เมื่อจี้ซือหานไปแล้ว ซูหว่านก็รีบไปหาซานซานที่ห้องนอนเห็นซานซานนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง กำลังเหม่อมองเอกสารในมืออยู่ จึงยกมือขึ้นเคาะประตู"ซานซาน เธอดูอะไรอยู่"ซานซานได้ยินเสียงเคาะประตู จึงรีบเก็บซองเอกสารที่ซ่งซือเยว่มอบให้เธอก่อนหน้าไว้ในลิ้นชักทันทีซองใส่เอกสารนี้ ซ่งซือเยว่ได้เคยกำชับไว้ รอให้ถึงวันที่ซูหว่านแต่งงานค่อยมอบให้เธอ ซานซานจึงได้ปิดบังมาถึงวันนี้ซูหว่านเห็นท่าทีลนลานของซานซาน แต่ไม่ได้พูดอะไรมาก เพียงพูดว่า "ซานซาน ฉันซื้อบ้านใหม่ที่ติดกับบ้านเธอแล้ว"ซานซานอยากถามว่าซื้อบ้านอะไร แต่ก็คิดว่าไม่จำเป็น แค่อยู่กับเธอก็พอแล้ว แต่ก่อนจะเอ่ยปาก เธอเข้าใจเจตนาของซูหว่านดีหว่านหว่านคงคิดว่า อีกหน่อยคนตระกูลจี้ที่มาสู่ขออาจจะดูถูกเธอ จึงอยากให้ตัวเองมีบ้านอีกหลังเอาไว้ออกเรือนจริงๆ การแต่งงานกับเศรษฐี ก็มีความยุ่งยากอยู่หลายอย่าง ดีที่หว่านหว่านมีพรสวรรค์ด้านการออกแบบ แค่ภาพใบเดียวก็หาเงินได้เป็นสิบล้าน ลำพังแค่จุดนี้ ก็สามารถปิดปากพวกเสียงนกเสียงกาได้แล้ว ไม่เหมือนกับเธอ ไม่มีพรสวรรค์อะไรซักอย่าง ซ้ำยังทำงานกลางคืนที่ใครๆ ก็ดูถูกนัก...ซานซานรู้สึกน้อยใจโชคช
ซูหว่านทำเสียงฮึดฮัด "เสิ่นหนานอี้ เธอรู้ว่าคนที่จิเหยียนโจวจับไปคือฉัน แล้วทำไมไม่มาช่วย?"เสิ่นหนานอี้เช็ดหน้าที่เลอะด้วยฝุ่น ตอบเหมือนไม่แยแส "ฉันสู้เขาไม่ได้ ขืนไปช่วยเธอ มิเท่ากับรนหาที่หรอกหรือ"อีกอย่าง ท่านประธานแห่งกลุ่มบริษัทจี้คงไม่นิ่งดูดายอยู่แล้ว ปล่อยให้ท่านประธานไปช่วยแทน มิดีกว่าหรอกหรือ?ซูหว่านพูดไม่ออก "เธอก็ช่างรู้ตัวเองเหมือนกัน"เสิ่นหนานอี้เผยรอยยิ้มออกมาเป็นเส้นตรง พร้อมขยับมุมปากเล็กน้อย "การรู้ตัวเอง เป็นพื้นฐานการใช้ชีวิตของฉันอยู่"ขาดคำไม่ทันไร ฝั่งตรงข้ามก็มีคนงานจากเอเซียตะวันออกเฉียงใต้ ชี้มายังที่ๆ เขายืนอยู่ พร้อมตะโกนพูดจาเสียงดัง"หมอนี่แหละ รวมหัวกับหัวหน้าคนงาน เตะถ่วงค่าแรงไว้ไม่ยอมจ่าย""พวกเรา ใครมีค้อนมีประแจอยู่ในมือ ตามฉันมา ฆ่าพวกมันให้ตายเลย"ถัดมาซูหว่านก็ได้ยินเสียงวิ่งหนีของเสิ่นหนานอี้"ซูหว่าน เพื่อช่วยเธอรังวัดพื้นที่ ครึ่งปีมานี้ ฉันถูกพวกคนงานจองเวรตั้งเท่าไหร่รู้บ้างไหม!""จำไว้ให้ดี ไว้ฉันกลับไปเมื่อไหร่ เธอต้องจ่ายค่าตัวให้ฉัน ให้คุ้มกับที่มาเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายอยู่นี่"จากนั้นก็เป็นเสียงวางหู ดังตุ๊ดๆๆ ซึ่งซูหว่านก็ไม
ซูหว่านหลุดหัวเราะออกมา กำลังคิดจะเกลี้ยกล่อมกั่วกัวอีก ก็เห็นจอร์จส่งข้อความมา [คุณซู ไม่ต้องห่วง ผมจะกล่อมให้กั่วกัวไปโรงเรียนเอง]ซูหว่านจึงได้พิมพ์ข้อความตอบกลับ [คุณหมอจอร์จ ถ้ากั่วกัวยังคิดกลับไปอยู่กับจิเหยียนโจวอีก ก็รบกวนคุณช่วยดูแลแกให้ดี อย่าให้ถูกทำร้ายได้อีก]จอร์จตอบข้อความกลับมาโดยเร็ว [ที่จริงคุณจิเหยียนโจวก็รักกั่วกัวมาก คุณไม่ต้องห่วง]ซูหว่านจ้องมองข้อความสั้นนั้น นิ่งอยู่ครู่หนึ่งจึงได้ตอบกลับไปว่า "ได้"เดิมทีจิเหยียนโจวไม่ได้ชอบกั่วกัวนัก แต่ตอนหลังมีท่าทีคล้ายจะยอมรับเด็กคนนี้มากขึ้นบางทีถ้ามีกั่วกัวอยู่ใกล้ชิด อาจช่วยให้เขาหลุดพ้นจากความเศร้าที่เสียพี่ใหญ่ไป จนยอมเริ่มต้นชีวิตใหม่ซูหว่านมีความคิดเช่นนี้ พร้อมนั่งครุ่นคิดอยู่หน้าโต๊ะหนังสือครู่หนึ่ง แล้วจึงวางมือถือลง ลุกขึ้นไปหาซานซานต่อจากกันครึ่งปีกว่า ทั้งคู่แทบไม่ได้เจอกัน กว่าจะรอให้หว่านหว่านกลับมาอยู่ด้วยกัน ซานซานย่อมรู้สึกดีใจเป็นอย่างมากเธอดึงมือหว่านหว่านนอนลงบนเตียงนุ่ม ด้านหนึ่งก็มาส์กหน้าไว้ อีกด้านก็พูดคุยเรื่องสัพเพเหระกระจุ๋งกระจิ๋งกันไปภาพเหตุการณ์เช่นนี้ เหมือนเมื่อสามปีก่อน คืนท
ซูหว่านไม่เคยพบปู่ของจี้ซือหานมาก่อน เคยได้ยินแต่ชื่อเสียงของเขาว่ากันว่าสมัยที่จี้เจิ้นตงยังคุมงานอยู่ แม้แต่สี่ตระกูลใหญ่ในยุโรปยังต้องเกรงใจเขาเพราะชั้นเชิงอันเฉียบขาดของเขา จึงทำให้กลุ่มบริษัทจี้ยืนหยัดมั่นคงอยู่ในตลาดเอเซีย หรือแม้แต่ทั่วโลกมาจนทุกวันนี้คนที่ทรงอิทธิพลเช่นนี้แม้ว่าจะวางมือแล้ว ยังมาหาเธอถึงบ้าน คงเพราะเรื่องแต่งงานอย่างแน่นอนซูหว่านพอคาดเดาได้ถึงเจตนาที่เขามานี่ จึงรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย แต่ยังแสร้งทำเป็นปกติ ล้างหน้าล้างตาแล้วเดินลงชั้นล่างจี้เจิ้นตงเข้ามาโดยไม่ได้รับเชิญ อยู่ในชุดสูทคัตติ้งเนี๊ยบ ถือไม้เท้าหัวมังกร ลักษณะองอาจผึ่งผาย ยืนอยู่กลางห้องรับแขกชายชราอายุเจ็ดสิบห้าปี หากแต่ใบหน้ายังดูอ่อนกว่าวัย หน้าตาแจ่มใส บุคลิกสง่างามน่าเกรงขาม เปี่ยมด้วยลักษณะผู้ที่เข้าใจโลกอย่างถ่องแท้ซูหว่านยังไม่ทันได้เข้าใกล้ ก็สัมผัสได้ถึงแรงกดดันของเขา แต่ก็จำต้องรวบรวมความกล้า สองมือกำแน่น เดินไปตรงหน้าเขา"คุณลุงจี้"เธอเรียกอย่างมีมรรยาท ชายชราจึงละสายตาจากการมองดูรอบข้าง หันมาหยุดอยู่ที่เธอสายตาเคร่งขรึมคู่นั้น ถ้าจะบอกว่ามองดูซูหว่าน มิสู้บอกว่านี่คือก
ซูหว่านหยุดหายใจไปชั่วขณะ ดวงตาค่อยๆทอดลงต่ำ เด็กกำพร้าคนนึง จะไปมีพื้นเพประวัติได้ยังไงล่ะ...จี้เจิ้นตงเห็นเธอเงียบ ก็หัวเราะเสียงเย็นทันที "ฉันสืบประวัติเธอมาแล้ว เกิดมาในสถานรับเลี้ยงเด็กกำพร้า ต่อให้จะตามหาพี่สาวเจอในภายหลัง แต่ก็เป็นแค่สถาปนิก จะไปคู่ควรกับหลานชายฉันได้ยังไง?"ถ้าใช้พื้นเพประวัติมาเทียบ เธอก็คงไม่คู่ควรจริงๆ แต่ "ถึงแม้จะเป็นแค่สถาปนิก แต่พี่สาวของหนูก็ประสบความสำเร็จอย่างมากในขอบเขตของตัวเอง"สามารถพูดได้ว่าแม้เธอจะเติบโตมาไม่ดี แต่พี่สาวของเธอ จะให้คนนอกมาทำเสื่อมเสียไม่ได้เด็ดขาดเห็นได้ชัดว่าจี้เจิ้นตงดูถูกสถาปนิกธรรมดาๆ ทว่าไม่ได้โต้เถียงกับซูหว่านให้มากความ แต่เน้นย้ำว่า "เธอก็รู้ว่านั่นเป็นความสำเร็จของพี่สาว งั้นมันก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเธอ"ความหมาของเขาก็คือ ความสำเร็จของพี่สาว ไม่ได้หมายความถึงความสำเร็จของเธอซึ่งซูหว่านก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้แต่เขาเข้าใจความหมายของเธอผิด ที่เธอโต้ตอบเขา ก็แค่เพื่อทวงความยุติธรรมให้กับพี่สาวเท่านั้นซูหว่านอยากจะอธิบาย ทว่าจี้เจิ้นตงไม่มานั่งหยุมหยิมกับประเด็นนี้อีก แต่ยังชูนิ้วที่สองต่อไป "คำถามข้อที่สอง คุณซูจบจ
ใบหน้าของซูหว่านที่ถูกจี้ซือหานเลี้ยงดูมากครึ่งเดือน จนกลับมามีชีวิตชีวาได้ไม่ง่ายนั้น ทว่าเวลานี้เลือดฝาดกลับค่อยๆจางหาย จนกลายเป็นขาวซีดร่างกายของเธอแข็งทื่อ ฝ่าเท้าเหมือนลอยขึ้นจากพื้น เดินถอยหลังไปก้าวนึง นิ้วมือขาวนวลนั้นลูบท้องน้อยตัวเองอย่างเสียการควบคุมเธอกับจี้ซือหาน ร่วมรักกันติดต่อมาหลายวัน พยายามกันตั้งหลายครั้ง แต่ในนี้กลับไม่มีการตอบสนองอะไร หรือเธอจะสูญเสียความสามารถการตั้งครรภ์จริงๆ?ขณะที่ใบหน้าของเธอซีดขาดนั้น จี้เจิ้นตงกลับเตือนขึ้นมาด้วยน้ำเสียงที่เป็นกลาง "คุณซู ผู้ครอบครองอำนาจของตระกูลจี้ จำเป็นต้องมีลูกหลานรุ่นต่อไปมารับช่วงต่อ ถ้าเธอตั้งครรภ์ไม่ได้ ยังมีหน้าแต่งเข้าตระกูลจี้อยู่อีกหรอ?"ให้ผู้ครอบครองอำนาจตระกูลจี้แต่งงานกับผู้หญิงที่ประวัติพื้นเพไม่ดี การศึกษาไม่สูง มิหนำซ้ำยังมีลูกไม่ได้ จะให้คนนอกมันมาหัวเราะเยาะหรือยังไง?เขาไม่มีทางให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นแน่!หลังจากที่จี้เจิ้นตงพูดมาถึงตรงนี้ ก็หยิบเช็คที่เขียนเอาไว้ก่อนแล้วออกจากกระกระเป๋าเสื้อสูท แล้วยื่นไปตรงหน้าซูหว่าน"เขาใช้ทั้งตระกูลจี้ ในการสู่ขอเธอ ฉันจะไม่เรียกคืนสิ่งที่เขาเคยให้ไปแล้ว
วันนี้ข้างนอกก็ยังมีหิมะตก ชายหนุ่มคลุมเสื้อโค้ทสีดำ สวมแว่นกรอบสีทอง สาวขาเดินมาจากนอกประตูด้านหลังของเขามีซูชิงที่ตามมาติดๆ และกลุ่มบอดี้การ์ดในชุดสูทสุภาพ เมื่อห้อมล้อมเขาเอาไว้ ชายหนุ่มราวกับดวงจันทร์ท่ามกลางกลุ่มดวงดาวชายหนุ่มไม่ทันได้ถอดเสื้อโค้ท ร่างที่เพิ่งผ่านหิมะและลมหนาว ตรงดิ่งเข้าไปหาชายชราจี้ ก้าวฉับๆไปยังข้างกายซูหว่าน"เขาทำอะไรเธอหรือเปล่า?"จี้ซือหานไม่แม้แต่จะแลมองชายชรา เขาสนใจแต่ตรวจสอบร่างกายของซูหว่าน กลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไปแม้แต่นิดเดียวซูหว่านเห็นว่าเขามาแล้ว หัวใจที่หวั่นวิตกก็ค่อยๆสงบลง "เปล่า พวกเราก็แค่คุยกันเท่านั้น คุณไม่ต้องห่วงนะ"ความกังวลในแววตาของจี้ซือหาน ไม่ได้ลดลงแต่มากขึ้นด้วยซ้ำ "ไม่ว่าเขาจะพูดอะไร เธฮก็ไม่ต้องไปฟัง ทุกอย่างปล่อยให้ฉันจัดการ"น้ำเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่ม มีพลังแห่งการปลอบประโลมจิตใจ ราวกับว่าขอแค่มีเขาอยู่ ทุกอุปสรรคและความยากลำบากก็จะคลี่คลายในความเป็นจริงก็เป็นเช่นนี้ จี้เจิ้นตงเห็นว่าเขามาแล้ว นิ้วมือที่กำเช็คอยู่ ก็ค่อยๆกำเข้าหากัน สีหน้าก็เริ่มเปลี่ยนเป็นหนักใจน้อยๆหลายปีก่อนถ้าไม่ใช่เพราะไม่ได้ยื่นมือออกไปช่วยหล
จี้เจิ้นตงได้ยินดังนั้น สีหน้าก็ดำทะมึน "เพื่อผู้หญิงคนนี้ แม้แต่ตระกูลจี้แกก็ไม่เอาแล้วใช่ไหม?"จี้ซือหานแค่นเสียงเย็นโดยไม่รู้สึกใดๆ "ก็แค่ตระกูลจี้ จะสักแค่ไหนกัน?"ชายชราจี้ไม่รู็อีกหนึ่งตัวตนของเขา รู้แค่ว่าเขากวาดซื้อตระกูลเหลียน ตระกูลหนิงมา เลยเข้าใจว่าเขาจะใช้สองตระกูลใหญ่เป็นทุนสำหรับต่อรอง "ตระกูลเหลียน ตระกูลหนิง เทียบกับตระกูลจี้ไม่ได้หรอก ฉันว่าคนที่ต้องคิดให้ดีคือแกต่างหาก"จี้ซือหานขมวดคิ้วหนา นัยตาแฝงไว้ด้วยความเย็นยะเยือก "ปู่คิดว่าตระกูลจี้ในตอนนี้ ยังเป็นตระกูลจี้ในสมัยที่ปู่เป็นคนกุมอำนาจอยู่อีกหรอ?"ชายชราจี้ที่คอยสังเกตอยู่เบื้องหลัง ย่อมรู็ดีกว่าตระกูลจี้ในตอนนี้อยู่ในกำมือของเขาทั้งหมดแล้ว แม้แต่หุ้นส่วนของสาขาย่อยทั่วโลก จะทำตามก็แต่เขาคนเดียว แต่แล้วมันยังไง ถ้าไม่มีเขา ตระกูลจี้จะหากระดูสันหลังคนอื่นไม่ได้แล้ว?ในใจของชายชราคิดอยากจะแข็งข้อกับจี้ซือหานแบบนั้นจริงๆ แต่ลึกๆก็รู้ดีอยู่แก่ใจว่า บรรดาลูกหลานรุ่นนี้ในตระกูลจี้ มีแค่จี้ซือหานที่มีความสามารถในการควบคุมจิตใจคน และขยายอาณาเขตของกลุ่มบริษัทจี้ได้ หลานคนอื่นๆไม่มีใครเทียบเขาติดหากส่งต่อไปในมือของ