนนี้หัวใจของฉันมันเต้นตุ้มๆต่
เธอจ้องซูหว่านนิ่งอยู่สักพัก ถึงได้เรียกเสียงของตัวเองกลับมา "คุณซู คุณรู้ไหมว่าแม่ของคุณเป็นใคร?"ซูหว่านเห็นนายหญิงจิที่เพิ่งคร่ำครวญเรื่องสูญเสียลูกชายไป แต่ทันทีที่เอ่ยปากสิ่งที่เธอเป็นห่วง กลับเป็นแม่ของตัวเอง ก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อย ทว่าก็ส่ายหน้าตามตรง "ไม่รู้ค่ะ..."สีหน้าตึงเครียดของนายหญิงจิ ผ่อนคลายลงอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ก็ดี ความลับของตระกูลชู เมื่อชูยีตายไปแล้ว ก็ให้มันถูกฝังกลบไปตลอดกาลก็แล้วกัน ส่วนเด็กกำพร้าที่ไม่รู้อะไรเลยคนนี้ ก็ไม่ได้มีอะไรให้ต้องกลัวเมื่อได้รับคำตอบ นายหญิงจิก็ไม่ได้ปรายตามองซูหว่านอีก หมุนตัวเข้าห้องดับจิต ทิ้งชายวัยกลางคนให้เผชิญหน้ากับซูหว่าน "ร่างของเหยียนโจว พวกเราจะพากลับไป"ซูหว่านขมวดคิ้วอย่างหนักใจ "พี่เขยของฉันทิ้งคำสั่งเสียเอาไว้ ว่าจะฝังที่เดียวกับพี่สาวของฉัน เกรงว่าจะไม่สามารถให้พวกคุณพาไปได้"พ่อของจิเหยียนโจว คุณจิเห็นว่าเธอพูดจานุ่มนวล ทว่าน้ำเสียงกลับหนักแน่น สีหน้าก็ดำทะมึน "เขาเป็นลูกชายของฉัน ฉันจะพาไปด้วยมันก็ก็สมเหตุสมผล ที่สำคัญเขากับชูยีไม่ได้แต่งงานกันสักหน่อย เธอมีสิทธิ์อะไรไปเรียกเขาว่าพี่เขย?"ซูหว่านตอบกลับเสียงเร
ใบหน้าสง่างามของจิป่ายหลิน เผยความอับอายไม่น้อย "ก็แค่หารือกันว่าจะเอาร่างของลูกชายฉันไปฝังไว้ที่ไหน มันจะกลายเป็นทำผิดไปได้ยังไง?"ไม่แปลกใจว่าทำไมคุณซูพูดจาหนักแน่นขนาดนั้น ที่แท้ก็ไต่เต้าขึ้นไปอยู่บนยอดของกลุ่มบริษัทจี้ได้นี่เอง แต่ความกล้าแบบนี้ สุดท้ายแล้วผู้ชายก็เป็นคนมอบมันให้เธออยู่ดีจิป่ายหลินรู้สึกดูถูกอยู่ไม่น้อย ก็เหมือนพี่สาวของเธอ ที่ไม่มีพื้นเพอะไรแต่อยากจะจับเหยียนโจว วุ่นวายกันมาทั้งชีวิต แม้กระทั่งตอนตายก็ยังทำให้คนอื่นไม่สงบสุขกันไปด้วย จนสุดท้ายก็พรากชีวิตของเหยียนโจวไป ผู้หญิงแบบนี้มีอะไรดี?ซูหว่านมองออกถึงความไม่แยแสของจิป่ายหลิน แต่ความคิดของเธอในเวลานี้ ไม่ได้อยู่ที่เรื่องนี้แต่อย่างใด จึงไม่ได้พูดอะไรให้มากความ แค่บอกว่า "คุณจิไตร่ตรองให้ดี แล้วให้คำตอบฉันภายในสี่ชั่วโมงค่ะ"สี่ชั่วโมง เครื่องบินของจี้ซือหานก็น่าจะถึงอังกฤษแล้ว ซึ่งเธอก็ตัดสินใจได้พอดีว่าจะไปอังกฤษหรือไม่จิเหยียนโจวเป็นลูกชายของจิป่ายหลิน ถ้าเขาจะเอาลูกชายตัวเองไปก็ไม่จำเป็นต้องผ่านซูหว่าน แต่เพราะคำสั่งเสียของลูกชาย ถึงได้เรียกเธอมา และอยากจะบอกเธอสักหน่อย เพราะยังไงซะคำสั่งเสียเธอก็เป
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ