หลังจากที่ชายชราจากไปแล้ว ซูหว่านก็แหงนหน้ามองจี้ซือหานอย่างคนเลื่อนลอย "ดูเหมือนฉันจะไม่สามารถมีลูกได้จริงๆ"เมื่อเทียบกับการที่ผู้ใหญ่ในตระกูลจี้ไม่ยินยอมเรื่องงานแต่งของพวกเขา การไม่สามารถมีลูกให้เขาได้นั้น ทำให้ซูหว่านเกิดปมในใจได้มากกว่าจี้ซือหานยกนิ้วมือที่เห็นข้อต่อชัดดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอด แล้วปลอบเธออย่างอ่อนโยน "หว่านหว่าน ฉันไม่ต้องการลูกหรอกนะ"ชีวิตนี้ แค่มีเธอก็พอแล้ว ลูกอะไรนั่น เขาไม่หวังให้มีเด็กเกิดขึ้นมาแล้วมาแย่งความรักของเธอไปจากเขาหรอกซูหว่านรู้ว่าจี้ซือหานไม่อยากมีลูก แต่สิ่งที่ชายชราพูดก็ไม่ผิด ผู้ครอบครองอำนาจตระกูลจี้จะไม่มีลูกได้ยังไงเธออิงแรบใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือนั้นลงกับแผงอกอันแข็งแรงของชายหนุ่ม จากนั้นถอนหายใจแรง "ซือหาน หรือไม่...ก็ยังไม่ต้องแต่ง"แม้ว่าจี้ซือหานจะกุมอำนาจ พวกคนรุ่นหลังล้วนทำตามที่เขาสั่ง แต่พวกผู็ใหญ่กลับดูถูกเธอ แล้วตัวเธอเองเดิมทีก็ไม่คู่ควรกับเขาจริงๆสถานะไม่เท่ากัน ทั้งยังมีลูกไม่ได้ พวกผู้ใหญ่ไม่อวยพร ปัญหามากมายขนาดนี้ สุดท้ายแล้วก็ทำให้ซูหว่านเริ่มกลัวและถดถอยชายหนุ่มที่กอดเธออยู่ ได้ยินประโยคนั้น ร่างกายก็แข็งทื่อ สีห
เธอลงมาจากด้านบน จงใจกระแอมทีนึงเพื่อขัดจังหวะทั้งคู่ที่กอดรัดกันหวานชื่นไม่ยอมปล่อย"เอ่อ...เรื่องมีลูกน่ะ ไปให้อลันช่วยตรวจให้อีกทีสิ อลันยังไม่ได้วินิจฉัยออกมาว่ามีลูกไม่ได้สักหน่อย ก็แปลว่ายังมีทางรักษาอยู่"แม้ว่าซานซานจะคิดว่าการมีหรือไม่มีลูกก็ไม่ได้สำคัญ แต่เธอต้องคิดให้มากเพื่อชีวิตในภายหลังของทั้งคู่พอพวกเขาอายุมากขึ้นแล้ว จะต้องอยากมีลูกแน่นอน มีลูก ชีวิตที่แสนยาวนานก็จะได้ไม่โดดเดี่ยวยังไงล่ะอีกอย่าง เธอก็ไม่คาดหวังว่าพอแก่ตัวไป คนแก่โดดเดี่ยวสองคนนี้ ถึงเวลาก็ถ่อมาบ้านเธอ แล้วแย่งเล่นลูกของเธอหรอก...หือ? แปลกจริง? ทำไมเธอถึงได้เกิดความคิดที่อยากมีลูกขึ้นมา?ซานซานยังตกใจจนเหงื่อตกเพราะความคิดของตัวเอง ก็รีบสลัดภาพในหัวทิ้งไป ดึงสติกลับไปมองซูหว่านที่เดินมาหาเธอ"หว่านหว่าน รีบไปจัดแจง เรานัดกันไว้แล้วว่าวันนี้จะไปหาอลัน จะได้ให้เธฮช่วยดูร่างกายเธอพอดี แล้วรีบๆมีลูก"ซานซานพูดคำว่ามีลูกออกมาทุกประโยค จนซูหว่านที่หน้าบางอยู่แล้ว ก็อายจนหน้าแดงขึ้นมา...เธอใช้สายตาส่งซิกให้ซานซานว่า "อย่ามาพูดเรื่องพวกนี้ต่อหน้าจี้ซือหาน มันน่าอายนะ"กระนั้นซานซานกลับไม่เข้าใจ มิ
เธอไม่ยอมให้เรื่องของตัวเองมากระทบอารมณ์ของทุกคน จึงรีบเรียกให้พวกเธอเข้าบ้าน "ข้างนอกหนาว ไปนั่งข้างในเถอะ"ขณะที่เธอตั้งใจจะเรียกให้ทั้งสองคนเข้าวิลล่า ประตูรถของรถลินคอล์นก็ค่อยๆเปิดออก ชายหนุ่มที่สูงเกือบร้อยเก้าสิบ เดินลงจากรถอลันเข้าใจว่าประธานจี้ส่งสองคนนี้เสร็จแล้วก็จะกลับไปทันที ที่ไหนได้เขาดันลงจากรถมา ทั้งยังเดินมาตรงหน้าเธอ แล้วสั่งเสียงเย็นว่า "อลัน ตรวจสุขภาพของเธอก่อน..."อลันชะงักไปเล็กน้อย มองไปยังซูหว่านที่ร่างกายดูปกติดีทุกอย่าง "เธอเป็นอะไร? ไม่สบายตรงไหน?"ไม่รอให้ซูหว่านหน้าแดง ซานซานที่ยืนอยู่ข้างๆก็รีบพูดแทนขึ้นว่า "ยัยนี่มีลูกยากไม่ใช่หรอ ช่วยตรวจดูให้หน่อย"อลันจึงตระหนักได้ แล้วรีบต้อนรับทั้งสามคนเข้าไปในห้องรับแขก จัดแจงให้พวกเขานั่งลงบนโซฟา จากนั้นหมุนตัวไปหยิบหมอนสำหรับรองแขนวัดชีพจรหลังจากเธอให้ซูหว่านยื่นแขนออกมาแล้ว ก็ยกนิ้วมือขึ้นทาบลงบนข้อมือเพื่อจับชีพจร ก้มหน้าจดจ่ออยู่กับเส้นเลือด...เวลานี้ ประตูห้องน้ำชาก็เปิดออก ซีอี้ในชุดสูทสีเทา หน้าตาสะอาดสะอ้านนุ่มนวลก็ยกกาแฟเดินเข้ามาวินาทีที่เห็นซีอี้ปรากฎตัวขึ้นในบ้านของอลัน ซูหว่านกับซานซานก็ส
อลันแหงนหน้านอกหน้าต่าง แสงสีขาวที่ส่องมาพร้อมกับหิมะจนสว่างใส แล้วพูดเสียงเรียบ "ซีอี้ก็เคยถามฉันว่าทำไมฉันถึงตอบตกลงที่เขาขอแต่งงาน ฉันบอกว่า ฉันก็อยากลิ้มรสชาติที่ถูกคนรักบ้าง..."คำพูดนั้นของอลัน ทำเอาหัวใจของซูหว่านบีบตัวแน่น รู้สึกปวดใจแทนเธอ ราวกับคนที่มีหัวอกเดียวกันซานซานที่นั่งอยู่ข้างๆ กลับถามอลันอย่างมีสติและนิ่งสงบ "อลัน เธอรักคุณหมอซีหรือเปล่า?"อลันเผชิญกับคำถามนี้ได้อย่างสงบเรียบร้อย "อนาคตยังอีกยาวไกล บางทีฉันอาจจะหลงรักเขาในสักวัน สักวินาทีก็ได้..."เธอไม่อาจรับประกันได้ว่าจะรักซีอี้ได้ตอนนี้ทันที แต่เธอก็พยายามปล่อยอดีต แล้วใช้ชีวิตกับซีอี้ให้ดีส่วนรักหรือไม่รัก ดูเหมือนจะไม่ได้สำคัญมาก...เพราะสำหรับเธอแล้ว การรักใครสักคน มันก็เหมือนกับผีเสื้อที่บินเข้ากองไฟแต่ถ้าไม่รัก ก็จะไม่ใส่ใจการกระทำของอีกฝ่ายมาก และจะไม่ทำร้ายตัวเองด้วยเช่นกัน...อลันในตอนนี้ นับว่าเข้าใจโลกแล้ว หากยังเอาตัวเองไปพัวพันกับความรักความเกลียดชัง ก็จะทำให้เธอต้องทนทุกข์ทรมานไปเท่านั้น สู้ปล่อยวาง แล้วเริ่มต้นใหม่ดีกว่าอีกอย่าง...แผนการการแก้แค้นของเธอที่มีต่อซูเหยียน ก็สำเร็จลุล่วงแล
ณ คฤหาสน์เก่าตระกูลจี้ รถขบวนนึงจอดลงตรงหน้าประตูสวนสไตล์จีนชายหนุ่มบนรถหรู ลงมาจากในรถ เหยียบขั้นบันไดหินอ่อน นำบอดี้การ์ดในชุดสูทสุภาพเดินเข้าสวนเดินผ่านทางเดินเก้าโค้ง ประตูซุ้มสไตล์จีน ทางเดินหิน ผ่านห้องโถงที่โอ่อ่าอลังการ ข้ามระเบียง ตรงไปยังห้องรับแขกภายในที่มีทองสว่างไสว บรรยากาศสุดฟุ่มเฟือย เก้าอี้ โต๊ะ โซฟา ที่ทำจากไม้แต่ละชนิด แต่ละสี ของประดับนับไม่ถ้วนล้วนแสดงให้เห็นถึงความหรูหราพวกผู้ใหญ่ทั้งรุ่นเล็กรุ่นใหญ่ในตระกูลจี้ นั่งประจำอยู่ในทุกจุดของห้องรับแขกตั้งนานแล้ว ทุกคนต่างถกเถียงกันถึงจุดประสงค์ที่ผู้ครอบครองอำนาจเรียกประชุมในครั้งนี้"ต้องเป็นเพราะไม่ได้เข้าร่วมวิธีขอแต่งงาน พอจบเรื่องเขาก็เลยมาคิดบัญชีกับพวกเราแหงๆ...""มีผู้ใหญ่ที่ไหนไปเข้าร่วมพิธีขอแต่งงานของพวกเด็กๆกันบ้าง นี่มันไม่ถูกหลักธรรมเนียม อีกอย่างคุณซูอะไรนั่น คู่ควรให้พวกเราไปดูพิธีซะที่ไหน?""ก็นั่นน่ะสิ คนที่เทียบไม่ได้แม้แต่คนที่ครอบครัวธรรมดา ไม่มีสิทธิ์แม้แต่จะมาถือรองเท้าให้ฉันด้วยซ้ำ ถือดีอะไรมาสั่งให้พวกเราไป?""ใช่ ต่อให้เขาจะเป็นผู้ครอบครองอำนาจ พวกเราก็ไม่จำเป็นต้องไปก้มหัวคุกเข่า อ
คำพูดชุดใหญ่ของจี้ซือหาน ปิดช่องโหว่เครือญาติกลุ่มนั้นจนได้แต่ใบ้กินดูเหมือนพวกเขาจะไม่คิดว่า คนอย่างผู้ครอบครองอำนาจตระกูลจี้ จะรู้อย่างละเอียดแม้กระทั่งดีลสกปรก แต่ว่า..."ถึงจะทำเรื่องแบบนั้นไป แต่ก็ไม่น่าจะถึงขั้นต้องไล่พวกเราทั้งหมดออกจากกลุ่มบริษัทจี้มั้ง?"พวกเขาไม่เชื่อหรอกว่าคนอื่นๆในตระกูลจี้ จะไม่เคยทำเรื่องแบบนี้ มีสิทธิ์อะไรมาเชือดเครือญาติรอบนอกอย่างพวกเขาก่อน?"พี่ชายใหญ่ ทวงความเป็นธรรมให้หน่อยสิ หุ้นที่พวกเราถืออยู่ เดิมทีก็น้อยอยู่แล้ว ตอนนี้ยังคิดจะดึงกลับไปอีก จะให้พวกเรามีชีวิตกันยังไง?"พี่ชายใหญ่ที่พวกเขาเรียก ก็คือชายชราแห่งตระกูลจี้ จี้เจิ้นตงญาติรอบนอกพวกนี้ล้วนเป็นน้องชายน้องสาวของชายชรา มีทั้งสายเลือดใกล้และสายเลือดไกล เป็นคนรุ่นเดียวกับเขาถึงแม้ชายชราจี้จะไม่ได้กุมอำนาจแล้ว แต่อำนาจในการออกเสียงก็ยังมีอยู่ ต่อให้จี้ซือหานจะมีอำนาจมากแค่ไหน ก็ไม่สามารถข้ามหน้าข้ามตาชายชราไปได้หรอกมั้ง?ขอแค่ชายชราแสดงจุดยืนออกมา การตัดสินใจของจี้ซือหาน ก็ไม่ต่างอะไรกับแค่ลมตด!และก็เพราะว่าทุกคนกำลังคิดว่าบารมีของชายชราให้พึ่งพิง พวกเขาถึงได้กล้าทำเรื่องผิดกฎหมาย
ได้ยินในสิ่งที่จี้เสี้ยนหลี่พูด พวกลุงๆที่ลากให้ลูกสาวลูกชายของตัวเองต้องตกตะกำลำบากไปด้วย ก็พากันรู้สึกผิดขึ้นมาขอแค่ยังได้อยู่ในกลุ่มบริษัทจี้ต่อไป หากหลังจากนี้ทำคุณประโยชน์ ก็จะได้ถือหุ้นอีกครั้งก็เป็นได้สิ่งที่พวกเขาทำมันคือการยกหินออกจากหัวแล้วเขวี้ยงใส่เท้าตัวเอง มิหนำซ้ำยังทำลายอนาคตของลูกๆตัวเองอีกต่างหาก...ส่วนพวกลุงๆที่ไม่ได้ลากให้ลูกตัวเองซวยไปด้วย ก็ลอบโล่งใจอยู่ลึกๆ ยังดีที่บาปกรรมไม่ได้ตกไปที่ลูกหลานเพียงแต่ต้องให้พวกเขาออกมายืนเป็นแนวหน้ารับลูกธนู ย่อมไม่ยินยอมอยู่แล้ว จึงกลืนหายกับฝูงชนแล้วรอต่อไปจี้ซือหานที่ไม่มีความอดทนที่จะรออีกแล้ว ยกข้อมือขึ้นมองนาฬิกาแวบนึง แล้วพูดเสียงเย็น "หมดเวลาหนึ่งนาทีแล้ว"ทันทีที่เสียงเย็นชานั่นดังขึ้น พวกบอดี้การ์ดก็เดินขึ้นหน้า ทำเอาพวกลุงๆป้าๆตกใจจนรีบแสดงจุดยืนทันที"ฉันยอมรับการลดหุ้น!""ฉันก็ด้วย!""ฉันด้วย!"“......”หลังจากคนกลุ่มนึงตัดสินใจเสร็จ ก็เตรียมจะลุกขึ้นเดินออกไป ทว่าชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตำแหน่งหัวโต๊ะ กลับไม่คิดจะปล่อยให้พวกเขาไปง่ายๆ"เดี๋ยว..."พวกลุงๆป้าๆรีบหยุดฝีเท้าทันที แล้วมองจี้ซือหานด้วยความคลุม
ชายชราที่เดิมทีโมโหมาก ได้ยินจี้ซือหานพูดว่าเครือญาติกลุ่มนี้กล้าด่าแม้กระทั่งเขาก็ตระหนักได้ว่าพวกน้องชายน้องสาวที่ถูกเขาดูแลปกป้องมาตลอด ดูเหมือนจะไม่พอใจเขามาตั้งนานแล้วเขาเงยหน้าขึ้น มองสำรวจพวกน้องชายน้องสาวที่ตัวเองเคยดูแลมาทีละคน จู่ๆก็รู้สึกราวกับคนแปลกหน้าเหมือนว่าหลังจากที่ต่างคนต่างมีครอบครัวของตัวเอง นานวันเข้า แม้แต่จะมาเยี่ยมเยียนเขาก็น้อยครั้งมาก จะมีก็แต่เวลาที่จะคุยเรื่องโปรเจค หรือมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นเท่านั้น ถึงจะมาหาเขาถึงบ้าน ต่อให้เขาจะปฏิบัติกับพวกเขาดีแค่ไหน แต่สิ่งที่พวกเขาปฏิบัติต่อเขาก็เป็นได้แค่พี่ชายที่มีผลประโยชน์ก็เท่านั้น...ชายชราไตร่ตรองอย่างลึกซึ้งอยู่ครู่นึง แล้วเลือกที่จะเงียบ แล้วให้จี้ซือหานเป็นคนจัดการทั้งหมดชายหนุ่มที่อยู่ในห้องโถง ยกนิ้วมือเรียวขึ้น จังหวะที่กำลังจะออกคำสั่ง ลุงคนนึงก็เดินเข้าไปตรงหน้าจี้หยูปิง"หยูปิง ลุงขอโทษ เมื่อกี้ลุงใจร้อนไปหน่อย ยกโทษให้ลุงเถอะ"จี้หยูปิงเห็นลุงที่มักจะมีท่าทีเย่อหยิงโอหังมาโดยตลอด ยอมก้มหัวขอโทษตัวเอง ก็รู้สึกตกใจมากดีที่เธอได้รับการสั่งสอนจากทุกคนมาตั้งแต่เด็ก ว่าห้ามแสดงสีหน้าอารมณ์ จึงรั