เปลือกตาที่ปิดอยู่ค่อยๆกะพริบตา หญิงสาวปรับสายตากับความมืดในรอบกายจนพอมองเห็นทุกสิ่งในห้องได้ชัดขึ้น ห้องนอนที่ค่อนข้างกว้าง ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ผิดกับที่เธอเจอมาก่อนหน้านี้ พิชญนรีไม่อยากคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเจออะไรมา ทำไมเธอต้องมาเจอเคราะห์กรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เหมือนน้ำตาจะรื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอพยายามกลั้นมันไว้ เปล่าประโยชน์ที่จะมาร้องไห้ในเวลาแบบนี้ร่างบางรู้สึกถึงวงแขนที่กระชับรั้งเธอกอดแนบแน่นขึ้น หญิงสาวตัวเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อนึกได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ตามลำพังบนเตียงนุ่มนี้ มือเรียวกอดผ้าห่มไว้ราวกับเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจะขยับตัวหนีแต่มือแข็งแกร่งกอดเธอแน่นขึ้นจนเธอไม่กล้าหันกลับไปมอง“ยังไม่เช้าหรอก นอนต่ออีกสักนิดเถอะ”น้ำเสียงที่พูดแผ่วๆ อยู่ข้างหูทำให้พิชญ์นรีต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น สมองยังสับสนไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่เหมือนคนตัวใหญ่ที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลังจะรับรู้ เขาเพียงกอดเธอแน่นขึ้นอย่างหวงแหน แรงสั่นสะเทือนน้อยๆ นั้นปลุกให้เขาตื่นนานแล้ว“ที่นี่...ที่ไหนคะ” “บ้านพ่อของผมเอง” เขาพึมพำแล้วลูบผมเธอเบาๆ “นี่ห้องนอนผม”
ณ โรงแรมแห่งหนึ่ง“อยากได้แม่บ้านไปดูแลบ้าน ไม่ใช่ผู้หญิงอย่างว่า” ภูมิพยัตโวยวายหัวเสียอยู่ในห้องพักของโรงแรม จากโรงงานมาในเมืองไกลร่วมร้อยกิโลเมตร หากได้เข้าเมืองมาทำธุระอะไรก็ตามแล้วเย็นย่ำนักเขาก็มักจะนอนค้างที่โรงแรม ไม่มีความจำเป็นต้องฝืนขับรถกลับแบบเมื่อยๆให้เหนื่อยเกินความจำเป็น ก็เขาเป็นเจ้าของ “โรงงานแปรรูปไม้ภูมิพยัต” เงินทุนจดทะเบียนมากกว่า 36 ล้านบาทนี่ เขาจะนอนไหนจะทำอะไรก็ได้ เหมือนกับที่เขากำลังเสียงดังใส่เจนนี่ สาวประเภทสองที่ยืนหน้าซีดเผือดอยู่ในห้องพักของเขา“เจนนี่ขอโทษค่ะคุณพยัต” เสียงแหลมพูดขึ้นทั้งที่ปากคอสั่น ผู้ชายคนนี้แม้จะอายุเพียงสามสิบต้นๆ แต่ดูน่าเกรงขาม และชื่อเสียงความโหดเหี้ยมเอาแต่ใจก็ดังกระฉ่อนพอๆ กับความร่ำรวยของเขาเองด้วย“ไม่อยากได้คำขอโทษ อยากได้แม่บ้าน ทำความสะอาดบ้าน ทำกับข้าว โทรมาสั่งแล้วว่าให้หาไว้ให้ ผมจะกลับโรงงานเย็นนี้แล้วจะได้ไหม?” ภูมิพยัตพูดน้ำเสียงราบเรียบแต่แววตาดุดันทำให้หญิงสาวอรชรในชุดรัดรูปเน้นสัดสวนไม่กล้าสบตาด้วย ชายหนุ่มได้แต่ถอนหายใจใช่! เขาเคยใช้บริการเจนนี่ ให้จัดหาคู่นอนมาปรนเปรอเป็นครั้งคราว แต่ที่เขาโทรศัพ
“ผมภูมิพยัต เรียกพยัตก็พอ อ้อชื่อผมเขียนด้วยพานยักษ์ไม้หันอากาศตอเต่า พยัตที่แปลว่าฉลาดเฉียบแหลม อย่าสะกดผิดล่ะ” เขาบอกแล้วหยิบกางเกงยีนมาสวม“คุณ!ไปใส่เสื้อผ้าในห้องน้ำซิ!” หญิงสาวยกมือขึ้นปิดหน้า“อะไรกันคุณนี่ก็...” เขาพลอยเขินไปด้วย จำใจต้องหยิบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำอีกรอบ นึกแปลกใจทำไมต้องทำตามเธอสั่งด้วยนะ เขาเป็นเจ้านายนี่ ไปรยาถอนหายใจเฮือกใหญ่ รีบเก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋าให้ว่าที่เจ้านายอย่างรวดเร็วแต่เรียบร้อย กระนั้นก็อดกังวลคนที่จะตามมาจับตัวเธอไม่ได้ ไม่เอาล่ะ ยังไงเธอก็ไม่ยอมถูกส่งไปขายตัวใช้หนี้พนันให้อาธงชัยเด็ดขาด ถึงจะเคยเลี้ยงดูเธอมาอย่างไร แต่จะให้ตอบแทนบุญคุณแบบนี้เธอยอมไม่ได้ เธอได้แต่ขอโทษคุณอาในใจ ขอไปตายเอาดาบหน้า หากหาลู่ทางใช้หนี้ได้เมื่อไหร่จะติดต่อกลับไป ไม่กี่นาทีต่อมา ภูมิพยัตก็ออกมาจากห้องน้ำแต่งตัวเรียบร้อย ด้วยเสื้อยืดกับกางเกงยีนเพิ่มเติมด้วยเสื้อเชิ้ตลายสก็อต เขาสวมรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อเสร็จก็หยิบกุญแจรถจะเดินออกมา หญิงสาวถือกระเป๋าตัวเองและถือเป้เสื้อผ้าให้เขา แต่เพราะเธอตัวเล็กมันดูขัดหูขัดตาจนชายหนุ่มเป็นฝ่ายคว้ากระเป๋าของเธอมาถือให้เสียเอง
“ห้าล้าน! คุณอาเล่นพนันเสียเงินไปห้าล้าน! ทำไมคุณอาไม่เอาบ้านเอารถไปเข้าธนาคารละคะ? ทำไมต้องให้ปรายมาที่นี่”“อาหมุนเงินไม่ทันหรอก ทั้งบ้านทั้งรถก็ติดไฟแนนซ์ไปหมดแล้ว ปรายต้องช่วยอานะ”“จะช่วยอายังไงคะ ปรายไม่มีเงินขนาดนั้นหรอกค่ะ”“ก็หนูไง”“อะไรนะคะ ปรายไม่เข้าใจ”“ก็เอาตัวปรายไปใช้หนี้แทนก่อนไง”“คุณหมายขายปรายใช้หนี้เหรอคะ” “อย่าพูดแบบนั้นซิ อาเองก็เสียใจนะ แต่มันจำเป็นจริงๆ เสี่ยเขาเป็นคนดี ทำตัวดีๆ เดี๋ยวเขาก็ปล่อยตัวปรายเองนั้นแหละ”“คนดีที่ไหนเขาทำกันแบบนี้ค่ะ” คราวนี้เธอขึ้นเสียง และรู้สึกได้ว่ามีคนกำลังจะเข้ามาไม่มีเวลาให้คิดต่อรองใดๆ ทั้งนั้น ไปรยาคว้ากระเป๋าตัวเองได้ก็อาศัยจังหวะที่ประตูเปิดออก เธอแทรกตัวออกไปทันที วิ่งไปตามทาง ได้ยินเสียงตะโกนเรียกไล่หลัง คิดว่าวิ่งแบบนี้อีกฝ่ายต้องตามทันแน่ๆ บังเอิญเธอเห็นประตูห้องพักห้องหนึ่งเปิดแง้มไว้ เธอจึงแทรกเข้าไปและแอบมองเห็นคนที่วิ่งไล่ตาม3-4คนวิ่งเลยไป ยังไม่ทันได้ถอนหายใจก็รู้สึกว่าในห้องไม่ได้มีเธออยู่คนเดียว“เจนนี่ส่งมาใช่ไหม” ไปรยาจำน้ำเสียงดุดันของเขาได้ เธอนี่ช่างหนีเสือปะจระเข้เสียจริง ยิ่งเห็นว่าเขามีเพียงผ้าข
“เป็นแม่บ้านจริงๆ ผมหาคนมาแทนป้าประนอมได้แค่นี้ล่ะ” เขาเสยผมทำหน้าเบื่อหน่าย แต่พอเหลือบมองใบหน้าคนข้างๆ ที่เขินหน้าแดงจัดก็อดยอมรับไม่ได้ว่าเธอมีใบหน้าสวย ดวงตากลมโต ปากนิด จมูกหน่อย มีอะไรให้ชวนมองไม่น้อยเหมือนกัน“ชื่ออะไรล่ะหนู” ผู้เป็นพ่อถามด้วยความเอ็นดู“ไปรยาค่ะ เรียกปรายก็ได้” เธอยกมือไหว้อย่างมีมารยาททำให้ผู้ใหญ่ทั้งสองรู้สึกถูกชะตา “คุณผู้หญิงกับคุณผู้ชายต้องการใช้อะไรบอกปรายได้เลยนะคะ เห็นตัวเล็กแบบนี้ปรายเก่งแรงเยอะนะคะ”“เรียกห่างเหินจัง เรียกพ่อกับแม่ก็ได้ลูก” “แค่กๆ” คราวนี้ภูมิพยัตสำลักน้ำลายตัวเอง ไม่คิดว่าแม่ของเขาจะแสดงความชื่นชมออกหน้าออกตาแบบนี้ “มิกล้าค่ะ ปรายมาอยู่ในฐานะลูกจ้าง ไม่สมควรตีตนเสมอนาย” “พูดจาน่าฟังดีจัง เอาเถอะๆ งานที่นี่ก็มีแค่ดูแลคนแก่อย่างเราสองคนกับลูกชายหัวรั้นอีกคน แต่ถ้ามันกล้าหือละก็มาฟ้องพ่อกับแม่ได้นะ เอ่อแล้วนี่นอนที่ไหนล่ะ มานอนเรือนใหญ่กับพ่อแม่ก็ได้นะ ไอ้ลูกบ้านี่มันก็สร้างบ้านหลังใหญ่แต่ให้พ่อกับแม่อยู่กันแค่สองคน ตัวมันรึดันไปอยู่อีกหลัง”“ปรายอยู่บ้านผม” ภูมิพยัตพูดตัดบท “ผมไม่ไว้ใจเกิดมาลักขโมยหรือทำร้ายพ่อกับแม่ขึ้นมาจะ
“ไอ้เสือ หนูปรายเขาก็ทักทายก็ตอบเขาหน่อยซิ” คุณบุญมาดุลูกชาย“ต้องพูดอะไร ก็เห็นอยู่แล้วว่ายืนอยู่ตรงนี้ก็แสดงว่ากลับมาแล้วซิ คนถามนั้นแหละถามอะไรไม่รู้จักคิด”“เขาไม่ได้ถามเขาเรียกคำทักทาย” คราวนี้คุณรำเพยช่วยอธิบาย แต่ไม่หรอกนางเข้าข้างไปรยาสุดฤทธิ์ “พ่อแม่ครับ นั่นแม่บ้านนะครับ แล้วนี่ผมเป็นลูก สับสนอะไรหรือเปล่า” เขาทำหน้าไม่พอใจเหมือนเด็กไม่รู้ตัว“น้ำเย็นค่ะคุณพยัต” ไปรยาเปลี่ยนเรื่อง รีบรินน้ำใส่แก้วส่งให้ เขารับมาแล้วดื่มรวดเดียวเหมือนโมโห จะโกรธอะไรนักล่ะ เธอก็ตั้งใจทำงานดีแล้วนี่นะ วันนี้สนุกกับการเข้าครัวมาก คุณรำเพยชอบทำอาหารแต่อยู่กันแค่สามคนพ่อแม่ลูก จึงไม่ค่อยได้แสดงฝีมือนัก เธอพลอยได้ความรู้ใหม่ไปด้วย“พ่อกับแม่กำลังจะกินข้าวเย็นพอดี เอ็งมากินพร้อมกันไหมล่ะ” คุณบุญมาถามลูกชาย แม้จะมีกันอยู่แค่นี้แต่ลูกชายก็โตเกินกว่าจะมาออดอ้อนเอาอะไร จะว่าไปก็โตเกินวัยของเขานั้นแหละ เพราะทำงานเรียนรู้งานมาตั้งแต่วัยรุ่นก็ว่าได้ ภูมิพยัตเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการทำงานให้โรงงานเจริญเติบโตก้าวหน้ามาถึงทุกวันนี้ชายหนุ่มมองมาทางแม่บ้านคนใหม่เหมือนจับผิดแล้วพยักหน้ารับ ถ้าเป็นเมื่อก่
“ค่ะ ปรายทราบแล้ว” เธอเชิดหน้ามองเขาตรงๆไม่กลัวคำขู่ของเขา “แต่ปรายก็อยากให้คุณทราบ ปรายมาอยู่ที่นี่ด้วยความจำเป็น แต่ไม่เคยคิดร้ายอะไรกับคุณ และโดยเฉพาะคุณท่านทั้งสอง”ภูมิพยัตพนักหน้าและเหยียดยิ้มให้ เขาปล่อยให้เธอจัดการเก็บครัวเองแล้วเดินออกมาที่ด้านนอก พ่อของเขามองหน้าแล้วเรียกไว้“ไอ้เสือพาพ่อไปห้องหนังสือหน่อยซิ”“ครับ” ชายหนุ่มรู้ดีว่า ถ้าพ่อเรียกให้พาไปห้องหนังสือทีไร ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ ภูมิพยักพยุงพ่อเดินเข้ามาในห้องหนังสือเล็กๆ ที่อัดแน่นไปด้วยหนังสือนานาชนิด ทั้งหนังสือสำหรับอ่านและบางเล่มเป็นหนังสือสะสม “เอ็งไปเจอหนูปรายที่ไหน” คุณบุญมาเปิดประเด็น“ก็...” จะบอกยังไงว่าแม่เล้าส่งมาให้ เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็เข้าใจผิดว่าเขาเอาผู้หญิงอย่างว่าเข้ามาบ้าน“เอาล่ะๆ หนูปรายบอกพ่อแล้วว่าเจนนี่ส่งตัวมาให้”“มันไม่ใช่อย่างที่พ่อคิดนะ”“เอ็งรู้เรอะว่าข้าคิดอะไรอยู่”“เอ่อ...เอ้า พ่อจะเอายังไงล่ะ จะให้ผมส่งกลับไหม?”“ไม่ใช่! พ่อกับแม่สงสารหนูปราย เธอคงมีความจำเป็นอะไรบ้างอย่างที่ต้องมาทำงานแบบนี้”“ก็เงินไง จะอะไรอีก” ภูมิพยัตพูดเหยียดๆ ผู้หญิงดีๆที่ไหนจะมาขายตัวแลกเงิน“ก็ใช่ มันก็ค
หญิงสาวรู้ดีว่าตัวเองไม่มีสิทธิ์โกรธที่เขาจะมองเธอในแง่ร้ายแบบนั้น แต่เธอก็ไม่รู้ว่าเขาเป็นคนแบบไหนกันแน่ บางทีก็อ่อนโยนกับเธอ บางครั้งก็ดูดุร้ายเหมือนชื่อของเขานั้นแหละ หรือเพราะเขาคือเสือ เวลาอยู่ใกล้เธอเลยคอยหวาดระแวงว่าจะโดนตะครุบทุกทีไปรยาเดินไปเรือนหลังใหญ่ เดินอ้อมไปด้านหลังก็ถึงห้องครัว เป็นไปตามคาดว่าคุณรำเพยตื่นแต่เช้าตรู่แล้ว“ให้หนูช่วยนะคะคุณท่าน”“ตื่นแต่เช้าเลยนะหนูปราย”“ตื่นเวลานี้จนชินแล้วค่ะ” เธอรีบเข้าไปยืนข้างๆ จะได้ดูว่าตัวเองจะทำอะไรได้บ้าง “คุณท่านจะทำอะไรคะ”“เตรียมอาหารจะใส่บาตรจ๊ะ”“น่าจะบอกปรายตั้งแต่เมื่อวานนะคะ จะได้มาช่วยเตรียมให้เร็วกว่านี้ มาค่ะ คุณท่านเดี๋ยวหนูทำเอง” ไปรยาหยิบผ้ากันเปื้อนมาสวมแล้วลงมือหุงข้าว “เอาเป็นผัดผักกับต้มจืดไหมคะ”“แม่ก็คิดแบบนั้นอยู่เหมือนกันจ๊ะ”“ปกติคุณท่านทำอาหารใส่บาตรทุกวันหรือคะ ปรายจะได้เตรียมให้”“จ๊ะ แต่หนูปรายไม่ต้องลำบากก็ได้นะ”“ไม่ลำบากเลยค่ะ ปรายตื่นเช้าอยู่แล้วจะได้ทราบว่าต้องทำอะไรบ้าง คุณท่านไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนก็ได้ค่ะ เดี๋ยวปรายจัดสำรับไว้เตรียมถวายพระให้ค่ะ”“ก็ดีเหมือนกันค่ะ พระท่านจะผ่านมาป
เปลือกตาที่ปิดอยู่ค่อยๆกะพริบตา หญิงสาวปรับสายตากับความมืดในรอบกายจนพอมองเห็นทุกสิ่งในห้องได้ชัดขึ้น ห้องนอนที่ค่อนข้างกว้าง ทุกอย่างถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ ผิดกับที่เธอเจอมาก่อนหน้านี้ พิชญนรีไม่อยากคิดถึงสิ่งที่เพิ่งเจออะไรมา ทำไมเธอต้องมาเจอเคราะห์กรรมที่ตัวเองไม่ได้ก่อ เหมือนน้ำตาจะรื้นขึ้นมาอีกครั้ง เธอพยายามกลั้นมันไว้ เปล่าประโยชน์ที่จะมาร้องไห้ในเวลาแบบนี้ร่างบางรู้สึกถึงวงแขนที่กระชับรั้งเธอกอดแนบแน่นขึ้น หญิงสาวตัวเกร็งขึ้นมาทันทีเมื่อนึกได้ว่าเธอไม่ได้อยู่ตามลำพังบนเตียงนุ่มนี้ มือเรียวกอดผ้าห่มไว้ราวกับเป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจะขยับตัวหนีแต่มือแข็งแกร่งกอดเธอแน่นขึ้นจนเธอไม่กล้าหันกลับไปมอง“ยังไม่เช้าหรอก นอนต่ออีกสักนิดเถอะ”น้ำเสียงที่พูดแผ่วๆ อยู่ข้างหูทำให้พิชญ์นรีต้องยอมรับความจริงที่เกิดขึ้น สมองยังสับสนไม่รู้ว่าต้นสายปลายเหตุเป็นมาอย่างไรกันแน่ แต่เหมือนคนตัวใหญ่ที่นอนซ้อนอยู่ด้านหลังจะรับรู้ เขาเพียงกอดเธอแน่นขึ้นอย่างหวงแหน แรงสั่นสะเทือนน้อยๆ นั้นปลุกให้เขาตื่นนานแล้ว“ที่นี่...ที่ไหนคะ” “บ้านพ่อของผมเอง” เขาพึมพำแล้วลูบผมเธอเบาๆ “นี่ห้องนอนผม”
เมื่อรถมาจอดที่หน้าบ้านก็เกือบสี่ทุ่มเข้าไปแล้ว ปรินทรแกะมือของเธอที่หนึบหนับอย่างกับหนวดปลาหมึกออกจากร่างตนเองแล้วลงจากรถ เขาไม่ให้ใครเข้ามาช่วย รีบอุ้มร่างที่เปียกชื้นจนเหมือนจะเปลือยเปล่าแล้วเดินเข้ามาในบ้าน“พ่อล่ะ” เขาถามเด็กรับใช้ที่รอเปิดประตูให้“คุณท่านเข้าห้องนอนแล้วเจ้าคะ”เขาเหลือบตามองเด็กรับใช้ประเมินด้วยสายตา เล่นเอาเด็กสาวเขินอายจนหน้าแดงจัด“เอาเสื้อผ้าเธอมาให้ฉันชุดนึง”“อะไรนะคะ?”“ได้ยินแล้วนี่”“ค่ะๆ”ปรินทรอุ้มร่างของพิชญ์นรีไปที่ห้องนอนของเขา หญิงสาวหอบหายใจแรง ใบหน้าหวานแดงจัด เธอแลบลิ้นเลียริมฝีปากตัวเอง รู้สึกลำคอแห้งผากไปหมด และเนื้อตัวก็คันยุบยิบเหมือนมีอะไรไต่ เธอถอดเสื้อผ้าตัวเองออกอย่างรวดเร็ว“เฮ้ย!” ชายหนุ่มร้องเสียงหลง มองหญิงสาวที่ยืนอยู่กลางห้องที่บนตัวเหลือเพียงชุดชั้นในลูกไม้สีหวานเท่านั้น“มันคัน คันยุบยิบไปทั้งตัว” เธอลูบเนื้อตัวของตนเอง“รู้แล้ว” ปรินทรส่ายหน้าไปมา ไปโดนยาเม็ดไหนเข้าไปนะ เขาหยิบผ้าขนหนูแล้วเดินเข้าไปหาแต่เธอกลับยื่นมือไปประคองใบหน้าเขาไว้แล้วเขย่งปลายเท้าจูบริมฝีปากเขา ชายหนุ่มถึงกับตกใจไปอึดใจ ลิ้นเล็กๆ ตวัดเลียริมฝ
“ตั้งสติหน่อยพิชญนรี” พิชญนรีบอกกับตัวเองแล้วลองเดินไปเขย่าประตู มันล็อกจากด้านนอก ไม่กี่นาทีต่อมา ร่างกายเธอก็เริ่มรู้สึกผิดปกติ มันผ่าวร้อนและทำให้เธอไร้เรี่ยวแรงจนทรุดไปนั้งกับพื้น เธอมองรอบตัวอีกครั้ง อย่างไรก็ไม่ยอมเป็นเหยื่อง่ายๆ เด็ดขาด! เสี่ยกำธรเดินเข้ามาในห้องรับแขก เขากระตุกยิ้มเมื่อเห็นปรินทรนั่งรออยู่ก่อนแล้ว แม้จะสวมเสื้อยืดทับด้วยแจ็ตเก็ตสูทเรียบๆ แต่ก็ดูโดดเด่นไม่เหมือนผู้ชายที่จะมาเที่ยวซ่องเท่าไหร่นัก“ลมอะไรหอบเสี่ยมังกรมาถึงที่นี่ละครับเนี้ย” เสี่ยกำธรพูดราวอายุเท่านั้น ทั้งที่อีกฝ่ายรุ่นลูกด้วยซ้ำไป“ผมมาซื้อของ” ชายหนุ่มเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบ“ของแบบไหนที่คนระดับเสี่ยมังกรต้องมาซื้อเองแบบนี้ครับ”“ผู้หญิง”“ผู้หญิง?” เสี่ยกำธรถึงหัวเราะออกมา“ผู้หญิงคนที่นายนิพัฒน์เอามาขายนั้นแหละ” เขาพูดตรงไปตรงมา ต้องการปิดเกมให้เร็วที่สุด เธอถูกจับตัวมาตั้งแต่เมื่อวาน ไม่รู้จะเป็นอย่างไรบ้าง“เสี่ยมังกรหูไวตาไวไม่เบา ของเพิ่งมาถึงผมมือก็รู้ไปถึงหูเสี่ยมังกรแล้ว”ปรินทรส่ายหน้าไปมา “เสี่ยจะเอายังไงก็ว่ามาเถอะ ผมอยากเห็นของชิ้นนั้นแล้ว”“แสดงว่าสำคัญมากถึงข
“ครับ ผมทราบว่าคุณปรินทรเองก็มีธุรกิจมากมาย โดยเฉพาะธนาคารของคุณ ซึ่งคุณคงไม่ยอมให้ตัวเองแปดเปื้อนเพราะเรื่องพวกนี้แน่ๆ”“ครับ” ปรินทรประเมินสถานการณ์ด้วยสายตา“ผมอยากได้ข้อมูล เพื่อให้คนของผมแทรกตัวเข้าไปได้โดยไม่ถูกจับได้เสียก่อน”ปรินทรพยักหน้ารับ “เรื่องนั้นผมพอช่วยได้”“ยังไงก็ขอรบกวนด้วยก็แล้วกัน”“ครับ ผมยินดีให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่”ทั้งสามพูดคุยหารือกันอยู่พักใหญ่ ปรินทรก็ขอตัวเดินออกมาหน้าบ้าน สารวัตรวรดรเดินตามมาด้วย“ยังไงก็ต้องขอบคุณล่วงหน้าที่ให้ความร่วมมือนะครับ”“ไม่เป็นไรครับ คนเยอะ ดูแลลำบาก แถมยังมีช่องทางให้ไปประเทศเพื่อนบ้านได้ง่ายๆอีก” ปรินทรพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “และทางที่ดีคุณสารวัตรไม่ต้องแวะมาบ้านผมบ่อยจะดีที่สุด”“อ้าว ทำไมละครับ” สารวัตรวรดรหัวเราะร่วนทั้งที่รู้คำตอบดี“พ่อผมจะกลายเป็นเป้าได้ง่ายๆ” เขาพูดตามตรงไม่เห็นเป็นเรื่องตลก “ถ้าพวกมันระแคะระคายเมื่อไหร่ ก็เดาได้ไม่ยากว่ามันจะเล่นงานใครก่อน”“เรื่องนั้นผมพอเข้าใจ จะให้คนมาคอยดูแล”“ไม่จำเป็น ลูกน้องมือดีของพ่อยังมีที่ไว้ใจได้” ปรินทรปรายตามองไปด้านข้าง คนสนิทเดินเข้ามาใกล้แล้วหยุดยืนไ
“ไม่ล่ะ ข้ารีบพูด พูดจบเอ็งก็เผ่นกลับกรุงเทพฯ ซิ”“พ่อก็รู้แล้วจะเอาอะไรอีกล่ะ”“บ่ะ ไม่น่ารักเลยไอ้ลูกคนนี้”ปรินทรขมวดคิ้ว “ผมเคยน่ารักด้วยหรือไงกัน”พ่อเริ่มคร้านจะต่อปากต่อคำด้วย “พ่อแก่แล้ว ใส่ใจพ่อหน่อย”“รู้ตัวด้วยเหรอ”“อุวะ! เอ็งนี่เลิกทำน้ำเสียงแบบนี้เสียทีเถอะ ไอ้พูดน้ำเสียงโทนเดียวไม่น่าคุยด้วยเลย” กำนันทรงชัยส่ายหน้าไปมา ไม่น่าเชื่อเลยว่าท่าทางแบบนี้ นิสัยแบบนี้ จะกลายเป็นนักธุรกิจพันล้านได้ทั้งที่อายุเพิ่งจะ35เท่านั้น“เอ็งอายุขนาดนี้แล้ว เมื่อไหร่จะมีเมียมีลูกเสียที มันจะโตไม่ทันใช้เอาน่า”“หือ” ชายหนุ่มเอนหลังพิงพนักเก้าอี้แล้วหรี่ตามองพ่ออย่างจับผิด “ใครเสนอตัวเป็นลูกสะใภ้ล่ะ แล้วพ่อเป็นนายหน้าเท่าไหร่”“ไอ้ลูกบ้า ข้ารู้ว่าเอ็งมันหล่อเลือกได้ แต่เห็นอายุสามสิบห้าแล้วยังไม่มีครอบครัวอีก ข้ากับแม่เอ็งได้เสียกันก็ตั้งแต่อายุยี่สิบเอง”“แล้วไง ผมต้องเดินตามรอยเท้าพ่อเหรอ”“โธ่! ที่พูดเพราะเป็นห่วง”“ครับแล้วไงต่อ เรียกมาแค่นี้ โทรศัพท์มาก็ได้ เสียเวลามา จากกรุงเทพฯมาสุรินทร์ไม่ได้ไกลนะพ่อ”“นั่งนี่ตูดยังไม่ทันร้อนก็บ่นจะกลับกรุงเทพฯ แล้วเรอะ เออ หรือมีเมียอยู่กรุงเท
ชีวิตของเธอควรเป็นปกติอย่างที่ผ่านมา แน่นอนว่าเธอยอมรับว่าลึกๆ แล้ว แต่ละวันของเธอเต็มไปด้วยความหวาดระแวง จนวันนี้ได้เห็นหน้านิพัฒน์อีกครั้ง วันนี้ปาจรีย์หยุดจึงไม่มีใครกันไม่ให้พิพัฒน์มาเจอกับเธอได้“ขอคุยด้วยหน่อยซิ” “ฉันไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” เธอพยายามทำน้ำเสียงให้เป็นปกติ ไม่ให้เขารู้ว่าเธอกลัวเขา“ไม่ได้คุยเรื่องของฉันหรอกน่า เรื่องแม่ของเธอต่างหากล่ะ”“แม่เหรอ แม่เป็นอะไร” คราวนี้พิชญนรีตื่นตกใจ“ฉันจะรอเธอเลิกงานแล้วค่อยคุยกัน”“บอกตอนนี้ไม่ได้หรือไง” “เรื่องมันยาว รายละเอียดมันเยอะ”“ก็ได้ แต่วันนี้พั้นซ์เลิกงานสี่ทุ่ม”“ได้ แล้วจะแวะมาอีกที เธอก็รู้นะว่าแม่ของเธอเป็นคนปากหนัก มีอะไรไม่ค่อยพูดไม่ค่อยบอกใครหรอก”“ฮืม”นิพัฒน์พยักหน้ารับแล้วเดินออกไป ถ้าไม่อ้างเรื่องแม่ ยัยน้ำพั้นซ์ไม่มีวันยอมให้เขาคุยด้วยหรอก เขาไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว หนี้สองแสนห้าที่ดอกเบี้ยงอกงามจะกลายเป็นสามแสนอยู่ร่อมร่อแล้ว ยิ่งโดนเจ้าหนี้เอาลูกน้องมาประกบเป็นเงาตามตัวด้วย เขายิ่งแทบทำอะไรไม่ได้ ที่สำคัญยังไม่ได้คำตอบรับว่าตกลงเขาอยากได้พิชญนรีหรือไม่ เขาร้อนเงินอยากได้เงินมาหมุนใจแทบขาดตายอ
หญิงสาวรู้สึกเพียงแค่ว่ามีเงาทอดทับอยู่เบื้องหน้า พอเงยหน้าขึ้นก็ประหลาดใจที่ได้เห็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ เจ้าของใบหน้าเรีบบนิ่ง เขาสวมสูทสีเข้มมืองสองข้างล้วงในกระเป๋ากางเกง ดวงตาคมชอบจ้องมองเธอเหมือนกำลังประเมินอะไรสักอย่าง“คุณมาทำอะไรแถวนี้คะ คุณปรินทร”“มีงานสัมมนาที่นี่ ผมแอบมาหาที่ดูดบุหรี่”พูดไปอย่างนั้น แต่...ไม่ใช่หรอก เขาเห็นเธอเลยแอบเดินตามมาอย่างไม่รู้ตัวต่างหาก“นั่งด้วยกันไหมคะ” เธอเขยิบให้เขานั่งลงข้างๆ ร่างในชุดสูทเรียบหรูพยักหน้าแล้วนั่งลงข้างๆ สายลมพัดผ่าน กลิ่นหอมละมุนเหมือนกลิ่นดอกไม้แตะปลายจมูกของชายหนุ่ม เขารู้ว่ามันเป็นกลิ่นหอมที่มาจากเธอ“ขอบคุณนะคะ”“หือ?”“ที่ช่วยออกค่ารักษาครอบครัวหมาแม่ลูกอ่อน แล้วยังหาที่อยู่ให้ด้วย”“อ่อ... ก็ไม่มีอะไร” เขายักไหล่ “ได้ยินว่าแวะไปเยี่ยมแม่หมาบ่อยๆนี่”“ค่ะ เกรงใจน้าสมชายกับครอบครัว ทำงานก็เหนื่อยแล้วต้องมาดูแลหมาเจ็บอีก แต่พั้นซ์ก็ไม่ได้ไปบ่อยนะคะ”“ผมรู้” ที่รู้เพราะลูกน้องมารายงานตลอด และออกจะแปลกใจที่ดูเหมือนเธอจะไม่สนใจอะไรในตัวเขาเลยสักนิด นี่เธอจะสนใจแต่บรรดาหมาเจ็บ โดยไม่สนใจเขาเลยสักนิดงั้นเหรอ ยิ่งคิดก
แม้ไม่ใช่ช่วงวันหยุดยาว งานที่โรงแรมก็มีอะไรให้ยุ่งได้ตลอดทั้งปี ซึ่งก็เป็นเรื่องดีเพราะนั้นหมายถึงพนักงานทุกคนจะไม่ต้องหวาดหวั่นกับการถูกปลดจากงาน บางวันก็มีงานจัดเลี้ยงงานแต่งงาน งานมงคลต่างๆ ห้องประชุม ห้องสัมนา และบ้างครั้งก็มีทีมงานจากนิตยสารมาถ่ายแบบ หรือมาถ่ายทำมิวสิกวิดิโอ “นี่ๆ ยัยพั้นซ์ ได้ยินว่าวันนี้พี่เบสท์มาถ่ายเอ็มวีที่สระว่ายน้ำโรงแรมเราเหรอ” ปาจรีย์ถามพัชญนรีน้ำเสียงตื่นเต้น “พี่เบสท์?” คนถูกถามเพียงหันไปมองตารางงานแล้วก็พยักหน้า วันนี้มีคนเหมาใช้สระน้ำของโรงแรมถ่ายทำมิวสิกวิดิโอ แต่เธอจำชื่อศิลปินไม่ได้เพราะในตารางไม่ลงชื่อศิลปิน แต่ลงไว้ว่าบริษัทไหนจะเข้ามาใช้งงาน“โธ่! พี่เบสท์ไง นักร้องไทยหน้าตาเกาหลีๆ นะ หล่อสไตล์โอปป้าเลยนะ” ปาจรีย์ทำหน้าเคลิ้ม แต่พิชญนรีกลับหัวเราะออกมา “พั้นซ์ไม่ค่อยติดตามดารานักร้องเลยไม่รู้ว่าใครเป็นใคร”“ถ้างั้นช่วงพักปลาขอแอบไปส่งผู้ชาย เอ๊ย ไปดูพี่เบสท์หน่อยนะ”“ไปซิ อย่าให้หัวหน้ารู้ก็แล้วกัน”“จ๊ะ ขอบใจมาก”หญิงสาวยิ้มให้เพื่อนและทำงานของตัวเองต่อ เหมือนไม่นานเท่าไหร่ก็รู้สึกได้ว่ามีคนกลุ่มใหญ่เข้ามาทางประหลักของโรงแร
“แล้วคุณไม่ต้องไปทำงานเหรอ” เขาถามพิชญนรียิ้มแล้วเสยผมแก้เขิน “เพิ่งเลิกงานค่ะ กำลังจะกลับที่พัก”“อ่อ...” เพียงรับคำอย่างรับรู้แต่เหมือนไม่ได้สนใจอะไรในตัวเธอนักและไม่ถามอะไรเพิ่มเติมทำให้เธอไม่รู้จะชวนเขาคุยอะไร เขาก็ยังคงนั่งรอเป็นเพื่อนเธอ เมื่อได้นั่งใกล้กัน เธอรู้สึกได้เลยว่าเขาเป็นคนตัวสูงรูปร่างหนา ขนาดว่าเธอตัวสูงถึง 167 ซม.แล้วนะ พออยู่ใกล้เขาเหมือนเธอจะตัวเล็กไปเลยทีเดียว แต่เมื่อสังเกตอย่างละเอียดเธอก็แอบกังวลใจว่าเขาจะเสียเวลากับครอบครัวหมาข้างถนนสามชีวิตนี้“คุณอยากดื่มกาแฟไหมคะ มีร้านกาแฟสดอยู่ใกล้ๆ ค่ะ”“คุณอยากดื่มเหรอ”“เอ่อ...ค่ะ” ไม่หรอก เธอจะอยากกินกาแฟตอนนี้ทำไม นี่มันเวลาที่เธอจะต้องหัวถึงหมอนแล้วหลับเป็นตายไปแล้ว“ก็ได้ เดี๋ยวผมไปซื้อให้”ร่างสูงลุกขึ้นยืน หญิงสาวรีบลุกตามแล้วดึงชายเสื้อของเขาไว้ก่อนที่เขาจะเดินออกไป เขาเพียงเอี้ยวตัวมองมือเรียวที่จับชายเสื้อของเขา เธอทำตาปริบๆ ก่อนจะปล่อยมือออกอย่างรวดเร็วราวกับโดนของร้อนเข้าไป“ฉันหมายถึง ฉันจะไปซื้อให้คุณเองคะ ไม่ใช่ให้คุณไปซื้อให้ฉัน”“ปรินทร” “คะ?”เขาถอนหายใจหนัก “ผมชื่อปรินทร ““อ้อ...ค่ะ