ซูหว่านเพื่อต้องการให้ตนมีสินสมรส จึงทุมแรงกายแรงใจในการออกแบบ แต่แม้จะรีบเร่งเพียงไหน ก็ยังไม่ทันฤกษ์วิวาห์ที่ใกล้จะถึงอยู่ดี...สุดท้ายเธอเขียนพิมพ์เขียวได้เพียงแปดภาพเท่านั้น ขณะส่งมอบให้เสิ่นหนานอี้ เธอเหนื่อยจนแทบหมดแรง "รีบเอาไปส่ง จะได้แลกกับเงินมา"เสิ่นหนานอี้นั่งที่โต๊ะทำงาน กัดกินแอ๊ปเปิ้ลพลาง สองตามองซูหว่านตั้งแต่หัวจรดเท้า "จะแต่งงานกับผู้ชายที่รวยสุดในเอเซียอยู่แล้ว เธอยังจะโหมงานทำไมอีก"ถ้าตอนนี้เป็นเขา มีเศรษฐีนีมาขอแต่งงานด้วย อย่าว่าแต่เขียนแบบเลย แม้แต่ดินสอหุ้มด้วยทองคำก็จะไม่เหลียวแลอีก มีคนเลี้ยงดูแล้ว ยังจะทำงานให้เหนื่อยทำไมซูหว่านฟุบอยู่บนโต๊ะ มือยังพลิกดู PPT ของโปรเจ็คต่อไป พูดคล้ายกับหมดแรง "อาจารย์เสิ่น ฉันก็ต้องเตรียมสินสอดไว้ให้ตัวเองบ้างสิ"เธอไม่มีครอบครัว จึงต้องเตรียมทุกอย่างไว้ให้ตัวเอง ผู้ชายมาแต่งกับเธออย่างมีหน้ามีตา เธอก็ควรออกเรือนอย่างสมศักดิ์ศรีเหมือนกันเมื่อนึกถึงคำว่าออกเรือนอย่างสมศักดิ์ศรี ซูหว่านก็ให้ตาลุกวาวขึ้น มองไปทางกระเป๋าของเสิ่นหนานอี้ "อาจารย์เสิ่น โปรเจ็คของกลุ่มบริษัทจี้เข้าบัญชีมาหลายร้อนล้าน คุณได้ส่วนแบ่ง 30% คิดว่
ซูหว่านบอกให้บอดี้การ์ดปล่อยคนเข้ามา แล้วเชิญเคซีย์มายังห้องรับแขก ให้ป้าม่านยกกาแฟมาให้เขาชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา ทั้งสีหน้าท่าทางล้วนคล้ายคลึงกับจิเหยียนโจวเป็นอย่างมาก สิ่งเดียวที่แตกต่าง ก็คือดวงตาคู่นั้นดวงตาของจิเหยียนโจว ดูลุ่มลึกซ่อนความนัยและคมกริบ ในขณะที่ดวงตาของเคซีย์ ค่อนข้างกระจ่างและเปิดเผยกว่า คล้ายกับไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้นพวกเขาต่างมีบุคลิกที่คล้ายกัน แลดูง่ายๆ สบายๆ แต่การพูดจามีความแตกต่าง เทียบกับจิเหยียนโจวแล้ว เคซีย์ดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าหลังจากซูหว่านได้พิจารณาเขาแล้วก็ได้นั่งลง พร้อมถามถึงจุดประสงค์ที่มา "คุณเคซีย์ มาหาฉันมีธุระอะไรหรือคะ"เคซีย์ไม่ได้รีบตอบคำถามของเธอ นอกจากเหลือบตาขึ้น มองดูบอดี้การ์ดหญิงสิบกว่าคนที่อยู่ข้างหลังเธอรวมถึงชายหนุ่มแปลกหน้าที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะอาหาร มือถือลูกแอ๊ปเปิ้ลแล้วกัดเอาๆ สายตาก็จ้องมองเขาไม่หยุดเคซีย์สำรวจรอบข้างแล้ว ก็ละสายตากลับมาที่ซูหว่านตามเดิมเห็นเธอมีอาการตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ใบหน้าสุภาพอ่อนโยน ยังคงแฝงด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง"คุณหนู ไม่ต้องกลัว ผมแค่จะมาถามว่า ลูกสาวผมกั่วกัวตอนนี้อยู่ไหน?"ลูกสาวเขา
ในสายตาของซูหว่าน จิเหยียนโจวน่าจะเป็นศัตรูหัวใจของเคซีย์ แต่เคซีย์กลับยอมให้ลูกสาวตน ไปอยู่กับศัตรูหัวใจแปดเดือนเต็มซึ่งทำให้ซูหว่านยากจะเข้าใจ หลังจากก้มหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้ตั้งคำถามอีก "คุณเคซีย์คะ คุณก็รู้ว่าถ้าปล่อยให้เด็กอยู่กับผู้ใหญ่นานๆ อาจเกิดความผูกพันได้ แล้วทำไมยังให้เวลาตั้งแปดเดือน คุณไม่คิดว่านานไปหน่อยหรือ?"เคซีย์คล้ายกับรู้ว่าซูหว่านต้องถามเช่นนี้ จึงแทบไม่ต้องคิด ตอบออกมาตามตรง "ที่ผมกำหนดเวลายาวนาน จริงๆ ก็เป็นความเห็นแก่ตัวส่วนหนึ่ง เพราะอยากให้กั่วกัวไปอยู่กับเขา ให้รู้ว่าชูยียังมีเลือดเนื้อเชื้อไขคนนี้อยู่ในโลกผมหวังว่าเขาจะเห็นแก่ข้อนี้ จนยอมปล่อยวางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชูยี และปล่อยวางตัวเขาเองด้วย ต่อไปจะได้ไม่มาตอแยผมกับลูกอีก..."ซูหว่านขมวดคิ้วถามต่อ "แล้วไม่กลัวว่าถ้าเขาอยู่กับกั่วกัวนานๆ จะเกิดความรักความผูกพันขึ้น จนไม่ยอมคืนลูกให้คุณหรือคะ"เคซีย์ส่ายหน้า "ไม่หรอก เห็นแก่คำสั่งเสียของชูยี เขาต้องคืนกั่วกัวมาให้ผมแน่"ได้ยินประโยคนี้เข้า ซูหว่านก็ยิ่งมึนงงมากขึ้น ในเมื่อจิเหยียนโจวรู้ว่าพี่ใหญ่มีคำสั่งเสียถึงเขา แล้วทำไมคราวก่อนเขายอมเลือก
ซูหว่านไม่นึกว่าที่เขาพูดเรื่องอดีตมากมาย ไม่ใช่เพื่อพรรณนาความคิดถึงพี่สาวของเธอ แต่เพื่อจะตำหนิเธอต่างหากจนเธอต้องพิจารณาเขาอีกครั้ง รู้สึกว่าภายนอกดูเป็นคนง่ายๆ ก็จริง แต่เบื้องหลังอ่านยากยิ่งกว่าจิเหยียนโจวซะอีกเธอเดาความคิดของเคซีย์ไม่ออก และไม่อยากตอบคำถามเขาอีก แต่กลับใช้ความนัยที่เขาแฝงในคำพูด ย้อนกลับไปถามแทน"ในเมื่อพี่ฉันมีแต่จิเหยียนโจวคนเดียว แล้วทำไมตอนหลังถึงเลือกคุณ ที่สำคัญทำไมจิเหยียนโจวถึงติดคุกได้"เคซีย์ไม่นึกว่าซูหว่านยังคงปกป้องจิเหยียนโจวอยู่ ทันใดนั้นแววตาก็เกิดความระแวงมากขึ้น "ขออภัยที่ผมบอกคุณไม่ได้"คิ้วงามของซูหว่านขมวดขึ้นอีกครั้ง "เพราะอะไรคะ?"เคซีย์วางถ้วยกาแฟลง สองมือพนม สีหน้าจริงจัง พร้อมกับการตอบคำถาม "เพราะคุณเป็นคนของจิเหยียนโจว ฉะนั้นต้องขอโทษด้วย"กล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินไปทางประตู ซูหว่านรีบเรียกเขาไว้ "คุณเคซีย์ เดี๋ยวก่อนค่ะ"เคซีย์หยุดชะงัก หันมามองซูหว่าน แววตาระแวดระวังดูผ่อนคลายลงมาก "คุณซูยังมีธุระอะไรอีก"ซูหว่านเดินไปตรงหน้าเขา เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่สูงกว่าตนเกือบหนึ่งช่วงศีรษะ พลางอธิบาย "ฉันไม่ใช่คนของจิเหยียนโจว เพียงแต่ร
"น้าเล็ก..."เสียงพูดอ้อแอ้ของกั่วกัว ดังออกมาจากจอภาพ ทำเอาซูหว่านรู้สึกอุ่นใจ"กั่วกัว คิดถึงน้าเล็กไหมจ๊ะ""คิดถึง..."กั่วกัวพยักหน้า ถือโทรศัพท์ไว้ในมือ พร้อมหมุนกล้องไปทางด้านหลังจากนั้นก็จ่อที่หน้าตัวเอง ใช้มือน้อยปิดปากไว้ พูดเสียงเบา"น้าเล็ก คุณอาแปลกพาหนูมาเที่ยวสุสาน และหนูก็เห็นรูปถ่ายของน้าด้วย""แต่ว่า คุณอาแปลกบอกว่าคนในรูปไม่ใช่น้า แต่เป็นแม่หนูต่างหาก...""น้าเล็กขา คนที่นอนอยู่ใต้แผ่นป้าย คือแม่ของหนูจริงหรือคะ"กั่วกัวกะพริบขนตางอนยาวของเธอ พร้อมมองน้าเล็กที่อยู่ในจอด้วยความไร้เดียงสาเมื่อเห็นใบหน้าใสซื่อของกั่วกัว ทำให้หัวใจของซูหว่าน จู่ๆ ก็เกิดความเจ็บปวดขึ้นมาไม่รู้ว่าเพราะเธอเห็นใจกั่วกัว หรือเพราะหัวใจที่ได้จากพี่สาว กำลังมองดูลูกสาวตนเอง แล้วรู้สึกปวดใจกันแน่เธอจึงยกมือขึ้น จับที่หน้าอกโดยข้างในมีหัวใจที่เจ็บจนใกล้จะหยุดเต้น น้ำเสียงสั่นเครือขณะปลอบใจกั่วกัว "คุณอาแปลกหลอกหนูน่ะจ้ะ อย่าไปเชื่อเขา"กั่วกัวได้คำตอบจากน้าเล็กเช่นนี้ จึงสูดลมหายใจเข้าลึก แม้แต่ใบหน้ากลมแป้น ก็พลอยผ่อนคลายลงอย่างมาก"แต่ป่าปี๊บอกว่า แม่ไปอยู่บนสวรรค์ รอหนูอายุครบ
ซูหว่านสุดจะกลั้นน้ำตา จนไหลพรั่งพรูออกมาที่แท้เด็กน้อยไร้เดียงสาผู้นี้ รู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้วกั่วกัวดูในจอเห็นน้าเล็กร้องไห้ จึงรีบเอามือถือจ่อหน้า พร้อมส่งเสียงจุ๊บๆ ไปหลายคำ"น้าเล็กไม่ร้องไห้ กั่วกัวจะไม่พูดเหลวไหลอีกแล้วน่ะคะ"ซูหว่านเห็นกั่วกัวอายุยังน้อย แต่รู้จักห่วงใยความรู้สึกคนอื่น ก็ยิ่งรู้สึกปวดใจเธอเองก็ไร้พ่อขาดแม่ จนกลายเป็นเด็กที่โลกส่วนตัวสูง อ่อนไหวง่าย และแคร์ความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอไม่นึกว่ากั่วกัวก็เหมือนเธอ อายุยังน้อย แต่รู้จักสังเกตสีหน้าคนอื่น แถมยังใส่ใจคนอื่นอีกต่างหากซูหว่านนึกถึงว่าอีกหน่อยกั่วกัวโตขึ้น คงจะกลายเป็นคนช่างคิดเหมือนตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลอีก"กั่วกัว หนูไม่ต้องกลัวมากหรอกนะ อยู่กับน้าเล็ก หนูอยากพูดอะไรก็พูด ไม่ต้องกลัวโน่นกลัวนี่"กั่วกัวคล้ายจะเข้าใจ ใบหน้ากลมแป้นพยักหน้าเบาๆ "งั้นน้าเล็กก็อย่าร้องไห้ ได้ไหมคะ"ซูหว่านตอบกลับว่า 'ได้' พลางเอานิ้วมือปาดน้ำตาออกไป "กั่วกัว ตอนนี้พวกหนูพักอยู่ที่ไหน?"กั่วกัวถือโทรศัพท์ แล้วหมุนไปรอบทิศ หันหน้าจอไปทางบ้านที่อยู่ใต้สุสานลงไป "เราอยู่บ้านนั้นน่ะค่ะ"คุณอาแปลกก
ซูหว่านลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ไม่ได้โทรศัพท์ออกไปเธอคิดว่าหากไม่สบายใจ การตัดสินใจอาจจะผิดพลาดได้ รอให้สงบสติแล้วค่อยว่าใหม่เถอะเธอจึงเก็บมือถือขึ้น คิดออกจากห้องหนังสือ จู่ๆ ก็มีชายร่างสูงหนึ่งเมตรเก้าสิบเซนโผล่พรวดเข้ามาอีกเขาสวมเสื้อโค้ทสีดำตัวใหญ่ ข้างในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว ด้านหน้าไม่ได้ติดกระดุม จึงเผยให้เห็นแผงอกที่เซ็กซี่ถัดจากเสื้อเชิ้ตลงไป ภายใต้เข็มขัดหนังสีดำ เป็นกางเกงสแล็คทรงสลิม ห่อหุ้มขาเรียวยาวสองข้างไว้ชายหนุ่มยืนย้อนแสง ทำให้เห็นสีหน้าไม่ชัด แต่รู้ว่ามีไอเย็นชาออกจากร่างกาย ซึ่งทำให้อุณหภูมิในห้องลดลงไปอีกหลายองศาเสิ่นหนานอี้กำลังแกะเปลือกส้มสบายๆ อยู่ พร้อมอุ้มหมาน้อย 'พี่เสิ่น' อยู่ในมือ จู่ๆ เกิดอาการหนาวสั่นขึ้น"เอ๋ ทำไมรู้สึกอากาศเย็นขึ้นล่ะ"เสิ่นหนานอี้กอดพี่เสิ่นไว้แน่น คิดอาศัยไออุ่นจากน้องหมาหน่อยแต่พี่เสิ่นกลับโดดลงจากอ้อมแขนของเขา ขาสั้นดุ๊กดิ๊กพริบตาก็หนีเข้าห้องครัว หายวับไปในทันทีเสิ่นหนานอี้ประนามเจ้าหมาน้อย "ขออุ้มหน่อยก็ไม่ได้ ยังกล้ามาใช่แซ่เดียวกับฉันหน่อย มันไม่คู่ควร"หลังจากประนามเจ้าหมาน้อย จู่ๆ ก็มีเงามืดทาบลงมา สะท้อนลงที่ห
ซูหว่านเอียงหน้าเล็กน้อย พร้อมพูดเสียงหวาน "แล้วฉันต้องทำยังไง คุณจี้ถึงจะหายโกรธคะ?"คุณจี้ผู้ถือโตัว เชิดคางได้รูปขึ้น ทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ "คุณคิดเองแล้วกัน"ซูหว่านเห็นเขางอนจนยิ้ม และรู้สึกว่าคุณจี้ที่เป็นแบบนี้ ดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษเธอรู้สึกเอ็นดู จึงเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปโอบคอของจี้ซือหานไว้พร้อมเขย่งปลายเท้า ยื่นหน้าขึ้นไปจูบที่ริมฝีปาก "แบบนี้พอใจหรือยัง?"จี้ซือหานยังคงหน้าตึง ลูกกระเดือกขยับเล็กน้อย ยืนอยู่ที่เดิมไม่กระดุกกระดิก "ไม่พอ"ซูหว่านปล่อยมือออกข้างหนึ่ง ลูบจากไหล่เขาผ่านลงไปข้างล่าง อ้อมหลังเอว จับที่หัวเข็มขัดและมือน้อยของเธอก็หยุดที่หัวเข็มขัดสีทองครู่หนึ่ง ค่อยๆ แกะมันออกขณะจะล้วงเข้าไปในชายเสื้อ กลับถูกเขาจับมือเอาไว้ "จะทำอะไร"ปลายเท้าที่เหยียบเต็ม ค่อยเขย่งขึ้นอีกครั้ง จนแนบไปที่ข้างหูเขา กระซิบแผ่วเบา "แล้วคุณคิดว่าอะไร?"พร้อมกับลมหายใจที่หอมกลิ่นดอกพุดซ้อนพรมอยู่ข้างหู ชายหนุ่มเกร็งหน้าท้อง แววตาหยิ่งยะโสค่อยอ่อนโยนลงบ้างนังปีศาจน้อยจี้ซือหานก้มหน้าจ้องมองนิ่ง เห็นริมฝีปากเผยอสีชมพูของเธอ ทันใดก็รู้สึกยอมแพ้นิ้วเรียวยาวเคลื่อนไปอยู่ที่เอวบา
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ