ชายชราจี้นั่งเหม่อยู่บนหัวเตียง ครุ่นคิดอยู่เนิ่นนาน จากนั้นหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ให้ผู้ช่วยไปสืบเบอร์โทรศัพท์ของซูหว่าน จากนั้นโทรออกไปซูหว่านที่กำลังเร่งวาดพิมพ์เขียวเรือนหอ เห็นเบอร์แปลกโทรเข้ามา สัญชาตญาณแรกคือไม่อยากรับ ทว่าไม่รู้ทำไมกลับบังคับให้ตัวเองกดรับสายไม่นานเสียงแหบแห้งอย่างคนวัยชราของจี้เจิ้นตงก็ดังมาจากปลายสาย "คุณซู ฉันเอง"ซูหว่านอึ้งไปนิดหน่อย ราวกับไม่คิดว่าจี้เจิ้นตงจะโทรหาตัวเอง ก็หวั่นวิตกเล็กน้อย "นายท่านจี้ โทรมาหาฉัน มีอะไรให้รับใช้หรือเปล่าคะ?"แม้ว่าก่อนหน้านี้เขาจะเคยมีความคิดที่จะฆ่าเธอก็ตาม แต่เธอก็ยังถามว่ามีอะไรให้รับใช้ไหมอย่างมีมารยาทมาก และจุดนี้เองที่จี้เจิ้นตงรู้สึกประทับใจมาก น้ำเสียงจึงนุ่มนวลขึ้นไม่น้อย "ฉันยังมีอีกคำถามนึงจะถามเธอ"ซูหว่านวางปากกาลูกลื่นในมือลง นั่งหลังตรง แล้วพูดกับเขาว่า "นายท่าน เชิญถามมาค่ะ"จี้เจิ้นตงเลิกผ้าห่มลงจากเตียง เดินไปยังริมหน้าต่างสูงจรดพื้น มองโคมไฟในสวน แล้วเอ่ยปากช้าๆ "เธอรักหลานฉันไหม?"ซูหว่านยังนึกว่าเขาจะถามคำถามอะไรแปลกๆหยาบคาย มาโจมตีเธอซะอีก ไม่คิดว่าจะเป็นคำถามนี้ ก็ประหลาดใจไม่น้อยเธอไม่ได้ตอบ
ซูหว่านไม่ยินดีที่จะเดิมพันแบบนี้กับชายชรา จี้ซือหานไม่ใช่เครื่องมือในการมีลูก เธอเองก็ไม่ใช่เช่นเดียวกันทว่าเมื่อชายชราพูดจบ ก็กดวางสายไปดื้อๆไอ้นิสัยทำอะไรตามใจตัวเองนี่ เหมือนกับจี้ซือหานสุดๆ...เธอกำโทรศัพท์ลูบไปมาอยู่หลายครั้ง จากนั้นส่งข้อความหาจี้ซือหาน [คุณไปพบนายท่านจี้มาใช่ไหม?]จี้ซือหานที่เพิ่งลงจากรถ เห็นข้อความนี้ก็ก้มหน้าพิมพ์ตอบกลับ [ออกมาเจอฉัน]ซูหว่านหันข้างไปมองนอกหน้าต่างที่สูงจรดพื้น ก็เห็นเข้ากับชายหนุ่มคลุมเสื้อโค้ทสีดำ ยืนอยู่ข้างรถหรูท่ามกลางเกล็ดหิมะปลิวปรายเธอรีบลุกขึ้น หยิบเสื้อโค้ทตัวหนาคลุมลงบนร่างกาย แล้วเดินออกจากนอกวิลล่า...เธอเปิดประตูวิลล่าออก ก็เห็นชายหนุ่มเดินขึ้นหน้ามา แล้วอุ้มเธอลงจากขั้นบันไดซูหว่านหายใจแรกด้วยความตกใจทีนึง ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็เห็นชายหนุ่มกางเสื้อโค้ทสีดำออก แล้วห่อร่างเล็กอ้อนแอ้นของเธอไว้ในอ้อมกอดเขาห่อเธอแบบนี้ ทำให้เธอดูเหมือนเด็ก ที่แค่โผล่ศีรษะเล็กๆขึ้นแหงนมองเขาที่ตัวสูงใหญ่"ดึกขนาดนี้ ทำไมคุณถึงมาที่นี่?"ชายหนุ่มก้มหน้าลง ขณะที่มองเห็บใบหน้าเล็กขาวผ่องนั้น ดวงตาที่เป็นประกายก็ส่องแสงแวววาวออกมา"คิด
เมื่อเห็นร่างเล็กๆอรชรนั่นหมุนตัวเดินจากไปอย่างไม่ลังเล จี้ซือหานก็รีบเดินขึ้นไปด้วยความร้อนรน แล้วกอดเธอเอาไว้จากด้านหลังเมื่อชายหนุ่มกอดเธอแน่นแล้ว ก็ฝังคางลงลงบนไหล่ของเธอ ขยับเข้าใกล้ริมใบหู แล้วถอนหายใจอย่างหมดหนทาง "ฉันทำอะไรเธอไม่ได้เลยจริงๆ"ซูหว่านที่หันหลังให้เขา ยกมุมปากขึ้นยิ้มน้อยๆ "คุณจี้ รอบหน้าไม่ต้องใช้ลูกไม้แกล้งยอมแพ้นี่แล้วนะ มันใช้ไม่ได้ผลกับฉัน"จี้ซือหานได้ยินดังนั้น ก็เลิกคิ้วหนาขึ้น "ดูท่าทางว่าคุณนายจี้ ชอบให้ฉันทำตรงๆสินะ..."ชายหนุ่มพูดจบ ก็ก้มหน้าลงจูบติ่งหูของเธอ บดขยี้ผิวที่เซ้นซิทีฟของเธอตั้งแต่บนลงล่าง "ฉันอยากทำเธอมากๆ"ลมหายใจอุ่นๆ รดลงมาที่ใบหู มาพร้อมกับความเสียวซ่านที่เหมือนไฟฟ้าสถิตย์ ทำเอาซูหว่านเกือบยืนไม่มั่น "อย่า..."เธอขัดขืน แต่ชายหนุ่มกลัวอุ้มเธอขึ้นมา แล้วกดลงกับกำแพง "ไม่ต้องห่วง ไม่ทำหรอก แค่จูบเท่านั้น"แค่ไม่กี่คำแต่สะท้านไปถึงกระดูก และที่ยิ่งกว่านั้นก็คือ ชายหนุ่มจับมือขึ้นเธอไว้ด้วยมือเดียว แล้วล็อคไว้เหนือศีรษะจากนั้นก็โอบเอวของเธอแน่น ให้ร่างอ้อนแอ้นของเธอ แนบชิดกับร่างกายร้อนผ่าวที่ใกล้จะระเบิดนั่น...ซูหว่านที่ถูกเขา
หลังจากที่ไม่มีชายชราเข้ามาวุ่นวายกับการแต่งงานของทั้งคู่ จี้ซือหานก็พาซูหว่านไปถ่ายพรีเวดดิ้งทั่วโลกเขาสั่งตัดชุดเจ้าสาวจำนวนนับไม่ถ้วนสำหรับซูหว่าน ก็เพื่อถ่ายรูปแค่ไม่กี่ที แม้แต่แหวนหมั้นคู่ก็ยังใช้ดีไซเนอร์ชื่อดังจากทั่วโลกจำนวนมากรวมไปถึงสไตล์แต่งหน้า ทำผมพวกนี้ด้วย จี้ซือหานเรียกทีมงานชื่อดังมาหลายทีม ก็เพื่อมาแต่งหน้า เติมหน้าให้เธอในวันแต่งงานเมื่อจัดการเรื่องเหล่านี้เสร็จ ชายหนุ่มก็ไปจัดการสถานที่งานแต่งต่อ หลังจากเสร็จเรียบร้อยแล้ว ก็ไม่ได้บอกซูหว่าน เหมือนว่าอยากจะเก็บไว้เซอร์ไพรส์เธอซูหว่านก็ไม่ได้ถามอะไรมากมายเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ เพียงแค่ทุ่มเททั้งแรงกายแรงใจในการออกแบบเรือนหอ...เดิมทีหลังจากออกแบบเสร็จ ซูหว่านอยากส่งบริษัทตกแต่งภายในเข้าไปตกแต่งเรือนหอทันทีแต่พอจี้ซือหานรู้ ก็ชิงพิมพ์เขียวของเธอไป ไม่ให้เธอต้องปวดหัวกับเรื่องพวกนี้ซูหว่านจึงต้องให้บริษัทตกแต่งภายใน ไปตกแต่งบ้านที่เธอจะใช้ส่งตัวเจ้าสาวตามสไตล์วิลล่าของซานซานในเวลาถัดมา เธอกินยาจีนที่อลันส่งมาให้ ไปพร้อมกับจดจ่อสมาธิทั้งหมดไปกับโปรเจคที่พี่สาวทิ้งเอาไว้เพื่อหาเงินสำหรับค่าสินสอดทองหมั้น
จี้ซือหานหายใจเข้าลึกๆทีนึง เพื่อกดความรู้สึกหัวเสียในใจเอาไว้ หงายมือให้อาเจ๋อ จากนั้นอาเจ๋อก็ยื่นเอกสารลงในมือเขาทันทีขณะที่ชายหนุ่มพลิกเอกสารอยู่ อาเจ๋อก็คอยรายงานอยู่ข้างๆ"ตอนที่ชูยีอายุห้าขวบ ขณะเดินขอทานอยู่ที่ประเทศอังกฤษ เกือบจะถูกคนตีจนเกือบตายนั้น ก็ได้เจอกับจิเหยียนโจว จิเหยียนโจวเป็นคนช่วยเธอเอาไว้ ต่อมาจิเหยียนโจวก็เป็นคนส่งเสียให้ชูยีได้เรียนหนังสือ""หลังจากที่ชูยีเริ่มประสีประสาเรื่องความรัก ก็ตกหลุมรักจิเหยียนโจว ตามจีบจิเหยียนโจวสุดแรงอยู่สิบปี ตอนแรกจิเหยียนโจวก็ไม่รู้สึกอะไร มิหนำซ้ำยังดูแคลนชูยีด้วยซ้ำ แต่ต่อมาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ก็ตอบตกลงชูยี ทั้งสองคนก็คบกันได้หกปีนับตั้งแต่นั้น""จุดสำคัญที่ทำให้ความรักของทั้งสองคนพังลง เกิดจากที่จิเหยียนโจวถูกใส่ร้าย และถูกส่งเข้าคุกในปีนั้น""ตอนนั้นจิเหยียนโจวถูกขังอยู่หนึ่งปี ตอนที่เขาอยู่ในคุก ก็รอคอยให้ชูยีมาพบเขาตลอด แต่ชูยีก็ไม่ได้มาเลยสักครั้ง""เดิมจิเหยียนโจวก็ฝังใจกับเรื่องนี้อยู่แล้ว พอออกจากคุกและไปหาชูยี กลับพบว่าชูยีแต่งงานกับพี่ชายตัวเอง ซึ่งก็คือลูกนอกสมรสของตระกูลจิคนนั้นที่ถูกราชวงศ์อังกฤษชุบเลี้ยง
นิ้วที่หยิบเอกสารรายงานอยู่ ค่อยเคาะเบาๆ ท่าทางครุ่นคิดบางอย่างนิ่งเงียบครู่หนึ่ง ชายหนึ่งยกเอกสารขึ้นมา ถามอาเจ๋อว่า "เป็นผลตรวจตั้งแต่เมื่อไหร่?"อาเจ๋อตอบกลับอย่างสำรวม "นานมาแล้วครับ จอร์จเป็นคนตรวจ"นั่นก็แปลว่า ผลตรวจดีเอ็นเอฉบับนี้เป็นของในอดีต ใช้อ้างอิงกับปัจจุบันไม่ได้อีกจี้ซือหานโยนรายงานทิ้งไป สั่งอาเจ๋อเสียงเย็นชา "เรื่องนี้อย่าเพิ่งไปบอกเธอ นายหาวิธีไปเอาเส้นผมของจิเหยียนโจวกับกั่วกัวมา ไปตรวจดีเอ็นเอให้เสร็จ ค่อยมารายงานอีกที"ซูหว่านมั่นใจว่าชูยีไม่เคยนอกใจจิเหยียนโจว แต่ข้อมูลที่ได้มา แสดงถึงว่าเคยนอกใจชัดๆเพื่อปกป้องความเชื่อมั่นที่เธอมีต่อพี่สาว ควรตรวจให้แน่ชัดก่อน แล้วค่อยบอกเธอจะดีกว่าอาเจ๋อมีความลำบากใจ เอามือเกาท้ายทอย "คุณครับ จิเหยียนโจวเป็นนักยูโดเข้าสาย เข้าใกล้ลำบากน่ะครับ"จี้ซือหานเหลือบสายตาเย็นชาขึ้น กวาดมองไปทางอาเจ๋อ "พี่ชายเจียงโม่เป็นเพื่อนกับจิเหยียนโจว ให้เขาไปเก็บมา"พี่ชายเจียงโม่...อาเจ๋อนึกถึงคนเย็นชาที่แทบไม่เคยพูดอะไรสักคำ ก็อดรู้สึกเสียวสันหลังไม่ได้ แต่ก็ยังกัดฟันตอบรับ ก็ใครให้ผู้ชายคนนี้น่ากลัวยิ่งกว่าพี่ชายของเจียงโม่อีกเ
จี้ซือหานเอียงหน้ามา มองดูใบหน้างามหมดจดของอีกฝ่าย ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายจึงได้เอ่ยปาก"หมู่นี้คุณเย็นชากับผมมาก"หลังจากพูดประโยคนี้ออกมา ใจเขาตื่นกลัวราวกับรัวกลองเขารู้สึกกลัวมากว่า เธอจะถือโอกาสนี้กล่าวแยกทางหรือเปล่าแต่ถ้าไม่พูด เขาก็ทนสภาพเมินเฉยห่างเหินแบบนี้ต่อไปไม่ไหวซูหว่านรู้สึกตกใจ พร้อมกับเลิกค้ิ้ว "ฉันหรือเย็นชากับคุณ?"ซูหว่านยังไม่รู้ตัวว่าเพราะมัวแต่ทำงาน จึงละเลยความรู้สึกของชายหนุ่มเบื้องหลังไป จึงมีสีหน้าเต็มไปด้วยความสงสัยเธอเย็นชาต่อเขาเมื่อไหร่กัน ทั้งที่ยุ่งแสนยุ่ง ยังเคยเจียดเวลาไปพบเขาอยู่ แค่นี้ยังไม่พออีกหรือ?จี้ซือหานไม่นึกว่าเธอจะมีปฏิกิริยาเช่นนี้ จึงถามด้วยความไม่สบายใจ "คุณ...ยังคิดแต่งงานกับผมหรือเปล่า"คิ้วได้รูปของซูหว่าน ขมวดมากยิ่งขึ้น "ฉันไม่แต่งกับคุณแล้วจะแต่งกับใคร"เธอรู้สึกว่าจี้ซือหานมีท่าทีแปลกๆ จึงออกแรงเบี่ยงตัวออกจากอ้อมแขนเขา หันมามองหน้า "คืนนี้คุณเป็นอะไรกันแน่"จี้ซือหานเพิ่งตั้งสติกลับมา สายตาจับจ้องที่ใบหน้าตึงเครียดของอีกฝ่าย พร้อมเหยียดปากขึ้นเบาๆ เผยรอยยิ้มเล็กน้อยที่แท้หว่านหว่านของเขา ที่ห่างเหินและเย็นชา
ซูหว่านเพื่อต้องการให้ตนมีสินสมรส จึงทุมแรงกายแรงใจในการออกแบบ แต่แม้จะรีบเร่งเพียงไหน ก็ยังไม่ทันฤกษ์วิวาห์ที่ใกล้จะถึงอยู่ดี...สุดท้ายเธอเขียนพิมพ์เขียวได้เพียงแปดภาพเท่านั้น ขณะส่งมอบให้เสิ่นหนานอี้ เธอเหนื่อยจนแทบหมดแรง "รีบเอาไปส่ง จะได้แลกกับเงินมา"เสิ่นหนานอี้นั่งที่โต๊ะทำงาน กัดกินแอ๊ปเปิ้ลพลาง สองตามองซูหว่านตั้งแต่หัวจรดเท้า "จะแต่งงานกับผู้ชายที่รวยสุดในเอเซียอยู่แล้ว เธอยังจะโหมงานทำไมอีก"ถ้าตอนนี้เป็นเขา มีเศรษฐีนีมาขอแต่งงานด้วย อย่าว่าแต่เขียนแบบเลย แม้แต่ดินสอหุ้มด้วยทองคำก็จะไม่เหลียวแลอีก มีคนเลี้ยงดูแล้ว ยังจะทำงานให้เหนื่อยทำไมซูหว่านฟุบอยู่บนโต๊ะ มือยังพลิกดู PPT ของโปรเจ็คต่อไป พูดคล้ายกับหมดแรง "อาจารย์เสิ่น ฉันก็ต้องเตรียมสินสอดไว้ให้ตัวเองบ้างสิ"เธอไม่มีครอบครัว จึงต้องเตรียมทุกอย่างไว้ให้ตัวเอง ผู้ชายมาแต่งกับเธออย่างมีหน้ามีตา เธอก็ควรออกเรือนอย่างสมศักดิ์ศรีเหมือนกันเมื่อนึกถึงคำว่าออกเรือนอย่างสมศักดิ์ศรี ซูหว่านก็ให้ตาลุกวาวขึ้น มองไปทางกระเป๋าของเสิ่นหนานอี้ "อาจารย์เสิ่น โปรเจ็คของกลุ่มบริษัทจี้เข้าบัญชีมาหลายร้อนล้าน คุณได้ส่วนแบ่ง 30% คิดว่