ในสายตาของซูหว่าน จิเหยียนโจวน่าจะเป็นศัตรูหัวใจของเคซีย์ แต่เคซีย์กลับยอมให้ลูกสาวตน ไปอยู่กับศัตรูหัวใจแปดเดือนเต็มซึ่งทำให้ซูหว่านยากจะเข้าใจ หลังจากก้มหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้ตั้งคำถามอีก "คุณเคซีย์คะ คุณก็รู้ว่าถ้าปล่อยให้เด็กอยู่กับผู้ใหญ่นานๆ อาจเกิดความผูกพันได้ แล้วทำไมยังให้เวลาตั้งแปดเดือน คุณไม่คิดว่านานไปหน่อยหรือ?"เคซีย์คล้ายกับรู้ว่าซูหว่านต้องถามเช่นนี้ จึงแทบไม่ต้องคิด ตอบออกมาตามตรง "ที่ผมกำหนดเวลายาวนาน จริงๆ ก็เป็นความเห็นแก่ตัวส่วนหนึ่ง เพราะอยากให้กั่วกัวไปอยู่กับเขา ให้รู้ว่าชูยียังมีเลือดเนื้อเชื้อไขคนนี้อยู่ในโลกผมหวังว่าเขาจะเห็นแก่ข้อนี้ จนยอมปล่อยวางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชูยี และปล่อยวางตัวเขาเองด้วย ต่อไปจะได้ไม่มาตอแยผมกับลูกอีก..."ซูหว่านขมวดคิ้วถามต่อ "แล้วไม่กลัวว่าถ้าเขาอยู่กับกั่วกัวนานๆ จะเกิดความรักความผูกพันขึ้น จนไม่ยอมคืนลูกให้คุณหรือคะ"เคซีย์ส่ายหน้า "ไม่หรอก เห็นแก่คำสั่งเสียของชูยี เขาต้องคืนกั่วกัวมาให้ผมแน่"ได้ยินประโยคนี้เข้า ซูหว่านก็ยิ่งมึนงงมากขึ้น ในเมื่อจิเหยียนโจวรู้ว่าพี่ใหญ่มีคำสั่งเสียถึงเขา แล้วทำไมคราวก่อนเขายอมเลือก
ซูหว่านไม่นึกว่าที่เขาพูดเรื่องอดีตมากมาย ไม่ใช่เพื่อพรรณนาความคิดถึงพี่สาวของเธอ แต่เพื่อจะตำหนิเธอต่างหากจนเธอต้องพิจารณาเขาอีกครั้ง รู้สึกว่าภายนอกดูเป็นคนง่ายๆ ก็จริง แต่เบื้องหลังอ่านยากยิ่งกว่าจิเหยียนโจวซะอีกเธอเดาความคิดของเคซีย์ไม่ออก และไม่อยากตอบคำถามเขาอีก แต่กลับใช้ความนัยที่เขาแฝงในคำพูด ย้อนกลับไปถามแทน"ในเมื่อพี่ฉันมีแต่จิเหยียนโจวคนเดียว แล้วทำไมตอนหลังถึงเลือกคุณ ที่สำคัญทำไมจิเหยียนโจวถึงติดคุกได้"เคซีย์ไม่นึกว่าซูหว่านยังคงปกป้องจิเหยียนโจวอยู่ ทันใดนั้นแววตาก็เกิดความระแวงมากขึ้น "ขออภัยที่ผมบอกคุณไม่ได้"คิ้วงามของซูหว่านขมวดขึ้นอีกครั้ง "เพราะอะไรคะ?"เคซีย์วางถ้วยกาแฟลง สองมือพนม สีหน้าจริงจัง พร้อมกับการตอบคำถาม "เพราะคุณเป็นคนของจิเหยียนโจว ฉะนั้นต้องขอโทษด้วย"กล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินไปทางประตู ซูหว่านรีบเรียกเขาไว้ "คุณเคซีย์ เดี๋ยวก่อนค่ะ"เคซีย์หยุดชะงัก หันมามองซูหว่าน แววตาระแวดระวังดูผ่อนคลายลงมาก "คุณซูยังมีธุระอะไรอีก"ซูหว่านเดินไปตรงหน้าเขา เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่สูงกว่าตนเกือบหนึ่งช่วงศีรษะ พลางอธิบาย "ฉันไม่ใช่คนของจิเหยียนโจว เพียงแต่ร
"น้าเล็ก..."เสียงพูดอ้อแอ้ของกั่วกัว ดังออกมาจากจอภาพ ทำเอาซูหว่านรู้สึกอุ่นใจ"กั่วกัว คิดถึงน้าเล็กไหมจ๊ะ""คิดถึง..."กั่วกัวพยักหน้า ถือโทรศัพท์ไว้ในมือ พร้อมหมุนกล้องไปทางด้านหลังจากนั้นก็จ่อที่หน้าตัวเอง ใช้มือน้อยปิดปากไว้ พูดเสียงเบา"น้าเล็ก คุณอาแปลกพาหนูมาเที่ยวสุสาน และหนูก็เห็นรูปถ่ายของน้าด้วย""แต่ว่า คุณอาแปลกบอกว่าคนในรูปไม่ใช่น้า แต่เป็นแม่หนูต่างหาก...""น้าเล็กขา คนที่นอนอยู่ใต้แผ่นป้าย คือแม่ของหนูจริงหรือคะ"กั่วกัวกะพริบขนตางอนยาวของเธอ พร้อมมองน้าเล็กที่อยู่ในจอด้วยความไร้เดียงสาเมื่อเห็นใบหน้าใสซื่อของกั่วกัว ทำให้หัวใจของซูหว่าน จู่ๆ ก็เกิดความเจ็บปวดขึ้นมาไม่รู้ว่าเพราะเธอเห็นใจกั่วกัว หรือเพราะหัวใจที่ได้จากพี่สาว กำลังมองดูลูกสาวตนเอง แล้วรู้สึกปวดใจกันแน่เธอจึงยกมือขึ้น จับที่หน้าอกโดยข้างในมีหัวใจที่เจ็บจนใกล้จะหยุดเต้น น้ำเสียงสั่นเครือขณะปลอบใจกั่วกัว "คุณอาแปลกหลอกหนูน่ะจ้ะ อย่าไปเชื่อเขา"กั่วกัวได้คำตอบจากน้าเล็กเช่นนี้ จึงสูดลมหายใจเข้าลึก แม้แต่ใบหน้ากลมแป้น ก็พลอยผ่อนคลายลงอย่างมาก"แต่ป่าปี๊บอกว่า แม่ไปอยู่บนสวรรค์ รอหนูอายุครบ
ซูหว่านสุดจะกลั้นน้ำตา จนไหลพรั่งพรูออกมาที่แท้เด็กน้อยไร้เดียงสาผู้นี้ รู้เรื่องทุกอย่างหมดแล้วกั่วกัวดูในจอเห็นน้าเล็กร้องไห้ จึงรีบเอามือถือจ่อหน้า พร้อมส่งเสียงจุ๊บๆ ไปหลายคำ"น้าเล็กไม่ร้องไห้ กั่วกัวจะไม่พูดเหลวไหลอีกแล้วน่ะคะ"ซูหว่านเห็นกั่วกัวอายุยังน้อย แต่รู้จักห่วงใยความรู้สึกคนอื่น ก็ยิ่งรู้สึกปวดใจเธอเองก็ไร้พ่อขาดแม่ จนกลายเป็นเด็กที่โลกส่วนตัวสูง อ่อนไหวง่าย และแคร์ความรู้สึกคนอื่นมากกว่าตัวเองเสมอไม่นึกว่ากั่วกัวก็เหมือนเธอ อายุยังน้อย แต่รู้จักสังเกตสีหน้าคนอื่น แถมยังใส่ใจคนอื่นอีกต่างหากซูหว่านนึกถึงว่าอีกหน่อยกั่วกัวโตขึ้น คงจะกลายเป็นคนช่างคิดเหมือนตัวเอง ก็อดไม่ได้ที่จะน้ำตาไหลอีก"กั่วกัว หนูไม่ต้องกลัวมากหรอกนะ อยู่กับน้าเล็ก หนูอยากพูดอะไรก็พูด ไม่ต้องกลัวโน่นกลัวนี่"กั่วกัวคล้ายจะเข้าใจ ใบหน้ากลมแป้นพยักหน้าเบาๆ "งั้นน้าเล็กก็อย่าร้องไห้ ได้ไหมคะ"ซูหว่านตอบกลับว่า 'ได้' พลางเอานิ้วมือปาดน้ำตาออกไป "กั่วกัว ตอนนี้พวกหนูพักอยู่ที่ไหน?"กั่วกัวถือโทรศัพท์ แล้วหมุนไปรอบทิศ หันหน้าจอไปทางบ้านที่อยู่ใต้สุสานลงไป "เราอยู่บ้านนั้นน่ะค่ะ"คุณอาแปลกก
ซูหว่านลังเลอยู่นาน สุดท้ายก็ไม่ได้โทรศัพท์ออกไปเธอคิดว่าหากไม่สบายใจ การตัดสินใจอาจจะผิดพลาดได้ รอให้สงบสติแล้วค่อยว่าใหม่เถอะเธอจึงเก็บมือถือขึ้น คิดออกจากห้องหนังสือ จู่ๆ ก็มีชายร่างสูงหนึ่งเมตรเก้าสิบเซนโผล่พรวดเข้ามาอีกเขาสวมเสื้อโค้ทสีดำตัวใหญ่ ข้างในเป็นเสื้อเชิ้ตสีขาว ด้านหน้าไม่ได้ติดกระดุม จึงเผยให้เห็นแผงอกที่เซ็กซี่ถัดจากเสื้อเชิ้ตลงไป ภายใต้เข็มขัดหนังสีดำ เป็นกางเกงสแล็คทรงสลิม ห่อหุ้มขาเรียวยาวสองข้างไว้ชายหนุ่มยืนย้อนแสง ทำให้เห็นสีหน้าไม่ชัด แต่รู้ว่ามีไอเย็นชาออกจากร่างกาย ซึ่งทำให้อุณหภูมิในห้องลดลงไปอีกหลายองศาเสิ่นหนานอี้กำลังแกะเปลือกส้มสบายๆ อยู่ พร้อมอุ้มหมาน้อย 'พี่เสิ่น' อยู่ในมือ จู่ๆ เกิดอาการหนาวสั่นขึ้น"เอ๋ ทำไมรู้สึกอากาศเย็นขึ้นล่ะ"เสิ่นหนานอี้กอดพี่เสิ่นไว้แน่น คิดอาศัยไออุ่นจากน้องหมาหน่อยแต่พี่เสิ่นกลับโดดลงจากอ้อมแขนของเขา ขาสั้นดุ๊กดิ๊กพริบตาก็หนีเข้าห้องครัว หายวับไปในทันทีเสิ่นหนานอี้ประนามเจ้าหมาน้อย "ขออุ้มหน่อยก็ไม่ได้ ยังกล้ามาใช่แซ่เดียวกับฉันหน่อย มันไม่คู่ควร"หลังจากประนามเจ้าหมาน้อย จู่ๆ ก็มีเงามืดทาบลงมา สะท้อนลงที่ห
ซูหว่านเอียงหน้าเล็กน้อย พร้อมพูดเสียงหวาน "แล้วฉันต้องทำยังไง คุณจี้ถึงจะหายโกรธคะ?"คุณจี้ผู้ถือโตัว เชิดคางได้รูปขึ้น ทำเสียงฮึดฮัดในลำคอ "คุณคิดเองแล้วกัน"ซูหว่านเห็นเขางอนจนยิ้ม และรู้สึกว่าคุณจี้ที่เป็นแบบนี้ ดูมีเสน่ห์เป็นพิเศษเธอรู้สึกเอ็นดู จึงเป็นฝ่ายเอื้อมมือไปโอบคอของจี้ซือหานไว้พร้อมเขย่งปลายเท้า ยื่นหน้าขึ้นไปจูบที่ริมฝีปาก "แบบนี้พอใจหรือยัง?"จี้ซือหานยังคงหน้าตึง ลูกกระเดือกขยับเล็กน้อย ยืนอยู่ที่เดิมไม่กระดุกกระดิก "ไม่พอ"ซูหว่านปล่อยมือออกข้างหนึ่ง ลูบจากไหล่เขาผ่านลงไปข้างล่าง อ้อมหลังเอว จับที่หัวเข็มขัดและมือน้อยของเธอก็หยุดที่หัวเข็มขัดสีทองครู่หนึ่ง ค่อยๆ แกะมันออกขณะจะล้วงเข้าไปในชายเสื้อ กลับถูกเขาจับมือเอาไว้ "จะทำอะไร"ปลายเท้าที่เหยียบเต็ม ค่อยเขย่งขึ้นอีกครั้ง จนแนบไปที่ข้างหูเขา กระซิบแผ่วเบา "แล้วคุณคิดว่าอะไร?"พร้อมกับลมหายใจที่หอมกลิ่นดอกพุดซ้อนพรมอยู่ข้างหู ชายหนุ่มเกร็งหน้าท้อง แววตาหยิ่งยะโสค่อยอ่อนโยนลงบ้างนังปีศาจน้อยจี้ซือหานก้มหน้าจ้องมองนิ่ง เห็นริมฝีปากเผยอสีชมพูของเธอ ทันใดก็รู้สึกยอมแพ้นิ้วเรียวยาวเคลื่อนไปอยู่ที่เอวบา
ซูหว่านไม่คิดว่าจุดที่เขาให้ความสนใจ จะเป็นจิเหยียนโจว ก็อดรู้สึกอยากขำไม่ได้"คุณจี้ ทำไมคุณหึงได้กับทุกคนเลยล่ะ?"ชายหนุ่มบนโซฟา สีหน้ากำลังตึงเครียดนั้นไม่ได้คลายลงแม้แต่น้อย ในแววตาใสราวกับหิมะบริสุทธิ์ ยังปกคลุมไว้ด้วยความรู้สึกที่ซับซ้อนเขาที่เอาแต่เงียบแบบนี้ ทำเอาซูหว่านที่นั่งอยู่ตรงข้าม ค่อยๆเก็บรอยยิ้มบริเวณมุมปากลง แล้วสำรวจเขาด้วยใจตุ้มๆต่อมๆ"ฉันไม่เคยติดต่อกับจิเหยียนโจว เขาพูดแทรกขึ้นมาตอนที่ฉันโทรคุยกับจอร์จ เขาให้ฉันบอกเคซีย์ว่าเขาอยู่ที่สุสาน"เธอนึกว่าตัวเองอธิบายแจ่มชัดแล้ว ชายหนุ่มที่นั่งตรงข้ามจะมีสีหน้าดีขึ้นสักหน่อย แต่ที่ไหนได้กลับมัวหมองมากกว่าเดิมซูหว่านลุกขึ้นเดินไปตรงหน้าจี้ซือหาน ยกมือขึ้นลูบใบหน้าคมสันของเขา"ซือหาน คุณเป็นอะไร?"เมื่อรู้สึกได้ถึงการสัมผัสที่ระมัดระวังของเธอ คิ้วเข้มของจี้ซือหานที่ขมวดแน่น ก็ค่อยๆคลายออก"หว่านหว่าน ฉันไม่ได้เป็นอะไร"พูดจบ เขาก็ยื่นนิ้วเรียวยาวดึงเธอให้นั่งลงข้างกาย แล้วหันข้างไปจ้องใบหน้าของเธอนิ่ง"หว่านหว่าน จิเหยียนโจวแยกออกไหมว่าเธอเป็นใคร?"ถ้าจิเหยียนโจวแยกไม่ออกว่าเธอเป็นใคร นั่นก็แปลว่าคนที่เขารัก
เมื่อซูหว่านเห็นรายงานผลตรวจ ก็ไม่ได้ตกใจมากนักเพราะเธอรู้สึกมาตั้งแต่แรกแล้วว่ากั่วกัวเป็นลูกของจิเหยียนโจวตอนนี้ผลตรวจโชว์ให้เห็นต่อหน้าเธออย่างแท้จริง ก็ยิ่งเป็นการพิสูจน์ว่าความคิดของเธอนั้นถูกต้องกั่วกัวเป็นลูกสาวของจิเหยียนโจว ถ้าอย่างนั้นพี่สาวก็ไม่ได้หักหลังจิเหยียนโจว ตลอดหลายปีที่ผ่านมาจิเหยียนโจวเกลียดผิดคนแล้วในขณะที่เคซีย์รู้ทั้งรู้ว่ากั่วกัวเป็นลูกสาวของจิเหยียนโจว แต่นอกจากจะไม่ได้บอกจิเหยียนโจวล้ว ยังโกหกว่ากั่วกัวเป็นลูกสาวของเขาที่เคซีย์ทำแบบนี้ เพราะว่ารักพี่สาวมากเกินไป เลยอยากครอบครองลูกสาวที่พี่ของเธอทิ้งเอาไว้ หรือเพื่อจะแก้แค้นจิเหยียนโจวกันแน่?ขณะที่ซูหว่านกำลังคิดว่าเป้าหมายของเคซีย์คืออะไรนั้น จี้ซือหานก็ยกนิ้วเรียวขึ้นกวักเรียกบอดี้การ์ด"ข้อมูล"บอดี้การ์ดเข้าใจในทันที หมุนตัวออกจากวิลล่าไปอย่างรวดเร็ว เร็วเอกสารชุดนึงออกมาจากในรถแล้วยื่นไปตรงหน้าเขาจี้ซือหานยังไม่ได้รับมาทันที แต่ทอดสายตาลงมองซูหว่านแวบนึง บอดี้การ์ดก็เข้าใจในทันที แล้วยื่นเอกสารไปให้ซูหว่านด้วยความนอบน้อม"นายหญิง นี่เป็นข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับจิเหยียนโจวและชูยีครับ"ซูหว