ชายชราจี้นั่งเหม่อยู่บนหัวเตียง ครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ให้ผู้ช่วยไปสืบเบอร์โทรศัพท์ของซูหว่าน จากนั้นโทรออกไปซูหว่านที่กำลังเร่งวาดพิมพ์เขียวเรือนหอ เห็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา สัญชาตญาณแรกคือไม่อยากรับ ทว่าไม่รู้ทำไมกลับบังคับให้ตัวเองกดรับสายไม่นานเสียงแหบแห้งอย่างคนวัยชราของจี้เจิ้นตงก็ดังมาจากปลายสาย "คุณซู ฉันเอง"ซูหว่านอึ้งไปนิดหน่อย ราวกับไม่คิดว่าจี้เจิ้นตงจะโทรหาตัวเอง ก็หวั่นวิตกเล็กน้อย "นายท่านจี้ โทรมาหาฉัน มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่าคะ?"แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยมีความคิดที่จะฆ่าเธอก็ตาม แต่เธอก็ยังถามว่ามีอะไรให้รับใช้ไหมอย่างมีมารยาทมาก และจุดนี้เองที่จี้เจิ้นตงรู้สึกประทับใจมาก น้ำเสียงจึงนุ่มนวลขึ้นไม่น้อย "ฉันยังมีอีกคำถามนึงจะถามเธอ"ซูหว่านวางปากกาลูกลื่นในมือลง นั่งหลังตรง แล้วพูดกับเขาว่า "นายท่าน เชิญถามมาค่ะ"จี้เจิ้นตงเลิกผ้าห่มลงจากเตียง เดินไปยังริมหน้าต่างสูงจรดพื้น มองโคมไฟในสวน แล้วเอ่ยปากช้าๆ "เธอรักหลานฉันไหม?"ซูหว่านยังนึกว่าเขาจะถามคำถามอะไรแปลกๆหยาบคาย มาโจมตีเธอซะอีก ไม่คิดว่าจะเป็นคำถามนี้ ก็ประหลาดใจไม่น้อยเธอไม่ได้ตอบ
ซูหว่านไม่ยินดีที่จะเดิมพันแบบนี้กับชายชรา จี้ซือหานไม่ใช่เครื่องมือในการมีลูก เธอเองก็ไม่ใช่เช่นเดียวกันทว่าเมื่อชายชราพูดจบ ก็กดวางสายไปดื้อๆไอ้นิสัยทำอะไรตามใจตัวเองนี่ เหมือนกับจี้ซือหานสุดๆ...เธอกำโทรศัพท์ลูบไปมาอยู่หลายครั้ง จากนั้นส่งข้อความหาจี้ซือหาน [คุณไปพบนายท่านจี้มาใช่ไหม?]จี้ซือหานที่เพิ่งลงจากรถ เห็นข้อความนี้ก็ก้มหน้าพิมพ์ตอบกลับ [ออกมาเจอฉัน]ซูหว่านหันข้างไปมองนอกหน้าต่างที่สูงจรดพื้น ก็เห็นเข้ากับชายหนุ่มคลุมเสื้อโค้ทสีดำ ยืนอยู่ข้างรถหรูท่ามกลางเกล็ดหิมะปลิวปรายเธอรีบลุกขึ้น หยิบเสื้อโค้ทตัวหนาคลุมลงบนร่างกาย แล้วเดินออกจากนอกวิลล่า...เธอเปิดประตูวิลล่าออก ก็เห็นชายหนุ่มเดินขึ้นหน้ามา แล้วอุ้มเธอลงจากขั้นบันไดซูหว่านหายใจแรกด้วยความตกใจทีนึง ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็เห็นชายหนุ่มกางเสื้อโค้ทสีดำออก แล้วห่อร่างเล็กอ้อนแอ้นของเธอไว้ในอ้อมกอดเขาห่อเธอแบบนี้ ทำให้เธอดูเหมือนเด็ก ที่แค่โผล่ศีรษะเล็กๆขึ้นแหงนมองเขาที่ตัวสูงใหญ่"ดึกขนาดนี้ ทำไมคุณถึงมาที่นี่?"ชายหนุ่มก้มหน้าลง ขณะที่มองเห็บใบหน้าเล็กขาวผ่องนั้น ดวงตาที่เป็นประกายก็ส่องแสงแวววาวออกมา"คิด
เมื่อเห็นร่างเล็กๆอรชรนั่นหมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่ลังเล จี้ซือหานก็รีบเดินขึ้นไปด้วยความร้อนรน แล้วกอดเธอเอาไว้จากด้านหลังเมื่อชายหนุ่มกอดเธอแน่นแล้ว ก็ฝังคางลงลงบนไหล่ของเธอ ขยับเข้าใกล้ริมใบหู แล้วถอนหายใจอย่างหมดหนทาง "ฉันทำอะไรเธอไม่ได้เลยจริงๆ"ซูหว่านที่หันหลังให้เขา ยกมุมปากขึ้นยิ้มน้อยๆ "คุณจี้ รอบหน้าไม่ต้องใช้ลูกไม้แกล้งยอมแพ้นี่แล้วนะ มันใช้ไม่ได้ผลกับฉัน"จี้ซือหานได้ยินดังนั้น ก็เลิกคิ้วหนาขึ้น "ดูท่าทางว่าคุณนายจี้ ชอบให้ฉันทำตรงๆสินะ..."ชายหนุ่มพูดจบ ก็ก้มหน้าลงจูบติ่งหูของเธอ บดขยี้ผิวที่เซ้นซิทีฟของเธอตั้งแต่บนลงล่าง "ฉันอยากทำเธอมากๆ"ลมหายใจอุ่นๆ รดลงมาที่ใบหู มาพร้อมกับความเสียวซ่านที่เหมือนไฟฟ้าสถิตย์ ทำเอาซูหว่านเกือบยืนไม่มั่น "อย่า..."เธอขัดขืน แต่ชายหนุ่มกลัวอุ้มเธอขึ้นมา แล้วกดลงกับกำแพง "ไม่ต้องห่วง ไม่ทำหรอก แค่จูบเท่านั้น"แค่ไม่กี่คำแต่สะท้านไปถึงกระดูก และที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ ชายหนุ่มจับมือขึ้นเธอไว้ด้วยมือเดียว แล้วล็อคไว้เหนือศีรษะจากนั้นก็โอบเอวของเธอแน่น ให้ร่างอ้อนแอ้นของเธอ แนบชิดกับร่างกายร้อนผ่าวที่ใกล้จะระเบิดนั่น...ซูหว่านที่ถูกเขา
หลังจากที่ไม่มีชายชราเข้ามาวุ่นวายกับการแต่งงานของทั้งคู่ จี้ซือหานก็พาซูหว่านไปถ่ายพรีเวดดิ้งทั่วโลกเขาสั่งตัดชุดเจ้าสาวจำนวนนับไม่ถ้วนสำหรับซูหว่าน ก็เพื่อถ่ายรูปแค่ไม่กี่ที แม้แต่แหวนหมั้นคู่ก็ยังใช้ดีไซเนอร์ชื่อดังจากทั่วโลกจำนวนมากรวมไปถึงสไตล์แต่งหน้า ทำผมพวกนี้ด้วย จี้ซือหานเรียกทีมงานชื่อดังมาหลายทีม ก็เพื่อมาแต่งหน้า เติมหน้าให้เธอในวันแต่งงานเมื่อจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จ ชายหนุ่มก็ไปจัดการสถานที่งานแต่งต่อ หลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ได้บอกซูหว่าน เหมือนว่าอยากจะเก็บไว้เซอร์ไพรส์เธอซูหว่านก็ไม่ได้ถามอะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เพียงแค่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจในการออกแบบเรือนหอ...เดิมทีหลังจากออกแบบเสร็จ ซูหว่านอยากส่งบริษัทตกแต่งภายในเข้าไปตกแต่งเรือนหอทันทีแต่พอจี้ซือหานรู้ ก็ชิงพิมพ์เขียวของเธอไป ไม่ให้เธอต้องปวดหัวกับเรื่องพวกนี้ซูหว่านจึงต้องให้บริษัทตกแต่งภายใน ไปตกแต่งบ้านที่เธอจะใช้ส่งตัวเจ้าสาวตามสไตล์วิลล่าของซานซานในเวลาถัดมา เธอกินยาจีนที่อลันส่งมาให้ ไปพร้อมกับจดจ่อสมาธิทั้งหมดไปกับโปรเจคที่พี่สาวทิ้งเอาไว้เพื่อหาเงินสำหรับค่าสินสอดทองหมั้น
จี้ซือหานหายใจเข้าลึกๆทีนึง เพื่อกดความรู้สึกหัวเสียในใจเอาไว้ หงายมือให้อาเจ๋อ จากนั้นอาเจ๋อก็ยื่นเอกสารลงในมือเขาทันทีขณะที่ชายหนุ่มพลิกเอกสารอยู่ อาเจ๋อก็คอยรายงานอยู่ข้างๆ"ตอนที่ชูยีอายุห้าขวบ ขณะเดินขอทานอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เกือบจะถูกคนตีจนเกือบตายนั้น ก็ได้เจอกับจิเหยียนโจว จิเหยียนโจวเป็นคนช่วยเธอเอาไว้ ต่อมาจิเหยียนโจวก็เป็นคนส่งเสียให้ชูยีได้เรียนหนังสือ""หลังจากที่ชูยีเริ่มประสีประสาเรื่องความรัก ก็ตกหลุมรักจิเหยียนโจว ตามจีบจิเหยียนโจวสุดแรงอยู่สิบปี ตอนแรกจิเหยียนโจวก็ไม่รู้สึกอะไร มิหนำซ้ำยังดูแคลนชูยีด้วยซ้ำ แต่ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ตอบตกลงชูยี ทั้งสองคนก็คบกันได้หกปีนับตั้งแต่นั้น""จุดสำคัญที่ทำให้ความรักของทั้งสองคนพังลง เกิดจากที่จิเหยียนโจวถูกใส่ร้าย และถูกส่งเข้าคุกในปีนั้น""ตอนนั้นจิเหยียนโจวถูกขังอยู่หนึ่งปี ตอนที่เขาอยู่ในคุก ก็รอคอยให้ชูยีมาพบเขาตลอด แต่ชูยีก็ไม่ได้มาเลยสักครั้ง""เดิมจิเหยียนโจวก็ฝังใจกับเรื่องนี้อยู่แล้ว พอออกจากคุกและไปหาชูยี กลับพบว่าชูยีแต่งงานกับพี่ชายตัวเอง ซึ่งก็คือลูกนอกสมรสของตระกูลจิคนนั้นที่ถูกราชวงศ์อังกฤษชุบเลี้ยง
นิ้วที่หยิบเอกสารรายงานอยู่ ค่อยเคาะเบาๆ ท่าทางครุ่นคิดบางอย่างนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ชายหนึ่งยกเอกสารขึ้นมา ถามอาเจ๋อว่า "เป็นผลตรวจตั้งแต่เมื่อไหร่?"อาเจ๋อตอบกลับอย่างสำรวม "นานมาแล้วครับ จอร์จเป็นคนตรวจ"นั่นก็แปลว่า ผลตรวจดีเอ็นเอฉบับนี้เป็นของในอดีต ใช้อ้างอิงกับปัจจุบันไม่ได้อีกจี้ซือหานโยนรายงานทิ้งไป สั่งอาเจ๋อเสียงเย็นชา "เรื่องนี้อย่าเพิ่งไปบอกเธอ นายหาวิธีไปเอาเส้นผมของจิเหยียนโจวกับกั่วกัวมา ไปตรวจดีเอ็นเอให้เสร็จ ค่อยมารายงานอีกที"ซูหว่านมั่นใจว่าชูยีไม่เคยนอกใจจิเหยียนโจว แต่ข้อมูลที่ได้มา แสดงถึงว่าเคยนอกใจชัดๆเพื่อปกป้องความเชื่อมั่นที่เธอมีต่อพี่สาว ควรตรวจให้แน่ชัดก่อน แล้วค่อยบอกเธอจะดีกว่าอาเจ๋อมีความลำบากใจ เอามือเกาท้ายทอย "คุณครับ จิเหยียนโจวเป็นนักยูโดเข้าสาย เข้าใกล้ลำบากน่ะครับ"จี้ซือหานเหลือบสายตาเย็นชาขึ้น กวาดมองไปทางอาเจ๋อ "พี่ชายเจียงโม่เป็นเพื่อนกับจิเหยียนโจว ให้เขาไปเก็บมา"พี่ชายเจียงโม่...อาเจ๋อนึกถึงคนเย็นชาที่แทบไม่เคยพูดอะไรสักคำ ก็อดรู้สึกเสียวสันหลังไม่ได้ แต่ก็ยังกัดฟันตอบรับ ก็ใครให้ผู้ชายคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าพี่ชายของเจียงโม่อีกเ
จี้ซือหานเอียงหน้ามา มองดูใบหน้างามหมดจดของอีกฝ่าย ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงได้เอ่ยปาก"หมู่นี้คุณเย็นชากับผมมาก"หลังจากพูดประโยคนี้ออกมา ใจเขาตื่นกลัวราวกับรัวกลองเขารู้สึกกลัวมากว่า เธอจะถือโอกาสนี้กล่าวแยกทางหรือเปล่าแต่ถ้าไม่พูด เขาก็ทนสภาพเมินเฉยห่างเหินแบบนี้ต่อไปไม่ไหวซูหว่านรู้สึกตกใจ พร้อมกับเลิกค้ิ้ว "ฉันหรือเย็นชากับคุณ?"ซูหว่านยังไม่รู้ตัวว่าเพราะมัวแต่ทำงาน จึงละเลยความรู้สึกของชายหนุ่มเบื้องหลังไป จึงมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยเธอเย็นชาต่อเขาเมื่อไหร่กัน ทั้งที่ยุ่งแสนยุ่ง ยังเคยเจียดเวลาไปพบเขาอยู่ แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ?จี้ซือหานไม่นึกว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ จึงถามด้วยความไม่สบายใจ "คุณ...ยังคิดแต่งงานกับผมหรือเปล่า"คิ้วได้รูปของซูหว่าน ขมวดมากยิ่งขึ้น "ฉันไม่แต่งกับคุณแล้วจะแต่งกับใคร"เธอรู้สึกว่าจี้ซือหานมีท่าทีแปลกๆ จึงออกแรงเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนเขา หันมามองหน้า "คืนนี้คุณเป็นอะไรกันแน่"จี้ซือหานเพิ่งตั้งสติกลับมา สายตาจับจ้องที่ใบหน้าตึงเครียดของอีกฝ่าย พร้อมเหยียดปากขึ้นเบาๆ เผยรอยยิ้มเล็กน้อยที่แท้หว่านหว่านของเขา ที่ห่างเหินและเย็นชา
ซูหว่านเพื่อต้องการให้ตนมีสินสมรส จึงทุมแรงกายแรงใจในการออกแบบ แต่แม้จะรีบเร่งเพียงไหน ก็ยังไม่ทันฤกษ์วิวาห์ที่ใกล้จะถึงอยู่ดี...สุดท้ายเธอเขียนพิมพ์เขียวได้เพียงแปดภาพเท่านั้น ขณะส่งมอบให้เสิ่นหนานอี้ เธอเหนื่อยจนแทบหมดแรง "รีบเอาไปส่ง จะได้แลกกับเงินมา"เสิ่นหนานอี้นั่งที่โต๊ะทำงาน กัดกินแอ๊ปเปิ้ลพลาง สองตามองซูหว่านตั้งแต่หัวจรดเท้า "จะแต่งงานกับผู้ชายที่รวยสุดในเอเซียอยู่แล้ว เธอยังจะโหมงานทำไมอีก"ถ้าตอนนี้เป็นเขา มีเศรษฐีนีมาขอแต่งงานด้วย อย่าว่าแต่เขียนแบบเลย แม้แต่ดินสอหุ้มด้วยทองคำก็จะไม่เหลียวแลอีก มีคนเลี้ยงดูแล้ว ยังจะทำงานให้เหนื่อยทำไมซูหว่านฟุบอยู่บนโต๊ะ มือยังพลิกดู PPT ของโปรเจ็คต่อไป พูดคล้ายกับหมดแรง "อาจารย์เสิ่น ฉันก็ต้องเตรียมสินสอดไว้ให้ตัวเองบ้างสิ"เธอไม่มีครอบครัว จึงต้องเตรียมทุกอย่างไว้ให้ตัวเอง ผู้ชายมาแต่งกับเธออย่างมีหน้ามีตา เธอก็ควรออกเรือนอย่างสมศักดิ์ศรีเหมือนกันเมื่อนึกถึงคำว่าออกเรือนอย่างสมศักดิ์ศรี ซูหว่านก็ให้ตาลุกวาวขึ้น มองไปทางกระเป๋าของเสิ่นหนานอี้ "อาจารย์เสิ่น โปรเจ็คของกลุ่มบริษัทจี้เข้าบัญชีมาหลายร้อนล้าน คุณได้ส่วนแบ่ง 30% คิดว่
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ