ขณะที่เธอกำลังดูจนอินอยู่นั้น เนบิวลาบนกระเบื้องจู่ๆก็สลายหายไป และมีดอกกุหลาบPink O'Haraเข้ามาแทนที่จนเต็มพื้นส่วนเนบิวลาที่เคยอยู่เบื้องล่าง ก็พุ่งขึ้นไปโผล่อยู่ด้านบนเหนือศีรษะอย่างรวดเร็ว...ขณะที่เธอเงยหน้าขึ้นไปมองนั้น กำแพงทั้งสี่ทิศของอาคารซือหว่าน จู่ๆก็มีแสงเหนือสีเขียวปรากฎขึ้น...เมื่อเห็นแสงเหนือเหล่านั้น หัวใจของซูหว่านก็สั่นไหว นี่เป็น...แสงเหนือที่สร้างขึ้นมาที่แท้ เขาก็จำได้มาโดยตลอดว่าเธออยากไปดูแสงเหนือ เขาไม่เคยลืมเลย...ที่ไปฟินแลนด์สองครั้งต่างก็มีเรื่องเกิดขึ้น แสงเหนือที่สร้างขึ้นมานี้ จะเป็นของเธอตลอดไป เธออยากดูนานแค่ไหนก็ได้ดั่งใจเมื่อเข้าใจเจตนารมณ์ของจี้ซือหาน หัวใจของเธอก็ชุ่มด้วยความหวานทีละน้อย จนเหมือนทำให้เธอตกลงไปในบ่อน้ำผึ้ง หวานจนมีน้ำตาคลอที่หางตาตอนที่เธอยืนอยู่กับที่ มองภาพเคลื่อนไหวไปมานั้น ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาว ก็เดินออกมาจากแสงเหนือช้าๆ...แสงอ่อนๆ สาดส่องมารอบๆเขาทุกสารทิศ จนทำให้เขาราวกับเทพบุตรลงมาจุติ สง่างามสูงส่งจนมนุษย์ไม่อาจเข้าใกล้หรือสัมผัสถึง...และผู้ชายที่ราวกับเทพบุตรคนนี้นี่เอง ที่เต็มใจลงมาเกลือกกลั้วบนโลกมนุษย์ร่ว
ซูหว่านยกนิ้วมือเรียวขาวขึ้นชี้ไปยังกล่องแหวนเพชรในมือของเขา แล้วคลายความสงสัยให้ "คุณเตรียมคำปฏิญาณรักมาไม่ใช่หรอ?"จี้เหลียงชวนที่ซ่อนตัวอยู่ห่างๆ รวมถึงคนในตระกูลจี้ที่แอบอยู่ในซอกหลืบ ก็พากันหลุดขำออกมา...เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ ซูหว่านก็ชะงักไป หันกลับไปรอบๆก็ไม่เห็นใคร ขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น จี้ซือหานก็จับมือเธอเอาไว้เขาอ้าริมฝีปากพะงาบๆ พยายามจะพูดคำปฏิญาณรักออกมาหลายครั้ง ทว่าก็พูดไม่ออก สุดท้ายจึงได้แต่ถามอย่างร้อนใจ "แต่งหรือไม่แต่ง?"ซูหว่านกล้ารับประกันเลยว่า ถ้าเธอยังไม่ตอบตกลงอีก เกรงว่าจี้ซือหานจะร้อนใจตายแน่ จึงรีบพยักหน้าให้เขายิ้มๆ "แต่ง!"ไม่แต่งให้เขา แล้วจะแต่งให้ใคร นับตั้งแต่วินาทีที่ขายร่างกายให้เขา ก็ถูกกำหนดให้เป็นคนของเขาแล้ว โชคชะตาแห่งรักที่กำหนดมา ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้คำว่าแต่งแค่คำเดียว ทำเอาความตึงเครียดและความกระวนวายบนใบหน้าของจี้ซือหานค่อยๆสลายไป แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ...เขาจับมือเล็กขาวนาวลของซูหว่าน สวมแหวนเพชรที่สลักชื่อของพวกเขาสองคนเอาไว้ลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอตำแหน่งนี้อยู่ใกล้กับหัวใจมากที่สุด มีความหมายแฝงว่าได้นำอีกฝ่ายมาไ
ซานซานราวกับอ่านความคิดของซูหว่านได้จากดวงตาของเธอ ในดวงตาของเธอเองก็ถูกเคลือบด้วยน้ำตาเช่นกันพวกเธอต่างก็เป็นเด็กกำพร้า สิ่งที่ปรารถนามากที่สุดตั้งแต่เด็กจนโตก็มีแค่บ้านที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงเพื่อให้ได้มีบ้านหลังนี้ หว่านหว่านรอมาหลายปี ในที่สุดตอนนี้ก็มาถึง ชีวิตอีกครึ่งที่เหลือหลังจากนี้ จะต้องมีความสุขนะซานซานส่งคำอวยพรที่ดีที่สุดให้หว่านหว่านในใจ แล้วก็ใช้โทรศัพท์บันทึกช่วงเวลาสำคัญที่สุดที่หว่านหว่านของเธอก้าวไปสู่ชีวิตแห่งความสุขคนในตระกูลจี้ห้อมล้อมทั้งสองคนเอาไว้ พร้อมส่งเสียงเชียร์ให้พวกเขาจูบกันอีกรอบ "พี่รอง พี่สะใภ้รอง จูบอีก! จูบอีก!"ซูหว่านหน้าแดงไปหมดแล้ว ก็ได้แต่ก้มหน้าไม่ส่งเสียงใดๆ ส่วนชายหนุ่มข้างกายก็ช้อนดวงตาคมกริบขึ้นกวาดมองคนในตระกูลจี้ทีนึงสายตาที่เย็นยะเยือกราวหิมะ อีกทั้งยังลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดาได้ เมื่อกวาดมองทีละคน คนในตระกูลจี้ก็สะดุ้งออกมาโดยอัตโนมัติ และพากันหุบปากกระทั่งสายตาเย็นๆนั้นค่อยๆเคลื่อนที่ไปยังจี้เหลียงชวนที่คึกครื้นที่สุด คนอื่นๆในตระกูลจี้จึงโล่งใจ...แต่...น้องเจ็ดกำลังจะชะตาขาดแล้ว!จี้เหลียงชวนสัมผัสได้ถึงสายตานั้น ก็
เบาะข้างคนขับในรถคันนั้น ลดหน้าต่างลงครึ่งนึง เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาคมสัน แม้ว่าไฟข้างทางจะมืดแค่ไหน แต่ซานซานก็จำหน้าเขาได้เธออึ้งไปชั่วอึดใจ ก็รีบก้าวรองเท้าส้นสูง เดินฉับๆไปที่รถคันนั้น เมื่อเข้าไปใกล้แล้ว ถึงได้มั่นใจว่าเป็นเขาจริงๆ..."ซือเยว่"เธอเรียกชื่เขาด้วยเสียงสั่นเทาชายหนุ่มในรถยกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มช้าๆ "พี่ซานซาน"คำว่าพี่ซานซานที่ไม่ได้ยินนาน ทำเอาซานซานตาแดงก่ำ "นายมาได้ยังไง?"หลายวันที่ผ่านมานี้ เธอเคยโทรหาซ่งซือเยว่ แต่ถ้าเขาไม่ปิดเครื่องก็ไม่รับสาย เธอเองก็เคยไปหาเขาที่เมืองหลวง แต่เขาปฏิเสธที่จะพบเธอที่เขาทำแบบนี้ เหมือนกับอยากจะตัดขาดกับพวกเขาโดยสิ้นเชิง ไร้เยื่อใยจนแม้แต่พี่สาวอย่างเธอก็ไม่รูจักแล้ว...เดิมทีเธอยังนึกว่าต้องเสียน้องชายคนนี้ไปตลอดกาลซะแล้ว แต่ไม่คิดว่าเขาจะปรากฎตัวขึ้นในวันที่จี้ซือหานขอซูหว่านแต่งงานนี่มันหมายความว่าซ่งซือเยว่คอยติดตามพวกเธออยู่ตลอดใช่ไหม เพียงแต่เขาไม่เคยมารบกวนพวกเธอก็เท่านั้น...ซ่งซือเยว่ยื่นนิ้วมือขาวนวลไปรับเกล็ดหิมะที่อยู่ด้านนอก ในดวงตาบริสุทธิ์ เผยความโศกเศร้าที่ลบล้างไม่ออกเขาจ้องเกล็ดหิมะอยู่ชั่ว
ทั้งสองคนเดินเงียบมาตลอดทาง จนถึงอาคารซือหว่านชายหนุ่มบนเก้าอี้วิลแชร์ จ้องตัวอักษรด้านบน มองนิ่งอยู่สักครู่ ก็พูดเสียงต่ำ "ผมก็เคยอยากจะสร้างสถานที่แบบนี้เหมือนกัน..."เพื่อเธอ สร้างสถานที่นึงที่เป็นแค่ของเรา โดยใช้ชื่อของพวกเขา เช่นคำว่า(ซ่ง)ซือหว่าน...ทั้ง(ซ่ง)ซือหว่าน และ(จี้)ซือหว่าน เดิมทีล้วนก็มาจากความคิดถึงที่มีต่อซูหว่าน...ซ่งซือเยว่ที่เข้าใจความหมายโดยนัย ก็ยกมุมปากขึ้น รอยยิ้มขมขื่นจากบริเวณริมฝีปากลากไปจนถึงหัวใจ ทำให้เขาหายใจไม่ค่อยออกเห็นเด็กหนุ่มที่เคยมีชีวิตชีวิต กลายมาอยู่ในสภาพซูบผอมในตอนนี้แล้ว ซานซานก็ปวดใจมาก "ซือเยว่ ช่วงเวลาที่ผ่านมา นายมีชีวิตที่เป็นทุกข์มากเลยใช่ไหม?"ซ่งซือเยว่ส่ายหน้าอีกครั้ง "ผมมีชีวิตที่ดีมาก"กู้เจ๋อที่เข็นวิลแชร์อยู่ด้านหลัง กลับขมวดคิ้วแน่น เผยอารมณ์ที่ไม่พอใจ "ประธานกู้ คุณชีวิตดีตรงไหน ทั้งๆที่..."ซ่งซือเยว่เคร่งขรึมทันที "หุบปาก!"กู้เจ๋อที่มีเรื่องอัดอั้นใจแต่กลับพูดออกมาไม่ได้ ก็ได้แต่กลืนคำพูดลงไปซานซานเห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ ก็เข้าใจได้ในทันที ซ่งซือเยว่ที่เสียหว่านหว่านไป เกรงว่ากว่าจะผ่านไปได้แต่ละค่ำคืนนั้นต้องทุก
ซานซานเห็นเขาทุกข์ใจขนาดนี้ ก็ตาแดงตามไปด้วย "ซือเยว่ นายตั้งใจจะไม่ไปเจอเธออีกแล้วหรอ?"ซ่งซือเยว่เงียบ ถ้าไม่เจอ ก็ไม่ต้องคิดถึง แต่ถ้าเจอ...ใครจะรู้ถึงเวลานั้นเขาจะริษยาจนเสียสติไหมนะ?เขานั่งอยู่ที่เดิม นั่งอยู่เนิ่นนาน ถึงได้ค่อยๆเก็บความรู้สึก แล้วมองไปยังซานซาน "พี่ซานซาน ดูแลตัวเองดีๆนะ"เขาพูดประโยคนี้จบ ก็เข็นวิลแชร์ออกไปยังนอกประตู...แผ่นหลังซูบผอมที่นั่งอยู่บนวิลแชร์ ทำเอาซานซานดูจนปวดใจเธอตามขึ้นไปถามซ่งซือเยว่ "หลังจากนี้ถ้าโทรไปหานาย นายจะรับไหม?"ซ่งซือเยว่ช้อนดวงตาแดงก่ำดวงนั้น พยักหน้าให้ซานซานนิดๆ....ซานซานถึงได้วางใจลง "ซือเยว่ ถ้านายปล่อยวางหว่านหว่านได้แล้ว อย่าลืมบอกฉันหน่อยนะ"ซ่งซือเยว่ยังคงพยักหน้ายิ้มๆ ใบหน้าขาวนวลอ่อนโยนนั้น ไม่มีแม้แต่ร่องรอยโกรธเกลียด มีแต่จะยอมให้เขาออกจากอาคารซือหว่าน ยามค่ำคืนที่มีลมหนาวโหมกระหน่ำ หิมะตกอย่างแรง ชายหนุ่มบนเก้าอี้วิลแชร์แหงนหน้ารับเกล็ดหิมะที่ลอยเต็มท้องฟ้า"กู้เจ๋อ"เขาเรียกเสียงแผ่วเบา กู้เจ๋อที่อยู่ด้านหลังรีบโน้มตัวลง กำลังจะถามเขาว่ามีอะไร ทว่ากลับเห็นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยละอองน้ำใสๆลมหนาวจากหิมะพัด
ซานซานพิงหลังลงบนประตูรถ มองเขาอย่างเหนื่อยใจ "นายจะทำอะไร?"เมื่อจี้เหลียงชวนกางเสื้อโค้ท คลุมลงบนตัวของเธอด้วยสีหน้าเย็นชาเสร็จ มือทั้งสองข้างเท้าลงบนหลังคารถ โน้มตัวลงมาน้อยๆ คร่อมเธอไว้ในอ้อมกอด"เฉียวซานซาน ฉันถามเธอนะ ถ้าฉันขอเธอแต่งงาน เธอจะไม่เที่ยวหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายไปทั่วอีกใช่ไหม?"ตอนบ่ายเธอเพิ่งจะนัดบอดมาเสร็จ ตกดึกก็นัดเจอผู้ชาย ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสินะ?เฉียวซานซานได้ยินคำว่า "ขอแต่งงาน" ก็ตกใจแป๊บนึง แต่พอตามหลังมาด้วยประโยคที่ว่าเที่ยวหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชาย กลับดึงความคิดเธอกลับมา"จี้เหลียงชวน นายฟังให้ชัดนะ ฉันไม่มีทางแต่งงานกับนาย ส่วนเรื่องหว่านเสน่ห์น่ะ คิดว่าจะห้ามฉันได้หรอ ฉันไม่ใช่แฟนของนายสักหน่อย"เธอพูดประโยคนี้จบก็ผลักจี้เหลียงชวนออกในทีเดียว หมุนตัวแล้วดึงประตูรถออก ทว่าร่างกายกลับถูกเขากอดเอาไว้จากด้านหลัง...จริงๆแล้วจี้เหลียงชวนก็สูงมากทีเดียว คงจะเป็นยีนส์เด่นของคนในตระกูลจี้ล่ะมั้ง พอเวลากอดเธอ ก็เลยสูงเหนือศีรษะเธอขึ้นไปอีก...จี้เหลียงชวนฝังคางเข้ากับซอกคอของซานซาน แล้วคาไว้แบบนั้นอย่างคนหมดแรง"พี่ซานซาน ฉันค้นพบว่า นับตั้งแต่ที่ฉันก
ท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก รถหรูสิบกว่าคันก็จอดลงที่หน้าประตูคฤหาสน์หมายเลขแปดที่ประตูเบาะหลังรถโคนิเซ็กซึ่งขับนำหน้าอยู่นั้น ค่อยๆเปิดออก ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวเดินลงมาจากรถรูปร่างที่งดงามเพอร์เฟ็ก ยืนอยู่ริมประตูรถ รูปปั้นที่ราวกับถูกพระเจ้าแกะสลักขึ้น เย็นชาและสูงศักดิ์จนมนุษย์ไม่อาจเข้าใกล้แต่ทว่าชายหนุ่มที่สูงส่งจนไม่อาจเอื้อมผู้นี้ กลับโน้มตัวลง ยื่นนิ้วเรียวขาวนวลออกไปหาหญิงสาวในรถดวงตาที่เย็นชาราวกับหิมะคู่นั้น เมื่อสัมผัสไปถึงหญิงสาวด้านใน เพียงเสี้ยววินาที ก็คลุมปกคลุมด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นราวกับว่าชีวิตนี้คนที่จะทำให้เขาเผยความอ่อนโยนออกมาได้ในบางครั้ง มีเพียงหญิงสาวตัวเล็กที่สวมชุดราตรีสีขาวในรถแต่เพียงผู้เดียวซูหว่านยื่นมือออกไปวางบนฝ่ามือหนาใหญ่ของเขา พึ่งพาแรงของเขาลงมาจากรถ จากนั้นแหงนหน้ามองคฤหาสน์สไตล์ Jane European ที่อยู่ตรงหน้าเธอหันข้างมามองชายหนุ่มที่สูงกว่าตัวเองมาก แล้วยิ้มอย่างไม่รู้สาเหตุ "คุณพาฉันมาที่คฤหาสน์หมายเลขแปดทำไม?"จี้ซือหานหยิบเสื้อโค้ทตัวนึงออกมาคลุมลงบนร่างกายของเธอ จากนั้นจับเอวบางแล้วอุ้มเธอขึ้นมา "เขาไปเดี๋ยวก็รู้"ซูหว่านจึงไม่ได้