จี้ซือหานซึ่งนิ่งเงียบอยู่ตลอด มองดูหญิงสองคนที่เหมือนมีความกดดัน พร้อมตอบเบาๆ "ทรัพย์สินของตระกูลจี้ทุกวันนี้ ผมเป็นคนหามา ไม่เกี่ยวกับทางครอบครัว ผมพอใจจะให้ใครก็ได้ พวกคุณไม่ต้องคิดมาก อีกอย่าง..."สายตาของเขา ย้ายมาหยุดที่ใบหน้าซูหว่าน พร้อมพูดอย่างแน่วแน่ "ทุกอย่างในอนาคตของผม จะเป็นของหว่านหว่านทั้งสิ้น"สินสอดของเขา ไม่ได้มีเพียงตระกูลจี้ แต่เป็นมูลค่าในตัวเขาเอง รายได้ที่จะเข้ามาในอนาคต ทุกบาททุกสตางค์ เหล่านี้ถือเป็นสินทอดทั้งหมดซานซานคิดจะพูดอะไรต่ออีก กลับถูกจี้ซือหานขัดจังหวะ "คุณเฉียว ทรัพย์สินเงินทองสำหรับผมแล้ว เป็นเพียงสมบัตินอกกาย ผมไม่เคยสนใจ ต่อให้มอบชีวิตแก่หว่านหว่าน ผมก็ยินดี เพราะฉะนั้นเรื่องสินสอด จงอย่าได้คิดมากอีก"ซานซานรับรู้ได้ถึงความจริงใจของเขา จึงไม่อยากพูดมากอีก ได้แต่ถามว่า "แล้วผู้ใหญ่ทางฝั่งคุณ หว่านหว่านยังไม่ได้พบหน้า พวกเขาจะเห็นชอบด้วยหรือเปล่า"จี้ซือหานสีหน้าหม่นเล็กน้อย "ผมเป็นคนดูแลตระกูลจี้ ภรรยาผม ไมจำเป็นต้องไปพบใคร"ขณะที่เขาพูดประโยคนี้ น้ำเสียงแสดงถึงความสูงส่งของฐานะ ทำให้ซานซานรู้สึกทึ่งมากเกือบลืมไปว่า ชายหนุ่มที่นั่งอยู่โซฟ
เมื่อจี้ซือหานไปแล้ว ซูหว่านก็รีบไปหาซานซานที่ห้องนอนเห็นซานซานนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง กำลังเหม่อมองเอกสารในมืออยู่ จึงยกมือขึ้นเคาะประตู"ซานซาน เธอดูอะไรอยู่"ซานซานได้ยินเสียงเคาะประตู จึงรีบเก็บซองเอกสารที่ซ่งซือเยว่มอบให้เธอก่อนหน้าไว้ในลิ้นชักทันทีซองใส่เอกสารนี้ ซ่งซือเยว่ได้เคยกำชับไว้ รอให้ถึงวันที่ซูหว่านแต่งงานค่อยมอบให้เธอ ซานซานจึงได้ปิดบังมาถึงวันนี้ซูหว่านเห็นท่าทีลนลานของซานซาน แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงพูดว่า "ซานซาน ฉันซื้อบ้านใหม่ที่ติดกับบ้านเธอแล้ว"ซานซานอยากถามว่าซื้อบ้านอะไร แต่ก็คิดว่าไม่จำเป็น แค่อยู่กับเธอก็พอแล้ว แต่ก่อนจะเอ่ยปาก เธอเข้าใจเจตนาของซูหว่านดีหว่านหว่านคงคิดว่า อีกหน่อยคนตระกูลจี้ที่มาสู่ขออาจจะดูถูกเธอ จึงอยากให้ตัวเองมีบ้านอีกหลังเอาไว้ออกเรือนจริงๆ การแต่งงานกับเศรษฐี ก็มีความยุ่งยากอยู่หลายอย่าง ดีที่หว่านหว่านมีพรสวรรค์ด้านการออกแบบ แค่ภาพใบเดียวก็หาเงินได้เป็นสิบล้าน ลำพังแค่จุดนี้ ก็สามารถปิดปากพวกเสียงนกเสียงกาได้แล้ว ไม่เหมือนกับเธอ ไม่มีพรสวรรค์อะไรซักอย่าง ซ้ำยังทำงานกลางคืนที่ใครๆ ก็ดูถูกนัก...ซานซานรู้สึกน้อยใจโชคช
ซูหว่านทำเสียงฮึดฮัด "เสิ่นหนานอี้ เธอรู้ว่าคนที่จิเหยียนโจวจับไปคือฉัน แล้วทำไมไม่มาช่วย?"เสิ่นหนานอี้เช็ดหน้าที่เลอะด้วยฝุ่น ตอบเหมือนไม่แยแส "ฉันสู้เขาไม่ได้ ขืนไปช่วยเธอ มิเท่ากับรนหาที่หรอกหรือ"อีกอย่าง ท่านประธานแห่งกลุ่มบริษัทจี้คงไม่นิ่งดูดายอยู่แล้ว ปล่อยให้ท่านประธานไปช่วยแทน มิดีกว่าหรอกหรือ?ซูหว่านพูดไม่ออก "เธอก็ช่างรู้ตัวเองเหมือนกัน"เสิ่นหนานอี้เผยรอยยิ้มออกมาเป็นเส้นตรง พร้อมขยับมุมปากเล็กน้อย "การรู้ตัวเอง เป็นพื้นฐานการใช้ชีวิตของฉันอยู่"ขาดคำไม่ทันไร ฝั่งตรงข้ามก็มีคนงานจากเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ชี้มายังที่ๆ เขายืนอยู่ พร้อมตะโกนพูดจาเสียงดัง"หมอนี่แหละ รวมหัวกับหัวหน้าคนงาน เตะถ่วงค่าแรงไว้ไม่ยอมจ่าย""พวกเรา ใครมีค้อนมีประแจอยู่ในมือ ตามฉันมา ฆ่าพวกมันให้ตายเลย"ถัดมาซูหว่านก็ได้ยินเสียงวิ่งหนีของเสิ่นหนานอี้"ซูหว่าน เพื่อช่วยเธอรังวัดพื้นที่ ครึ่งปีมานี้ ฉันถูกพวกคนงานจองเวรตั้งเท่าไหร่รู้บ้างไหม!""จำไว้ให้ดี ไว้ฉันกลับไปเมื่อไหร่ เธอต้องจ่ายค่าตัวให้ฉัน ให้คุ้มกับที่มาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่นี่"จากนั้นก็เป็นเสียงวางหู ดังตุ๊ดๆๆ ซึ่งซูหว่านก็ไม
ซูหว่านหลุดหัวเราะออกมา กำลังคิดจะเกลี้ยกล่อมกั่วกัวอีก ก็เห็นจอร์จส่งข้อความมา [คุณซู ไม่ต้องห่วง ผมจะกล่อมให้กั่วกัวไปโรงเรียนเอง]ซูหว่านจึงได้พิมพ์ข้อความตอบกลับ [คุณหมอจอร์จ ถ้ากั่วกัวยังคิดกลับไปอยู่กับจิเหยียนโจวอีก ก็รบกวนคุณช่วยดูแลแกให้ดี อย่าให้ถูกทำร้ายได้อีก]จอร์จตอบข้อความกลับมาโดยเร็ว [ที่จริงคุณจิเหยียนโจวก็รักกั่วกัวมาก คุณไม่ต้องห่วง]ซูหว่านจ้องมองข้อความสั้นนั้น นิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงได้ตอบกลับไปว่า "ได้"เดิมทีจิเหยียนโจวไม่ได้ชอบกั่วกัวนัก แต่ตอนหลังมีท่าทีคล้ายจะยอมรับเด็กคนนี้มากขึ้นบางทีถ้ามีกั่วกัวอยู่ใกล้ชิด อาจช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความเศร้าที่เสียพี่ใหญ่ไป จนยอมเริ่มต้นชีวิตใหม่ซูหว่านมีความคิดเช่นนี้ พร้อมนั่งครุ่นคิดอยู่หน้าโต๊ะหนังสือครู่หนึ่ง แล้วจึงวางมือถือลง ลุกขึ้นไปหาซานซานต่อจากกันครึ่งปีกว่า ทั้งคู่แทบไม่ได้เจอกัน กว่าจะรอให้หว่านหว่านกลับมาอยู่ด้วยกัน ซานซานย่อมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเธอดึงมือหว่านหว่านนอนลงบนเตียงนุ่ม ด้านหนึ่งก็มาส์กหน้าไว้ อีกด้านก็พูดคุยเรื่องสัพเพเหระกระจุ๋งกระจิ๋งกันไปภาพเหตุการณ์เช่นนี้ เหมือนเมื่อสามปีก่อน คืนท
ซูหว่านไม่เคยพบปู่ของจี้ซือหานมาก่อน เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงของเขาว่ากันว่าสมัยที่จี้เจิ้นตงยังคุมงานอยู่ แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ในยุโรปยังต้องเกรงใจเขาเพราะชั้นเชิงอันเฉียบขาดของเขา จึงทำให้กลุ่มบริษัทจี้ยืนหยัดมั่นคงอยู่ในตลาดเอเซีย หรือแม้แต่ทั่วโลกมาจนทุกวันนี้คนที่ทรงอิทธิพลเช่นนี้แม้ว่าจะวางมือแล้ว ยังมาหาเธอถึงบ้าน คงเพราะเรื่องแต่งงานอย่างแน่นอนซูหว่านพอคาดเดาได้ถึงเจตนาที่เขามานี่ จึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ยังแสร้งทำเป็นปกติ ล้างหน้าล้างตาแล้วเดินลงชั้นล่างจี้เจิ้นตงเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ อยู่ในชุดสูทคัตติ้งเนี๊ยบ ถือไม้เท้าหัวมังกร ลักษณะองอาจผึ่งผาย ยืนอยู่กลางห้องรับแขกชายชราอายุเจ็ดสิบห้าปี หากแต่ใบหน้ายังดูอ่อนกว่าวัย หน้าตาแจ่มใส บุคลิกสง่างามน่าเกรงขาม เปี่ยมด้วยลักษณะผู้ที่เข้าใจโลกอย่างถ่องแท้ซูหว่านยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันของเขา แต่ก็จำต้องรวบรวมความกล้า สองมือกำแน่น เดินไปตรงหน้าเขา"คุณลุงจี้"เธอเรียกอย่างมีมรรยาท ชายชราจึงละสายตาจากการมองดูรอบข้าง หันมาหยุดอยู่ที่เธอสายตาเคร่งขรึมคู่นั้น ถ้าจะบอกว่ามองดูซูหว่าน มิสู้บอกว่านี่คือก
ซูหว่านหยุดหายใจไปชั่วขณะ ดวงตาค่อยๆทอดลงต่ำ เด็กกำพร้าคนนึง จะไปมีพื้นเพประวัติได้ยังไงล่ะ...จี้เจิ้นตงเห็นเธอเงียบ ก็หัวเราะเสียงเย็นทันที "ฉันสืบประวัติเธอมาแล้ว เกิดมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ต่อให้จะตามหาพี่สาวเจอในภายหลัง แต่ก็เป็นแค่สถาปนิก จะไปคู่ควรกับหลานชายฉันได้ยังไง?"ถ้าใช้พื้นเพประวัติมาเทียบ เธอก็คงไม่คู่ควรจริงๆ แต่ "ถึงแม้จะเป็นแค่สถาปนิก แต่พี่สาวของหนูก็ประสบความสำเร็จอย่างมากในขอบเขตของตัวเอง"สามารถพูดได้ว่าแม้เธอจะเติบโตมาไม่ดี แต่พี่สาวของเธอ จะให้คนนอกมาทำเสื่อมเสียไม่ได้เด็ดขาดเห็นได้ชัดว่าจี้เจิ้นตงดูถูกสถาปนิกธรรมดาๆ ทว่าไม่ได้โต้เถียงกับซูหว่านให้มากความ แต่เน้นย้ำว่า "เธอก็รู้ว่านั่นเป็นความสำเร็จของพี่สาว งั้นมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ"ความหมาของเขาก็คือ ความสำเร็จของพี่สาว ไม่ได้หมายความถึงความสำเร็จของเธอซึ่งซูหว่านก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้แต่เขาเข้าใจความหมายของเธอผิด ที่เธอโต้ตอบเขา ก็แค่เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับพี่สาวเท่านั้นซูหว่านอยากจะอธิบาย ทว่าจี้เจิ้นตงไม่มานั่งหยุมหยิมกับประเด็นนี้อีก แต่ยังชูนิ้วที่สองต่อไป "คำถามข้อที่สอง คุณซูจบจ
ใบหน้าของซูหว่านที่ถูกจี้ซือหานเลี้ยงดูมากครึ่งเดือน จนกลับมามีชีวิตชีวาได้ไม่ง่ายนั้น ทว่าเวลานี้เลือดฝาดกลับค่อยๆจางหาย จนกลายเป็นขาวซีดร่างกายของเธอแข็งทื่อ ฝ่าเท้าเหมือนลอยขึ้นจากพื้น เดินถอยหลังไปก้าวนึง นิ้วมือขาวนวลนั้นลูบท้องน้อยตัวเองอย่างเสียการควบคุมเธอกับจี้ซือหาน ร่วมรักกันติดต่อมาหลายวัน พยายามกันตั้งหลายครั้ง แต่ในนี้กลับไม่มีการตอบสนองอะไร หรือเธอจะสูญเสียความสามารถการตั้งครรภ์จริงๆ?ขณะที่ใบหน้าของเธอซีดขาดนั้น จี้เจิ้นตงกลับเตือนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกลาง "คุณซู ผู้ครอบครองอำนาจของตระกูลจี้ จำเป็นต้องมีลูกหลานรุ่นต่อไปมารับช่วงต่อ ถ้าเธอตั้งครรภ์ไม่ได้ ยังมีหน้าแต่งเข้าตระกูลจี้อยู่อีกหรอ?"ให้ผู้ครอบครองอำนาจตระกูลจี้แต่งงานกับผู้หญิงที่ประวัติพื้นเพไม่ดี การศึกษาไม่สูง มิหนำซ้ำยังมีลูกไม่ได้ จะให้คนนอกมันมาหัวเราะเยาะหรือยังไง?เขาไม่มีทางให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่!หลังจากที่จี้เจิ้นตงพูดมาถึงตรงนี้ ก็หยิบเช็คที่เขียนเอาไว้ก่อนแล้วออกจากกระกระเป๋าเสื้อสูท แล้วยื่นไปตรงหน้าซูหว่าน"เขาใช้ทั้งตระกูลจี้ ในการสู่ขอเธอ ฉันจะไม่เรียกคืนสิ่งที่เขาเคยให้ไปแล้ว
วันนี้ข้างนอกก็ยังมีหิมะตก ชายหนุ่มคลุมเสื้อโค้ทสีดำ สวมแว่นกรอบสีทอง สาวขาเดินมาจากนอกประตูด้านหลังของเขามีซูชิงที่ตามมาติดๆ และกลุ่มบอดี้การ์ดในชุดสูทสุภาพ เมื่อห้อมล้อมเขาเอาไว้ ชายหนุ่มราวกับดวงจันทร์ท่ามกลางกลุ่มดวงดาวชายหนุ่มไม่ทันได้ถอดเสื้อโค้ท ร่างที่เพิ่งผ่านหิมะและลมหนาว ตรงดิ่งเข้าไปหาชายชราจี้ ก้าวฉับๆไปยังข้างกายซูหว่าน"เขาทำอะไรเธอหรือเปล่า?"จี้ซือหานไม่แม้แต่จะแลมองชายชรา เขาสนใจแต่ตรวจสอบร่างกายของซูหว่าน กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียวซูหว่านเห็นว่าเขามาแล้ว หัวใจที่หวั่นวิตกก็ค่อยๆสงบลง "เปล่า พวกเราก็แค่คุยกันเท่านั้น คุณไม่ต้องห่วงนะ"ความกังวลในแววตาของจี้ซือหาน ไม่ได้ลดลงแต่มากขึ้นด้วยซ้ำ "ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เธฮก็ไม่ต้องไปฟัง ทุกอย่างปล่อยให้ฉันจัดการ"น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่ม มีพลังแห่งการปลอบประโลมจิตใจ ราวกับว่าขอแค่มีเขาอยู่ ทุกอุปสรรคและความยากลำบากก็จะคลี่คลายในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้ จี้เจิ้นตงเห็นว่าเขามาแล้ว นิ้วมือที่กำเช็คอยู่ ก็ค่อยๆกำเข้าหากัน สีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นหนักใจน้อยๆหลายปีก่อนถ้าไม่ใช่เพราะไม่ได้ยื่นมือออกไปช่วยหล
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ