“ครั้งนี้ผมจะไม่เอาเรื่อง!” คิลเลียนลั่นออกมาอย่างเดือดดาล “ถ้าอยากมีเงินใช้ก็ไปเสนอตัวให้ไอ้พวกเศรษฐีแก่ ๆ โน่นเลยไป หน้าตาแบบนี้คงหาได้ไม่ยาก ไม่ใช่มาทำนิสัยแย่ ๆ หัดลักขโมยของคนอื่นแบบนี้!”
ชายหนุ่มชี้หน้าหญิงสาวที่ยืนทนฟังเสียงก่นว่าก่อนพาคู่หมั้นของเขาเดินจากไป
“เพิร์ลลี่...มาอยู่นี่เอง ถึงคิวเธอร้องเพลงต่อไปแล้วนะ”
มุกมารินต้องรีบดึงสติกลับมาเมื่อเพื่อนนักร้องสาววิ่งกระหืดกระหอบมาหา หญิงสาวรีบกลั้นน้ำรื้นในดวงตาคู่สวย
“เพิร์ลลี่...มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”
“เปล่าจ้ะ...คือ...มุกว่า มุกพบคนที่เคยรู้จักน่ะจ้ะ”
“เหรอจ๊ะ...แล้วตอนนี้เขาไปไหนเสียแล้วล่ะ?”
“เอ้อ...เขาจำมุกไม่ได้ หรือบางที มุกอาจจะทักคนผิดเองก็ได้”
ร่างเล็กบอบบางกล่าวคล้ายรำพึงกับตัวเองขณะมองไปยังห้องอาหารที่มีแขกนั่งเต็มทุกโต๊ะกับความรู้สึกที่ยังมึนงงไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เธอไม่ได้ทักคนผิด เธอรู้จักผู้หญิงคนนั้น แต่...ผู้ชายที่พบเมื่อครู่เป็นใครกัน ช่างดุดันดิบห่ามจนเธอนึกเกลียดขึ้นมาจับหัวใจ
บทที่ 2 เหตุไม่คาดฝัน
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นตอนกลางดึกทำให้นาวาอากาศเอกคิลเลียน แม็คไพรด์ต้องตกใจตื่นขึ้นท่ามกลางความเงียบสงัดภายในบ้านพักสุดหรูในย่านเบเวอรี่ ฮิลล์ ชายหนุ่มสลัดผ้านวมออกจากตัวก่อนป่ายแปะมือไปบนโต๊ะข้างเตียงเพื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมารับสาย
“ครับ ผมคิลเลียน แม็คไพรด์...อะไรนะครับ!”
ร่างสูงใหญ่ผุดลุกขึ้นนั่งในทันทีทันใดเมื่อไดยินเสียงปลายสาย ดวงตาสีน้ำเงินเลื่อมพรายเบิกโพลงขณะจับมือถือด้วยอาการสั่นเล็กน้อย
“ครับ...ผมจะรีบไป จะเดินทางไปคืนนี้เลย”
คิลเลียนวางโทรศัพท์ก่อนกระโดดลงจากเตียงอย่างว่องไวและหยิบเสื้อผ้าในตู้ออกมาสวมใส่อย่างไม่ต้องคิดพิจารณา ชายหนุ่มสะบัดศีรษะไล่ความมึนงงชั่วครู่แล้วออกจากห้องตรงไปยังห้องโถงใหญ่ เขากำลังจะก้าวพ้นประตูหากไม่ได้ยินเสียงหนึ่งดังขึ้นเสียก่อน
“คิลเลียน นั่นลูกกำลังจะไปไหน?”
อัลเลนในชุดเสื้อคลุมลายดอกไม้ตัวยาวก้าวลงบันไดมาและมองบุตรชายของเธอด้วยความประหลาดใจ คิลเลียนอยู่ในชุดลำลองที่พร้อมจะออกไปกลางดึกซึ่งผู้เป็นมารดาเห็นว่าเป็นสิ่งผิดปกติ
“ผมจะออกข้างนอกครับแม่”
“ตอนนี้น่ะหรือ?”
อัลเลนเดินเข้ามาหยุดตรงหน้าบุตรชายแล้วจึงก้มลงดูนาฬิกาข้อมือที่เข็มบอกเวลาจวนตีหนึ่ง
“มีธุระอะไรด่วนที่กองทัพกันล่ะ ไหนลูกบอกว่าขอลามาหนึ่งเดือนเต็มไม่ใช่หรือ”
“ไมใช่ธุระในกองทัพหรอกครับแม่” คิลเลียนปฏิเสธด้วยสีหน้าเครียดขรึม ชายหนุ่มชั่งใจอยู่ชั่วขณะก่อนบอกกับมารดาตามความเป็นจริง
“มีโทรศัพท์เข้ามาเมื่อครู่จากโรงพยาบาลในนิวยอร์ค แม่ของเลทิเธียโทรมาบอกว่าเกิดอุบัติเหตุกับเธอในโรงแรมที่ถนนฟิฟท์ อะเวนิว”
“พระเจ้า!...แล้วตอนนี้หนูเลทิเธียเป็นยังไงบ้าง?”
“เธออยู่ในห้องไอซียูครับ ผมต้องรีบเดินทางไปนิวยอร์คคืนนี้เลย”
“โอ...คิลเลียน...ภาวนาขออย่าให้เธอเป็นอะไรเลย ไม่อย่างนั้นงานแต่งของลูกที่จะจัดขึ้นอาทิตย์หน้า...”
“แม่ครับ” คิลเลียนแทรกขึ้นและจับไหล่บางของมารดา เขามองเห็นความกังวลระคนหวั่นกลัวฉายชัดในดวงตาสีเขียวมรกตคู่นั้นซึ่งก็หาได้แตกต่างจากความรู้สึกของเขาตอนนี้
“ฟังผมนะครับแม่...ผมอยากให้พ่อกับแม่ระงับการจัดงานแต่งระหว่างผมกับเลทิเธียไว้ก่อน เธออาจหายเป็นปกติหลังจากนี้ แต่ผมไม่แน่ใจเลยว่าเธอจะพร้อมเข้าพิธีได้เมื่อไหร่ สิ่งที่ทำได้คือ คืนนี้ผมต้องรีบเดินทางไปนิวยอร์คโดยเร่งด่วน และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมจะรีบกลับมาหาแม่นะครับ”
“ขอพระเจ้าคุ้มครองลูกและคนที่ลูกรัก แม่จะคอยฟังข่าวทางนี้นะจ๊ะ”
อัลเลนหลับตาเมื่อคิลเลียนแนบริมฝีปากลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลา ชายหนุ่มผละจากมารดาก่อนเดินลิ่วตรงไปยังรถเก๋งหน้าบ้านพักซึ่งคนขับนำออกมาจอดรอตามคำสั่งอยู่ก่อนแล้ว
นาวาอากาศเอกหนุ่มกระสับกระส่ายตลอดเวลาแม้จะนั่งเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวเพื่อมุ่งสูนิวยอร์คซิตี้ คิลเลียนมีอาการกระวนกระวายและกุมโทรศัพท์ไม่วาง ทำไมเหตุร้ายมันต้องมาเกิดขึ้นตอนนี้ในเมื่อเขาและเลทิเธียกำลังจะเข้าสู่ประตูวิวาห์ในอีกไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ข้างหน้า
เขาลางานจากกองทัพมาเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็มเพื่อจัดเตรียมพิธีวิวาห์อย่างหรูหราในโรงแรมกลางกรุงนิวยอร์คซึ่งแม็คไพรด์กรุ๊ปเป็นหุ้นส่วนใหญ่ ใช่...มันคือฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ล โรงแรมที่เลทิเธียไปประสบอุบัติเหตุโดยที่ทุกคนไม่คาดฝัน
คิลเลียนคบหาดูใจกับเลทิเธีย อาเวอร์ตัน ลูกสาวนักุรกิจใหญ่ด้านเรือเดินสมุทรนับถึงบัดนี้ก็เป็นเวลาเกือบสองปีเต็ม ซึ่งก่อนหน้านี้เลทิเธียไม่พร้อมที่จะเป็นเจ้าสาวด้วยข้ออ้างในการศึกษาต่อทางด้านธุรกิจการเงิน
แตเมื่อไม่นานมานี้คู่หมั้นของเขาเกิดเปลี่ยนใจ เธอและครอบครัวอยากให้เขาจัดงานวิวาห์ซึ่งเป็นสิ่งที่คิลเลียนไม่มีวันปฏิเสธคนรักของเขาอยู่แล้ว
แม้บางครั้งนายทหารเรือหนุ่มต้องเป็นฝ่ายรอและไม่ค่อยได้ติดต่อกับคู่หมั้นของเขาอย่างหนุ่มสาวที่รักกันโดยทั่วไป เขามีเวลาดี ๆ ที่น่าจดจำและประทับใจกับคู่หมั้นซึ่งพบกันจากการติดต่อของผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย
ทว่าไม่เคยมีช่วงเวลาแห่งความโรแมนติกระหว่างเขาและเธอตราบจนใกล้พิธีวิวาห์ คงไม่มีใครเชื่อเป็นแน่ว่าเขาไม่เคยใกล้ชิดเลทิเธียมากกว่าการกอดและจูบดูดดื่มเหมือนคู่รักที่เพิ่งคบกันใหม่ ๆ อย่างไรอย่างนั้นนาวาอากาศเอกหนุ่มครุ่นคิดเรื่องอาการคู่หมั้นของเขากระทั่งไปถึงโรงพยาบาลนิวยอร์คตามคำบอกกล่าวของซินดี้ มารดาของเลทิเธีย คิลเลียนตรงดิ่งไปถึงหน้าห้องฉุกเฉินที่เขาเห็นร่างของหญิงและชายวัยกลางคนยืนรออย่างกระวนกระวายใจ“คิลเลียน!...โอ...คิลเลียน”หญิงผมบลอนด์ทองอายุราวห้าสิบปลาย ๆ ในชุดกระโปรงสีอิฐวิ่งเข้ามาสวมกอดร่างสูงใหญ่ด้วยใบหน้ชื้นไปด้วยคราบน้ำตาทว่าก็มีรอยยิ้มบอกความยินดีที่เห็นว่าอีกฝ่ายมาถึง“เลทิเธียล่ะครับ คุณแม่”“เธอยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน...เรารอมาเกือบจะทั้งคืนแล้ว”เฟเดอริก นักธุรกิจใหญ่ผู้เป็นบิดาของเลทิเธียกล่าวขึ้น เขายังอยู่ในชุดสูทและมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด คิลเลียนก้มลงดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าเวลากำลังจะล่วงถึงตีห้าแล้ว ทว่าทุกอย่างกลับดูเชื่องช้าเสมือนเรือนแห่งกาลหยุดอยู่กับที่“ทำใจดี ๆ นะครับคุณแม่...บอกหน่อยได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับเลทิเธีย”ชายหนุ่มยังกอดหญิงว
ร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองสีเทาดำนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้บุนวมในร้านอาหารซึ่งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลนิวยอร์คออกมาไม่ไกล นัยน์ตาสีน้ำเงินส่องประกายดุดันและสีหน้าเคร่งเครียดบอกว่ามีบางสิ่งค้างคาในใจที่มิอาจขจัดได้หมดแน่นอนว่ามันยังเป็นเรื่องของคู่หมั้นสาวที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนโดยที่คิลเลียนไม่ทันได้ตั้งตัว เวลาผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วที่นาวาอากาศเอกหนุ่มยังคงจมจ่อมอยู่กับความเจ็บปวดที่ต้องมองดูร่างของคนรักที่ยังนอนหายใจหากก็มิอาจพูดคุยกับเขาได้ดังเดิมเลทิเธียกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราจากอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดฝัน ทว่าหลังจากแพทย์ช่วยชีวิตเธอได้เพียงสองวันเขากลับต้องรับรู้ข่าวใหม่จากตำรวจที่แจ้งมายังซินดี้และเฟเดอริคข่าวที่ทำให้เลือดในกายของนายทหารหนุ่มร้อนจนเดือด นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเลทิเธียไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดา“จากการเข้าไปตรวจสอบในโรงแรมฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ลและดูจากกล้องวงจรปิด ก่อนเกิดเหตุเราเห็นว่าคุณเลทิเธียอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่บันไดห้องพักของชั้นที่ยี่สิบ เราสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในครั้งนี้เราจะสืบสวนต่อไปว่าผู้ชายที่อยู่กับคุณเลทิเธี
“ใช่...เธอแตกต่างจากพี่ชาย เพราะจริง ๆ พ่อแม่ของเธอเป็นคนไทย แต่ตอนนั้นพวกเขาไม่มีลูกก็เลยรับแม็กซิมิลเลียนมาป็นบุตรบุญธรรม แม็กซิมิลเลียนไม่ได้เรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย เขาแยกตัวไปอยู่คนเดียวและเป็นช่างซ่อมรถประมาณสองปีเห็นจะได้ แต่จากที่สืบทราบก็คือเขายังติดต่อกับน้องสาวคนเดียวอยู่เสมอ มุกมารินน่าจะเป็นคนเดียวที่รู้และบอกเราได้ว่า ตอนนี้พี่ชายของเธออยู่ที่ไหน”ลีรอยด์รู้สึกคอแห้งจนต้องจิบน้ำชาเล็กน้อย บรรยากาศรอบตัวเขาและคิลเลียนเหมือนมีความกดดันอวลอยู่โดยรอบ แววตาของนาวาอากาศเอกหนุ่มฉายความขึ้งเคียดออกมาอย่างน่ากลัว“ขอบคุณมากลีรอยด์”คิลเลียนเก็บรูปกลับเข้าไปในซอง เขาไม่ยอมแตะอาหารบนโต๊ะแม้แต่น้ำในแก้ว“ถ้ารอให้ตำรวจเข้ามาสืบคดีผมอาจรู้ช้ากว่านี้ อย่างน้อยคุณก็ทำให้ผมรู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป”“คุณยังต้องการอะไรอีกไหม คิลเลียน?” ลีรอยด์ถามขณะที่อีกฝ่ายนั่งลูบคางอย่างใช้ความคิด“ผมขอตารางเวลาทำงานของผู้หญิงคนนั้น...ด่วนที่สุด”“ไม่มีปัญหา ตอนเย็นนี้คุณคอยรับโทรศัพท์จากผมก็แล้วกัน”นักสืบหนุ่มยกแก้วขึ้นจิบน้ำก่อนลงมือเฉือนเสต๊กเนื้อในจานโดยไม่ทันสังเกตเห็นอะไรบางอย่างฉายวาบในดวงตาสีน้ำ
เมื่อบทเพลง Greatest love of all อันไพเราะจบลง เสียงปรบมือภายในห้องอาหารชั้นที่ห้าสิบของโรงแรมหรู ฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ลซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจบนถนน ฟิฟท์ อะเวนิว แห่งมหานครนิวยอร์คก็ดังกึกก้องพริซซิลล่ามองตามนักร้องสาวร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวปักเลื่อมสีขาวเจิดจรัสที่เดินลงจากเวทีด้วยความชื่นชมก่อนหันกลับมายังอีวานซึ่งนั่งข้าง ๆ และตรงข้ามคือคิลเลียนที่วันนี้ควงคู่มากับ เลทิเธีย คู่หมั้นสาวแสนสวย“นักร้องผู้หญิงคนนั้นคงเป็นชาวเอเชีย เธอสวยมากเลยนะคะ”พริซซิลล่าหันมาบอกทุกคนซึ่งอีวานวาดวงแขนโอบไหล่หญิงสาวก่อนพูด“ถ้าผมเห็นด้วย คุณจะหึงหรือเปล่าที่รัก?”“คุณมีสิทธิ์พยักหน้าค่ะ แต่ห้ามแสดงความเห็น โอเคมั้ยคะ อีวาน”หญิงสาวทำเสียงเข้มซึ่งทำให้ทุกคนหัวเราะพร้อมกันก่อนที่คิลเลียนจะหันไปทางคู่หมั้นของเขาบ้าง“ผมอยากให้คุณหึงผมแบบนี้บ้างจัง”“อะไรกัน! นี่นายกำลังจะแต่งงานกับเธออยู่แล้วนะ คงไม่ต้องมาหึงหวงกันอย่างคู่รักที่เพิ่งคบกันหรอกน่า”อีวานกระเซ้าเพื่อนของเขาซึ่งอยู่ในชุดสูทหล่อเหลากว่าปกติ คิลเลียนแทบไม่แตะชุดพวกนี้เพราะคุ้นชินกับการแต่งกายอย่างทหาร ทว่าหลังจากคบกับ เลทิเ