ดวงตาเรียวคมของเขาราวกับหลุมดำที่มองไม่เห็นเบื้องล่าง เพียงแค่สายตาเดียว ก็สามารถดึงดูดดวงดาวทั้งหมดเข้าไปได้โดยเฉพาะยิ่งตอนที่เขาคลายสีหน้านุ่มนวลราวกับสายน้ำลง ยิ่งทำให้เธอยากจะถอนตัวซูหว่านมอมเมาอยู่ในดวงตาคู่นั้น กระทั่งถูกเขาวางลงบนเตียงเมื่อไหร่ ก็ยังไม่รู้สึกตัวด้วยซ้ำกระทั่งร่างสูงโปร่งนั่นแนบทับลงมา เธอถึงได้ดึงสติกลับเธอรีบยื่นมือขาวผ่องออกไปจับคอเสื้อของเขา แล้วพูดอย่างตื่นกลัว "ฉัน ฉันกลัว..."เวลาที่เขาทำปกติ เธอก็ทนรับแทบจะไม่ไหวอยู่แล้ว ยิ่งชดเชยหนึ่งครั้งด้วยแล้วยิ่งไม่ต้องพูดจี้ซือหานช้อนดวงตามัวเมามองสำรวจเธอที่นอนอยู่บนฟูกนิ่มในทุกจุด...ชุดราตรีสีขาวเงินนั่น สั่งตัดสำหรับเธอโยเฉพาะ เมื่อเธอสวมมัน เนื้อผ้ารัดพอดีไปทุกสันส่วน ไม่มีอากาศเหลือแม้แต่น้อยผมลอนยาวสีดำขลับราวกับสาหร่ายทะเล แผ่สยายลงบนหัวเตียง ทำให้เธอยิ่งดูสวยโดดเด่น และเซ็กซี่น่าหลงใหลที่สุดเมื่อเห็นซูหว่านในสภาพนี้ ลูกกระเดือกของจี้ซือหานก็เผลอขยับขึ้นลงโดยไม่รู้ตัว"หว่านหว่าน ฉันอดทนมาหลายวันแล้ว..."ซูหว่านอ้าปาก อยากจะใช้เอาเรื่องสุขภาพมาเป็นข้ออ้าง แต่เขากลับก้มหน้าลงกัดติ่งหูของเธอ
ใครจะคิดว่าผู้ชายคนนี้จะมีตัณหาแรงกล้าขนาดที่พาเธอมากกอยู่ในคฤหาสน์หมายเลขแปด ร่วมรักเธอคืนแล้วคืนเล่าเป็นเวลาติดต่อกันหนึ่งอาทิตย์ ซูหว่านหมดเรี่ยวแรงลงจากเตียง ร่างทั้งร่างปวดชากระแม้แต่ขาทั้งสองข้างก็สั่นไม่หยุดในขณะที่ผู้ชายคนนี้ ยังคิดทุกวิถีทาง ที่จะพาเธอปลดล็อกสกิลท่าใหม่ต่างๆ...นี่ขนาดแค่ขอแต่งงานสำเร็จ ถ้าถึงวันแต่งงาน ยังไม่รู้ว่าจะน่าสะพรึงขนาดไหนที่น่ากลัวมากกว่านั้นก็คือ เพื่อสุขภาพของเธอแล้ว เขาถึงขั้นลงแรงทำซุปบำรุงต่างๆให้เธอด้วยตัวเอง ทั้งยังป้อนของบำรุงสารพัด...เธอต้องแบกรับแรงตัณหาของเขาก็ว่าหนักแล้ว ยังต้องกินของที่รสชาติแย่พวกนั้นอีก รสชาติมันแย่มากจริงๆ เขาลิ้มรสชาติไม่ออกหรือยังไง?ขณะที่ซูหว่านนอนแผ่ลงบนเตียง กระเดือกซุปบำรุงคำเล็กๆลงไป ก็มองชายหนุ่มที่ป้อนเธออยู่ด้วยสายตาตำหนิ "สั่งเดลิเวอร์รี่เอาได้ไหม?"จี้ซือหานหยิบกระดาษทิชชู่ขึ้นมาเช็ดน้ำซุปที่ขอบปากของเธอ จากนั้นโอ๋ด้วยเสียงอ่อนโยน "สั่งข้างนอกไม่สะอาด กินที่ฉันทำดีกว่านะ"ซูหว่านจึงได้แต่เลือกที่จะบ่มเพาะความชังเอาไว้ในใจ รอจนร่างกายพักฟื้นดีจนสามารถลงจากเตียงได้ ก็ยันตัวลุกขึ้นมาเธอมาจนถึ
โชคดีที่เธอไม่ได้มีนิสัยชอบกรีดร้องโวยวาย ไม่งั้นหากชายที่อยู่ชั้นบนได้ยินเสียงขึ้นมาก็อาจจะลั่นปืนใส่ซูชิงที่ทำตัวลับ ๆ ล่อ ๆ จนตายได้หลังจากที่ซูหว่านตกใจและรับรู้จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของซูชิง เธอจึงรีบอธิบายทันที "ฉันบอกกับเขาแล้ว พรุ่งนี้เขาถึงจะไปที่บริษัท"เธอพยายามจะโน้มน้าวจี้ซือหานมานานแล้ว แต่ชายคนนั้นกลับดูไม่สนใจธุระต่าง ๆ นา ๆ หลายร้อยล้านสิ่งเลยแม้แต่น้อย เขาแค่อยากจะอยู่กับเธอเท่านั้นเมื่อซูชิงได้ยินว่าประธานจี้จะไปบริษัทพรุ่งนี้ เขาจึงรีบเก็บเท้าตัวเองไปก่อนจะหมอบตรงหน้าต่างและเอ่ยเสียงเบา "ขอบคุณมากนะครับคุณซู"ซูหว่านที่ไม่สามารถใช้เท้าเอื้อมถึงหน้าต่างได้ จึงทำได้แค่เหยียบม้านั่งตัวเล็ก ๆ เท่านั้นพลางโบกมือให้เขา "ยินดีจ้า..."ซูชิงหันหลังเตรียมจากไป แต่ซูหว่านกลับถามขัดจังหวะอีกฝ่ายเสียก่อน "อลันออกจากโรงพยาบาลแล้วหรือยังคะ?"ซูชิงพยักหน้า "เพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวานคับ ทุกอย่างเรียบร้อยดี"ซูหว่านฟังแล้วก็รู้สึกโล่งใจ ก่อนจะยกมือขึ้นมาโบกมือให้ซูชิงอีกครั้ง "ไว้เจอกันนะคะ"หลังจากที่ทั้งสองเอ่ยลากันด้วยดี ซูชิงก็เบี่ยงตัวหลบกล้องวงจรปิดและค่อย ๆ เคลื่
หลังจากจี้ซือหานออกคำสั่งแล้วก็มองซูชิงขึ้นลงอย่างพินิจพิเคราะห์ "ถ้าจัดการเรื่องสินสอดเสร็จแล้วนายก็ย้ายเข้าคฤหาสน์ที่ตัวเองดูไว้ได้เลย"ดวงตาของซูชิงเป็นประกาย รู้สึกว่าต่อให้จะหักเงินเดือนไปสี่เดือนก็ไม่เป็นไรแล้วจังหวะที่เขากำลังจะตอบกลับไปก็พลันนึกได้ว่าคฤหาสน์ที่ตัวเองหมายปองไว้มีมูลค่าร้อยล้านเขาเกาหัวพลางเตือนจี้ซือหานด้วยความเขินอายเล็กน้อย "ประธานจี้ครับ คฤหาสน์ที่ผมดูไว้คือหลังที่อยู่ในเมืองตะวันออกน่ะครับ"ชายร่างสูงใหญ่สง่างามที่ยืนอยู่หน้าประตูรถเอ่ยอย่างเย็นชา "นายคิดว่าฉันซื้อไม่ไหวหรือไง?"ซูชิงรีบโบกมือไปมา นายทุนระดับทวีปเอเชียจะไม่มีเงินซื้อคฤหาสน์หลังหนึ่งเลยได้ไงล่ะ...ประธานจี้ขาดทุกอย่างยกเว้นเงิน เขาพยายามอย่างสุดความสามารถในการรับคฤหาน์หลังนี้มาก็เพื่อช่วยเขาลดภาระเรื่องเงินทองเมื่อซูชิงคิดได้ดังนั้นจึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาทันที ก่อนจะโค้งคำนับด้วยความเคารพ "วางใจได้เลยครับท่านประธานจี้ เดี๋ยวผมจัดการให้ครับ!"จี้ซือหานไม่ได้สนใจซูชิงต่อ เขาเปิดประตูก้าวเข้าไปนั่งในรถก่อนจะยืดมือออกไปโอบหญิงสาวที่อยู่ข้างกายเข้ามาในอ้อมแขนซูหว่านที่อยู่ในรถและไม่ได้ย
เธอนึกว่าจี้ซือหานส่งตนกลับบ้านซานซานแล้ว จะตรงไปยังกลุ่มบริษัทจี้ต่อ แต่เขากลับก้าวเท้าตามเธอเข้าไปในบ้านด้วยป้าม่านแม่นมของซานซาน เมื่อเห็นจี้ซือหานมา ก็ดีใจราวกับเห็นลูกเขยตัวเอง รีบเชื้อเชิญเขาไปที่ห้องรับแขกด้วยความอ่อนน้อม"คุณจี้คะ เชิญนั่งสักครู่ ฉันจะไปชงกาแฟมาให้..."ป้าม่านกล่าวจบ ยังหันมามองจี้ซือหานอีกครัั้ง พร้อมแอบทำมือเป็นเชิงสัญลักษณ์ให้แก่ซูหว่าน ใช้สายตาบอกเธอว่า สู้ๆ!ซูหว่านยกมือกุมหน้าผากเล็กน้อย เดินไปตรงหน้าและบอกเขาว่า "ซือหาน ฉันมีของขวัญจะให้คุณ เดี๋ยวไปเอาให้"ชายหนุ่มที่หลังพิงโซฟา เหยียดขายาว นั่งด้วยท่าทีสบายๆ ได้ยินว่าเธอมีของจะให้ตน ก็ผุดรอยยิ้มออกมา "ได้"ซูหว่านหันหลังเดินไปห้องหนังสือ ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ห้องรับแขก หยิบมือถือออกมา โทรศัพท์ไปหาเฉียวซานซานซึ่งยังทำงานอยู่ที่ไนท์คลับเมื่อเขาวางมือถือลง ก็เห็นซูหว่านวิ่งหน้าตื่นออกจากห้องหนังสือ "ป้าม่าน เห็นพิมพ์เขียวของฉันที่อยู่ในห้องหนังสือหรือเปล่า"ป้าม่านกำลังชงกาแฟอยู๋ รีบใช้ความคิดและตอบกลับ "พิมพ์เขียวหรือ ถูกคุณจี้เอาไปแล้วนี่นา"ซูหว่านได้ยินดังนี้ ก็มองไปยังชายหนุ่มที่วางมาดสูงส่งบ
ทันใดนั้นซูหว่านก็หยุดชะงัก เรือนหอซื้อไว้เมื่อสามปีก่อน นั่นไม่ใช่ซื้อให้หนิงหว่านหรอกหรือ?เธอไม่กล้าถามต่ออีก จึงได้หลุบสายตาลง เหม่อมองมือที่จับสาบเสื้อสูทของเขาไว้แน่นดีที่ชายหนุ่มเข้าใจถึงความผิดหวังของเธอ จึงได้รีบอธิบาย "เรือนหอหลังนั้น ผมตั้งใจซื้อให้คุณ รวมถึงชุดเจ้าสาวด้วย ผมก็ซื้อพร้อมกัน ไม่เกี่ยวกับคนอื่น เป็นของคุณคนเดียว"ซูหว่านได้ยินดังนี้ ก็ให้นึกถึงชุดเจ้าสาวมูลค่ามหาศาลที่ประดับเพชรทั้งชุด ความรู้สึกผิดหวังก็ค่อยเลือนหายไปบ้างเมื่อสามปีก่อน เขาได้ประมูลชุดเจ้าสาวมูลค่าสูงลิ่วให้กับเธอ โดยคิดว่าจะขอเธอแต่งงาน แต่แล้ว...ซูหว่านไม่อยากหวนคิดเรื่องอดีตอีก เก็บอารมณ์ขึ้น พร้อมเงยหน้ามองเขา "ได้ งั้นฉันจะออกแบบตกแต่งเรือนหอให้คุณเอง"เมื่อพูดจบก็ซุกเข้าไปในอ้อมแขนเขาอีก พร้อมถามยิ้มๆ "ขอถามคุณจี้หน่อย เกี่ยวกับเรื่องสไตล์ คุณจะเน้นอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า"จี้ซือหานเห็นหน้าเธอมีรอยยิ้ม ความร้อนรนในใจก็ค่อยคลายลงบ้าง "ความต้องการของคุณนายจี้ ก็คือความต้องการของผม"หรือก็แปลว่า เรือนหอของพวกเขา ขอแค่เธอชอบเท่านั้น อยากจะแต่งแบบไหนก็แต่งไป เขาไม่มีความคิดเห็นซูหว
ขณะที่ทั้งคู่หารือกันอยู่ ซูชิงอยู่อีกด้านหนึ่ง สั่งคนให้เอากระเป๋าใส่รหัสวางลงบนโต๊ะกระจก พร้อมรายงานให้กับชายหนุ่มที่อยู่บนโซฟา"ท่านประธานจี้ สินสอดเตรียมพร้อมไว้แล้วครับ ส่วนทางด้านคุณท่าน ผมได้แจ้งไปแล้ว ไม่ทันรอให้เขาตอบกลับ ผมก็พาคนมานี่ก่อน"จี้ซือหานพยักหน้าเบาๆ รอจนซูหว่านกับซานซานคุยกันเรียบร้อย กลับมายังห้องรับแขก เขาจึงลุกขึ้นจากโซฟา เดินไปตรงหน้าซานซาน"คุณเฉียว ที่ผมมาวันนี้ เพื่อจะทำการสู่ขอซูหว่าน คุณเป็นพี่สาวเธอ เมื่อถึงคราวออกเรือน ก็ควรจะให้คุณเป็นผู้ใหญ่"ส่วนใหญ่มักเป็นฝ่ายชายวางแผนไว้แล้ว ค่อยมาสู่ขอ และกับฝ่ายหญิงนั้น อย่างมากก็แค่หารือและอาจมีหลายกรณี ที่สองฝ่ายตกลงกันไม่ได้ จึงต้องเลิกรากันไป สุดท้ายแทนที่จะได้เกี่ยวดอง กลับกลายเป็นมองหน้าไม่ติดแต่ว่า ชายหนุ่มผู้สูงส่งเกินเอื้อมผู้นี้ เดิมทีสามารถข้ามขั้นตอนวุ่นวายต่างๆ พาหว่านหว่านไปจัดงานเรียบร้อย จดทะเบียนแล้วก็สิ้นเรื่อง กลับเอาสินสอดมาทาบทามสู่ขอ โดยไม่ต้องปรึกษาหารือ ก็บอกให้พี่สาวอย่างเธอเป็นเถ้าแก่ซะทั้งที่รู้ว่าเธอกับหว่านหว่านไม่ได้มีความเกี่ยวพันทางสายเลือด เพียงแค่นับถือเหมือนพี่น้องเท่
จี้ซือหานซึ่งนิ่งเงียบอยู่ตลอด มองดูหญิงสองคนที่เหมือนมีความกดดัน พร้อมตอบเบาๆ "ทรัพย์สินของตระกูลจี้ทุกวันนี้ ผมเป็นคนหามา ไม่เกี่ยวกับทางครอบครัว ผมพอใจจะให้ใครก็ได้ พวกคุณไม่ต้องคิดมาก อีกอย่าง..."สายตาของเขา ย้ายมาหยุดที่ใบหน้าซูหว่าน พร้อมพูดอย่างแน่วแน่ "ทุกอย่างในอนาคตของผม จะเป็นของหว่านหว่านทั้งสิ้น"สินสอดของเขา ไม่ได้มีเพียงตระกูลจี้ แต่เป็นมูลค่าในตัวเขาเอง รายได้ที่จะเข้ามาในอนาคต ทุกบาททุกสตางค์ เหล่านี้ถือเป็นสินทอดทั้งหมดซานซานคิดจะพูดอะไรต่ออีก กลับถูกจี้ซือหานขัดจังหวะ "คุณเฉียว ทรัพย์สินเงินทองสำหรับผมแล้ว เป็นเพียงสมบัตินอกกาย ผมไม่เคยสนใจ ต่อให้มอบชีวิตแก่หว่านหว่าน ผมก็ยินดี เพราะฉะนั้นเรื่องสินสอด จงอย่าได้คิดมากอีก"ซานซานรับรู้ได้ถึงความจริงใจของเขา จึงไม่อยากพูดมากอีก ได้แต่ถามว่า "แล้วผู้ใหญ่ทางฝั่งคุณ หว่านหว่านยังไม่ได้พบหน้า พวกเขาจะเห็นชอบด้วยหรือเปล่า"จี้ซือหานสีหน้าหม่นเล็กน้อย "ผมเป็นคนดูแลตระกูลจี้ ภรรยาผม ไมจำเป็นต้องไปพบใคร"ขณะที่เขาพูดประโยคนี้ น้ำเสียงแสดงถึงความสูงส่งของฐานะ ทำให้ซานซานรู้สึกทึ่งมากเกือบลืมไปว่า ชายหนุ่มที่นั่งอยู่โซฟ