เธอลงมาจากด้านบน จงใจกระแอมทีนึงเพื่อขัดจังหวะทั้งคู่ที่กอดรัดกันหวานชื่นไม่ยอมปล่อย"เอ่อ...เรื่องมีลูกน่ะ ไปให้อลันช่วยตรวจให้อีกทีสิ อลันยังไม่ได้วินิจฉัยออกมาว่ามีลูกไม่ได้สักหน่อย ก็แปลว่ายังมีทางรักษาอยู่"แม้ว่าซานซานจะคิดว่าการมีหรือไม่มีลูกก็ไม่ได้สำคัญ แต่เธอต้องคิดให้มากเพื่อชีวิตในภายหลังของทั้งคู่พอพวกเขาอายุมากขึ้นแล้ว จะต้องอยากมีลูกแน่นอน มีลูก ชีวิตที่แสนยาวนานก็จะได้ไม่โดดเดี่ยวยังไงล่ะอีกอย่าง เธอก็ไม่คาดหวังว่าพอแก่ตัวไป คนแก่โดดเดี่ยวสองคนนี้ ถึงเวลาก็ถ่อมาบ้านเธอ แล้วแย่งเล่นลูกของเธอหรอก...หือ? แปลกจริง? ทำไมเธอถึงได้เกิดความคิดที่อยากมีลูกขึ้นมา?ซานซานยังตกใจจนเหงื่อตกเพราะความคิดของตัวเอง ก็รีบสลัดภาพในหัวทิ้งไป ดึงสติกลับไปมองซูหว่านที่เดินมาหาเธอ"หว่านหว่าน รีบไปจัดแจง เรานัดกันไว้แล้วว่าวันนี้จะไปหาอลัน จะได้ให้เธฮช่วยดูร่างกายเธอพอดี แล้วรีบๆมีลูก"ซานซานพูดคำว่ามีลูกออกมาทุกประโยค จนซูหว่านที่หน้าบางอยู่แล้ว ก็อายจนหน้าแดงขึ้นมา...เธอใช้สายตาส่งซิกให้ซานซานว่า "อย่ามาพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าจี้ซือหาน มันน่าอายนะ"กระนั้นซานซานกลับไม่เข้าใจ มิ
เธอไม่ยอมให้เรื่องของตัวเองมากระทบอารมณ์ของทุกคน จึงรีบเรียกให้พวกเธอเข้าบ้าน "ข้างนอกหนาว ไปนั่งข้างในเถอะ"ขณะที่เธอตั้งใจจะเรียกให้ทั้งสองคนเข้าวิลล่า ประตูรถของรถลินคอล์นก็ค่อยๆเปิดออก ชายหนุ่มที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบ เดินลงจากรถอลันเข้าใจว่าประธานจี้ส่งสองคนนี้เสร็จแล้วก็จะกลับไปทันที ที่ไหนได้เขาดันลงจากรถมา ทั้งยังเดินมาตรงหน้าเธอ แล้วสั่งเสียงเย็นว่า "อลัน ตรวจสุขภาพของเธอก่อน..."อลันชะงักไปเล็กน้อย มองไปยังซูหว่านที่ร่างกายดูปกติดีทุกอย่าง "เธอเป็นอะไร? ไม่สบายตรงไหน?"ไม่รอให้ซูหว่านหน้าแดง ซานซานที่ยืนอยู่ข้างๆก็รีบพูดแทนขึ้นว่า "ยัยนี่มีลูกยากไม่ใช่หรอ ช่วยตรวจดูให้หน่อย"อลันจึงตระหนักได้ แล้วรีบต้อนรับทั้งสามคนเข้าไปในห้องรับแขก จัดแจงให้พวกเขานั่งลงบนโซฟา จากนั้นหมุนตัวไปหยิบหมอนสำหรับรองแขนวัดชีพจรหลังจากเธอให้ซูหว่านยื่นแขนออกมาแล้ว ก็ยกนิ้วมือขึ้นทาบลงบนข้อมือเพื่อจับชีพจร ก้มหน้าจดจ่ออยู่กับเส้นเลือด...เวลานี้ ประตูห้องน้ำชาก็เปิดออก ซีอี้ในชุดสูทสีเทา หน้าตาสะอาดสะอ้านนุ่มนวลก็ยกกาแฟเดินเข้ามาวินาทีที่เห็นซีอี้ปรากฎตัวขึ้นในบ้านของอลัน ซูหว่านกับซานซานก็ส
อลันแหงนหน้านอกหน้าต่าง แสงสีขาวที่ส่องมาพร้อมกับหิมะจนสว่างใส แล้วพูดเสียงเรียบ "ซีอี้ก็เคยถามฉันว่าทำไมฉันถึงตอบตกลงที่เขาขอแต่งงาน ฉันบอกว่า ฉันก็อยากลิ้มรสชาติที่ถูกคนรักบ้าง..."คำพูดนั้นของอลัน ทำเอาหัวใจของซูหว่านบีบตัวแน่น รู้สึกปวดใจแทนเธอ ราวกับคนที่มีหัวอกเดียวกันซานซานที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับถามอลันอย่างมีสติและนิ่งสงบ "อลัน เธอรักคุณหมอซีหรือเปล่า?"อลันเผชิญกับคำถามนี้ได้อย่างสงบเรียบร้อย "อนาคตยังอีกยาวไกล บางทีฉันอาจจะหลงรักเขาในสักวัน สักวินาทีก็ได้..."เธอไม่อาจรับประกันได้ว่าจะรักซีอี้ได้ตอนนี้ทันที แต่เธอก็พยายามปล่อยอดีต แล้วใช้ชีวิตกับซีอี้ให้ดีส่วนรักหรือไม่รัก ดูเหมือนจะไม่ได้สำคัญมาก...เพราะสำหรับเธอแล้ว การรักใครสักคน มันก็เหมือนกับผีเสื้อที่บินเข้ากองไฟแต่ถ้าไม่รัก ก็จะไม่ใส่ใจการกระทำของอีกฝ่ายมาก และจะไม่ทำร้ายตัวเองด้วยเช่นกัน...อลันในตอนนี้ นับว่าเข้าใจโลกแล้ว หากยังเอาตัวเองไปพัวพันกับความรักความเกลียดชัง ก็จะทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานไปเท่านั้น สู้ปล่อยวาง แล้วเริ่มต้นใหม่ดีกว่าอีกอย่าง...แผนการการแก้แค้นของเธอที่มีต่อซูเหยียน ก็สำเร็จลุล่วงแล
ณ คฤหาสน์เก่าตระกูลจี้ รถขบวนนึงจอดลงตรงหน้าประตูสวนสไตล์จีนชายหนุ่มบนรถหรู ลงมาจากในรถ เหยียบขั้นบันไดหินอ่อน นำบอดี้การ์ดในชุดสูทสุภาพเดินเข้าสวนเดินผ่านทางเดินเก้าโค้ง ประตูซุ้มสไตล์จีน ทางเดินหิน ผ่านห้องโถงที่โอ่อ่าอลังการ ข้ามระเบียง ตรงไปยังห้องรับแขกภายในที่มีทองสว่างไสว บรรยากาศสุดฟุ่มเฟือย เก้าอี้ โต๊ะ โซฟา ที่ทำจากไม้แต่ละชนิด แต่ละสี ของประดับนับไม่ถ้วนล้วนแสดงให้เห็นถึงความหรูหราพวกผู้ใหญ่ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ในตระกูลจี้ นั่งประจำอยู่ในทุกจุดของห้องรับแขกตั้งนานแล้ว ทุกคนต่างถกเถียงกันถึงจุดประสงค์ที่ผู้ครอบครองอำนาจเรียกประชุมในครั้งนี้"ต้องเป็นเพราะไม่ได้เข้าร่วมวิธีขอแต่งงาน พอจบเรื่องเขาก็เลยมาคิดบัญชีกับพวกเราแหงๆ...""มีผู้ใหญ่ที่ไหนไปเข้าร่วมพิธีขอแต่งงานของพวกเด็กๆกันบ้าง นี่มันไม่ถูกหลักธรรมเนียม อีกอย่างคุณซูอะไรนั่น คู่ควรให้พวกเราไปดูพิธีซะที่ไหน?""ก็นั่นน่ะสิ คนที่เทียบไม่ได้แม้แต่คนที่ครอบครัวธรรมดา ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมาถือรองเท้าให้ฉันด้วยซ้ำ ถือดีอะไรมาสั่งให้พวกเราไป?""ใช่ ต่อให้เขาจะเป็นผู้ครอบครองอำนาจ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องไปก้มหัวคุกเข่า อ
คำพูดชุดใหญ่ของจี้ซือหาน ปิดช่องโหว่เครือญาติกลุ่มนั้นจนได้แต่ใบ้กินดูเหมือนพวกเขาจะไม่คิดว่า คนอย่างผู้ครอบครองอำนาจตระกูลจี้ จะรู้อย่างละเอียดแม้กระทั่งดีลสกปรก แต่ว่า..."ถึงจะทำเรื่องแบบนั้นไป แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นต้องไล่พวกเราทั้งหมดออกจากกลุ่มบริษัทจี้มั้ง?"พวกเขาไม่เชื่อหรอกว่าคนอื่นๆในตระกูลจี้ จะไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ มีสิทธิ์อะไรมาเชือดเครือญาติรอบนอกอย่างพวกเขาก่อน?"พี่ชายใหญ่ ทวงความเป็นธรรมให้หน่อยสิ หุ้นที่พวกเราถืออยู่ เดิมทีก็น้อยอยู่แล้ว ตอนนี้ยังคิดจะดึงกลับไปอีก จะให้พวกเรามีชีวิตกันยังไง?"พี่ชายใหญ่ที่พวกเขาเรียก ก็คือชายชราแห่งตระกูลจี้ จี้เจิ้นตงญาติรอบนอกพวกนี้ล้วนเป็นน้องชายน้องสาวของชายชรา มีทั้งสายเลือดใกล้และสายเลือดไกล เป็นคนรุ่นเดียวกับเขาถึงแม้ชายชราจี้จะไม่ได้กุมอำนาจแล้ว แต่อำนาจในการออกเสียงก็ยังมีอยู่ ต่อให้จี้ซือหานจะมีอำนาจมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถข้ามหน้าข้ามตาชายชราไปได้หรอกมั้ง?ขอแค่ชายชราแสดงจุดยืนออกมา การตัดสินใจของจี้ซือหาน ก็ไม่ต่างอะไรกับแค่ลมตด!และก็เพราะว่าทุกคนกำลังคิดว่าบารมีของชายชราให้พึ่งพิง พวกเขาถึงได้กล้าทำเรื่องผิดกฎหมาย
ได้ยินในสิ่งที่จี้เสี้ยนหลี่พูด พวกลุงๆที่ลากให้ลูกสาวลูกชายของตัวเองต้องตกตะกำลำบากไปด้วย ก็พากันรู้สึกผิดขึ้นมาขอแค่ยังได้อยู่ในกลุ่มบริษัทจี้ต่อไป หากหลังจากนี้ทำคุณประโยชน์ ก็จะได้ถือหุ้นอีกครั้งก็เป็นได้สิ่งที่พวกเขาทำมันคือการยกหินออกจากหัวแล้วเขวี้ยงใส่เท้าตัวเอง มิหนำซ้ำยังทำลายอนาคตของลูกๆตัวเองอีกต่างหาก...ส่วนพวกลุงๆที่ไม่ได้ลากให้ลูกตัวเองซวยไปด้วย ก็ลอบโล่งใจอยู่ลึกๆ ยังดีที่บาปกรรมไม่ได้ตกไปที่ลูกหลานเพียงแต่ต้องให้พวกเขาออกมายืนเป็นแนวหน้ารับลูกธนู ย่อมไม่ยินยอมอยู่แล้ว จึงกลืนหายกับฝูงชนแล้วรอต่อไปจี้ซือหานที่ไม่มีความอดทนที่จะรออีกแล้ว ยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาแวบนึง แล้วพูดเสียงเย็น "หมดเวลาหนึ่งนาทีแล้ว"ทันทีที่เสียงเย็นชานั่นดังขึ้น พวกบอดี้การ์ดก็เดินขึ้นหน้า ทำเอาพวกลุงๆป้าๆตกใจจนรีบแสดงจุดยืนทันที"ฉันยอมรับการลดหุ้น!""ฉันก็ด้วย!""ฉันด้วย!"“......”หลังจากคนกลุ่มนึงตัดสินใจเสร็จ ก็เตรียมจะลุกขึ้นเดินออกไป ทว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตำแหน่งหัวโต๊ะ กลับไม่คิดจะปล่อยให้พวกเขาไปง่ายๆ"เดี๋ยว..."พวกลุงๆป้าๆรีบหยุดฝีเท้าทันที แล้วมองจี้ซือหานด้วยความคลุม
ชายชราที่เดิมทีโมโหมาก ได้ยินจี้ซือหานพูดว่าเครือญาติกลุ่มนี้กล้าด่าแม้กระทั่งเขาก็ตระหนักได้ว่าพวกน้องชายน้องสาวที่ถูกเขาดูแลปกป้องมาตลอด ดูเหมือนจะไม่พอใจเขามาตั้งนานแล้วเขาเงยหน้าขึ้น มองสำรวจพวกน้องชายน้องสาวที่ตัวเองเคยดูแลมาทีละคน จู่ๆก็รู้สึกราวกับคนแปลกหน้าเหมือนว่าหลังจากที่ต่างคนต่างมีครอบครัวของตัวเอง นานวันเข้า แม้แต่จะมาเยี่ยมเยียนเขาก็น้อยครั้งมาก จะมีก็แต่เวลาที่จะคุยเรื่องโปรเจค หรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเท่านั้น ถึงจะมาหาเขาถึงบ้าน ต่อให้เขาจะปฏิบัติกับพวกเขาดีแค่ไหน แต่สิ่งที่พวกเขาปฏิบัติต่อเขาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่มีผลประโยชน์ก็เท่านั้น...ชายชราไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่นึง แล้วเลือกที่จะเงียบ แล้วให้จี้ซือหานเป็นคนจัดการทั้งหมดชายหนุ่มที่อยู่ในห้องโถง ยกนิ้วมือเรียวขึ้น จังหวะที่กำลังจะออกคำสั่ง ลุงคนนึงก็เดินเข้าไปตรงหน้าจี้หยูปิง"หยูปิง ลุงขอโทษ เมื่อกี้ลุงใจร้อนไปหน่อย ยกโทษให้ลุงเถอะ"จี้หยูปิงเห็นลุงที่มักจะมีท่าทีเย่อหยิงโอหังมาโดยตลอด ยอมก้มหัวขอโทษตัวเอง ก็รู้สึกตกใจมากดีที่เธอได้รับการสั่งสอนจากทุกคนมาตั้งแต่เด็ก ว่าห้ามแสดงสีหน้าอารมณ์ จึงรั
เมื่อชายชราจี้สัมผัสได้ถึงสายตาเย็นชาคู่นั้น ก็ฉีกมุมปาก แล้วแค่นหัวเราะเสียงเย็น "แกตั้งใจจะจัดการฉันยังไง?"ชายหนุ่มยกมุมปาก ยิ้มเย็นยะเยือกเล็กน้อย ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นสะท้าน "ผมเตรียมคฤหาสน์ไว้ให้ปู่หลังนึงที่อิตาลี และเครื่องบินส่วนตัวพรุ่งนี้เช้า หลังจากที่ปู่แก่ตัว ไปอยู่ที่อิตาลีในช่วงบั้นปลายชีวิตให้มีความสุขเถอะ"ชายชราจี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีวันที่ถูกหลานชายไล่ออกนอกประเทศ ก็มองจี้ซือหานอย่างตรวจสอบด้วยสายตาไม่อยากจะเชื่อ "แกรู้หรือเปล่าว่าใครกันที่บ่มเพาะแกจนมายืนอยู่ในจุดนี้ได้?"จี้ซือหานเท้าคางข้างนึง แล้วตอบกลับอย่างไม่มีอารมณ์ "ก็ปู่ไง"ชายชราจี้ค้ำไม้เท้า แล้วแค่นหัวเราะเสียงเย็นอีกครั้ง "ฉันนึกว่าแกลืมรากเหง้าไปแล้วซะอีก"จี้ซือหานหันข้างมา ช้อนดวงตาเฉยชาทั้งสองข้างจ้องชายชรา "ผมไม่ลืมรากเหง้าตัวเองหรอก แล้วก็ไม่ลืมที่ตอนนั้นปู่ยืนดูหน้าตาเฉยด้วยเหมือนกัน"ได้ยินประโยคนี้ ชายชราก็หลบสายตา ราวกับไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ "เรื่องนั้นฉันขอโทษ แต่แกจะทำแบบนี้กับปู่แท้ๆของตัวเอง เพื่อผู้หญิงคนเดียวไม่ได้สิ?"จี้ซือหานดึงสายตากลับมา หันไปมองนอกหน้าต่าง แล้วพูดเสี
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ