ซูหว่านยกนิ้วมือเรียวขาวขึ้นชี้ไปยังกล่องแหวนเพชรในมือของเขา แล้วคลายความสงสัยให้ "คุณเตรียมคำปฏิญาณรักมาไม่ใช่หรอ?"จี้เหลียงชวนที่ซ่อนตัวอยู่ห่างๆ รวมถึงคนในตระกูลจี้ที่แอบอยู่ในซอกหลืบ ก็พากันหลุดขำออกมา...เมื่อได้ยินเสียงหัวเราะ ซูหว่านก็ชะงักไป หันกลับไปรอบๆก็ไม่เห็นใคร ขณะที่กำลังสงสัยอยู่นั้น จี้ซือหานก็จับมือเธอเอาไว้เขาอ้าริมฝีปากพะงาบๆ พยายามจะพูดคำปฏิญาณรักออกมาหลายครั้ง ทว่าก็พูดไม่ออก สุดท้ายจึงได้แต่ถามอย่างร้อนใจ "แต่งหรือไม่แต่ง?"ซูหว่านกล้ารับประกันเลยว่า ถ้าเธอยังไม่ตอบตกลงอีก เกรงว่าจี้ซือหานจะร้อนใจตายแน่ จึงรีบพยักหน้าให้เขายิ้มๆ "แต่ง!"ไม่แต่งให้เขา แล้วจะแต่งให้ใคร นับตั้งแต่วินาทีที่ขายร่างกายให้เขา ก็ถูกกำหนดให้เป็นคนของเขาแล้ว โชคชะตาแห่งรักที่กำหนดมา ยังไงก็เปลี่ยนไม่ได้คำว่าแต่งแค่คำเดียว ทำเอาความตึงเครียดและความกระวนวายบนใบหน้าของจี้ซือหานค่อยๆสลายไป แปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มอ่อนๆ...เขาจับมือเล็กขาวนาวลของซูหว่าน สวมแหวนเพชรที่สลักชื่อของพวกเขาสองคนเอาไว้ลงบนนิ้วนางข้างซ้ายของเธอตำแหน่งนี้อยู่ใกล้กับหัวใจมากที่สุด มีความหมายแฝงว่าได้นำอีกฝ่ายมาไ
ซานซานราวกับอ่านความคิดของซูหว่านได้จากดวงตาของเธอ ในดวงตาของเธอเองก็ถูกเคลือบด้วยน้ำตาเช่นกันพวกเธอต่างก็เป็นเด็กกำพร้า สิ่งที่ปรารถนามากที่สุดตั้งแต่เด็กจนโตก็มีแค่บ้านที่เป็นของตัวเองอย่างแท้จริงเพื่อให้ได้มีบ้านหลังนี้ หว่านหว่านรอมาหลายปี ในที่สุดตอนนี้ก็มาถึง ชีวิตอีกครึ่งที่เหลือหลังจากนี้ จะต้องมีความสุขนะซานซานส่งคำอวยพรที่ดีที่สุดให้หว่านหว่านในใจ แล้วก็ใช้โทรศัพท์บันทึกช่วงเวลาสำคัญที่สุดที่หว่านหว่านของเธอก้าวไปสู่ชีวิตแห่งความสุขคนในตระกูลจี้ห้อมล้อมทั้งสองคนเอาไว้ พร้อมส่งเสียงเชียร์ให้พวกเขาจูบกันอีกรอบ "พี่รอง พี่สะใภ้รอง จูบอีก! จูบอีก!"ซูหว่านหน้าแดงไปหมดแล้ว ก็ได้แต่ก้มหน้าไม่ส่งเสียงใดๆ ส่วนชายหนุ่มข้างกายก็ช้อนดวงตาคมกริบขึ้นกวาดมองคนในตระกูลจี้ทีนึงสายตาที่เย็นยะเยือกราวหิมะ อีกทั้งยังลึกล้ำจนไม่อาจคาดเดาได้ เมื่อกวาดมองทีละคน คนในตระกูลจี้ก็สะดุ้งออกมาโดยอัตโนมัติ และพากันหุบปากกระทั่งสายตาเย็นๆนั้นค่อยๆเคลื่อนที่ไปยังจี้เหลียงชวนที่คึกครื้นที่สุด คนอื่นๆในตระกูลจี้จึงโล่งใจ...แต่...น้องเจ็ดกำลังจะชะตาขาดแล้ว!จี้เหลียงชวนสัมผัสได้ถึงสายตานั้น ก็
เบาะข้างคนขับในรถคันนั้น ลดหน้าต่างลงครึ่งนึง เผยให้เห็นใบหน้าที่หล่อเหลาคมสัน แม้ว่าไฟข้างทางจะมืดแค่ไหน แต่ซานซานก็จำหน้าเขาได้เธออึ้งไปชั่วอึดใจ ก็รีบก้าวรองเท้าส้นสูง เดินฉับๆไปที่รถคันนั้น เมื่อเข้าไปใกล้แล้ว ถึงได้มั่นใจว่าเป็นเขาจริงๆ..."ซือเยว่"เธอเรียกชื่เขาด้วยเสียงสั่นเทาชายหนุ่มในรถยกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มช้าๆ "พี่ซานซาน"คำว่าพี่ซานซานที่ไม่ได้ยินนาน ทำเอาซานซานตาแดงก่ำ "นายมาได้ยังไง?"หลายวันที่ผ่านมานี้ เธอเคยโทรหาซ่งซือเยว่ แต่ถ้าเขาไม่ปิดเครื่องก็ไม่รับสาย เธอเองก็เคยไปหาเขาที่เมืองหลวง แต่เขาปฏิเสธที่จะพบเธอที่เขาทำแบบนี้ เหมือนกับอยากจะตัดขาดกับพวกเขาโดยสิ้นเชิง ไร้เยื่อใยจนแม้แต่พี่สาวอย่างเธอก็ไม่รูจักแล้ว...เดิมทีเธอยังนึกว่าต้องเสียน้องชายคนนี้ไปตลอดกาลซะแล้ว แต่ไม่คิดว่าเขาจะปรากฎตัวขึ้นในวันที่จี้ซือหานขอซูหว่านแต่งงานนี่มันหมายความว่าซ่งซือเยว่คอยติดตามพวกเธออยู่ตลอดใช่ไหม เพียงแต่เขาไม่เคยมารบกวนพวกเธอก็เท่านั้น...ซ่งซือเยว่ยื่นนิ้วมือขาวนวลไปรับเกล็ดหิมะที่อยู่ด้านนอก ในดวงตาบริสุทธิ์ เผยความโศกเศร้าที่ลบล้างไม่ออกเขาจ้องเกล็ดหิมะอยู่ชั่ว
ทั้งสองคนเดินเงียบมาตลอดทาง จนถึงอาคารซือหว่านชายหนุ่มบนเก้าอี้วิลแชร์ จ้องตัวอักษรด้านบน มองนิ่งอยู่สักครู่ ก็พูดเสียงต่ำ "ผมก็เคยอยากจะสร้างสถานที่แบบนี้เหมือนกัน..."เพื่อเธอ สร้างสถานที่นึงที่เป็นแค่ของเรา โดยใช้ชื่อของพวกเขา เช่นคำว่า(ซ่ง)ซือหว่าน...ทั้ง(ซ่ง)ซือหว่าน และ(จี้)ซือหว่าน เดิมทีล้วนก็มาจากความคิดถึงที่มีต่อซูหว่าน...ซ่งซือเยว่ที่เข้าใจความหมายโดยนัย ก็ยกมุมปากขึ้น รอยยิ้มขมขื่นจากบริเวณริมฝีปากลากไปจนถึงหัวใจ ทำให้เขาหายใจไม่ค่อยออกเห็นเด็กหนุ่มที่เคยมีชีวิตชีวิต กลายมาอยู่ในสภาพซูบผอมในตอนนี้แล้ว ซานซานก็ปวดใจมาก "ซือเยว่ ช่วงเวลาที่ผ่านมา นายมีชีวิตที่เป็นทุกข์มากเลยใช่ไหม?"ซ่งซือเยว่ส่ายหน้าอีกครั้ง "ผมมีชีวิตที่ดีมาก"กู้เจ๋อที่เข็นวิลแชร์อยู่ด้านหลัง กลับขมวดคิ้วแน่น เผยอารมณ์ที่ไม่พอใจ "ประธานกู้ คุณชีวิตดีตรงไหน ทั้งๆที่..."ซ่งซือเยว่เคร่งขรึมทันที "หุบปาก!"กู้เจ๋อที่มีเรื่องอัดอั้นใจแต่กลับพูดออกมาไม่ได้ ก็ได้แต่กลืนคำพูดลงไปซานซานเห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ ก็เข้าใจได้ในทันที ซ่งซือเยว่ที่เสียหว่านหว่านไป เกรงว่ากว่าจะผ่านไปได้แต่ละค่ำคืนนั้นต้องทุก
ซานซานเห็นเขาทุกข์ใจขนาดนี้ ก็ตาแดงตามไปด้วย "ซือเยว่ นายตั้งใจจะไม่ไปเจอเธออีกแล้วหรอ?"ซ่งซือเยว่เงียบ ถ้าไม่เจอ ก็ไม่ต้องคิดถึง แต่ถ้าเจอ...ใครจะรู้ถึงเวลานั้นเขาจะริษยาจนเสียสติไหมนะ?เขานั่งอยู่ที่เดิม นั่งอยู่เนิ่นนาน ถึงได้ค่อยๆเก็บความรู้สึก แล้วมองไปยังซานซาน "พี่ซานซาน ดูแลตัวเองดีๆนะ"เขาพูดประโยคนี้จบ ก็เข็นวิลแชร์ออกไปยังนอกประตู...แผ่นหลังซูบผอมที่นั่งอยู่บนวิลแชร์ ทำเอาซานซานดูจนปวดใจเธอตามขึ้นไปถามซ่งซือเยว่ "หลังจากนี้ถ้าโทรไปหานาย นายจะรับไหม?"ซ่งซือเยว่ช้อนดวงตาแดงก่ำดวงนั้น พยักหน้าให้ซานซานนิดๆ....ซานซานถึงได้วางใจลง "ซือเยว่ ถ้านายปล่อยวางหว่านหว่านได้แล้ว อย่าลืมบอกฉันหน่อยนะ"ซ่งซือเยว่ยังคงพยักหน้ายิ้มๆ ใบหน้าขาวนวลอ่อนโยนนั้น ไม่มีแม้แต่ร่องรอยโกรธเกลียด มีแต่จะยอมให้เขาออกจากอาคารซือหว่าน ยามค่ำคืนที่มีลมหนาวโหมกระหน่ำ หิมะตกอย่างแรง ชายหนุ่มบนเก้าอี้วิลแชร์แหงนหน้ารับเกล็ดหิมะที่ลอยเต็มท้องฟ้า"กู้เจ๋อ"เขาเรียกเสียงแผ่วเบา กู้เจ๋อที่อยู่ด้านหลังรีบโน้มตัวลง กำลังจะถามเขาว่ามีอะไร ทว่ากลับเห็นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยละอองน้ำใสๆลมหนาวจากหิมะพัด
ซานซานพิงหลังลงบนประตูรถ มองเขาอย่างเหนื่อยใจ "นายจะทำอะไร?"เมื่อจี้เหลียงชวนกางเสื้อโค้ท คลุมลงบนตัวของเธอด้วยสีหน้าเย็นชาเสร็จ มือทั้งสองข้างเท้าลงบนหลังคารถ โน้มตัวลงมาน้อยๆ คร่อมเธอไว้ในอ้อมกอด"เฉียวซานซาน ฉันถามเธอนะ ถ้าฉันขอเธอแต่งงาน เธอจะไม่เที่ยวหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายไปทั่วอีกใช่ไหม?"ตอนบ่ายเธอเพิ่งจะนัดบอดมาเสร็จ ตกดึกก็นัดเจอผู้ชาย ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสินะ?เฉียวซานซานได้ยินคำว่า "ขอแต่งงาน" ก็ตกใจแป๊บนึง แต่พอตามหลังมาด้วยประโยคที่ว่าเที่ยวหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชาย กลับดึงความคิดเธอกลับมา"จี้เหลียงชวน นายฟังให้ชัดนะ ฉันไม่มีทางแต่งงานกับนาย ส่วนเรื่องหว่านเสน่ห์น่ะ คิดว่าจะห้ามฉันได้หรอ ฉันไม่ใช่แฟนของนายสักหน่อย"เธอพูดประโยคนี้จบก็ผลักจี้เหลียงชวนออกในทีเดียว หมุนตัวแล้วดึงประตูรถออก ทว่าร่างกายกลับถูกเขากอดเอาไว้จากด้านหลัง...จริงๆแล้วจี้เหลียงชวนก็สูงมากทีเดียว คงจะเป็นยีนส์เด่นของคนในตระกูลจี้ล่ะมั้ง พอเวลากอดเธอ ก็เลยสูงเหนือศีรษะเธอขึ้นไปอีก...จี้เหลียงชวนฝังคางเข้ากับซอกคอของซานซาน แล้วคาไว้แบบนั้นอย่างคนหมดแรง"พี่ซานซาน ฉันค้นพบว่า นับตั้งแต่ที่ฉันก
ท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก รถหรูสิบกว่าคันก็จอดลงที่หน้าประตูคฤหาสน์หมายเลขแปดที่ประตูเบาะหลังรถโคนิเซ็กซึ่งขับนำหน้าอยู่นั้น ค่อยๆเปิดออก ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวเดินลงมาจากรถรูปร่างที่งดงามเพอร์เฟ็ก ยืนอยู่ริมประตูรถ รูปปั้นที่ราวกับถูกพระเจ้าแกะสลักขึ้น เย็นชาและสูงศักดิ์จนมนุษย์ไม่อาจเข้าใกล้แต่ทว่าชายหนุ่มที่สูงส่งจนไม่อาจเอื้อมผู้นี้ กลับโน้มตัวลง ยื่นนิ้วเรียวขาวนวลออกไปหาหญิงสาวในรถดวงตาที่เย็นชาราวกับหิมะคู่นั้น เมื่อสัมผัสไปถึงหญิงสาวด้านใน เพียงเสี้ยววินาที ก็คลุมปกคลุมด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นราวกับว่าชีวิตนี้คนที่จะทำให้เขาเผยความอ่อนโยนออกมาได้ในบางครั้ง มีเพียงหญิงสาวตัวเล็กที่สวมชุดราตรีสีขาวในรถแต่เพียงผู้เดียวซูหว่านยื่นมือออกไปวางบนฝ่ามือหนาใหญ่ของเขา พึ่งพาแรงของเขาลงมาจากรถ จากนั้นแหงนหน้ามองคฤหาสน์สไตล์ Jane European ที่อยู่ตรงหน้าเธอหันข้างมามองชายหนุ่มที่สูงกว่าตัวเองมาก แล้วยิ้มอย่างไม่รู้สาเหตุ "คุณพาฉันมาที่คฤหาสน์หมายเลขแปดทำไม?"จี้ซือหานหยิบเสื้อโค้ทตัวนึงออกมาคลุมลงบนร่างกายของเธอ จากนั้นจับเอวบางแล้วอุ้มเธอขึ้นมา "เขาไปเดี๋ยวก็รู้"ซูหว่านจึงไม่ได้
ซูหว่านได้ยินเขายังล้อตัวเองอยู่ ก็หมดหนทางจนเลิกขัดขืน ปล่อยคอเสื้อของเขาออก พลิกตัวแผ่หราลงบนเตียง มุดศีรษะเข้าไปในผ้าห่มนุ่มนิ่ม ถึงได้ปรับสีหน้าจากความขายหน้ากลับมาได้ชายหนุ่มยืนอยู่ริมเตียง เห็นเธอตีขาเล็กๆขึ้นลงเพื่อระบายอารมณ์ ดวงตางดงามดั่งภาพวาดใต้คิ้วหนา ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเขาเดินหน้าหลอกต่อไป มือข้างนึงคร่อมเอาไว้ข้างกางของเธอ แล้วโอ๋ว่า "คุณนายจี้ เมื่อกี้ฉันเสียมารยาท ฉันจะชดใช้ให้ ตกลงไหม?"ซูหว่านที่ไม่อยากสนใจเขา ได้ยินเขาพูดว่าจะชดใช้ให้ ก็หันกลับมามองชายหนุ่มที่นอนตะแคงอยู่ข้างๆ มือข้างนึงเท้าคางอยู่ "คุณกะจะชดใช้ให้ยังไง?"จี้ซือหานยกมือขึ้นจับเอวบางของเธอ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง แล้วก้มหน้ากระซิบ "ชดใช้ด้วยชีวิตทั้งหมดของฉัน พอได้ไหม?"ซูหว่านเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของเขา ดวงตาโตๆเคลื่อนไหวไปมา เป็นประกายใสๆ "ไม่เอา คุณสัญญาว่าจะอยู่กับฉันทั้งชีวิตแล้ว เปลี่ยนใหม่"ริมฝีปากบางของชายหนุ่มเปิดออก ขณะกำลังจะพูดต่อ นิ้วมือของเธอก็ปิดลงบนริมฝีปากของเขา "ตลอดไปก็ใช้ไปแล้ว ห้ามใช้ซ้ำ"รอยยิ้มมุมปากของจี้ซือหานกว้างขึ้นกว่าเดิม "ถ้างั้นคุณนายจี้อยากให้ฉันทำยัง
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ