หลังจากที่ไม่มีชายชราเข้ามาวุ่นวายกับการแต่งงานของทั้งคู่ จี้ซือหานก็พาซูหว่านไปถ่ายพรีเวดดิ้งทั่วโลกเขาสั่งตัดชุดเจ้าสาวจำนวนนับไม่ถ้วนสำหรับซูหว่าน ก็เพื่อถ่ายรูปแค่ไม่กี่ที แม้แต่แหวนหมั้นคู่ก็ยังใช้ดีไซเนอร์ชื่อดังจากทั่วโลกจำนวนมากรวมไปถึงสไตล์แต่งหน้า ทำผมพวกนี้ด้วย จี้ซือหานเรียกทีมงานชื่อดังมาหลายทีม ก็เพื่อมาแต่งหน้า เติมหน้าให้เธอในวันแต่งงานเมื่อจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จ ชายหนุ่มก็ไปจัดการสถานที่งานแต่งต่อ หลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ได้บอกซูหว่าน เหมือนว่าอยากจะเก็บไว้เซอร์ไพรส์เธอซูหว่านก็ไม่ได้ถามอะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เพียงแค่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจในการออกแบบเรือนหอ...เดิมทีหลังจากออกแบบเสร็จ ซูหว่านอยากส่งบริษัทตกแต่งภายในเข้าไปตกแต่งเรือนหอทันทีแต่พอจี้ซือหานรู้ ก็ชิงพิมพ์เขียวของเธอไป ไม่ให้เธอต้องปวดหัวกับเรื่องพวกนี้ซูหว่านจึงต้องให้บริษัทตกแต่งภายใน ไปตกแต่งบ้านที่เธอจะใช้ส่งตัวเจ้าสาวตามสไตล์วิลล่าของซานซานในเวลาถัดมา เธอกินยาจีนที่อลันส่งมาให้ ไปพร้อมกับจดจ่อสมาธิทั้งหมดไปกับโปรเจคที่พี่สาวทิ้งเอาไว้เพื่อหาเงินสำหรับค่าสินสอดทองหมั้น
จี้ซือหานหายใจเข้าลึกๆทีนึง เพื่อกดความรู้สึกหัวเสียในใจเอาไว้ หงายมือให้อาเจ๋อ จากนั้นอาเจ๋อก็ยื่นเอกสารลงในมือเขาทันทีขณะที่ชายหนุ่มพลิกเอกสารอยู่ อาเจ๋อก็คอยรายงานอยู่ข้างๆ"ตอนที่ชูยีอายุห้าขวบ ขณะเดินขอทานอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เกือบจะถูกคนตีจนเกือบตายนั้น ก็ได้เจอกับจิเหยียนโจว จิเหยียนโจวเป็นคนช่วยเธอเอาไว้ ต่อมาจิเหยียนโจวก็เป็นคนส่งเสียให้ชูยีได้เรียนหนังสือ""หลังจากที่ชูยีเริ่มประสีประสาเรื่องความรัก ก็ตกหลุมรักจิเหยียนโจว ตามจีบจิเหยียนโจวสุดแรงอยู่สิบปี ตอนแรกจิเหยียนโจวก็ไม่รู้สึกอะไร มิหนำซ้ำยังดูแคลนชูยีด้วยซ้ำ แต่ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ตอบตกลงชูยี ทั้งสองคนก็คบกันได้หกปีนับตั้งแต่นั้น""จุดสำคัญที่ทำให้ความรักของทั้งสองคนพังลง เกิดจากที่จิเหยียนโจวถูกใส่ร้าย และถูกส่งเข้าคุกในปีนั้น""ตอนนั้นจิเหยียนโจวถูกขังอยู่หนึ่งปี ตอนที่เขาอยู่ในคุก ก็รอคอยให้ชูยีมาพบเขาตลอด แต่ชูยีก็ไม่ได้มาเลยสักครั้ง""เดิมจิเหยียนโจวก็ฝังใจกับเรื่องนี้อยู่แล้ว พอออกจากคุกและไปหาชูยี กลับพบว่าชูยีแต่งงานกับพี่ชายตัวเอง ซึ่งก็คือลูกนอกสมรสของตระกูลจิคนนั้นที่ถูกราชวงศ์อังกฤษชุบเลี้ยง
นิ้วที่หยิบเอกสารรายงานอยู่ ค่อยเคาะเบาๆ ท่าทางครุ่นคิดบางอย่างนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ชายหนึ่งยกเอกสารขึ้นมา ถามอาเจ๋อว่า "เป็นผลตรวจตั้งแต่เมื่อไหร่?"อาเจ๋อตอบกลับอย่างสำรวม "นานมาแล้วครับ จอร์จเป็นคนตรวจ"นั่นก็แปลว่า ผลตรวจดีเอ็นเอฉบับนี้เป็นของในอดีต ใช้อ้างอิงกับปัจจุบันไม่ได้อีกจี้ซือหานโยนรายงานทิ้งไป สั่งอาเจ๋อเสียงเย็นชา "เรื่องนี้อย่าเพิ่งไปบอกเธอ นายหาวิธีไปเอาเส้นผมของจิเหยียนโจวกับกั่วกัวมา ไปตรวจดีเอ็นเอให้เสร็จ ค่อยมารายงานอีกที"ซูหว่านมั่นใจว่าชูยีไม่เคยนอกใจจิเหยียนโจว แต่ข้อมูลที่ได้มา แสดงถึงว่าเคยนอกใจชัดๆเพื่อปกป้องความเชื่อมั่นที่เธอมีต่อพี่สาว ควรตรวจให้แน่ชัดก่อน แล้วค่อยบอกเธอจะดีกว่าอาเจ๋อมีความลำบากใจ เอามือเกาท้ายทอย "คุณครับ จิเหยียนโจวเป็นนักยูโดเข้าสาย เข้าใกล้ลำบากน่ะครับ"จี้ซือหานเหลือบสายตาเย็นชาขึ้น กวาดมองไปทางอาเจ๋อ "พี่ชายเจียงโม่เป็นเพื่อนกับจิเหยียนโจว ให้เขาไปเก็บมา"พี่ชายเจียงโม่...อาเจ๋อนึกถึงคนเย็นชาที่แทบไม่เคยพูดอะไรสักคำ ก็อดรู้สึกเสียวสันหลังไม่ได้ แต่ก็ยังกัดฟันตอบรับ ก็ใครให้ผู้ชายคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าพี่ชายของเจียงโม่อีกเ
จี้ซือหานเอียงหน้ามา มองดูใบหน้างามหมดจดของอีกฝ่าย ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงได้เอ่ยปาก"หมู่นี้คุณเย็นชากับผมมาก"หลังจากพูดประโยคนี้ออกมา ใจเขาตื่นกลัวราวกับรัวกลองเขารู้สึกกลัวมากว่า เธอจะถือโอกาสนี้กล่าวแยกทางหรือเปล่าแต่ถ้าไม่พูด เขาก็ทนสภาพเมินเฉยห่างเหินแบบนี้ต่อไปไม่ไหวซูหว่านรู้สึกตกใจ พร้อมกับเลิกค้ิ้ว "ฉันหรือเย็นชากับคุณ?"ซูหว่านยังไม่รู้ตัวว่าเพราะมัวแต่ทำงาน จึงละเลยความรู้สึกของชายหนุ่มเบื้องหลังไป จึงมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยเธอเย็นชาต่อเขาเมื่อไหร่กัน ทั้งที่ยุ่งแสนยุ่ง ยังเคยเจียดเวลาไปพบเขาอยู่ แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ?จี้ซือหานไม่นึกว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ จึงถามด้วยความไม่สบายใจ "คุณ...ยังคิดแต่งงานกับผมหรือเปล่า"คิ้วได้รูปของซูหว่าน ขมวดมากยิ่งขึ้น "ฉันไม่แต่งกับคุณแล้วจะแต่งกับใคร"เธอรู้สึกว่าจี้ซือหานมีท่าทีแปลกๆ จึงออกแรงเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนเขา หันมามองหน้า "คืนนี้คุณเป็นอะไรกันแน่"จี้ซือหานเพิ่งตั้งสติกลับมา สายตาจับจ้องที่ใบหน้าตึงเครียดของอีกฝ่าย พร้อมเหยียดปากขึ้นเบาๆ เผยรอยยิ้มเล็กน้อยที่แท้หว่านหว่านของเขา ที่ห่างเหินและเย็นชา
ซูหว่านเพื่อต้องการให้ตนมีสินสมรส จึงทุมแรงกายแรงใจในการออกแบบ แต่แม้จะรีบเร่งเพียงไหน ก็ยังไม่ทันฤกษ์วิวาห์ที่ใกล้จะถึงอยู่ดี...สุดท้ายเธอเขียนพิมพ์เขียวได้เพียงแปดภาพเท่านั้น ขณะส่งมอบให้เสิ่นหนานอี้ เธอเหนื่อยจนแทบหมดแรง "รีบเอาไปส่ง จะได้แลกกับเงินมา"เสิ่นหนานอี้นั่งที่โต๊ะทำงาน กัดกินแอ๊ปเปิ้ลพลาง สองตามองซูหว่านตั้งแต่หัวจรดเท้า "จะแต่งงานกับผู้ชายที่รวยสุดในเอเซียอยู่แล้ว เธอยังจะโหมงานทำไมอีก"ถ้าตอนนี้เป็นเขา มีเศรษฐีนีมาขอแต่งงานด้วย อย่าว่าแต่เขียนแบบเลย แม้แต่ดินสอหุ้มด้วยทองคำก็จะไม่เหลียวแลอีก มีคนเลี้ยงดูแล้ว ยังจะทำงานให้เหนื่อยทำไมซูหว่านฟุบอยู่บนโต๊ะ มือยังพลิกดู PPT ของโปรเจ็คต่อไป พูดคล้ายกับหมดแรง "อาจารย์เสิ่น ฉันก็ต้องเตรียมสินสอดไว้ให้ตัวเองบ้างสิ"เธอไม่มีครอบครัว จึงต้องเตรียมทุกอย่างไว้ให้ตัวเอง ผู้ชายมาแต่งกับเธออย่างมีหน้ามีตา เธอก็ควรออกเรือนอย่างสมศักดิ์ศรีเหมือนกันเมื่อนึกถึงคำว่าออกเรือนอย่างสมศักดิ์ศรี ซูหว่านก็ให้ตาลุกวาวขึ้น มองไปทางกระเป๋าของเสิ่นหนานอี้ "อาจารย์เสิ่น โปรเจ็คของกลุ่มบริษัทจี้เข้าบัญชีมาหลายร้อนล้าน คุณได้ส่วนแบ่ง 30% คิดว่
ซูหว่านบอกให้บอดี้การ์ดปล่อยคนเข้ามา แล้วเชิญเคซีย์มายังห้องรับแขก ให้ป้าม่านยกกาแฟมาให้เขาชายหนุ่มซึ่งนั่งอยู่บนโซฟา ทั้งสีหน้าท่าทางล้วนคล้ายคลึงกับจิเหยียนโจวเป็นอย่างมาก สิ่งเดียวที่แตกต่าง ก็คือดวงตาคู่นั้นดวงตาของจิเหยียนโจว ดูลุ่มลึกซ่อนความนัยและคมกริบ ในขณะที่ดวงตาของเคซีย์ ค่อนข้างกระจ่างและเปิดเผยกว่า คล้ายกับไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้นพวกเขาต่างมีบุคลิกที่คล้ายกัน แลดูง่ายๆ สบายๆ แต่การพูดจามีความแตกต่าง เทียบกับจิเหยียนโจวแล้ว เคซีย์ดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าหลังจากซูหว่านได้พิจารณาเขาแล้วก็ได้นั่งลง พร้อมถามถึงจุดประสงค์ที่มา "คุณเคซีย์ มาหาฉันมีธุระอะไรหรือคะ"เคซีย์ไม่ได้รีบตอบคำถามของเธอ นอกจากเหลือบตาขึ้น มองดูบอดี้การ์ดหญิงสิบกว่าคนที่อยู่ข้างหลังเธอรวมถึงชายหนุ่มแปลกหน้าที่นั่งอยู่ข้างโต๊ะอาหาร มือถือลูกแอ๊ปเปิ้ลแล้วกัดเอาๆ สายตาก็จ้องมองเขาไม่หยุดเคซีย์สำรวจรอบข้างแล้ว ก็ละสายตากลับมาที่ซูหว่านตามเดิมเห็นเธอมีอาการตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ใบหน้าสุภาพอ่อนโยน ยังคงแฝงด้วยรอยยิ้มเป็นกันเอง"คุณหนู ไม่ต้องกลัว ผมแค่จะมาถามว่า ลูกสาวผมกั่วกัวตอนนี้อยู่ไหน?"ลูกสาวเขา
ในสายตาของซูหว่าน จิเหยียนโจวน่าจะเป็นศัตรูหัวใจของเคซีย์ แต่เคซีย์กลับยอมให้ลูกสาวตน ไปอยู่กับศัตรูหัวใจแปดเดือนเต็มซึ่งทำให้ซูหว่านยากจะเข้าใจ หลังจากก้มหน้าคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงได้ตั้งคำถามอีก "คุณเคซีย์คะ คุณก็รู้ว่าถ้าปล่อยให้เด็กอยู่กับผู้ใหญ่นานๆ อาจเกิดความผูกพันได้ แล้วทำไมยังให้เวลาตั้งแปดเดือน คุณไม่คิดว่านานไปหน่อยหรือ?"เคซีย์คล้ายกับรู้ว่าซูหว่านต้องถามเช่นนี้ จึงแทบไม่ต้องคิด ตอบออกมาตามตรง "ที่ผมกำหนดเวลายาวนาน จริงๆ ก็เป็นความเห็นแก่ตัวส่วนหนึ่ง เพราะอยากให้กั่วกัวไปอยู่กับเขา ให้รู้ว่าชูยียังมีเลือดเนื้อเชื้อไขคนนี้อยู่ในโลกผมหวังว่าเขาจะเห็นแก่ข้อนี้ จนยอมปล่อยวางสิ่งที่เกี่ยวข้องกับชูยี และปล่อยวางตัวเขาเองด้วย ต่อไปจะได้ไม่มาตอแยผมกับลูกอีก..."ซูหว่านขมวดคิ้วถามต่อ "แล้วไม่กลัวว่าถ้าเขาอยู่กับกั่วกัวนานๆ จะเกิดความรักความผูกพันขึ้น จนไม่ยอมคืนลูกให้คุณหรือคะ"เคซีย์ส่ายหน้า "ไม่หรอก เห็นแก่คำสั่งเสียของชูยี เขาต้องคืนกั่วกัวมาให้ผมแน่"ได้ยินประโยคนี้เข้า ซูหว่านก็ยิ่งมึนงงมากขึ้น ในเมื่อจิเหยียนโจวรู้ว่าพี่ใหญ่มีคำสั่งเสียถึงเขา แล้วทำไมคราวก่อนเขายอมเลือก
ซูหว่านไม่นึกว่าที่เขาพูดเรื่องอดีตมากมาย ไม่ใช่เพื่อพรรณนาความคิดถึงพี่สาวของเธอ แต่เพื่อจะตำหนิเธอต่างหากจนเธอต้องพิจารณาเขาอีกครั้ง รู้สึกว่าภายนอกดูเป็นคนง่ายๆ ก็จริง แต่เบื้องหลังอ่านยากยิ่งกว่าจิเหยียนโจวซะอีกเธอเดาความคิดของเคซีย์ไม่ออก และไม่อยากตอบคำถามเขาอีก แต่กลับใช้ความนัยที่เขาแฝงในคำพูด ย้อนกลับไปถามแทน"ในเมื่อพี่ฉันมีแต่จิเหยียนโจวคนเดียว แล้วทำไมตอนหลังถึงเลือกคุณ ที่สำคัญทำไมจิเหยียนโจวถึงติดคุกได้"เคซีย์ไม่นึกว่าซูหว่านยังคงปกป้องจิเหยียนโจวอยู่ ทันใดนั้นแววตาก็เกิดความระแวงมากขึ้น "ขออภัยที่ผมบอกคุณไม่ได้"คิ้วงามของซูหว่านขมวดขึ้นอีกครั้ง "เพราะอะไรคะ?"เคซีย์วางถ้วยกาแฟลง สองมือพนม สีหน้าจริงจัง พร้อมกับการตอบคำถาม "เพราะคุณเป็นคนของจิเหยียนโจว ฉะนั้นต้องขอโทษด้วย"กล่าวจบก็ลุกขึ้นเดินไปทางประตู ซูหว่านรีบเรียกเขาไว้ "คุณเคซีย์ เดี๋ยวก่อนค่ะ"เคซีย์หยุดชะงัก หันมามองซูหว่าน แววตาระแวดระวังดูผ่อนคลายลงมาก "คุณซูยังมีธุระอะไรอีก"ซูหว่านเดินไปตรงหน้าเขา เงยหน้าขึ้นมองชายหนุ่มที่สูงกว่าตนเกือบหนึ่งช่วงศีรษะ พลางอธิบาย "ฉันไม่ใช่คนของจิเหยียนโจว เพียงแต่ร