เมื่อจี้ซือหานปล่อยซูหว่านออก ก็ลูบใบหน้าที่แดงระเรื่อนั้น "หว่านหว่าน ช่วงบ่ายฉันต้องออกไปข้างนอกหน่อย"ได้ยินว่าเขาจะออกไป หัวใจของซูหว่านก็บีบตัว "ไปไหน?"เขาทอดดวงตาต่ำ แล้วจูบหน้าผากของซูหว่านอีกครั้ง "ไปแค่บริษัท ไม่ต้องห่วงนะ"ซูหว่านได้ยินว่าเขาจะไปบริษัท ก็พยักหน้าวางใจ จี้ซือหานจึงได้จับมือเธอมานั่งลงหน้าโต๊ะอาหารเมื่อป้อนซุปกับของบำรุงให้เธอไปไม่น้อยแล้ว ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาซูชิง ให้เขาพาคนเขาคอยคุ้มกันซูหว่านตลอดเวลาซูชิงที่กำลังดูแลอลันอยู่ที่โรงพยาบาล ได้รับสาย ก็รีบส่งถ้วยข้าวต้มลงในให้พยาบาล จากนั้นลุกขึ้นแล้วเดินทางมายังคฤหาสน์มีซูชิงกับกลุ่มบอดี้การ์ดอยู่ด้วย จี้ซือหานจึงได้ออกจากคฤหาสน์แล้วมุ่งหน้าไปยังสถานที่ขอแต่งงาน...จี้เหลียงชวนที่มาก่อกวนการนัดบอดของซานซาน ถูกซานซานด่าชุดใหญ่ ในใจก็หงุดหงิดเป็นอย่างมากแต่ต่อให้จะหงุดหงิดแค่ไหน เรื่องที่พี่รองกำชับเอาไว้ เขาก็ทำได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเมื่อมองดูแผนที่ตัวเองสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็วด้วยความช่วยเหลือทางธนบัตร จี้เหลียงชวนก็ส่ายหน้าอย่างอดไม่ได้เวรซะจริง ชาวบ้านขอแต่งงานกันหวานชื่น ในขณะที่เขาต้อง
ซานซานขับรถมายังริมทะเล ซูหว่านที่นั่งเบาะข้างคนขับมองสำรวจทะเลนอกหน้าต่าง คลับคล้ายเหมือนจำได้ว่า จี้ซือหานเคยพาเธอมาที่นี่เย็นในวันนั้น เขานึกว่าเธอนอนกับกู้จิ่งเซินไปแล้ว ก็เลยใช้ตัวตนของคุณเย่ส่งข้อความมานับไม่ถ้วน โทรหาเป็นร้อยสาย แต่เธอก็ไม่ได้รับ เขาจึงต้องขับรถบูกัตติมาสกัดกั้นเธอที่โรงรถ แล้วสถานที่ที่พาเธอมาก็คือทะเลแห่งนี้จี้ซือหานในตอนนั้น ใช้แขนข้างนึงคร่อมไปกับหน้าต่างรถ ล้อมเธอเอาไว้ในอ้อมอก ก้มหน้าสอบสวนว่าเธอกับกู้จิ่งเซินเคยนอนด้วยกันกี่ครั้ง ไตร่สวนว่าในหัวใตของเธอมีเขาอยู่หรือเปล่า ทั้งยังใช้เงินห้าสิบล้านเพื่อแลกกับการไม่ให้เธอไปชอบกู้จิ่งเซิน ในขณะที่เธอรอให้เขาพูดมาตลอดว่ารักเธอพวกเขาในอดีตบางทีอาจจะไม่เคยคิดว่าวันนี้เขาจะขอเธอแต่งงาน และเธอก็ยินดีสุดหัวใจที่จะแต่งงานกับเขาซานซานจอดรถลงหน้าตึกนิทรรศการสี่เหลี่ยมจตุกรัส "หว่านหว่าน ถึงแล้ว งานเลี้ยงจัดขึ้นที่นี่ ฉันพาเธอเข้าไปแล้วกัน..."เสียงของซานซานดึงความคิดที่ล่องลอยของซูหว่านให้กลับมา "ซานซาน ที่นี่สร้างตึกนิทรรศการขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?"เธอจำได้ว่าสามปีก่อนตอนที่จี้ซือหานพาเธอมา ทะเลแห่งนี้เป็นพื้
ขณะที่เธอกำลังดูจนอินอยู่นั้น เนบิวลาบนกระเบื้องจู่ๆก็สลายหายไป และมีดอกกุหลาบPink O'Haraเข้ามาแทนที่จนเต็มพื้นส่วนเนบิวลาที่เคยอยู่เบื้องล่าง ก็พุ่งขึ้นไปโผล่อยู่ด้านบนเหนือศีรษะอย่างรวดเร็ว...ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นไปมองนั้น กำแพงทั้งสี่ทิศของอาคารซือหว่าน จู่ๆก็มีแสงเหนือสีเขียวปรากฎขึ้น...เมื่อเห็นแสงเหนือเหล่านั้น หัวใจของซูหว่านก็สั่นไหว นี่เป็น...แสงเหนือที่สร้างขึ้นมาที่แท้ เขาก็จำได้มาโดยตลอดว่าเธออยากไปดูแสงเหนือ เขาไม่เคยลืมเลย...ที่ไปฟินแลนด์สองครั้งต่างก็มีเรื่องเกิดขึ้น แสงเหนือที่สร้างขึ้นมานี้ จะเป็นของเธอตลอดไป เธออยากดูนานแค่ไหนก็ได้ดั่งใจเมื่อเข้าใจเจตนารมณ์ของจี้ซือหาน หัวใจของเธอก็ชุ่มด้วยความหวานทีละน้อย จนเหมือนทำให้เธอตกลงไปในบ่อน้ำผึ้ง หวานจนมีน้ำตาคลอที่หางตาตอนที่เธอยืนอยู่กับที่ มองภาพเคลื่อนไหวไปมานั้น ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาว ก็เดินออกมาจากแสงเหนือช้าๆ...แสงอ่อนๆ สาดส่องมารอบๆเขาทุกสารทิศ จนทำให้เขาราวกับเทพบุตรลงมาจุติ สง่างามสูงส่งจนมนุษย์ไม่อาจเข้าใกล้หรือสัมผัสถึง...และผู้ชายที่ราวกับเทพบุตรคนนี้นี่เอง ที่เต็มใจลงมาเกลือกกลั้วบนโลกมนุษย์ร่ว
ซูหว่านยกนิ้วมือเรียวขาวขึ้นชี้ไปยังกล่องแหวนเพชรในมือของเขา แล้วคลายความสงสัยให้ "คุณเตรียมคำปฏิญาณรักมาไม่ใช่หรอ?"จี้เหลียงชวนที่ซ่อนตัวอยู่ห่างๆ รวมถึงคนในตระกูลจี้ที่แอบอยู่ในซอกหลืบ ก็พากันหลุดขำออกมา...เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ ซูหว่านก็ชะงักไป หันกลับไปรอบๆก็ไม่เห็นใคร ขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น จี้ซือหานก็จับมือเธอเอาไว้เขาอ้าริมฝีปากพะงาบๆ พยายามจะพูดคำปฏิญาณรักออกมาหลายครั้ง ทว่าก็พูดไม่ออก สุดท้ายจึงได้แต่ถามอย่างร้อนใจ "แต่งหรือไม่แต่ง?"ซูหว่านกล้ารับประกันเลยว่า ถ้าเธอยังไม่ตอบตกลงอีก เกรงว่าจี้ซือหานจะร้อนใจตายแน่ จึงรีบพยักหน้าให้เขายิ้มๆ "แต่ง!"ไม่แต่งให้เขา แล้วจะแต่งให้ใคร นับตั้งแต่วินาทีที่ขายร่างกายให้เขา ก็ถูกกำหนดให้เป็นคนของเขาแล้ว โชคชะตาแห่งรักที่กำหนดมา ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้คำว่าแต่งแค่คำเดียว ทำเอาความตึงเครียดและความกระวนวายบนใบหน้าของจี้ซือหานค่อยๆสลายไป แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ...เขาจับมือเล็กขาวนาวลของซูหว่าน สวมแหวนเพชรที่สลักชื่อของพวกเขาสองคนเอาไว้ลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอตำแหน่งนี้อยู่ใกล้กับหัวใจมากที่สุด มีความหมายแฝงว่าได้นำอีกฝ่ายมาไ
ซานซานราวกับอ่านความคิดของซูหว่านได้จากดวงตาของเธอ ในดวงตาของเธอเองก็ถูกเคลือบด้วยน้ำตาเช่นกันพวกเธอต่างก็เป็นเด็กกำพร้า สิ่งที่ปรารถนามากที่สุดตั้งแต่เด็กจนโตก็มีแค่บ้านที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงเพื่อให้ได้มีบ้านหลังนี้ หว่านหว่านรอมาหลายปี ในที่สุดตอนนี้ก็มาถึง ชีวิตอีกครึ่งที่เหลือหลังจากนี้ จะต้องมีความสุขนะซานซานส่งคำอวยพรที่ดีที่สุดให้หว่านหว่านในใจ แล้วก็ใช้โทรศัพท์บันทึกช่วงเวลาสำคัญที่สุดที่หว่านหว่านของเธอก้าวไปสู่ชีวิตแห่งความสุขคนในตระกูลจี้ห้อมล้อมทั้งสองคนเอาไว้ พร้อมส่งเสียงเชียร์ให้พวกเขาจูบกันอีกรอบ "พี่รอง พี่สะใภ้รอง จูบอีก! จูบอีก!"ซูหว่านหน้าแดงไปหมดแล้ว ก็ได้แต่ก้มหน้าไม่ส่งเสียงใดๆ ส่วนชายหนุ่มข้างกายก็ช้อนดวงตาคมกริบขึ้นกวาดมองคนในตระกูลจี้ทีนึงสายตาที่เย็นยะเยือกราวหิมะ อีกทั้งยังลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดาได้ เมื่อกวาดมองทีละคน คนในตระกูลจี้ก็สะดุ้งออกมาโดยอัตโนมัติ และพากันหุบปากกระทั่งสายตาเย็นๆนั้นค่อยๆเคลื่อนที่ไปยังจี้เหลียงชวนที่คึกครื้นที่สุด คนอื่นๆในตระกูลจี้จึงโล่งใจ...แต่...น้องเจ็ดกำลังจะชะตาขาดแล้ว!จี้เหลียงชวนสัมผัสได้ถึงสายตานั้น ก็
เบาะข้างคนขับในรถคันนั้น ลดหน้าต่างลงครึ่งนึง เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาคมสัน แม้ว่าไฟข้างทางจะมืดแค่ไหน แต่ซานซานก็จำหน้าเขาได้เธออึ้งไปชั่วอึดใจ ก็รีบก้าวรองเท้าส้นสูง เดินฉับๆไปที่รถคันนั้น เมื่อเข้าไปใกล้แล้ว ถึงได้มั่นใจว่าเป็นเขาจริงๆ..."ซือเยว่"เธอเรียกชื่เขาด้วยเสียงสั่นเทาชายหนุ่มในรถยกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มช้าๆ "พี่ซานซาน"คำว่าพี่ซานซานที่ไม่ได้ยินนาน ทำเอาซานซานตาแดงก่ำ "นายมาได้ยังไง?"หลายวันที่ผ่านมานี้ เธอเคยโทรหาซ่งซือเยว่ แต่ถ้าเขาไม่ปิดเครื่องก็ไม่รับสาย เธอเองก็เคยไปหาเขาที่เมืองหลวง แต่เขาปฏิเสธที่จะพบเธอที่เขาทำแบบนี้ เหมือนกับอยากจะตัดขาดกับพวกเขาโดยสิ้นเชิง ไร้เยื่อใยจนแม้แต่พี่สาวอย่างเธอก็ไม่รูจักแล้ว...เดิมทีเธอยังนึกว่าต้องเสียน้องชายคนนี้ไปตลอดกาลซะแล้ว แต่ไม่คิดว่าเขาจะปรากฎตัวขึ้นในวันที่จี้ซือหานขอซูหว่านแต่งงานนี่มันหมายความว่าซ่งซือเยว่คอยติดตามพวกเธออยู่ตลอดใช่ไหม เพียงแต่เขาไม่เคยมารบกวนพวกเธอก็เท่านั้น...ซ่งซือเยว่ยื่นนิ้วมือขาวนวลไปรับเกล็ดหิมะที่อยู่ด้านนอก ในดวงตาบริสุทธิ์ เผยความโศกเศร้าที่ลบล้างไม่ออกเขาจ้องเกล็ดหิมะอยู่ชั่ว
ทั้งสองคนเดินเงียบมาตลอดทาง จนถึงอาคารซือหว่านชายหนุ่มบนเก้าอี้วิลแชร์ จ้องตัวอักษรด้านบน มองนิ่งอยู่สักครู่ ก็พูดเสียงต่ำ "ผมก็เคยอยากจะสร้างสถานที่แบบนี้เหมือนกัน..."เพื่อเธอ สร้างสถานที่นึงที่เป็นแค่ของเรา โดยใช้ชื่อของพวกเขา เช่นคำว่า(ซ่ง)ซือหว่าน...ทั้ง(ซ่ง)ซือหว่าน และ(จี้)ซือหว่าน เดิมทีล้วนก็มาจากความคิดถึงที่มีต่อซูหว่าน...ซ่งซือเยว่ที่เข้าใจความหมายโดยนัย ก็ยกมุมปากขึ้น รอยยิ้มขมขื่นจากบริเวณริมฝีปากลากไปจนถึงหัวใจ ทำให้เขาหายใจไม่ค่อยออกเห็นเด็กหนุ่มที่เคยมีชีวิตชีวิต กลายมาอยู่ในสภาพซูบผอมในตอนนี้แล้ว ซานซานก็ปวดใจมาก "ซือเยว่ ช่วงเวลาที่ผ่านมา นายมีชีวิตที่เป็นทุกข์มากเลยใช่ไหม?"ซ่งซือเยว่ส่ายหน้าอีกครั้ง "ผมมีชีวิตที่ดีมาก"กู้เจ๋อที่เข็นวิลแชร์อยู่ด้านหลัง กลับขมวดคิ้วแน่น เผยอารมณ์ที่ไม่พอใจ "ประธานกู้ คุณชีวิตดีตรงไหน ทั้งๆที่..."ซ่งซือเยว่เคร่งขรึมทันที "หุบปาก!"กู้เจ๋อที่มีเรื่องอัดอั้นใจแต่กลับพูดออกมาไม่ได้ ก็ได้แต่กลืนคำพูดลงไปซานซานเห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ ก็เข้าใจได้ในทันที ซ่งซือเยว่ที่เสียหว่านหว่านไป เกรงว่ากว่าจะผ่านไปได้แต่ละค่ำคืนนั้นต้องทุก
ซานซานเห็นเขาทุกข์ใจขนาดนี้ ก็ตาแดงตามไปด้วย "ซือเยว่ นายตั้งใจจะไม่ไปเจอเธออีกแล้วหรอ?"ซ่งซือเยว่เงียบ ถ้าไม่เจอ ก็ไม่ต้องคิดถึง แต่ถ้าเจอ...ใครจะรู้ถึงเวลานั้นเขาจะริษยาจนเสียสติไหมนะ?เขานั่งอยู่ที่เดิม นั่งอยู่เนิ่นนาน ถึงได้ค่อยๆเก็บความรู้สึก แล้วมองไปยังซานซาน "พี่ซานซาน ดูแลตัวเองดีๆนะ"เขาพูดประโยคนี้จบ ก็เข็นวิลแชร์ออกไปยังนอกประตู...แผ่นหลังซูบผอมที่นั่งอยู่บนวิลแชร์ ทำเอาซานซานดูจนปวดใจเธอตามขึ้นไปถามซ่งซือเยว่ "หลังจากนี้ถ้าโทรไปหานาย นายจะรับไหม?"ซ่งซือเยว่ช้อนดวงตาแดงก่ำดวงนั้น พยักหน้าให้ซานซานนิดๆ....ซานซานถึงได้วางใจลง "ซือเยว่ ถ้านายปล่อยวางหว่านหว่านได้แล้ว อย่าลืมบอกฉันหน่อยนะ"ซ่งซือเยว่ยังคงพยักหน้ายิ้มๆ ใบหน้าขาวนวลอ่อนโยนนั้น ไม่มีแม้แต่ร่องรอยโกรธเกลียด มีแต่จะยอมให้เขาออกจากอาคารซือหว่าน ยามค่ำคืนที่มีลมหนาวโหมกระหน่ำ หิมะตกอย่างแรง ชายหนุ่มบนเก้าอี้วิลแชร์แหงนหน้ารับเกล็ดหิมะที่ลอยเต็มท้องฟ้า"กู้เจ๋อ"เขาเรียกเสียงแผ่วเบา กู้เจ๋อที่อยู่ด้านหลังรีบโน้มตัวลง กำลังจะถามเขาว่ามีอะไร ทว่ากลับเห็นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยละอองน้ำใสๆลมหนาวจากหิมะพัด