เธอไม่ยอมให้เรื่องของตัวเองมากระทบอารมณ์ของทุกคน จึงรีบเรียกให้พวกเธอเข้าบ้าน "ข้างนอกหนาว ไปนั่งข้างในเถอะ"ขณะที่เธอตั้งใจจะเรียกให้ทั้งสองคนเข้าวิลล่า ประตูรถของรถลินคอล์นก็ค่อยๆเปิดออก ชายหนุ่มที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบ เดินลงจากรถอลันเข้าใจว่าประธานจี้ส่งสองคนนี้เสร็จแล้วก็จะกลับไปทันที ที่ไหนได้เขาดันลงจากรถมา ทั้งยังเดินมาตรงหน้าเธอ แล้วสั่งเสียงเย็นว่า "อลัน ตรวจสุขภาพของเธอก่อน..."อลันชะงักไปเล็กน้อย มองไปยังซูหว่านที่ร่างกายดูปกติดีทุกอย่าง "เธอเป็นอะไร? ไม่สบายตรงไหน?"ไม่รอให้ซูหว่านหน้าแดง ซานซานที่ยืนอยู่ข้างๆก็รีบพูดแทนขึ้นว่า "ยัยนี่มีลูกยากไม่ใช่หรอ ช่วยตรวจดูให้หน่อย"อลันจึงตระหนักได้ แล้วรีบต้อนรับทั้งสามคนเข้าไปในห้องรับแขก จัดแจงให้พวกเขานั่งลงบนโซฟา จากนั้นหมุนตัวไปหยิบหมอนสำหรับรองแขนวัดชีพจรหลังจากเธอให้ซูหว่านยื่นแขนออกมาแล้ว ก็ยกนิ้วมือขึ้นทาบลงบนข้อมือเพื่อจับชีพจร ก้มหน้าจดจ่ออยู่กับเส้นเลือด...เวลานี้ ประตูห้องน้ำชาก็เปิดออก ซีอี้ในชุดสูทสีเทา หน้าตาสะอาดสะอ้านนุ่มนวลก็ยกกาแฟเดินเข้ามาวินาทีที่เห็นซีอี้ปรากฎตัวขึ้นในบ้านของอลัน ซูหว่านกับซานซานก็ส
อลันแหงนหน้านอกหน้าต่าง แสงสีขาวที่ส่องมาพร้อมกับหิมะจนสว่างใส แล้วพูดเสียงเรียบ "ซีอี้ก็เคยถามฉันว่าทำไมฉันถึงตอบตกลงที่เขาขอแต่งงาน ฉันบอกว่า ฉันก็อยากลิ้มรสชาติที่ถูกคนรักบ้าง..."คำพูดนั้นของอลัน ทำเอาหัวใจของซูหว่านบีบตัวแน่น รู้สึกปวดใจแทนเธอ ราวกับคนที่มีหัวอกเดียวกันซานซานที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับถามอลันอย่างมีสติและนิ่งสงบ "อลัน เธอรักคุณหมอซีหรือเปล่า?"อลันเผชิญกับคำถามนี้ได้อย่างสงบเรียบร้อย "อนาคตยังอีกยาวไกล บางทีฉันอาจจะหลงรักเขาในสักวัน สักวินาทีก็ได้..."เธอไม่อาจรับประกันได้ว่าจะรักซีอี้ได้ตอนนี้ทันที แต่เธอก็พยายามปล่อยอดีต แล้วใช้ชีวิตกับซีอี้ให้ดีส่วนรักหรือไม่รัก ดูเหมือนจะไม่ได้สำคัญมาก...เพราะสำหรับเธอแล้ว การรักใครสักคน มันก็เหมือนกับผีเสื้อที่บินเข้ากองไฟแต่ถ้าไม่รัก ก็จะไม่ใส่ใจการกระทำของอีกฝ่ายมาก และจะไม่ทำร้ายตัวเองด้วยเช่นกัน...อลันในตอนนี้ นับว่าเข้าใจโลกแล้ว หากยังเอาตัวเองไปพัวพันกับความรักความเกลียดชัง ก็จะทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานไปเท่านั้น สู้ปล่อยวาง แล้วเริ่มต้นใหม่ดีกว่าอีกอย่าง...แผนการการแก้แค้นของเธอที่มีต่อซูเหยียน ก็สำเร็จลุล่วงแล
ณ คฤหาสน์เก่าตระกูลจี้ รถขบวนนึงจอดลงตรงหน้าประตูสวนสไตล์จีนชายหนุ่มบนรถหรู ลงมาจากในรถ เหยียบขั้นบันไดหินอ่อน นำบอดี้การ์ดในชุดสูทสุภาพเดินเข้าสวนเดินผ่านทางเดินเก้าโค้ง ประตูซุ้มสไตล์จีน ทางเดินหิน ผ่านห้องโถงที่โอ่อ่าอลังการ ข้ามระเบียง ตรงไปยังห้องรับแขกภายในที่มีทองสว่างไสว บรรยากาศสุดฟุ่มเฟือย เก้าอี้ โต๊ะ โซฟา ที่ทำจากไม้แต่ละชนิด แต่ละสี ของประดับนับไม่ถ้วนล้วนแสดงให้เห็นถึงความหรูหราพวกผู้ใหญ่ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ในตระกูลจี้ นั่งประจำอยู่ในทุกจุดของห้องรับแขกตั้งนานแล้ว ทุกคนต่างถกเถียงกันถึงจุดประสงค์ที่ผู้ครอบครองอำนาจเรียกประชุมในครั้งนี้"ต้องเป็นเพราะไม่ได้เข้าร่วมวิธีขอแต่งงาน พอจบเรื่องเขาก็เลยมาคิดบัญชีกับพวกเราแหงๆ...""มีผู้ใหญ่ที่ไหนไปเข้าร่วมพิธีขอแต่งงานของพวกเด็กๆกันบ้าง นี่มันไม่ถูกหลักธรรมเนียม อีกอย่างคุณซูอะไรนั่น คู่ควรให้พวกเราไปดูพิธีซะที่ไหน?""ก็นั่นน่ะสิ คนที่เทียบไม่ได้แม้แต่คนที่ครอบครัวธรรมดา ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมาถือรองเท้าให้ฉันด้วยซ้ำ ถือดีอะไรมาสั่งให้พวกเราไป?""ใช่ ต่อให้เขาจะเป็นผู้ครอบครองอำนาจ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องไปก้มหัวคุกเข่า อ
คำพูดชุดใหญ่ของจี้ซือหาน ปิดช่องโหว่เครือญาติกลุ่มนั้นจนได้แต่ใบ้กินดูเหมือนพวกเขาจะไม่คิดว่า คนอย่างผู้ครอบครองอำนาจตระกูลจี้ จะรู้อย่างละเอียดแม้กระทั่งดีลสกปรก แต่ว่า..."ถึงจะทำเรื่องแบบนั้นไป แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นต้องไล่พวกเราทั้งหมดออกจากกลุ่มบริษัทจี้มั้ง?"พวกเขาไม่เชื่อหรอกว่าคนอื่นๆในตระกูลจี้ จะไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ มีสิทธิ์อะไรมาเชือดเครือญาติรอบนอกอย่างพวกเขาก่อน?"พี่ชายใหญ่ ทวงความเป็นธรรมให้หน่อยสิ หุ้นที่พวกเราถืออยู่ เดิมทีก็น้อยอยู่แล้ว ตอนนี้ยังคิดจะดึงกลับไปอีก จะให้พวกเรามีชีวิตกันยังไง?"พี่ชายใหญ่ที่พวกเขาเรียก ก็คือชายชราแห่งตระกูลจี้ จี้เจิ้นตงญาติรอบนอกพวกนี้ล้วนเป็นน้องชายน้องสาวของชายชรา มีทั้งสายเลือดใกล้และสายเลือดไกล เป็นคนรุ่นเดียวกับเขาถึงแม้ชายชราจี้จะไม่ได้กุมอำนาจแล้ว แต่อำนาจในการออกเสียงก็ยังมีอยู่ ต่อให้จี้ซือหานจะมีอำนาจมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถข้ามหน้าข้ามตาชายชราไปได้หรอกมั้ง?ขอแค่ชายชราแสดงจุดยืนออกมา การตัดสินใจของจี้ซือหาน ก็ไม่ต่างอะไรกับแค่ลมตด!และก็เพราะว่าทุกคนกำลังคิดว่าบารมีของชายชราให้พึ่งพิง พวกเขาถึงได้กล้าทำเรื่องผิดกฎหมาย
ได้ยินในสิ่งที่จี้เสี้ยนหลี่พูด พวกลุงๆที่ลากให้ลูกสาวลูกชายของตัวเองต้องตกตะกำลำบากไปด้วย ก็พากันรู้สึกผิดขึ้นมาขอแค่ยังได้อยู่ในกลุ่มบริษัทจี้ต่อไป หากหลังจากนี้ทำคุณประโยชน์ ก็จะได้ถือหุ้นอีกครั้งก็เป็นได้สิ่งที่พวกเขาทำมันคือการยกหินออกจากหัวแล้วเขวี้ยงใส่เท้าตัวเอง มิหนำซ้ำยังทำลายอนาคตของลูกๆตัวเองอีกต่างหาก...ส่วนพวกลุงๆที่ไม่ได้ลากให้ลูกตัวเองซวยไปด้วย ก็ลอบโล่งใจอยู่ลึกๆ ยังดีที่บาปกรรมไม่ได้ตกไปที่ลูกหลานเพียงแต่ต้องให้พวกเขาออกมายืนเป็นแนวหน้ารับลูกธนู ย่อมไม่ยินยอมอยู่แล้ว จึงกลืนหายกับฝูงชนแล้วรอต่อไปจี้ซือหานที่ไม่มีความอดทนที่จะรออีกแล้ว ยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาแวบนึง แล้วพูดเสียงเย็น "หมดเวลาหนึ่งนาทีแล้ว"ทันทีที่เสียงเย็นชานั่นดังขึ้น พวกบอดี้การ์ดก็เดินขึ้นหน้า ทำเอาพวกลุงๆป้าๆตกใจจนรีบแสดงจุดยืนทันที"ฉันยอมรับการลดหุ้น!""ฉันก็ด้วย!""ฉันด้วย!"“......”หลังจากคนกลุ่มนึงตัดสินใจเสร็จ ก็เตรียมจะลุกขึ้นเดินออกไป ทว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตำแหน่งหัวโต๊ะ กลับไม่คิดจะปล่อยให้พวกเขาไปง่ายๆ"เดี๋ยว..."พวกลุงๆป้าๆรีบหยุดฝีเท้าทันที แล้วมองจี้ซือหานด้วยความคลุม
ชายชราที่เดิมทีโมโหมาก ได้ยินจี้ซือหานพูดว่าเครือญาติกลุ่มนี้กล้าด่าแม้กระทั่งเขาก็ตระหนักได้ว่าพวกน้องชายน้องสาวที่ถูกเขาดูแลปกป้องมาตลอด ดูเหมือนจะไม่พอใจเขามาตั้งนานแล้วเขาเงยหน้าขึ้น มองสำรวจพวกน้องชายน้องสาวที่ตัวเองเคยดูแลมาทีละคน จู่ๆก็รู้สึกราวกับคนแปลกหน้าเหมือนว่าหลังจากที่ต่างคนต่างมีครอบครัวของตัวเอง นานวันเข้า แม้แต่จะมาเยี่ยมเยียนเขาก็น้อยครั้งมาก จะมีก็แต่เวลาที่จะคุยเรื่องโปรเจค หรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเท่านั้น ถึงจะมาหาเขาถึงบ้าน ต่อให้เขาจะปฏิบัติกับพวกเขาดีแค่ไหน แต่สิ่งที่พวกเขาปฏิบัติต่อเขาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่มีผลประโยชน์ก็เท่านั้น...ชายชราไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่นึง แล้วเลือกที่จะเงียบ แล้วให้จี้ซือหานเป็นคนจัดการทั้งหมดชายหนุ่มที่อยู่ในห้องโถง ยกนิ้วมือเรียวขึ้น จังหวะที่กำลังจะออกคำสั่ง ลุงคนนึงก็เดินเข้าไปตรงหน้าจี้หยูปิง"หยูปิง ลุงขอโทษ เมื่อกี้ลุงใจร้อนไปหน่อย ยกโทษให้ลุงเถอะ"จี้หยูปิงเห็นลุงที่มักจะมีท่าทีเย่อหยิงโอหังมาโดยตลอด ยอมก้มหัวขอโทษตัวเอง ก็รู้สึกตกใจมากดีที่เธอได้รับการสั่งสอนจากทุกคนมาตั้งแต่เด็ก ว่าห้ามแสดงสีหน้าอารมณ์ จึงรั
เมื่อชายชราจี้สัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชาคู่นั้น ก็ฉีกมุมปาก แล้วแค่นหัวเราะเสียงเย็น "แกตั้งใจจะจัดการฉันยังไง?"ชายหนุ่มยกมุมปาก ยิ้มเย็นยะเยือกเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นสะท้าน "ผมเตรียมคฤหาสน์ไว้ให้ปู่หลังนึงที่อิตาลี และเครื่องบินส่วนตัวพรุ่งนี้เช้า หลังจากที่ปู่แก่ตัว ไปอยู่ที่อิตาลีในช่วงบั้นปลายชีวิตให้มีความสุขเถอะ"ชายชราจี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีวันที่ถูกหลานชายไล่ออกนอกประเทศ ก็มองจี้ซือหานอย่างตรวจสอบด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ "แกรู้หรือเปล่าว่าใครกันที่บ่มเพาะแกจนมายืนอยู่ในจุดนี้ได้?"จี้ซือหานเท้าคางข้างนึง แล้วตอบกลับอย่างไม่มีอารมณ์ "ก็ปู่ไง"ชายชราจี้ค้ำไม้เท้า แล้วแค่นหัวเราะเสียงเย็นอีกครั้ง "ฉันนึกว่าแกลืมรากเหง้าไปแล้วซะอีก"จี้ซือหานหันข้างมา ช้อนดวงตาเฉยชาทั้งสองข้างจ้องชายชรา "ผมไม่ลืมรากเหง้าตัวเองหรอก แล้วก็ไม่ลืมที่ตอนนั้นปู่ยืนดูหน้าตาเฉยด้วยเหมือนกัน"ได้ยินประโยคนี้ ชายชราก็หลบสายตา ราวกับไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ "เรื่องนั้นฉันขอโทษ แต่แกจะทำแบบนี้กับปู่แท้ๆของตัวเอง เพื่อผู้หญิงคนเดียวไม่ได้สิ?"จี้ซือหานดึงสายตากลับมา หันไปมองนอกหน้าต่าง แล้วพูดเสี
จี้ซือหานทิ้งประโยคนั้นเสร็จ ก็ยกฝีเท้าเดินออกไป...ชายชราที่โมโหจนสั่นไปทั้งร่างกาย ค้ำไม้เท้า แล้วกัดฟันพูดว่า "จี้ซือหาน ถ้าแกไม่ฟังฉัน แกจะต้องเสียใจทีหลัง!"ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า หันข้างมามองชายชราด้วยความเรียบเฉย "ผมนึกเสียใจไปตั้งนานแล้ว เสียใจที่ไม่ขอเธอแต่งงานให้เร็วกว่านี้"จี้หยูปิงรู้สึกว่าคำพูดของพี่รองเผด็จการสุดๆ ก็กำหมัดทำท่าสู้ๆ ด้วยความตื้นตัน "พี่รอง ฉันสนับสนุนเต็มที่!"การสนับสนุนของเธอ ไม่อาจได้มาแม้แต่การแลมองจากจี้ซือหาน ทว่าได้สายตาเย็นยะเยือกของชายชรามาแทน "ไอ้ห้า สั่งสอนลูกสาวแกให้ดี!"ลูกชายคนที่ห้ากลืนน้ำลายเอือก รีบดึงมือลูกสาว แล้วพูดอย่างใจกล้า "พ่อ เรื่องของเด็กๆ อย่าไปยุ่งเลย"อายุปูนนี้แล้วยังวุ่นวายเรื่องพวกนี้อยู่อีก ที่ยื่นมือเข้ามาสอดเรื่องงานแต่งงานของพี่น้องของเขา ก็ถือซะว่าแล้วกันไป ตอนนี้ยังจะมายุ่งเรื่องแต่งงานของหลานชายอีกวันๆนึง ปากก็เอาแต่พร่ำคำว่าอย่ามีความรักอะไรไม่รู้ หลายปีที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นว่าชายชราที่ไร้ซึ่งความรัก จะประสบความสำเร็จได้มากกว่าหลานชายที่มีความรักสักเท่าไหร่ ไม่ใช่แค่สำเร็จในระดับเดียวกัน แต่ด้อยกว่าด้วยซ้ำไป...