คำพูดชุดใหญ่ของจี้ซือหาน ปิดช่องโหว่เครือญาติกลุ่มนั้นจนได้แต่ใบ้กินดูเหมือนพวกเขาจะไม่คิดว่า คนอย่างผู้ครอบครองอำนาจตระกูลจี้ จะรู้อย่างละเอียดแม้กระทั่งดีลสกปรก แต่ว่า..."ถึงจะทำเรื่องแบบนั้นไป แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นต้องไล่พวกเราทั้งหมดออกจากกลุ่มบริษัทจี้มั้ง?"พวกเขาไม่เชื่อหรอกว่าคนอื่นๆในตระกูลจี้ จะไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ มีสิทธิ์อะไรมาเชือดเครือญาติรอบนอกอย่างพวกเขาก่อน?"พี่ชายใหญ่ ทวงความเป็นธรรมให้หน่อยสิ หุ้นที่พวกเราถืออยู่ เดิมทีก็น้อยอยู่แล้ว ตอนนี้ยังคิดจะดึงกลับไปอีก จะให้พวกเรามีชีวิตกันยังไง?"พี่ชายใหญ่ที่พวกเขาเรียก ก็คือชายชราแห่งตระกูลจี้ จี้เจิ้นตงญาติรอบนอกพวกนี้ล้วนเป็นน้องชายน้องสาวของชายชรา มีทั้งสายเลือดใกล้และสายเลือดไกล เป็นคนรุ่นเดียวกับเขาถึงแม้ชายชราจี้จะไม่ได้กุมอำนาจแล้ว แต่อำนาจในการออกเสียงก็ยังมีอยู่ ต่อให้จี้ซือหานจะมีอำนาจมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถข้ามหน้าข้ามตาชายชราไปได้หรอกมั้ง?ขอแค่ชายชราแสดงจุดยืนออกมา การตัดสินใจของจี้ซือหาน ก็ไม่ต่างอะไรกับแค่ลมตด!และก็เพราะว่าทุกคนกำลังคิดว่าบารมีของชายชราให้พึ่งพิง พวกเขาถึงได้กล้าทำเรื่องผิดกฎหมาย
ได้ยินในสิ่งที่จี้เสี้ยนหลี่พูด พวกลุงๆที่ลากให้ลูกสาวลูกชายของตัวเองต้องตกตะกำลำบากไปด้วย ก็พากันรู้สึกผิดขึ้นมาขอแค่ยังได้อยู่ในกลุ่มบริษัทจี้ต่อไป หากหลังจากนี้ทำคุณประโยชน์ ก็จะได้ถือหุ้นอีกครั้งก็เป็นได้สิ่งที่พวกเขาทำมันคือการยกหินออกจากหัวแล้วเขวี้ยงใส่เท้าตัวเอง มิหนำซ้ำยังทำลายอนาคตของลูกๆตัวเองอีกต่างหาก...ส่วนพวกลุงๆที่ไม่ได้ลากให้ลูกตัวเองซวยไปด้วย ก็ลอบโล่งใจอยู่ลึกๆ ยังดีที่บาปกรรมไม่ได้ตกไปที่ลูกหลานเพียงแต่ต้องให้พวกเขาออกมายืนเป็นแนวหน้ารับลูกธนู ย่อมไม่ยินยอมอยู่แล้ว จึงกลืนหายกับฝูงชนแล้วรอต่อไปจี้ซือหานที่ไม่มีความอดทนที่จะรออีกแล้ว ยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาแวบนึง แล้วพูดเสียงเย็น "หมดเวลาหนึ่งนาทีแล้ว"ทันทีที่เสียงเย็นชานั่นดังขึ้น พวกบอดี้การ์ดก็เดินขึ้นหน้า ทำเอาพวกลุงๆป้าๆตกใจจนรีบแสดงจุดยืนทันที"ฉันยอมรับการลดหุ้น!""ฉันก็ด้วย!""ฉันด้วย!"“......”หลังจากคนกลุ่มนึงตัดสินใจเสร็จ ก็เตรียมจะลุกขึ้นเดินออกไป ทว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตำแหน่งหัวโต๊ะ กลับไม่คิดจะปล่อยให้พวกเขาไปง่ายๆ"เดี๋ยว..."พวกลุงๆป้าๆรีบหยุดฝีเท้าทันที แล้วมองจี้ซือหานด้วยความคลุม
ชายชราที่เดิมทีโมโหมาก ได้ยินจี้ซือหานพูดว่าเครือญาติกลุ่มนี้กล้าด่าแม้กระทั่งเขาก็ตระหนักได้ว่าพวกน้องชายน้องสาวที่ถูกเขาดูแลปกป้องมาตลอด ดูเหมือนจะไม่พอใจเขามาตั้งนานแล้วเขาเงยหน้าขึ้น มองสำรวจพวกน้องชายน้องสาวที่ตัวเองเคยดูแลมาทีละคน จู่ๆก็รู้สึกราวกับคนแปลกหน้าเหมือนว่าหลังจากที่ต่างคนต่างมีครอบครัวของตัวเอง นานวันเข้า แม้แต่จะมาเยี่ยมเยียนเขาก็น้อยครั้งมาก จะมีก็แต่เวลาที่จะคุยเรื่องโปรเจค หรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเท่านั้น ถึงจะมาหาเขาถึงบ้าน ต่อให้เขาจะปฏิบัติกับพวกเขาดีแค่ไหน แต่สิ่งที่พวกเขาปฏิบัติต่อเขาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่มีผลประโยชน์ก็เท่านั้น...ชายชราไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่นึง แล้วเลือกที่จะเงียบ แล้วให้จี้ซือหานเป็นคนจัดการทั้งหมดชายหนุ่มที่อยู่ในห้องโถง ยกนิ้วมือเรียวขึ้น จังหวะที่กำลังจะออกคำสั่ง ลุงคนนึงก็เดินเข้าไปตรงหน้าจี้หยูปิง"หยูปิง ลุงขอโทษ เมื่อกี้ลุงใจร้อนไปหน่อย ยกโทษให้ลุงเถอะ"จี้หยูปิงเห็นลุงที่มักจะมีท่าทีเย่อหยิงโอหังมาโดยตลอด ยอมก้มหัวขอโทษตัวเอง ก็รู้สึกตกใจมากดีที่เธอได้รับการสั่งสอนจากทุกคนมาตั้งแต่เด็ก ว่าห้ามแสดงสีหน้าอารมณ์ จึงรั
เมื่อชายชราจี้สัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชาคู่นั้น ก็ฉีกมุมปาก แล้วแค่นหัวเราะเสียงเย็น "แกตั้งใจจะจัดการฉันยังไง?"ชายหนุ่มยกมุมปาก ยิ้มเย็นยะเยือกเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นสะท้าน "ผมเตรียมคฤหาสน์ไว้ให้ปู่หลังนึงที่อิตาลี และเครื่องบินส่วนตัวพรุ่งนี้เช้า หลังจากที่ปู่แก่ตัว ไปอยู่ที่อิตาลีในช่วงบั้นปลายชีวิตให้มีความสุขเถอะ"ชายชราจี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีวันที่ถูกหลานชายไล่ออกนอกประเทศ ก็มองจี้ซือหานอย่างตรวจสอบด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ "แกรู้หรือเปล่าว่าใครกันที่บ่มเพาะแกจนมายืนอยู่ในจุดนี้ได้?"จี้ซือหานเท้าคางข้างนึง แล้วตอบกลับอย่างไม่มีอารมณ์ "ก็ปู่ไง"ชายชราจี้ค้ำไม้เท้า แล้วแค่นหัวเราะเสียงเย็นอีกครั้ง "ฉันนึกว่าแกลืมรากเหง้าไปแล้วซะอีก"จี้ซือหานหันข้างมา ช้อนดวงตาเฉยชาทั้งสองข้างจ้องชายชรา "ผมไม่ลืมรากเหง้าตัวเองหรอก แล้วก็ไม่ลืมที่ตอนนั้นปู่ยืนดูหน้าตาเฉยด้วยเหมือนกัน"ได้ยินประโยคนี้ ชายชราก็หลบสายตา ราวกับไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ "เรื่องนั้นฉันขอโทษ แต่แกจะทำแบบนี้กับปู่แท้ๆของตัวเอง เพื่อผู้หญิงคนเดียวไม่ได้สิ?"จี้ซือหานดึงสายตากลับมา หันไปมองนอกหน้าต่าง แล้วพูดเสี
จี้ซือหานทิ้งประโยคนั้นเสร็จ ก็ยกฝีเท้าเดินออกไป...ชายชราที่โมโหจนสั่นไปทั้งร่างกาย ค้ำไม้เท้า แล้วกัดฟันพูดว่า "จี้ซือหาน ถ้าแกไม่ฟังฉัน แกจะต้องเสียใจทีหลัง!"ชายหนุ่มชะงักฝีเท้า หันข้างมามองชายชราด้วยความเรียบเฉย "ผมนึกเสียใจไปตั้งนานแล้ว เสียใจที่ไม่ขอเธอแต่งงานให้เร็วกว่านี้"จี้หยูปิงรู้สึกว่าคำพูดของพี่รองเผด็จการสุดๆ ก็กำหมัดทำท่าสู้ๆ ด้วยความตื้นตัน "พี่รอง ฉันสนับสนุนเต็มที่!"การสนับสนุนของเธอ ไม่อาจได้มาแม้แต่การแลมองจากจี้ซือหาน ทว่าได้สายตาเย็นยะเยือกของชายชรามาแทน "ไอ้ห้า สั่งสอนลูกสาวแกให้ดี!"ลูกชายคนที่ห้ากลืนน้ำลายเอือก รีบดึงมือลูกสาว แล้วพูดอย่างใจกล้า "พ่อ เรื่องของเด็กๆ อย่าไปยุ่งเลย"อายุปูนนี้แล้วยังวุ่นวายเรื่องพวกนี้อยู่อีก ที่ยื่นมือเข้ามาสอดเรื่องงานแต่งงานของพี่น้องของเขา ก็ถือซะว่าแล้วกันไป ตอนนี้ยังจะมายุ่งเรื่องแต่งงานของหลานชายอีกวันๆนึง ปากก็เอาแต่พร่ำคำว่าอย่ามีความรักอะไรไม่รู้ หลายปีที่ผ่านมา ก็ไม่เห็นว่าชายชราที่ไร้ซึ่งความรัก จะประสบความสำเร็จได้มากกว่าหลานชายที่มีความรักสักเท่าไหร่ ไม่ใช่แค่สำเร็จในระดับเดียวกัน แต่ด้อยกว่าด้วยซ้ำไป...
ชายชราจี้อยากตอบกลับ ทว่าจี้เหิงไม่เปิดโอกาสให้เขาได้พูดแม้แต่น้อย แต่ยังพูดรัวอย่างต่อเนื่อง"ซือหานบอกพ่อไปตั้งกี่ครั้งแล้ว ว่าคุณซูคือชีวิตของเขา พ่อเองก็รู้ว่าเขาเคยฆ่าตัวตายไปตั้งกี่รอบเพื่อคุณซู พ่อจะพรากพวกเขาไปจากกัน แล้วค่อยบีบให้หลานชายที่อัจฉริยะที่สุดของผมให้ตายไป เพราะความคิดที่ดื้อรั้นของตัวเองจริงๆหรอ?""ลูกชายคนโตของพ่อ ก็เพราะการตัดสินผิดพลาดของพ่อในตอนนั้นนั่นแหละ ที่ทำร้ายจนเขาจนเสียชีวิต พี่ชายใหญ่ของผมต้องสูญเสียจี้สืออวี้ไปแล้ว พ่อยังจะให้พี่ชายใหญ่สูญเสียจี้ซือหานไปอีกคนหรือไง? นี่มันเป็นการล้างบางเลือดเนื้อเชื้อไขของพี่ชายใหญ่จนหมดสิ้นเลยไม่ใช่หรอ?""อีกอย่างพ่อต้องรู้ไว้ด้วยว่าในตระกูลจี้ ไม่มีใครจะมารับไม้ต่อเป็นผู้ครอบครองอำนาจได้อีก มีแค่ซือหานเท่านั้นที่จะนำพาทุกคนขยายความยิ่งใหญ่ของกลุ่มบริษัทจี้ได้ ถ้าพ่อจะบีบให้เขาต้องตาย เพียงเพราะเรื่องที่เขาขอผู้หญิงแต่งงาน ถ้างั้นตระกูลจี้ก็นับว่าจบเห่แล้วจริงๆ!"จี้เหิงพูดจบ ก็ดึงกางเกงของชายชรา แล้วพูดว่า "พ่อ ตรรกะพวกนี้ พ่อคิดมาตั้งหลายปี ยังไม่เข้าใจอีกหรือไง?"ชายชราจี้ปัดมือของเขาออกในครั้งเดียว แล้วคำราม
ชายชราจี้นั่งเหม่อยู่บนหัวเตียง ครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ให้ผู้ช่วยไปสืบเบอร์โทรศัพท์ของซูหว่าน จากนั้นโทรออกไปซูหว่านที่กำลังเร่งวาดพิมพ์เขียวเรือนหอ เห็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา สัญชาตญาณแรกคือไม่อยากรับ ทว่าไม่รู้ทำไมกลับบังคับให้ตัวเองกดรับสายไม่นานเสียงแหบแห้งอย่างคนวัยชราของจี้เจิ้นตงก็ดังมาจากปลายสาย "คุณซู ฉันเอง"ซูหว่านอึ้งไปนิดหน่อย ราวกับไม่คิดว่าจี้เจิ้นตงจะโทรหาตัวเอง ก็หวั่นวิตกเล็กน้อย "นายท่านจี้ โทรมาหาฉัน มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่าคะ?"แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยมีความคิดที่จะฆ่าเธอก็ตาม แต่เธอก็ยังถามว่ามีอะไรให้รับใช้ไหมอย่างมีมารยาทมาก และจุดนี้เองที่จี้เจิ้นตงรู้สึกประทับใจมาก น้ำเสียงจึงนุ่มนวลขึ้นไม่น้อย "ฉันยังมีอีกคำถามนึงจะถามเธอ"ซูหว่านวางปากกาลูกลื่นในมือลง นั่งหลังตรง แล้วพูดกับเขาว่า "นายท่าน เชิญถามมาค่ะ"จี้เจิ้นตงเลิกผ้าห่มลงจากเตียง เดินไปยังริมหน้าต่างสูงจรดพื้น มองโคมไฟในสวน แล้วเอ่ยปากช้าๆ "เธอรักหลานฉันไหม?"ซูหว่านยังนึกว่าเขาจะถามคำถามอะไรแปลกๆหยาบคาย มาโจมตีเธอซะอีก ไม่คิดว่าจะเป็นคำถามนี้ ก็ประหลาดใจไม่น้อยเธอไม่ได้ตอบ
ซูหว่านไม่ยินดีที่จะเดิมพันแบบนี้กับชายชรา จี้ซือหานไม่ใช่เครื่องมือในการมีลูก เธอเองก็ไม่ใช่เช่นเดียวกันทว่าเมื่อชายชราพูดจบ ก็กดวางสายไปดื้อๆไอ้นิสัยทำอะไรตามใจตัวเองนี่ เหมือนกับจี้ซือหานสุดๆ...เธอกำโทรศัพท์ลูบไปมาอยู่หลายครั้ง จากนั้นส่งข้อความหาจี้ซือหาน [คุณไปพบนายท่านจี้มาใช่ไหม?]จี้ซือหานที่เพิ่งลงจากรถ เห็นข้อความนี้ก็ก้มหน้าพิมพ์ตอบกลับ [ออกมาเจอฉัน]ซูหว่านหันข้างไปมองนอกหน้าต่างที่สูงจรดพื้น ก็เห็นเข้ากับชายหนุ่มคลุมเสื้อโค้ทสีดำ ยืนอยู่ข้างรถหรูท่ามกลางเกล็ดหิมะปลิวปรายเธอรีบลุกขึ้น หยิบเสื้อโค้ทตัวหนาคลุมลงบนร่างกาย แล้วเดินออกจากนอกวิลล่า...เธอเปิดประตูวิลล่าออก ก็เห็นชายหนุ่มเดินขึ้นหน้ามา แล้วอุ้มเธอลงจากขั้นบันไดซูหว่านหายใจแรกด้วยความตกใจทีนึง ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็เห็นชายหนุ่มกางเสื้อโค้ทสีดำออก แล้วห่อร่างเล็กอ้อนแอ้นของเธอไว้ในอ้อมกอดเขาห่อเธอแบบนี้ ทำให้เธอดูเหมือนเด็ก ที่แค่โผล่ศีรษะเล็กๆขึ้นแหงนมองเขาที่ตัวสูงใหญ่"ดึกขนาดนี้ ทำไมคุณถึงมาที่นี่?"ชายหนุ่มก้มหน้าลง ขณะที่มองเห็บใบหน้าเล็กขาวผ่องนั้น ดวงตาที่เป็นประกายก็ส่องแสงแวววาวออกมา"คิด