ทั้งสองคนเดินเงียบมาตลอดทาง จนถึงอาคารซือหว่านชายหนุ่มบนเก้าอี้วิลแชร์ จ้องตัวอักษรด้านบน มองนิ่งอยู่สักครู่ ก็พูดเสียงต่ำ "ผมก็เคยอยากจะสร้างสถานที่แบบนี้เหมือนกัน..."เพื่อเธอ สร้างสถานที่นึงที่เป็นแค่ของเรา โดยใช้ชื่อของพวกเขา เช่นคำว่า(ซ่ง)ซือหว่าน...ทั้ง(ซ่ง)ซือหว่าน และ(จี้)ซือหว่าน เดิมทีล้วนก็มาจากความคิดถึงที่มีต่อซูหว่าน...ซ่งซือเยว่ที่เข้าใจความหมายโดยนัย ก็ยกมุมปากขึ้น รอยยิ้มขมขื่นจากบริเวณริมฝีปากลากไปจนถึงหัวใจ ทำให้เขาหายใจไม่ค่อยออกเห็นเด็กหนุ่มที่เคยมีชีวิตชีวิต กลายมาอยู่ในสภาพซูบผอมในตอนนี้แล้ว ซานซานก็ปวดใจมาก "ซือเยว่ ช่วงเวลาที่ผ่านมา นายมีชีวิตที่เป็นทุกข์มากเลยใช่ไหม?"ซ่งซือเยว่ส่ายหน้าอีกครั้ง "ผมมีชีวิตที่ดีมาก"กู้เจ๋อที่เข็นวิลแชร์อยู่ด้านหลัง กลับขมวดคิ้วแน่น เผยอารมณ์ที่ไม่พอใจ "ประธานกู้ คุณชีวิตดีตรงไหน ทั้งๆที่..."ซ่งซือเยว่เคร่งขรึมทันที "หุบปาก!"กู้เจ๋อที่มีเรื่องอัดอั้นใจแต่กลับพูดออกมาไม่ได้ ก็ได้แต่กลืนคำพูดลงไปซานซานเห็นพวกเขาเป็นแบบนี้ ก็เข้าใจได้ในทันที ซ่งซือเยว่ที่เสียหว่านหว่านไป เกรงว่ากว่าจะผ่านไปได้แต่ละค่ำคืนนั้นต้องทุก
ซานซานเห็นเขาทุกข์ใจขนาดนี้ ก็ตาแดงตามไปด้วย "ซือเยว่ นายตั้งใจจะไม่ไปเจอเธออีกแล้วหรอ?"ซ่งซือเยว่เงียบ ถ้าไม่เจอ ก็ไม่ต้องคิดถึง แต่ถ้าเจอ...ใครจะรู้ถึงเวลานั้นเขาจะริษยาจนเสียสติไหมนะ?เขานั่งอยู่ที่เดิม นั่งอยู่เนิ่นนาน ถึงได้ค่อยๆเก็บความรู้สึก แล้วมองไปยังซานซาน "พี่ซานซาน ดูแลตัวเองดีๆนะ"เขาพูดประโยคนี้จบ ก็เข็นวิลแชร์ออกไปยังนอกประตู...แผ่นหลังซูบผอมที่นั่งอยู่บนวิลแชร์ ทำเอาซานซานดูจนปวดใจเธอตามขึ้นไปถามซ่งซือเยว่ "หลังจากนี้ถ้าโทรไปหานาย นายจะรับไหม?"ซ่งซือเยว่ช้อนดวงตาแดงก่ำดวงนั้น พยักหน้าให้ซานซานนิดๆ....ซานซานถึงได้วางใจลง "ซือเยว่ ถ้านายปล่อยวางหว่านหว่านได้แล้ว อย่าลืมบอกฉันหน่อยนะ"ซ่งซือเยว่ยังคงพยักหน้ายิ้มๆ ใบหน้าขาวนวลอ่อนโยนนั้น ไม่มีแม้แต่ร่องรอยโกรธเกลียด มีแต่จะยอมให้เขาออกจากอาคารซือหว่าน ยามค่ำคืนที่มีลมหนาวโหมกระหน่ำ หิมะตกอย่างแรง ชายหนุ่มบนเก้าอี้วิลแชร์แหงนหน้ารับเกล็ดหิมะที่ลอยเต็มท้องฟ้า"กู้เจ๋อ"เขาเรียกเสียงแผ่วเบา กู้เจ๋อที่อยู่ด้านหลังรีบโน้มตัวลง กำลังจะถามเขาว่ามีอะไร ทว่ากลับเห็นดวงตาของเขาเต็มไปด้วยละอองน้ำใสๆลมหนาวจากหิมะพัด
ซานซานพิงหลังลงบนประตูรถ มองเขาอย่างเหนื่อยใจ "นายจะทำอะไร?"เมื่อจี้เหลียงชวนกางเสื้อโค้ท คลุมลงบนตัวของเธอด้วยสีหน้าเย็นชาเสร็จ มือทั้งสองข้างเท้าลงบนหลังคารถ โน้มตัวลงมาน้อยๆ คร่อมเธอไว้ในอ้อมกอด"เฉียวซานซาน ฉันถามเธอนะ ถ้าฉันขอเธอแต่งงาน เธอจะไม่เที่ยวหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชายไปทั่วอีกใช่ไหม?"ตอนบ่ายเธอเพิ่งจะนัดบอดมาเสร็จ ตกดึกก็นัดเจอผู้ชาย ไม่ได้เห็นเขาอยู่ในสายตาเลยสินะ?เฉียวซานซานได้ยินคำว่า "ขอแต่งงาน" ก็ตกใจแป๊บนึง แต่พอตามหลังมาด้วยประโยคที่ว่าเที่ยวหว่านเสน่ห์ใส่ผู้ชาย กลับดึงความคิดเธอกลับมา"จี้เหลียงชวน นายฟังให้ชัดนะ ฉันไม่มีทางแต่งงานกับนาย ส่วนเรื่องหว่านเสน่ห์น่ะ คิดว่าจะห้ามฉันได้หรอ ฉันไม่ใช่แฟนของนายสักหน่อย"เธอพูดประโยคนี้จบก็ผลักจี้เหลียงชวนออกในทีเดียว หมุนตัวแล้วดึงประตูรถออก ทว่าร่างกายกลับถูกเขากอดเอาไว้จากด้านหลัง...จริงๆแล้วจี้เหลียงชวนก็สูงมากทีเดียว คงจะเป็นยีนส์เด่นของคนในตระกูลจี้ล่ะมั้ง พอเวลากอดเธอ ก็เลยสูงเหนือศีรษะเธอขึ้นไปอีก...จี้เหลียงชวนฝังคางเข้ากับซอกคอของซานซาน แล้วคาไว้แบบนั้นอย่างคนหมดแรง"พี่ซานซาน ฉันค้นพบว่า นับตั้งแต่ที่ฉันก
ท่ามกลางหิมะที่ตกหนัก รถหรูสิบกว่าคันก็จอดลงที่หน้าประตูคฤหาสน์หมายเลขแปดที่ประตูเบาะหลังรถโคนิเซ็กซึ่งขับนำหน้าอยู่นั้น ค่อยๆเปิดออก ชายหนุ่มในชุดสูทสีขาวเดินลงมาจากรถรูปร่างที่งดงามเพอร์เฟ็ก ยืนอยู่ริมประตูรถ รูปปั้นที่ราวกับถูกพระเจ้าแกะสลักขึ้น เย็นชาและสูงศักดิ์จนมนุษย์ไม่อาจเข้าใกล้แต่ทว่าชายหนุ่มที่สูงส่งจนไม่อาจเอื้อมผู้นี้ กลับโน้มตัวลง ยื่นนิ้วเรียวขาวนวลออกไปหาหญิงสาวในรถดวงตาที่เย็นชาราวกับหิมะคู่นั้น เมื่อสัมผัสไปถึงหญิงสาวด้านใน เพียงเสี้ยววินาที ก็คลุมปกคลุมด้วยรอยยิ้มที่แสนอบอุ่นราวกับว่าชีวิตนี้คนที่จะทำให้เขาเผยความอ่อนโยนออกมาได้ในบางครั้ง มีเพียงหญิงสาวตัวเล็กที่สวมชุดราตรีสีขาวในรถแต่เพียงผู้เดียวซูหว่านยื่นมือออกไปวางบนฝ่ามือหนาใหญ่ของเขา พึ่งพาแรงของเขาลงมาจากรถ จากนั้นแหงนหน้ามองคฤหาสน์สไตล์ Jane European ที่อยู่ตรงหน้าเธอหันข้างมามองชายหนุ่มที่สูงกว่าตัวเองมาก แล้วยิ้มอย่างไม่รู้สาเหตุ "คุณพาฉันมาที่คฤหาสน์หมายเลขแปดทำไม?"จี้ซือหานหยิบเสื้อโค้ทตัวนึงออกมาคลุมลงบนร่างกายของเธอ จากนั้นจับเอวบางแล้วอุ้มเธอขึ้นมา "เขาไปเดี๋ยวก็รู้"ซูหว่านจึงไม่ได้
ซูหว่านได้ยินเขายังล้อตัวเองอยู่ ก็หมดหนทางจนเลิกขัดขืน ปล่อยคอเสื้อของเขาออก พลิกตัวแผ่หราลงบนเตียง มุดศีรษะเข้าไปในผ้าห่มนุ่มนิ่ม ถึงได้ปรับสีหน้าจากความขายหน้ากลับมาได้ชายหนุ่มยืนอยู่ริมเตียง เห็นเธอตีขาเล็กๆขึ้นลงเพื่อระบายอารมณ์ ดวงตางดงามดั่งภาพวาดใต้คิ้วหนา ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มเขาเดินหน้าหลอกต่อไป มือข้างนึงคร่อมเอาไว้ข้างกางของเธอ แล้วโอ๋ว่า "คุณนายจี้ เมื่อกี้ฉันเสียมารยาท ฉันจะชดใช้ให้ ตกลงไหม?"ซูหว่านที่ไม่อยากสนใจเขา ได้ยินเขาพูดว่าจะชดใช้ให้ ก็หันกลับมามองชายหนุ่มที่นอนตะแคงอยู่ข้างๆ มือข้างนึงเท้าคางอยู่ "คุณกะจะชดใช้ให้ยังไง?"จี้ซือหานยกมือขึ้นจับเอวบางของเธอ ดึงเธอเข้ามาในอ้อมกอดของตัวเอง แล้วก้มหน้ากระซิบ "ชดใช้ด้วยชีวิตทั้งหมดของฉัน พอได้ไหม?"ซูหว่านเงยหน้าขึ้นจากอ้อมกอดของเขา ดวงตาโตๆเคลื่อนไหวไปมา เป็นประกายใสๆ "ไม่เอา คุณสัญญาว่าจะอยู่กับฉันทั้งชีวิตแล้ว เปลี่ยนใหม่"ริมฝีปากบางของชายหนุ่มเปิดออก ขณะกำลังจะพูดต่อ นิ้วมือของเธอก็ปิดลงบนริมฝีปากของเขา "ตลอดไปก็ใช้ไปแล้ว ห้ามใช้ซ้ำ"รอยยิ้มมุมปากของจี้ซือหานกว้างขึ้นกว่าเดิม "ถ้างั้นคุณนายจี้อยากให้ฉันทำยัง
เธอมองชายหนุ่มที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา เล่นกับตู้เซฟบนโต๊ะ แล้วพูดเสียงอ่อนโยน "ซือหาน ขอบคุณนะที่คุณเตรียมสิ่งเหล่านี้ให้ฉัน"จี้ซือหานใส่รหัสลงบนตู้เซฟ จากนั้นช้อนดวงตางดงามขึ้นมองเธอแวบนึง "มานี่สิ..."ตอนที่ชายหนุ่มตรงหน้า พูดคำว่ามานี่ ทำให้ซูหว่านนึกถึงเมื่อก่อน...ตอนนั้นก็เป็นที่คฤหาสน์หมายเลขแปด พอเขาเห็นหน้าเธอ จะพูดกับเธอมากที่สุดก็แค่ มานี่สิเพียงแต่เมื่อก่อนจะเผด็จการ ไร้หัวใจ แต่ตอนนี้นุ่มนวลซะจนเหมือนกับมอบความอ่อนโยนทั้งหมดที่มีให้เธอแล้วซะอย่างนั้นซูหว่านเก็บความคิดในอดีตกลับมา ขยับขาเดินไปตรงหน้าเขา ยังไม่ทันจะยืนมั่น ชายหนุ่มก็อุ้มเธอมาไว้บนต้นขาเมื่อเขากอดเธอเอาไว้จากทางด้านหลัง ก็ยกมือเรียวยาวขึ้นเปิดตู้เซฟบนโต๊ะ...เมื่อซูหว่านเห็นผ้าพันคอสีน้ำนมข้าว รูปถ่ายของเธอ และจดหมายที่ถูกติดด้วยเทปนับไม่ถ้วนในตู้เซฟ สีหน้าก็อึ้งไปเธอยกมือขึ้นลูบผ้าพันคอผืนนั้น สายตาทอดลงต่ำครุ่นคิดอย่างละเอียด ถึงจำได้ว่านี่เป็นของที่เธอทำตกหล่นเอาไว้ในคฤหาสน์หมายเลขแปดและรูปถ่ายใบนั้น เป็นสภาพที่เธอตะแคงบนเตียง กำลังหลับปุ๋ย...เธอหยิบรูปถ่ายใบนั้นขึ้นมา หันไปถามจี้ซือหาน "คุ
น้ำตาของเธอ ร่วงลงบนหลังมือของเขา ทำเอาชายหนุ่มที่ยังติดอยู่ในอดีต ชะงักไปเล็กน้อยเขาคลายซูหว่านออก ให้เธอเปลี่ยนทิศทางนิดหน่อย แล้วอุ้มเธอขึ้นมานั่งบนขาของเขาใหม่...มือเรียวยาวจับใบหน้าเล็กเท่าฝ่ามือ แล้วใช้ปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้เธอเบาๆ"หว่านหว่าน ที่ฉันให้เธอดูของพวกนี้ ไม่ได้อยากให้เธอร้องไห้ แต่เพื่อบอกเธอว่าฉันรักเธอมาโดยตลอด"เขาไม่อาจย้อนเวลากลับไปในอดีต จึงได้แต่ใช้วิธีนี้บอกเธอว่า ตัวเขาในอดีตนั้น ก็แอบรักเธออยู่ซูหว่านที่สัมผัสได้ถึงความรัก พยักหน้าเบาๆ แต่จู่ๆก็พูดขึ้นสิ่งที่ไม่ได้เกี่ยวกับสถานการณ์มาประโยคนึง "เครื่องสำอางฉันเลอะหรือเปล่า?"ซานซานแต่งหน้าให้เธอตั้งครึ่งชั่วโมงเชียว ก็เพราะอยากจะให้เธอดูสวยในคืนขอแต่งงาน แต่ตอนนี้ร้องไห้จนหน้ายมหมดแล้ว คงจะน่าเกลียดน่าดูชายหนุ่มที่กอดเธอแน่น กลับยกยิ้มมุมปากขึ้นยิ้มบางๆ "ฉันไม่สนใจหรอก แต่ดวงตาของเธอไม่ค่อยดี ไม่ต้องร้องแล้วโอเคไหม?"น้ำเสียงของเขาที่เย็นชามาตลอด จะอ่อนโยนอย่างถึงที่สุดแค่เวลาที่อยู่ต่อหน้าเธอเท่านั้น ความรักที่แสนลำเอียงแบบนี้ ทำให้หัวใจของซูหว่านรู้สึกอบอุ่นอยู่เสมอเธอยกมือทั้งสองข้างขึ้นกำบนบ
ดวงตาเรียวคมของเขาราวกับหลุมดำที่มองไม่เห็นเบื้องล่าง เพียงแค่สายตาเดียว ก็สามารถดึงดูดดวงดาวทั้งหมดเข้าไปได้โดยเฉพาะยิ่งตอนที่เขาคลายสีหน้านุ่มนวลราวกับสายน้ำลง ยิ่งทำให้เธอยากจะถอนตัวซูหว่านมอมเมาอยู่ในดวงตาคู่นั้น กระทั่งถูกเขาวางลงบนเตียงเมื่อไหร่ ก็ยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำกระทั่งร่างสูงโปร่งนั่นแนบทับลงมา เธอถึงได้ดึงสติกลับเธอรีบยื่นมือขาวผ่องออกไปจับคอเสื้อของเขา แล้วพูดอย่างตื่นกลัว "ฉัน ฉันกลัว..."เวลาที่เขาทำปกติ เธอก็ทนรับแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ยิ่งชดเชยหนึ่งครั้งด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดจี้ซือหานช้อนดวงตามัวเมามองสำรวจเธอที่นอนอยู่บนฟูกนิ่มในทุกจุด...ชุดราตรีสีขาวเงินนั่น สั่งตัดสำหรับเธอโยเฉพาะ เมื่อเธอสวมมัน เนื้อผ้ารัดพอดีไปทุกสันส่วน ไม่มีอากาศเหลือแม้แต่น้อยผมลอนยาวสีดำขลับราวกับสาหร่ายทะเล แผ่สยายลงบนหัวเตียง ทำให้เธอยิ่งดูสวยโดดเด่น และเซ็กซี่น่าหลงใหลที่สุดเมื่อเห็นซูหว่านในสภาพนี้ ลูกกระเดือกของจี้ซือหานก็เผลอขยับขึ้นลงโดยไม่รู้ตัว"หว่านหว่าน ฉันอดทนมาหลายวันแล้ว..."ซูหว่านอ้าปาก อยากจะใช้เอาเรื่องสุขภาพมาเป็นข้ออ้าง แต่เขากลับก้มหน้าลงกัดติ่งหูของเธอ