ก่อนที่เธอจะสัมผัสกระจกได้ เซิ่งจิ่นก็คว้าข้อมือของเธอไว้“คุณซู คุณก็ได้เห็นท่าทีของเขาที่มีต่อคุณแล้ว ทำไมยังยึดติดอยู่อีกล่ะ?”เซิ่งจิ่นถือร่มในมือและมองลงไปที่ซูหว่านที่เปียกปอนไปด้วยสายฝน“ช่างน่าสงสารจริงๆ ถ้าเพียงแต่คุณฟังคำแนะนำของฉันก่อนหน้านี้ คุณคงไม่ตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้หรอก”ซูหว่านสะบัดมือของเซิ่งจิ่น เหลือบมองเธออย่างเย็นชา และยังคงปฏิเสธที่จะยอมแพ้ และพยายามเคาะหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานอีกครั้งเซิ่งจิ่นรีบใช้ร่มบังเธอไว้อย่างรวดเร็ว สายตาของเธอเริ่มดูถูกมากขึ้น“คุณซู คุณแค่ขอร้องให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้คุณเข้าไป จี้ซือหานเขาคงเห็นหมดแล้วล่ะ แต่เขาก็ไม่ออกมา นั่นบอกอะไรคุณบ้างไหม?”“แปลว่าเขาไม่อยากช่วยคนรักเก่าต่อหน้าแฟนใหม่ เขาใจร้ายอยู่แล้ว ทำไมคุณถึงยังไม่ยอมยอมแพ้อย่างไร้ยางอายล่ะ?”ซูหว่านกำหมัดแน่น เล็บของเธอจิกลึกเข้าไปในฝ่ามือ ทำให้ผิวหนังแตกและทำให้เลือดซึมออกมา ซึ่งทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นเล็กน้อยเธอไม่มีอารมณ์หรือความแข็งแกร่งที่จะโต้เถียงกับเซิ่งจิ่น แต่เซิ่งจิ่นยังคงพูดกรอกหูเธออยู่“คุณซู ตื่นได้แล้วเถอะนะ”“จี้ซือหานอยู่กับคุณเพราะเข
เสียงของเธอเบามาก เหมือนต้องใช้พละกำลังและความกล้าหาญทั้งหมดเพื่อเรียกชื่อของเขาฝนที่ตกหนักเทลงมาใส่ร่างเล็ก ๆ ของเธอที่ปกคลุมไปด้วยดินและโคลน...เธอนอนอยู่ในแอ่งน้ำสกปรก มองขึ้นไปบนท้องฟ้ายามค่ำคืน..เมื่อเห็นฝนตกลงมาตามไฟถนน เม็ดใหญ่กว่าเมล็ดถั่ว เธอก็ยิ้มออกมาทันทีดูสิ แม้แต่สวรรค์ยังเยาะเย้ยความโง่เขลาของเธอ...สิ่งที่ทำให้เธอกล้าเลือกที่จะให้โอกาสกันอีกครั้งแม้จะได้รับบาดเจ็บเพียงครั้งเดียวไม่ว่าคำสามคำที่เธอไม่อาจปล่อยมือได้เคยตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ปลุกแล้วก็ยังไม่ตื่นเหรอ?เธอรักจี้ซือหานมากแค่ไหนเธอรักเขามากจนทนไม่ไหวอีกต่อไป มากจนเธอไม่ลังเลที่จะเดินตามเส้นทางเก่าเมื่อคิดถึงบาดแผลในอดีตที่มีโชกเลือด ซูหว่านก็หัวเราะออกมาอย่างดัง...รอยยิ้มสีซีดที่กระจายบนใบหน้าที่ไร้เลือดของเธอ ดูเลวร้ายยิ่งกว่าตอนที่เธอกำลังจะตายเสียอีกเธอพยุงตัวเองขึ้นด้วยมือที่ถลอก ยกตัวขึ้นมาจากพื้น บางทีเธออาจไม่เต็มใจที่จะยอมแพ้ หรือบางทีเธออาจต้องการทำให้ตัวเองยอมแพ้เธอเดินโซเซทีละก้าวไปยังโรงแรม แต่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายสิบคนหยุดไว้ก่อนที่เธอจะก้าวเข้าไปข้างในด้วยซ้ำ“คุณครับ น
ซูหว่านนั่งบนม้านั่งเป็นเวลานาน เช็ดน้ำตาออกจากใบหน้าของเธอเธอตอบกลับข้อความของเสิ่นหนานอี้ และเมื่อออกจากอินเทอร์เฟซ ก็สังเกตเห็นสายที่ไม่ได้รับจากหมายเลขวอชิงตันที่ไม่รู้จักเมื่อคืนนี้เธอเหลือบมองพวกเขา แต่แบตเตอรี่โทรศัพท์ของเธอหมดก่อนที่จะทำอะไรอย่างอื่นได้ การกดปุ่มเปิดปิดจะแสดงเฉพาะคำเตือนแบตเตอรี่เหลือน้อยเธอไม่ใส่ใจกับสายที่รบกวน เธอเก็บโทรศัพท์กลับเข้าไปในกระเป๋า เรียกแท็กซี่ แล้วกลับไปที่คฤหาสน์เธอเข้าไปในสวนหลังบ้านอีกครั้งโดยไม่รบกวนใคร และเดินไปยังห้องนอนชั้นสองอย่างเงียบๆคนรับใช้ที่ได้รับโทรศัพท์จากจี้ซือหานตอบด้วยความเคารพว่า “ท่านครับ คุณซูยังไม่ตื่นเลย”จี้ซือหานที่ไม่สามารถติดต่อซูหว่านทางโทรศัพท์ได้ ขมวดคิ้วเล็กน้อย “ปกติเธอตื่นแล้วในตอนนี้ ทำไมเธอยังไม่ตื่นอีก?”คนรับใช้ที่ได้รับการเตือนจากเขา จู่ๆ ก็รู้สึกกังวล “ท่านโปรดรอสักครู่ ผมจะไปตรวจสอบเดี๋ยวนี้”คนรับใช้รีบเดินไปที่ห้องนอนใหญ่โดยไม่วางสาย ผลักประตูเบาๆ และย่องเข้าไปข้างในเมื่อเห็นซูหว่านนอนอยู่บนเตียงโดยหลับตา นอนหลับสนิท หัวใจของคนรับใช้ก็ผ่อนคลายลงในที่สุดหลังจากออกจากห้องอย่างรวดเร็ว คนร
พวกเขาขับรถออกจากสลัมและกลับไปที่ทางเข้าโรงแรม โดยจอดรถไว้ในพื้นที่ที่ไม่มีคนเฝ้าจี้ซือหานและเจียงโม่ถอดหน้ากากออกพร้อมกัน มอบให้อาเจ๋อเพื่อนำไปกำจัด จากนั้นจึงรีบลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างรวดเร็วพวกเขาเข้าไปในลิฟต์เฝ้าระวังที่ได้รับการดัดแปลง จากนั้นจึงใช้ทางเดินพิเศษ และรีบกลับไปที่ห้องของตนเมื่อประตูปิดลง เจียงโม่ก็เดินไปหาจีจี้ซือหานอย่างมั่นใจ“ขอบคุณที่เข้ามาดูแลพี่ชายของฉันและช่วยสำนักงานใหญ่จัดการกับคนเหล่านั้น ฉันคนเดียวคงทำไม่ได้”“และตัวตนของฉันก็พิเศษทำให้ฉันตกเป็นเป้าได้ง่าย ขอบคุณที่แกล้งเป็นแฟนของฉันเมื่อคืนนี้เพื่อสร้างหลักฐาน”จี้ซือหานไม่มีเวลาสำหรับความสนุกสนาน เขาหันหลังแล้วรีบเคลื่อนตัวออกไปทางทางเข้าหลัก"คุณเย่ รอเดี๋ยวก่อน"เจียงโม่สวมรองเท้าส้นสูงเดินเข้ามาแล้วพูด: "เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทั้งในและต่างประเทศ พวกเขากำลังสืบสวนพวกเรา พี่ชายของฉันขอให้ฉันเตือนคุณว่าอย่าเปิดเผยตัวตนของคุณ แม้แต่กับคนที่ใกล้ตัวคุณที่สุด"ใบหน้าไร้ที่ติของจี้ซือหานเย็นลงทันที "ถ้าเขาไม่ยั่วยุลู่เฉินซี จะมีใครสอบสวนเธอล่ะ?"เจียงโม่พูดไม่ออกเพียงเพราะคำพูดเดียวของเขา เหต
เธอลดสายตาลงและมองไปที่ฝ่ามือที่บาดเจ็บ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที เธอก็พยักหน้าไปทางจี้ซือหาน"ไม่เป็นไร"มันไม่สำคัญ ไม่ว่าเมื่อคืนเขาจะทำอะไรก็ตาม ซูหว่านซึ่งเหนื่อยล้าจากความสัมพันธ์แบบนี้แล้ว ก็ไม่สนใจอีกต่อไปหัวใจเธอนั้น ได้นั่งอยู่บนม้านั่งบนถนนในกรุงวอชิงตันตลอดทั้งคืนตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์....เธอและจี้ซือหานเป็นคนจากสองโลกใบที่แตกต่างกัน คนหนึ่งมาจากด้านล่างและอีกคนหนึ่งมาจากด้านบนสุดของห่วงโซ่อาหารเธอไม่เข้าใจว่าผู้คนที่อยู่จุดสูงสุดอาศัยอยู่ในโลกแบบไหน เธอมองเห็นได้เพียงมุมมองที่คับแคบของเธอเท่านั้นมุมมองที่คับแคบของเธอคือความไว้วางใจอันเปราะบางที่เธอเพิ่งสร้างขึ้นในตัวจี้ซือหานถูกทำลายลงโดยใครบางคนจากระดับสูงเธอไม่เคยคิดอย่างลึกซึ้งเกี่ยวกับปัญหาสถานะที่ไม่เท่าเทียมกันของพวกเขา โดยคิดว่าตราบใดที่เธอรักอย่างกล้าหาญ เธอก็จะสามารถบรรลุจุดจบที่สวยงามได้แต่...ตอนที่พวกเขาอยู่ที่ร้านอาหารฝรั่งเศสและเธอไม่เข้าใจเมนูเมื่อพวกเขาไปเยี่ยมศาลาว่าการและเธอก็เห็นคนโค้งคำนับเขาเมื่อเขาแนะนำให้เธอรู้จักกับเพื่อน ๆ ของเขาซึ่งเป็นขุนนางจากทั่วโลกซึ่งเขารู้จักมาตั้งแต่เด็กเมื
ซูหว่านพยักหน้าเบา ๆ “คุณพูดก่อนหน้านี้ว่าเมื่อพบสิ่งของที่สูญหาย เราก็จะจบกัน ตอนนี้เมื่อพบสิ่งของแล้ว ก็มาหยุดกันแค่ตรงนี้เถอะ”ร่างกายของจี้ซือหานแข็งทื่อ ความเจ็บปวดหนักหนาสาหัสเกาะกุมนิ้วของเขา ลามจากปลายนิ้วไปยังหัวใจ ทำให้ดวงตาของเขาแดงและหายใจไม่ออกเขากัดฟัน เส้นเลือดปูดออกมาจากขมับ แต่ก็ยังเลือกที่จะอดทน จับมือเธอแรงๆ ทาไอโอดีนและพันแผลของเธอซูหว่านมองลงไปที่จี้ซือหานที่ทำสิ่งนี้ และทันใดนั้น กำแพงป้องกันก็ผุดขึ้นมาในใจของเธอ โดยไม่รู้สึกหวั่นไหวกับความอ่อนโยนที่เห็นได้ชัดของเขาอีกต่อไปหลังจากที่เขาพันมือของเธอเสร็จแล้ว เธอก็พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงสงบ “คุณจี้ ฉันซื้อตั๋วกลับจีนแล้ว ฉันจะย้ายออกจากคฤหาสน์วันนี้ ขอบคุณที่ดูแลฉันตลอดมา"เมื่อได้ยินเธอพูดอย่างเฉยเมย จี้ซือหานก็รู้สึกราวกับว่าหัวใจของเขาถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ และมีเลือดออกมาเขาเผยดวงตาสีแดงขึ้นและจ้องมองที่ซูหว่าน "เกือบหนึ่งเดือนแล้ว คุณและฉัน ในวอชิงตัน ในคฤหาสน์แห่งนี้ ทิ้งร่องรอยไว้มากมาย และสิ่งที่เธอทิ้งไว้คือคำขอบคุณงั้นเหรอ?"ซูหว่านเม้มริมฝีปากของเธอและตอบโต้ "คุณจี้ นอกจากคำขอบคุณแล้ว ฉันยังบริจาคร่
ซูหว่านตกใจเมื่อมองไปที่จี้ซือหาน ดูเหมือนไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาจะพูดเรื่องแบบนั้น...เธอขมวดคิ้ว มองอย่างไม่น่าเชื่อ: “จี้ซือหาน จริงๆ แล้วคุณไม่ได้รักฉันมากขนาดนั้น แล้วทำไมต้องกังวล…”จี้ซือหานขัดจังหวะซูหว่าน: “หว่านหว่าน ฉันต้องควักหัวใจออกมาไหม เพื่อให้เธอเชื่อว่าฉันรักเธอจริงๆ”ซูหว่านเล่าว่าเขาเสี่ยงชีวิตเพื่อช่วยเธอและดูแลเธออย่างพิถีพิถันในช่วงเวลานี้ ซึ่งบ่งบอกถึงความรักอย่างแน่นอนแต่ความจริงที่ว่าเขาจะกลายเป็นคนเฉยเมยหลังจากได้รับสิ่งที่เขาต้องการก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน หลังจากสิ่งที่เธอพบเจอเมื่อคืนนี้ ซูหว่านรู้สึกว่าตอนนี้เขาอยู่ในช่วงคลั่งรักเท่านั้นเธอยิ้มกับตัวเอง ไม่ว่าเขาจะอยู่ในช่วงไหน พวกเขาก็ไม่เหมาะสมกัน และไม่จำเป็นต้องพัวพันกับเรื่องไร้สาระนี้อีกต่อไปซูหว่านผลักมือของเขาที่โอบหน้าเธอออก หยิบบัตรธนาคารสองใบที่เขามอบให้เธอออกจากกระเป๋าของเธอ แล้วยื่นให้จี้ซือหาน"เอาพวกมันกลับไป"เมื่อเห็นไพ่ทั้งสองใบนั้น ดวงตาสีแดงเข้มของจี้ซือหานก็แข็งทื่อ และร่างกายของเขาก็เจ็บปวดจนสั่นเทาเขาคุกเข่าข้างหนึ่งต่อหน้าเธอด้วยท่าทางที่ถ่อมตัวอย่างยิ่ง แต่เขาเย็นชาและ
ซูหว่านรู้สึกเจ็บที่ไหล่ของเธอ ราวกับกำลังตีตราเธอด้วยเครื่องหมายที่เป็นของเขาเพียงผู้เดียว และกัดเธออย่างแรงอดทนต่อความเจ็บปวด เธอหันศีรษะไปมองชายที่มีดวงตาสีแดงเลือดแล้วพูด: "จี้ซือหาน นี่มีแต่จะทำให้ฉันเกลียดคุณเท่านั้น"การกระทำของเขาหยุดชะงักเมื่อได้ยินคำพูดของเธอ แต่เขาตอบอย่างไม่แยแส: "ถ้าอย่างนั้นจงเกลียดฉันซะ อย่างน้อยก็พิสูจน์ว่าฉันอยู่ในใจของเธอแล้ว"ภายใต้ขนตาหนาของเขา ดวงตาของเขาก็เปล่งประกายด้วยความดุร้ายก่อนที่จะก้มศีรษะลงอีกครั้งและกัดลงอย่างไม่สนใจเขากัดอย่างแรง ทำให้ซูหว่านหลั่งเหงื่ออเย็นอกมากด้วยความเจ็บปวด แต่ดูเหมือนเขาจะบ้าไปแล้ว และตีตราสัญลักษณ์ของเขาโดยไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเขาปล่อยมือเมื่อพอใจกับรอยกัดแล้วเท่านั้น นิ้วที่เรียวยาวและเย็นเฉียบของเขาลากไปตามผิวหนังที่เปิดออกของเธอ"เอาล่ะ ถึงเวลาที่จะทำลูกกันแล้ว..."หลังจากที่เขาพูดจบ เขาก็อุ้มเธอขึ้นมาปล่อยให้เธอนั่งบนตัวของเขา จากนั้นกดเอวของเธอแล้วปล่อยให้เธอนั่งลงช้าๆขณะที่กดร่างกายนั้น จี้ซือหานจูบซูหว่านอย่างบ้าคลั่ง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความปรารถนาอันแรงกล้าและดุร้ายซูหว่านถูกบังคับให้แบกรับคว
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ