ซูหว่านไม่เคยพบปู่ของจี้ซือหานมาก่อน เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงของเขาว่ากันว่าสมัยที่จี้เจิ้นตงยังคุมงานอยู่ แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ในยุโรปยังต้องเกรงใจเขาเพราะชั้นเชิงอันเฉียบขาดของเขา จึงทำให้กลุ่มบริษัทจี้ยืนหยัดมั่นคงอยู่ในตลาดเอเซีย หรือแม้แต่ทั่วโลกมาจนทุกวันนี้คนที่ทรงอิทธิพลเช่นนี้แม้ว่าจะวางมือแล้ว ยังมาหาเธอถึงบ้าน คงเพราะเรื่องแต่งงานอย่างแน่นอนซูหว่านพอคาดเดาได้ถึงเจตนาที่เขามานี่ จึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ยังแสร้งทำเป็นปกติ ล้างหน้าล้างตาแล้วเดินลงชั้นล่างจี้เจิ้นตงเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ อยู่ในชุดสูทคัตติ้งเนี๊ยบ ถือไม้เท้าหัวมังกร ลักษณะองอาจผึ่งผาย ยืนอยู่กลางห้องรับแขกชายชราอายุเจ็ดสิบห้าปี หากแต่ใบหน้ายังดูอ่อนกว่าวัย หน้าตาแจ่มใส บุคลิกสง่างามน่าเกรงขาม เปี่ยมด้วยลักษณะผู้ที่เข้าใจโลกอย่างถ่องแท้ซูหว่านยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันของเขา แต่ก็จำต้องรวบรวมความกล้า สองมือกำแน่น เดินไปตรงหน้าเขา"คุณลุงจี้"เธอเรียกอย่างมีมรรยาท ชายชราจึงละสายตาจากการมองดูรอบข้าง หันมาหยุดอยู่ที่เธอสายตาเคร่งขรึมคู่นั้น ถ้าจะบอกว่ามองดูซูหว่าน มิสู้บอกว่านี่คือก
ซูหว่านหยุดหายใจไปชั่วขณะ ดวงตาค่อยๆทอดลงต่ำ เด็กกำพร้าคนนึง จะไปมีพื้นเพประวัติได้ยังไงล่ะ...จี้เจิ้นตงเห็นเธอเงียบ ก็หัวเราะเสียงเย็นทันที "ฉันสืบประวัติเธอมาแล้ว เกิดมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ต่อให้จะตามหาพี่สาวเจอในภายหลัง แต่ก็เป็นแค่สถาปนิก จะไปคู่ควรกับหลานชายฉันได้ยังไง?"ถ้าใช้พื้นเพประวัติมาเทียบ เธอก็คงไม่คู่ควรจริงๆ แต่ "ถึงแม้จะเป็นแค่สถาปนิก แต่พี่สาวของหนูก็ประสบความสำเร็จอย่างมากในขอบเขตของตัวเอง"สามารถพูดได้ว่าแม้เธอจะเติบโตมาไม่ดี แต่พี่สาวของเธอ จะให้คนนอกมาทำเสื่อมเสียไม่ได้เด็ดขาดเห็นได้ชัดว่าจี้เจิ้นตงดูถูกสถาปนิกธรรมดาๆ ทว่าไม่ได้โต้เถียงกับซูหว่านให้มากความ แต่เน้นย้ำว่า "เธอก็รู้ว่านั่นเป็นความสำเร็จของพี่สาว งั้นมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ"ความหมาของเขาก็คือ ความสำเร็จของพี่สาว ไม่ได้หมายความถึงความสำเร็จของเธอซึ่งซูหว่านก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้แต่เขาเข้าใจความหมายของเธอผิด ที่เธอโต้ตอบเขา ก็แค่เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับพี่สาวเท่านั้นซูหว่านอยากจะอธิบาย ทว่าจี้เจิ้นตงไม่มานั่งหยุมหยิมกับประเด็นนี้อีก แต่ยังชูนิ้วที่สองต่อไป "คำถามข้อที่สอง คุณซูจบจ
ใบหน้าของซูหว่านที่ถูกจี้ซือหานเลี้ยงดูมากครึ่งเดือน จนกลับมามีชีวิตชีวาได้ไม่ง่ายนั้น ทว่าเวลานี้เลือดฝาดกลับค่อยๆจางหาย จนกลายเป็นขาวซีดร่างกายของเธอแข็งทื่อ ฝ่าเท้าเหมือนลอยขึ้นจากพื้น เดินถอยหลังไปก้าวนึง นิ้วมือขาวนวลนั้นลูบท้องน้อยตัวเองอย่างเสียการควบคุมเธอกับจี้ซือหาน ร่วมรักกันติดต่อมาหลายวัน พยายามกันตั้งหลายครั้ง แต่ในนี้กลับไม่มีการตอบสนองอะไร หรือเธอจะสูญเสียความสามารถการตั้งครรภ์จริงๆ?ขณะที่ใบหน้าของเธอซีดขาดนั้น จี้เจิ้นตงกลับเตือนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกลาง "คุณซู ผู้ครอบครองอำนาจของตระกูลจี้ จำเป็นต้องมีลูกหลานรุ่นต่อไปมารับช่วงต่อ ถ้าเธอตั้งครรภ์ไม่ได้ ยังมีหน้าแต่งเข้าตระกูลจี้อยู่อีกหรอ?"ให้ผู้ครอบครองอำนาจตระกูลจี้แต่งงานกับผู้หญิงที่ประวัติพื้นเพไม่ดี การศึกษาไม่สูง มิหนำซ้ำยังมีลูกไม่ได้ จะให้คนนอกมันมาหัวเราะเยาะหรือยังไง?เขาไม่มีทางให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่!หลังจากที่จี้เจิ้นตงพูดมาถึงตรงนี้ ก็หยิบเช็คที่เขียนเอาไว้ก่อนแล้วออกจากกระกระเป๋าเสื้อสูท แล้วยื่นไปตรงหน้าซูหว่าน"เขาใช้ทั้งตระกูลจี้ ในการสู่ขอเธอ ฉันจะไม่เรียกคืนสิ่งที่เขาเคยให้ไปแล้ว
วันนี้ข้างนอกก็ยังมีหิมะตก ชายหนุ่มคลุมเสื้อโค้ทสีดำ สวมแว่นกรอบสีทอง สาวขาเดินมาจากนอกประตูด้านหลังของเขามีซูชิงที่ตามมาติดๆ และกลุ่มบอดี้การ์ดในชุดสูทสุภาพ เมื่อห้อมล้อมเขาเอาไว้ ชายหนุ่มราวกับดวงจันทร์ท่ามกลางกลุ่มดวงดาวชายหนุ่มไม่ทันได้ถอดเสื้อโค้ท ร่างที่เพิ่งผ่านหิมะและลมหนาว ตรงดิ่งเข้าไปหาชายชราจี้ ก้าวฉับๆไปยังข้างกายซูหว่าน"เขาทำอะไรเธอหรือเปล่า?"จี้ซือหานไม่แม้แต่จะแลมองชายชรา เขาสนใจแต่ตรวจสอบร่างกายของซูหว่าน กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียวซูหว่านเห็นว่าเขามาแล้ว หัวใจที่หวั่นวิตกก็ค่อยๆสงบลง "เปล่า พวกเราก็แค่คุยกันเท่านั้น คุณไม่ต้องห่วงนะ"ความกังวลในแววตาของจี้ซือหาน ไม่ได้ลดลงแต่มากขึ้นด้วยซ้ำ "ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เธฮก็ไม่ต้องไปฟัง ทุกอย่างปล่อยให้ฉันจัดการ"น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่ม มีพลังแห่งการปลอบประโลมจิตใจ ราวกับว่าขอแค่มีเขาอยู่ ทุกอุปสรรคและความยากลำบากก็จะคลี่คลายในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้ จี้เจิ้นตงเห็นว่าเขามาแล้ว นิ้วมือที่กำเช็คอยู่ ก็ค่อยๆกำเข้าหากัน สีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นหนักใจน้อยๆหลายปีก่อนถ้าไม่ใช่เพราะไม่ได้ยื่นมือออกไปช่วยหล
จี้เจิ้นตงได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ดำทะมึน "เพื่อผู้หญิงคนนี้ แม้แต่ตระกูลจี้แกก็ไม่เอาแล้วใช่ไหม?"จี้ซือหานแค่นเสียงเย็นโดยไม่รู้สึกใดๆ "ก็แค่ตระกูลจี้ จะสักแค่ไหนกัน?"ชายชราจี้ไม่รู็อีกหนึ่งตัวตนของเขา รู้แค่ว่าเขากวาดซื้อตระกูลเหลียน ตระกูลหนิงมา เลยเข้าใจว่าเขาจะใช้สองตระกูลใหญ่เป็นทุนสำหรับต่อรอง "ตระกูลเหลียน ตระกูลหนิง เทียบกับตระกูลจี้ไม่ได้หรอก ฉันว่าคนที่ต้องคิดให้ดีคือแกต่างหาก"จี้ซือหานขมวดคิ้วหนา นัยตาแฝงไว้ด้วยความเย็นยะเยือก "ปู่คิดว่าตระกูลจี้ในตอนนี้ ยังเป็นตระกูลจี้ในสมัยที่ปู่เป็นคนกุมอำนาจอยู่อีกหรอ?"ชายชราจี้ที่คอยสังเกตอยู่เบื้องหลัง ย่อมรู็ดีกว่าตระกูลจี้ในตอนนี้อยู่ในกำมือของเขาทั้งหมดแล้ว แม้แต่หุ้นส่วนของสาขาย่อยทั่วโลก จะทำตามก็แต่เขาคนเดียว แต่แล้วมันยังไง ถ้าไม่มีเขา ตระกูลจี้จะหากระดูสันหลังคนอื่นไม่ได้แล้ว?ในใจของชายชราคิดอยากจะแข็งข้อกับจี้ซือหานแบบนั้นจริงๆ แต่ลึกๆก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า บรรดาลูกหลานรุ่นนี้ในตระกูลจี้ มีแค่จี้ซือหานที่มีความสามารถในการควบคุมจิตใจคน และขยายอาณาเขตของกลุ่มบริษัทจี้ได้ หลานคนอื่นๆไม่มีใครเทียบเขาติดหากส่งต่อไปในมือของ
หลังจากที่ชายชราจากไปแล้ว ซูหว่านก็แหงนหน้ามองจี้ซือหานอย่างคนเลื่อนลอย "ดูเหมือนฉันจะไม่สามารถมีลูกได้จริงๆ"เมื่อเทียบกับการที่ผู้ใหญ่ในตระกูลจี้ไม่ยินยอมเรื่องงานแต่งของพวกเขา การไม่สามารถมีลูกให้เขาได้นั้น ทำให้ซูหว่านเกิดปมในใจได้มากกว่าจี้ซือหานยกนิ้วมือที่เห็นข้อต่อชัดดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด แล้วปลอบเธออย่างอ่อนโยน "หว่านหว่าน ฉันไม่ต้องการลูกหรอกนะ"ชีวิตนี้ แค่มีเธอก็พอแล้ว ลูกอะไรนั่น เขาไม่หวังให้มีเด็กเกิดขึ้นมาแล้วมาแย่งความรักของเธอไปจากเขาหรอกซูหว่านรู้ว่าจี้ซือหานไม่อยากมีลูก แต่สิ่งที่ชายชราพูดก็ไม่ผิด ผู้ครอบครองอำนาจตระกูลจี้จะไม่มีลูกได้ยังไงเธออิงแรบใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือนั้นลงกับแผงอกอันแข็งแรงของชายหนุ่ม จากนั้นถอนหายใจแรง "ซือหาน หรือไม่...ก็ยังไม่ต้องแต่ง"แม้ว่าจี้ซือหานจะกุมอำนาจ พวกคนรุ่นหลังล้วนทำตามที่เขาสั่ง แต่พวกผู็ใหญ่กลับดูถูกเธอ แล้วตัวเธอเองเดิมทีก็ไม่คู่ควรกับเขาจริงๆสถานะไม่เท่ากัน ทั้งยังมีลูกไม่ได้ พวกผู้ใหญ่ไม่อวยพร ปัญหามากมายขนาดนี้ สุดท้ายแล้วก็ทำให้ซูหว่านเริ่มกลัวและถดถอยชายหนุ่มที่กอดเธออยู่ ได้ยินประโยคนั้น ร่างกายก็แข็งทื่อ สีห
เธอลงมาจากด้านบน จงใจกระแอมทีนึงเพื่อขัดจังหวะทั้งคู่ที่กอดรัดกันหวานชื่นไม่ยอมปล่อย"เอ่อ...เรื่องมีลูกน่ะ ไปให้อลันช่วยตรวจให้อีกทีสิ อลันยังไม่ได้วินิจฉัยออกมาว่ามีลูกไม่ได้สักหน่อย ก็แปลว่ายังมีทางรักษาอยู่"แม้ว่าซานซานจะคิดว่าการมีหรือไม่มีลูกก็ไม่ได้สำคัญ แต่เธอต้องคิดให้มากเพื่อชีวิตในภายหลังของทั้งคู่พอพวกเขาอายุมากขึ้นแล้ว จะต้องอยากมีลูกแน่นอน มีลูก ชีวิตที่แสนยาวนานก็จะได้ไม่โดดเดี่ยวยังไงล่ะอีกอย่าง เธอก็ไม่คาดหวังว่าพอแก่ตัวไป คนแก่โดดเดี่ยวสองคนนี้ ถึงเวลาก็ถ่อมาบ้านเธอ แล้วแย่งเล่นลูกของเธอหรอก...หือ? แปลกจริง? ทำไมเธอถึงได้เกิดความคิดที่อยากมีลูกขึ้นมา?ซานซานยังตกใจจนเหงื่อตกเพราะความคิดของตัวเอง ก็รีบสลัดภาพในหัวทิ้งไป ดึงสติกลับไปมองซูหว่านที่เดินมาหาเธอ"หว่านหว่าน รีบไปจัดแจง เรานัดกันไว้แล้วว่าวันนี้จะไปหาอลัน จะได้ให้เธฮช่วยดูร่างกายเธอพอดี แล้วรีบๆมีลูก"ซานซานพูดคำว่ามีลูกออกมาทุกประโยค จนซูหว่านที่หน้าบางอยู่แล้ว ก็อายจนหน้าแดงขึ้นมา...เธอใช้สายตาส่งซิกให้ซานซานว่า "อย่ามาพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าจี้ซือหาน มันน่าอายนะ"กระนั้นซานซานกลับไม่เข้าใจ มิ
เธอไม่ยอมให้เรื่องของตัวเองมากระทบอารมณ์ของทุกคน จึงรีบเรียกให้พวกเธอเข้าบ้าน "ข้างนอกหนาว ไปนั่งข้างในเถอะ"ขณะที่เธอตั้งใจจะเรียกให้ทั้งสองคนเข้าวิลล่า ประตูรถของรถลินคอล์นก็ค่อยๆเปิดออก ชายหนุ่มที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบ เดินลงจากรถอลันเข้าใจว่าประธานจี้ส่งสองคนนี้เสร็จแล้วก็จะกลับไปทันที ที่ไหนได้เขาดันลงจากรถมา ทั้งยังเดินมาตรงหน้าเธอ แล้วสั่งเสียงเย็นว่า "อลัน ตรวจสุขภาพของเธอก่อน..."อลันชะงักไปเล็กน้อย มองไปยังซูหว่านที่ร่างกายดูปกติดีทุกอย่าง "เธอเป็นอะไร? ไม่สบายตรงไหน?"ไม่รอให้ซูหว่านหน้าแดง ซานซานที่ยืนอยู่ข้างๆก็รีบพูดแทนขึ้นว่า "ยัยนี่มีลูกยากไม่ใช่หรอ ช่วยตรวจดูให้หน่อย"อลันจึงตระหนักได้ แล้วรีบต้อนรับทั้งสามคนเข้าไปในห้องรับแขก จัดแจงให้พวกเขานั่งลงบนโซฟา จากนั้นหมุนตัวไปหยิบหมอนสำหรับรองแขนวัดชีพจรหลังจากเธอให้ซูหว่านยื่นแขนออกมาแล้ว ก็ยกนิ้วมือขึ้นทาบลงบนข้อมือเพื่อจับชีพจร ก้มหน้าจดจ่ออยู่กับเส้นเลือด...เวลานี้ ประตูห้องน้ำชาก็เปิดออก ซีอี้ในชุดสูทสีเทา หน้าตาสะอาดสะอ้านนุ่มนวลก็ยกกาแฟเดินเข้ามาวินาทีที่เห็นซีอี้ปรากฎตัวขึ้นในบ้านของอลัน ซูหว่านกับซานซานก็ส