ไม้เบสบอลนั้นเหมือนฟาดลงบนตัวซูหว่าน ทําให้เธอกลัวจนถอยหลังไปหนึ่งก้าว แต่เท้ากลับเหยียบโดนก้อนหินโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อเกือบล้มลง มือเรียวยาวที่อยู่ข้างหลังก็จับเอวของเธอไว้อย่างแม่นยําและมั่นคงทันทีเธอหันกลับไปมองแวบหนึ่ง เห็นสายตาเย็นชาของจี้ซือหานทอดลงบนร่างของจิเหยียนโจว ใจก็สั่นเล็กน้อยฐานะของจี้ซือหาน เกรงว่าจิเหยียนโจวจะล่วงเกินไม่ได้ เธอรีบสลัดจี้ซือหานออก รวบรวมความกล้าไปจับมือฉือเยี่ยนโจวไว้"ที่... ที่รัก อย่าทุบเลย เรากลับกันเถอะ"ที่รัก?จิเหยียนโจวเก็บไม้กลับมา ถลึงตาใส่เธออย่างไม่พอใจ คล้ายกําลังพูดกับเธอว่า เรียกบ้าอะไรอยู่เวลานี้ซูหว่านก็ไม่สนใจอะไรมากแล้ว ถือโอกาสกอดแขนเขา แล้วเขย่งปลายเท้ากระซิบข้างหูเขาว่า "ให้ความร่วมมือหน่อย"แต่จิเหยียนโจวกลับไม่ยอมให้ความร่วมมืออย่างยิ่ง เขาแค่นเสียงเย้ยหยัน "เธอก่อเรื่องเองก็จัดการเอง"ซูหว่านกังวลเล็กน้อย กระซิบว่า "ถ้าเขาพาฉันไป ก็เท่ากับเอาหัวใจของพี่สาวฉันไปด้วย"จิเหยียนโจว "..."เขาวางไม้เบสบอลในมือลงแล้วประนีประนอม "ไปกันเถอะ"ซูหว่านเห็นเขาร่วมมือก็จับแขนเขาไว้แน่นแล้วหันหลังเดินจากไป"หยุด!"น้ําเสียงเ
ภายใต้แสงสลัวของโคมไฟถนน ร่างสูงตระหง่านยืนอยู่ข้างถนนเขายืนอยู่แบบนั้น มองดูรถหรูสีดําคันนั้นที่ขับออกไปอย่างรวดเร็วต่อหน้าต่อตาเขาพาผู้หญิงที่เขาคิดถึงมาตลอดสามปีนี้ หายไปจากสายตาโดยสิ้นเชิงเขากําหมัดแน่น ระงับความอยากที่จะไล่ตามอยู่หลายครั้ง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาโทรเมื่ออลันได้ยินเสียงโทรศัพท์สั่น เขากำลังนอนอยู่ในอ้อมแขนของซูเหยียน โทรศัพท์ของเธออยู่บนโต๊ะข้างเตียงของซูเหยียนเธอนึกขึ้นได้ว่าตัวเองกําลังจะไปหยิบโทรศัพท์ แต่ซูเหยียนกลับไม่พอใจ ขมวดคิ้วแล้วจับโทรศัพท์ของอลันแล้วโยนให้เธอจากนั้นก็พลิกตัวเหมือนจะรําคาญที่ถูกโทรศัพท์ปลุกให้ตื่น แต่ก็ไม่ได้ลุกออกไปเหมือนแต่ก่อนอลันมองแผ่นหลังของเขา เก็บความพอใจที่เสแสร้งออกมาหลังจากเรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ แล้ว เผยสีหน้าเย็นชาออกมาเธอรับโทรศัพท์ น้ําเสียงนอบน้อม "ฮัลโหล ประธานจี้คะ..."จี้ซือหานพูดอย่างเย็นชาว่า "อลัน คนที่เสียชีวิตจากภาวะหัวใจล้มเหลวระยะสุดท้าย มีความเป็นไปได้ที่จะฟื้นคืนชีพหรือเปล่า?"อลันอึ้งไปครู่หนึ่งหัวใจล้มเหลวระยะสุดท้าย คําคํานี้เป็นสิ่งต้องห้ามสําหรับจี้ซือหาน สามปีที่ผ่านมาไม่อนุญาตให้ใครพูดถึง
บนรถหรูสีดํา เงียบจนน่าขนลุกซูหว่านอดไม่ได้ที่จะแอบมอจิเหยียนโจวเขากําลังขับรถด้วยมือเดียว นิ้วมือเรียวยาว ขยับพวงมาลัยเป็นครั้งคราวใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติ ไม่มีสีหน้าใดๆ และไม่ถามว่าคนเมื่อกี้เป็นใครเขาดูเหมือนจะไม่สนใจเรื่องของเธอ แค่รับประกันว่าหัวใจดวงนี้จะอยู่ข้างกายเขาก็พอขณะที่ซูหว่านกําลังคาดเดาความคิดของเขาอยู่ จิเหยียนโจวก็เอ่ยปากถามเธอว่า "ผู้ชายคนนั้นใช่จี้ซือหานหรือเปล่า?"ซูหว่านตอบ "อืม" เบาๆ ไม่ได้พูดอะไรมากจิเหยียนโจวเอียงหัวมองเธอ "ทําไมเธอถึงมีผู้ชายเยอะขนาดนี้?"ซูหว่าน "..."อะไรที่เรียกว่าทําไมเธอถึงมีผู้ชายเยอะขนาดนี้?ซูหว่านถามกลับอย่างโมโหเล็กน้อย "คุณสนใจอดีตของฉันมากหรือ?"จิเหยียนโจวดูเหมือนจะคิดอย่างรอบคอบและตอบอย่างเย็นชาว่า "ไม่อ่ะ..."ไม่สนใจยังถามอีกหรือ?ซูหว่านกัดฟันกรอด หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างรถกลับมาถึงวิลล่าอย่างรวดเร็ว ซูหว่านลงจากรถและตรงไปที่ห้องนอนก่อนปิดประตู เสียงของจิเหยียนโจวดังมาจากด้านหลัง "อย่าล็อคประตู"ซูหว่านกําลังจะบอกเขาว่าอย่าปรากฏตัวในตอนกลางคืนได้ไหม มันน่ากลัวมาก ก็เห็นเขาปิดประตูเสียงดังปัง ตามมาด้วยเ
แสงมืดเกินไป แสงไฟเปลี่ยนผ่านหลายครั้งซานซานถึงค่อยเห็นหน้าอีกฝ่ายชัดต่อให้ผมสั้น เสื้อแดง แตกต่างจากเมื่อก่อน แต่ใบหน้านั้นยังคงตราตึงใจคนที่ชาตินี้ซานซานก็ไม่มีทางลืม กลับยืนอยู่ตรงนั้นตัวเป็นๆเธออึ้งค้างอยู่กับที่ บุหรี่ที่คีบอยู่ระหว่างนิ้วตหลงบนพื้น"ซานซาน!"ซูหว่านเรียกด้วยน้ำตาคลอซานซานถึงค่อยเดินไปหาซูหว่านอย่างไม่อยากจะเชื่อ "หว่านหว่าน คือเธอจริงๆ เหรอ..."น้ำตาที่ซูหว่านพยายามกลั้นมาตลอดหยดลง "พี่ซานซาน"เมื่อซานซานได้ยินเสียงของเธอถึงค่อยแน่ใจว่าตัวเองไม่ได้ตาฝาดเธอสั่นไปทั้งตัว มือที่ยกขึ้นพยายามจับหน้าซูหว่านหลายครั้ง แต่ด้วยความตื่นเต้นทำให้มือสั่นไม่หยุดซูหว่านจับมือเธอวางลงบนหน้าตัวเองแล้วร้องไห้พูดกับเธอ "ฉันกลับมาแล้วพี่ซานซาน"เมื่อซานซานสัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายของเธอก็ร้องไห้ออกเสียงมา มันทั้งอบอุ่นและเป็นความจริงมาก "หว่านหว่าน"เธออ้าสองแขนออกแล้วกอดซูหว่านไว้ในอ้อมอก "เธอคือหว่านหว่านของฉันใช่ไหม เธอยังไม่ตาย เธอยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม..."ซูหว่านกอดก็กอดเธอแน่นแล้วร้องไห้ตอบเธอด้วยเสียงนุ่มนวล "ฉันคือหว่านหว่านของเธอ ฉันไม่ได้ตาย ฉันยังมีชีว
ซานซานเข้ามากอดซูหว่านไว้ รู้สึกถึงอุณหภูมิของร่างกายเธอที่เย็นลงเรื่อยๆ ก็รู้สึกปวดใจตาม"หว่านหว่าน ฉันก็ไม่อยากเชื่อ แต่..."เธอไม่ได้พูดประโยคหลังและน้ำตาก็ไหลรินออกมาตามใบหน้าสามปีก่อน เธอกลัวซ่งซือเยว่จะคิดสั้นจึงตามไปที่สุสานด้วยเมื่อเธอถึงสุสานก็ไม่เห็นซ่งซือเยว่ เห็นแค่รอยเลือดบนป้ายสุสานเธอรู้สึกใจหายจึงตามหาซ่งซือเยว่ไปทั่วแต่ก็หาไม่พบวันรุ่งขึ้นก็ออกข่าวว่า ประธานตระกูลกู้ กู้จิ่งเซิน ฆ่าตัวตายที่สุสานเพราะตรอมใจเธอถึงได้รู้ว่าซ่งซือเยว่คิดสั้นเธอกอดซูหว่านแน่น พูดกับเธฮด้วยดวงตาแดงก่ำ "ขอโทษ หว่านหว่าน ฉันไม่ได้ดูแลซือเยว่ให้ดีเอง...""ไม่..."ซูหว่านส่ายหัว ปวดใจเหมือนหัวใจถูกฉีกออกจนหายใจไม่ออกมีคนบอกเธอหลายคนว่า ซ่งซือเยว่เสียแล้วแต่เธอก็ไม่เชื่อเธอรีบกลับประเทศเพราะแค่อยากได้คำตอบจากปากของซานซานเองแต่ ณ เวลานี้ ซานซานก็บอกเธอด้วยตัวเองแล้วว่าซ่งซือเยว่ตรอมใจฆ่าตัวตายตามสุดท้ายเธอก็ต้องยอมรับ แต่คนที่ทำผิดกับซ่งซือเยว่คือเธอมาโดยตลอดซ่งซือเยว่เกิดอุบัติเหตุก็เพราะเธอทะเลาะกับเขา จนเขาถูกรถชนเพราะจะช่วยเธอรู้ทั้งรู้ว่าเขาไม่ชอบให้เธอมีความสัมพ
เธอร้องไห้จนน้ำตาแห้ง ร่างกายอ่อนแรง...ซานซานอยากจะพยุงเธอเข้าไปพักผ่อนในห้อง แต่เธอปฏิเสธอย่างไร้เสียงเธอพิงอยู่ที่กำแพง นั่งยอง ๆ อย่างช้า ๆ มือทั้งสองกอดแขนเอาไว้ ก้มหัวลงในข้อศอกร่างกายที่หดเป็นก้อน เหมือนถูกโลกทอดทิ้ง เงียบเหงาเดียวดาย เหลือเธอเพียงคนเดียวซานซานเห็นเธอแบบนี้ ก็ไม่กล้าไปรบกวนเธอ หลังจากที่กระจายคนรอบตัวออกไปจนหมด นั่งลงมายอง ๆ อยู่เป็นเพื่อนเธออย่างเงียบ ๆสามปีก่อน เมื่อรู้ว่าญาติสนิททั้งสองคนเสียชีวิตเร็วกว่าเธอ เธอก็ไม่ได้ออกมาข้างนอกเป็นเวลานานในขณะเดียวกัน เธอก็เจอสามีที่หักหลังอีก โลกถล่มลงมาทั้งใบ กลับต้องกัดฟันอดทนต่อไปเธอจะแก้แค้น เธอจะจัดการเจียงยวู่ อยากจะแก้แค้นเหลียนซิงหรู หนิงหว่าน จี้ซือหาน เธอจะตายไม่ได้เด็ดขาด!เธออดทนใช้ชีวิตมาได้เพราะความคิดนี้ กลับคิดไม่ถึงว่าในช่วงชีวิตที่เหลือจะได้เจอกับหว่านหว่านในเมื่อได้เจอเธอแล้ว ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เธอก็จะไม่ให้หว่านหว่านทำเรื่องบ้า ๆ อีกครั้งก่อน เป็นความสะเพร่าของเธอที่ไม่ได้เฝ้าดูซ่งซือเยว่ไว้ ครั้งนี้ เธอจะพยายามเฝ้าดูหว่านหว่านสุดกำลังเธอชูมือขึ้น ตบเข้าไปที่ไหล่ของซูหว่านเบา ๆ อยา
เมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้ง แสงแดดที่แสบตานอกหน้าต่าง ค่อย ๆ สาดผ่านหน้าต่างสูงจากพื้นจรดเพดานเข้ามาเธอกลอกตามองไปรอบ ๆ สํารวจสภาพแวดล้อมโดยรอบ อบอุ่นมาก แต่ไม่คุ้นเคยขณะที่เธอกําลังคิดอยู่ว่าตัวเองอยู่ที่ไหน ประตูห้องก็ถูกผลักเปิดออก ซานซานถือน้ําอุ่นเดินเข้ามา"หว่านหว่าน เธอตื่นแล้วเหรอ"ซูหว่านเห็นเป็นซานซาน จึงเดาได้ว่านี่เป็นบ้านใหม่ซานซานเธอฝืนร่างกายที่อ่อนปวกเปียกและลุกขึ้นจากเตียง"อย่าขยับ เธอนอนลงก็พอ..."ซานซานวางน้ําไว้ข้าง ๆ แล้วประคองซูหว่านให้พิงหัวเตียง แต่ไม่ยอมให้เธอลุกจากเตียง"ฉันไปหาหมอให้เธอแล้ว บอกว่าเธออารมณ์รุนแรงเกินไปถึงสลบไป..."ซูหว่านยกมุมปากขึ้น ฝืนยิ้มอ่อนโยน "ขอบคุณนะ ซานซาน"ซานซานยกมือขึ้นทัดผมที่ยุ่งเหยิงตรงหน้าผากของเธอไว้หลังหู พลางพูดอย่างอ่อนโยนว่า "เด็กโง่ พูดอะไรตามมารยาท นี่เป็นสิ่งที่พี่สาวอย่างฉันควรทํา ถึงอย่างไรการดูแลเธอให้ดีก็เป็นหน้าที่ของฉันตั้งแต่เล็กจนโต..."คําพูดที่อบอุ่นหัวใจที่หายไปนานและการกระทําที่หายไปนานทําให้หัวใจที่เย็นชาของซูหว่านอบอุ่นขึ้นมาทันทีและดวงตาของเธอเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้งซานซานรู้สึกปวดใจ ลูบใบหน้
ในปีนั้นตอนที่อายุสิบแปดปี ซูหว่านกอดแขนของซ่งซือเยว่แล้วถามเขา "ซือเยว่ ซือเยว่ นายจะขอฉันแต่งงานตอนไหนเหรอ?"ซ่งซือเยว่ที่กำลังอ่านหนังสือได้ยินเธอถามแบบนี้เลยยิ้มแล้วใช้ปากกาจิ้มไปที่จมูกของเธอ "รอตอนที่ฉันมีความสามารถในการขอเธอแต่งงาน"ซูหว่านเบะปาก แล้วพูดอย่างไม่มีปิดบัง "แล้วตอนไหนนายถึงจะมีความสามารถ?"ซ่งซือเยว่ถือหนังสือในมือขึ้นมาแล้วตอบกลับเธอ "รอตอนที่ฉันเรียนรู้ความรู้พวกนี้จนหมดแล้วกลายเป็นคนที่มีความสามารถ ก็จะมีความสามารถในการขอเธอแต่งงานได้"ซูหว่านใช้มือทั้งสองข้างเท้าคางแล้วบุ้ยปากพูด "อย่าให้ถึงตอนที่นายเป็นคนที่มีความสามารถแล้วก็ลืมฉัน ไม่ขอฉันแต่งงานแล้ว"ใครจะไปนึกว่าคำพูดที่พูดออกมาเล่น ๆ จะกลายเป็นจริง ในที่สุดซ่งซือเยว่ก็กลายเป็นคนที่มีความสามารถแล้วก็ลืมเธอรอในตอนที่เขานึกขึ้นมาได้เธอก็ใกล้จะจากโลกนี้ไปแล้วแต่ไอ้เจ้าคนซื่อบื้อนั้น ถึงแม้ว่าเธอจะตายไปแล้วยังไงก็จะขอเธอแต่งงานไปเป็นภรรยาให้จนได้ซูหว่านกอดทะเบียนสมรสไว้ที่อกแล้วร้องไห้ออกมายกใหญ่อีกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้เขาขอเธอแต่งงานโดยที่ไม่ได้สนใจอะไร แต่เพื่อที่จะได้กลับมาเธอกลับไปแต่งงานกับจิ
ช่างเสื้อหยิบชุดเจ้าสาวชุดนั้นลงมา เมื่อสัมผัสโดนเนื้อผ้าและเพชรที่ประดับอยู่ด้านบน ก็อึ้งไปชุดแต่งงานชุดนี้เต็มไปด้วยผ้ากอซสีอ่อนหลายชั้น ประดับด้วยดอกกุหลาบและเพชรที่ทอจากผ้าซาตินเนื้อนุ่ม ตัวชุดเป็นสีขาวคริสตัลเรียบง่ายและวิจิตรงดงามด้วยเพชรที่ถูกเย็บเข้าด้วยกันอย่างลงตัว ส่องประกายด้วยเสน่ห์อันงดงามและสง่างามจนน่าทึ่งถ้าดูไม่ผิด หากอ่านไม่ผิด นี่คือชุดแต่งงานเพียงชุดเดียวในโลกที่ถูกออกแบบโดยดีไซน์เนอร์ชุดแต่งงานชื่อดังระดับโลกหลายปีก่อน ชุดเจ้าสาวชุดนี้ถูกเก็บเอาไว้ในห้องนิทรรศการที่ต่างประเทศ แต่ต่อมาได้ยินว่าถูกคนซื้อไปในราคาสูงลิ่วคิดไม่ถึงว่าคนที่ซื้อชุดเจ้าสาวไป จะเป็นท่านประธานของกลุ่มบริษัทจี้ ถ้าไม่ได้รักอีกฝ่ายจริง จะยอมจ่ายหนักขนาดนี้ได้ยังไง?ที่สำคัญอีกชุดนึงที่อยู่ในตู้ ราคาก็ไม่ธรรมดา ดูก็รู้ว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด เดาว่าก็น่าจะมีแค่ชุดเดียว ไม่ซ้ำใคร"คุณนายจี้ ท่าทางคุณผู้ชายจะรักคุณมากเลยนะคะ..."ซูหว่านได้ยินคำพูดของช่างเสื้อ ก็พยักหน้าอย่างไม่ปิดบังผู้ชายคนนั้นรักเธอมาก รักจนยอมมอบทุกอย่างให้กับเธอ รักจนยอมตายไปพร้อมกับเธอเธอคิดว่าชีวิตที่เหลืออยู่หล
ซูหว่านพยักหน้าด้วยความเข้าใจ "ก็ได้ค่ะ ฉันเอาตามที่คุณพูด ตอนนี้ถ้าคุณไม่ขึ้นเครื่องบิน ก็ต้องขึ้นรถพยาบาลก่อน..."ถ้ายังไม่ห้ามเลือดอีก เขาจะทนไม่ไหวเอา จี้ซือหานเห็นว่าเธอเป็นห่วงเขา ถึงได้จับมือเธอขึ้นเครื่องบินอย่างว่าง่ายคืนนี้ ซูหว่านเฝ้าอยู่ข้างกายจี้ซือหาน รอหมอห้ามเลือด เย็บแผล เปลี่ยนยาให้เขาเสร็จ เธอถึงได้โล่งใจเมื่อเห็นว่าฟ้าเริ่มสาง ซูหว่านก็รู้สึกว่าไม่น่าจะจัดงานแต่งได้ จึงเอ่ยข้อเสนอกับเขา "หรือเลื่อนออกไปวันนึงไหม"ชายหนุ่มที่ถือผ้าขนหนูช่วยเช็ดผมให้เธอ พูดด้วยความแน่วแน่ "ไม่ได้ ยังไงวันนี้ก็ต้องจัดงานแต่ง!"ซูหว่านที่เพิ่งแช่น้ำอุ่นในอ่างอาบน้ำ อุงไอน้ำร้อนๆในมือ หันกลับไปมองเขา "แต่แผลของคุณ..."จี้ซือหานพูดอย่างไม่สนใจอะไรทั้งนั้น "ต่อให้แผลจะใหญ่กว่านี้ ก็ไม่สำคัญเท่ากับการจัดงานแต่ง"ซูหว่านยังอยากพูดอะไรอีก แต่จี้ซือหานหยิบไดร์ขึ้นมาเป่าผมให้เธอจากนั้น ขับรถไปส่งเธอที่วิลล่าของซานซานด้วยตัวเอง โดยไม่สนคำทัดท้านของเธอ"สิบเอ็ดโมง ฉันจะพาคนของตระกูลจี้ มารับเธอ"กำหนดการณ์เดิมคือสิบโมง แต่กลัวว่าเธอจะเหนื่อยเกินไป อยากให้เธอพักผ่อนกว่านี้อีกหน่อย ชาย
จี้ซือหานกอดเธอ สัมผัสได้ถึงความอบอุ่นจากร่างกายของเธอ หัวใจที่เจ็บปวดจนชา ก็ค่อยๆสงบลงเขาคลายซูหว่านออก เห็นร่างกายของเธอเปียกปอนไปทั้งตัว ทั้งยังสั่นระริกด้วยความหนาวเหน็บ หัวใจก็เจ็บแปล๊บขึ้นมาอีก"คนที่ควรพูดขอโทษคือฉัน ถ้าไม่ใช่เพราะฉัน เธอก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้""คุณพูดอะไรโง่ๆ เราเป็นสามีภรรยากัน ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ ก็ต้องรับผิดชอบร่วมกันสิ"ซูหว่านพูดจบ ก้มหน้าลงมองมือตัวเองแวบนึง เมื่อเห็นเลือดที่เลอะเต็มมือ ใบหน้าก็ซีดไปทันที"แผลที่หลังของคุณฉีกแล้ว รีบขึ้นรถพยาบาลเถอะ..."เมื่อกี้เธอนึกว่าเป็นน้ำทะเล ไม่คิดว่าทั้งหมดนั้นล้วนเป็นเลือด แผลที่หลังจะต้องฉีกออกแล้วแน่ๆ!ซูหว่านควงแขนของเขาได้ ก็เตรียมจะเดินไปยังทิศทางของรถพยาบาล ทว่าจี้ซือหานกลับดึงเธอกลับมา"หว่านหว่าน แผลแค่นี้ไม่เท่าไหร่หรอก"เขาพูดจบ ก็มองเจียงโม่ที่ยืนห่างออกไปไม่ไกลแวบนึง"จับตัวเธอ แล้วค่อยแจ้งคุณเจียง ให้เขามาไถ่ตัวด้วยตัวเอง ไม่งั้นก็ปลดชีวิตเธอซะ!"คำพูดนั้นเขาพูดกับซูชิง ซูชิงรีบรับคำสั่งทันที "ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้!"เจียงโม่ที่คาดเดาได้ตั้งแต่แรกว่าคุณเย่ไม่มีทางปล่อยเธอ เห็นซ
ซูหว่านครุ่นคิด ก่อนจะถามเขา "คุณแซ่ชู งั้นคุณรู้จัก..."ชูยีไหม?ยังไม่ทันจะได้เอ่ยคำนี้ออกไป ก็ถูกชูจิ่นเหยียนตัดบท "ผมจะส่งคุณกลับไป"ซูหว่านได้ยินดังนั้น ก็กลืนคำพูดลงไป ขมวดคิ้วมองเขา "ลำบากแทบตายกว่าฉันจะหนีออกมาได้ จะส่งกลับไปทำไม?"ชูจิ่นเหยียนกรอกตาใส่เธออย่างหมดคำพูด "ผมหมายความว่า จะส่งคุณกลับบ้าน..."ซูหว่านจึงได้พยักหน้า ลุกขึ้นจากหาดทราย เธอต้องรีบกลับไปบอกจี้ซือหาน...ว่าเธอหนีออกมาแล้ว เธอปลอดภัย เธอไม่ได้กลายเป็นภาระของเขา และเขาก็ไม่ต้องถูกแบล็กเมล์อีกหลังจากที่เธอขึ้นฝั่งมากับชูจิ่นเหยียน ก็เห็นรถพยาบาลคันแล้วคันเล่าขับตรงไปยังบีชคลับอย่างรวดเร็วฝีเท้าของเธอชะงัก ช้อนสายตามองไปยังชายหาดที่อยู่ห่างไกล มองเห็นร่างมนุษย์ไม่ชัด เห็นแต่เรือลำเล็กลำใหญ่แล่นลงทะเลทีละลำซูหว่านทอดสายตาลงต่ำครุ่นคิดอยู่สักครู่ เอาแต่รู้สึกว่าเจียงโม่ไม่น่าจะส่งคนจำนวนมากขนาดนั้นมาตามหาและช่วยชีวิตเธอ หรือว่าจี้ซือหานมาแล้ว?ถ้าจี้ซือหานมาถึงแล้ว รู้ว่าเธอกระโดดลงทะเล เกรงว่าจะทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดมาถึงตรงนี้ซูหว่านก็เปลี่ยนความคิด"เราไปดูตรงนู้นหน่อยเถอะ?"ไปดูแปบนึง ถ้าจี้
ซูหว่านที่พยายามหนีถึงสามครั้งแต่ก็ถูกจับกลับมาได้ทุกครั้ง หันกลับมามองเจียงโม่ที่เดินตามหลังเป็นระยะๆเธอเห็นเอาแต่รับโทรศัพท์ตลอดเวลา ราวกับกำลังปรึกษาเรื่องอะไรอยู่ เพราะระยะค่อนข้างห่าง จึงได้ยินไม่ชัด แต่บางครั้งก็จะได้ยินแค่ชื่อของจี้ซือหานเธอไม่รู้ว่าจี้ซือหานรับปากหรือไม่ แล้วก็ไม่รู้ว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง รู้แค่ว่าตัวเองจะกลายเป็นภาระของจี้ซือหานไม่ได้เธอมองไปยังผืนน้ำทะเลที่สาดเป็นคลื่นดุเดือด หลังจากมองอยู่หลายอึดใจ ก็กระโดดเข้าไปในทะเลโดยไม่ลังเล...เธอเคยพูดว่าถ้าหากมีใครเอาตัวเธอเพื่อไปข่มขู่จี้ซือหาน ถ้างั้นเธอก็จะไม่ยอมกลายเป็นตัวถ่วงของเขาเด็ดขาดเจียงโม่ที่กำลังเกลี้ยกล่อมพ่อบุญธรรมว่าอย่าแบล็กเมลล์จี้ซือหานอีก ได้เห็นภาพช็อตนั้น ก็ตกใจจนหน้าซีดในทันที"ซูหว่าน!"เธอกรีดร้องออกมาทีนึง โยนโทรศัพท์แล้วพุ่งลงไปในทะเลเพื่อช่วยชีวิต ทว่าถูกร่างใครบางคนพุ่งตัดหน้าเข้ามาก่อน...เสียงกระโดดลงทะเลดัง "ตู้ม" ของชูจิ่นเหยียน ว่ายเข้าไปหาร่างเล็กบางที่พุ่งเข้าไปในคลื่นทะเลด้วยความแข็งขันเจียงโม่ที่อยู่บนชายหาด ตอนแรกยังพอจะเห็นร่างของทั้งสองคนลอยอยู่เหนือผิวน
ฝีเท้าของซูหว่านชะงักไปทันทีเธออยากจะหันกลับไปโต้ตอบเขาสักสองสามประโยค แต่ก็กลัวจะเสียเวลา จึงไม่ได้สนใจอีกฝ่าย แต่ผลักประตูห้องน้ำหญิงด้วยความรวดเร็วหลังจากที่เธอเข้าไปแล้ว ก็เดินสำรวจห้องน้ำรอบนึง เมื่อเห็นว่าด้านข้างมีหน้าต่างบานเล็ก ก็รีบเดินเข้าไปแล้วเปิดออกข้างนอกเป็นถนนหลวง แค่ปีนออกจากตรงนี้ไป ก็จะสามารถเดินไปถึงถนนหลวงได้ และโอกาสที่จะหนีรอดก็สูงมากทีเดียวเธอเองก็ขี้เกียจมานั่งคิดว่าหลังจากเดินไปถนนหลวงแล้วจะกลับไปยังไง จึงพับแขนเสื้อขึ้น แล้วปีนไปยังขอบหน้าต่างสูงชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนถนนหลวง เขางอขาข้างหนึ่งขึ้น มือข้างหนึ่งทาบบนเข่า กำลังสูบบุหรี่ไปพร้อมกับที่มองดูเธอปีนออกไปนอกหน้าต่างพิลึกคน!ถ้าอยากจะออก ก็เดินผ่านคลับ ออกจากมาประตูหลัก หรือไม่ก็ข้ามชายหาดมาก็ได้แล้ว ทำไมต้องปีนหน้าต่าง?"นี่!"เขาแหกปากคำนึง ทำเอาซูหว่านตกใจจนตกลงมาจากบนขอบหน้าต่าง...ซูหว่านล้มลงอย่างแรง เธอหน้าบูดบึ้งเนื่องจากความเจ็บปวด โชคดีที่ด้านล่างเต็มไปด้วยทราย ไม่อย่างนั้นคงได้กระดูกหักเธอตะเกียกตะกายขึ้นมาจากพื้น จ้องผู้ชายที่นั่งสูบบุหรี่อยู่บนถนนหลวงตาเขม็ง "นายเป็นโรคหรือไง
เจียงโม่ไม่หลงกล ซูหว่านจึงใช้เล่นแง่ในทางความรู้สึกแทน"คุณหนูเจียง คุณก็รู้ว่าคนที่จี้ซือหานแคร์ มีแต่ฉันมาโดยตลอด""คุณกักตัวเพื่อนของฉันไม่ยอมปล่อย ก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไรเท่าไหร่ ทำไมต้องให้คนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่มารับเคราะห์ด้วยล่ะ?"เจียงโม่จ้องดวงตาใสบริสุทธิ์ของซูหว่านนานอยู่สักพัก จากนั้นก็โบกมือ "ช่างเถอะ แค่คุณอยู่ก็พอแล้วล่ะ"เธอส่งคนไปโทรศัพท์ หลังจากที่เห็นอีกฝ่ายวางสาย ก็หันมาพยักหน้าให้เธอ แล้วจึงอธิบายให้ซูหว่านฟัง"เพื่อนของคุณไม่รู้ว่าตัวเองถูกลักพาตัว ฉันก็แค่ส่งคนไปก่อกวนพวกเขานิดหน่อย หลังจากที่คุณกลับไป อย่าพูดถึงเรื่องนี้ก็แล้วกัน"สรุปว่าที่ซานซานออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้า ที่อลันกับซีอี้ไม่ได้มาที่วิลล่า ไม่ใช่เพราะถูกลักพาตัว แต่ถูกคนของเจียงโม่สร้างสถานการณ์แต่ว่า ฟังจากความหมายของเจียงโม่ ถ้าเธอไม่มาล่ะก็ คตที่สร้างสถานการณ์กลุ่มนั้น จะต้องลงมือกับพวกซานซานเป็นแน่...เพียงแต่เพราะเจียงโม่คำนึงถึงจี้ซือหานหรือเธอ ถึงได้เลือกใช้วิธีนุ่มนวล ไม่งั้นลักพาตัวไปเลยก็จะง่ายกว่า...แต่ไม่ว่าคนที่เจียงโม่คำนึงเป็นใคร หรือไม่ว่าจะคิดยังไง มันก็ไม่สำคัญทั้งนั้น
ซูหว่านฟังเข้าใจความหมายที่แฝงในคำพูดของเจียงโม่ ก็ถามเธอว่า "ฉันขอกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนได้ไหม?"เจียงโม่อ่านความคิดของเธอออกทันที "คุณซู คิดถึงสถานการณ์ของเพื่อนคุณให้มากหน่อยก็ดีค่ะ"ความหมายอีกอย่างก็คือ มีชีวิตของเพื่อนเธออยู่ในกำมือ ถึงเธอจะใช้ข้ออ้างไปบอกบอดี้การ์ด หรือแหกปากร้องตะโกนก็ไม่มีประโยชน์ซูหว่านครุ่นคิด ปล่อยมือที่ประคองประตูรถมาตลอดลง ไพล่ไว้ด้านหลัง ทำสัญลักษณ์ให้กับบอดี้การ์ดหลังจากที่เธอส่งสัญญาณมือโดยเงียบเชียบเสร็จ ก็เปิดประตูรถ แล้วเข้าไปนั่งข้างในเห็นเธอขึ้นรถมาแต่โดยดี เจียงโม่ก็เขี่ยซิก้าร์ในมือจนมอด จากนั้นสตาร์ทรถ...ตอนที่เธอเหยียบคันเร่ง มองกระจกมองหลังแวบนึง บอดี้การ์ดกลุ่มนั้นตามมาดังคาดเจียงโม่ดึงสายตากลับ เหยียบคันเร่งจนมิด เลี้ยวผ่านไปไม่กี่โค้งก็สลัดบอดี้การ์ดสำเร็จถึงยังไงก็เป็นถึงระดับหัวหน้าของทีมย่อยในS การที่เจียงโม่สลัดบอดี้การ์ดทิ้งได้ ก็เป็นเรื่องที่ง่ายดายมากซูหว่านกำเข็มขัดนิรภัยแน่นถึงไม่โดนสะบัดออกจากรถไป ทว่าความรู้สึกพะอืดพะอมในท้องกลับทำให้เธออยากอ้วกเธอกุมหน้าอกที่เต้นระรัว อดกลั้นความรู้สึกสะอิดสะเอียนไว้ มองไปย
นิ้วของเจียงโม่ที่คีบซิการ์ เคาะขี้เถ้าเบาๆ"คุณซู มีใครเค้าพาสามีไปร่วมปาร์ตี้คนโสดกันบ้าง?"การที่เจียงโม่จะปฏิเสธ เป็นสิ่งที่คาดเดาไว้ได้อยู่แล้ว เพียงแต่ทำไมล่ะ?ที่เจียงโม่เชิญเธอไปร่วมงานปาร์ตี้คนโสด ก็เพราะอยากให้เธอสอนว่าจะจีบเจียงเจ๋อยังไงไม่ใช่หรอ?งั้นถ้าเธอจะพาจี้ซือหานไปด้วย ก็ไม่ได้หน่วงต่อการสอนเจียงโม่จีบเจียงเจ๋อไม่ใช่หรอ?เธอคิดว่าบางทีเจียงโม่อาจจะอยากอาศัยปาร์ตี้นี้เพื่อพาตัวเธอไป ส่วนเป้าหมายคืออะไร เกรงว่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เจียงเจ๋อคุยกับจี้ซือหานหลังจากที่ซูหว่านคิดได้ดังนั้น ก็มองเจียงโม่ด้วยสายตาที่จริงใจ"คุณหนูเจียง ฉันกับจี้ซือหานถูๆไถๆกันมาเกือบสิบปี กว่าจะได้แต่งงานกันไม่ง่ายเลย ฉันไม่อยากให้เกิดเรื่องไม่คาดฝันอะไรขึ้นก่อนวันแต่งงาน""พรุ่งนี้เช้า ฉันแค่อยอยากสวมชุดแต่งงานที่เขาส่งมาให้ แต่งให้เขาด้วยสภาพร่างกายจิตใจที่สมบูรณ์แบบที่สุด หวังว่าพวกคุณจะช่วยให้เราสมหวังด้วย"ตอนที่พูดสิ่งเหล่านี้ เธอเห็นสีหน้าของเจียงโม่ เปลี่ยนไปเล็กน้อย ก็รู้ได้ทันทีว่าเจียงโม่มีจุดประสงค์อย่างแท้จริง จึงยกริมฝีปากยิ้ม"คุณหนูเจียง ถ้าคุณอยากให้ฉันสอนคุณจีบ