แชร์

บทที่ 4

ร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองสีเทาดำนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้บุนวมในร้านอาหารซึ่งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลนิวยอร์คออกมาไม่ไกล นัยน์ตาสีน้ำเงินส่องประกายดุดันและสีหน้าเคร่งเครียดบอกว่ามีบางสิ่งค้างคาในใจที่มิอาจขจัดได้หมด

แน่นอนว่ามันยังเป็นเรื่องของคู่หมั้นสาวที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนโดยที่คิลเลียนไม่ทันได้ตั้งตัว เวลาผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วที่นาวาอากาศเอกหนุ่มยังคงจมจ่อมอยู่กับความเจ็บปวดที่ต้องมองดูร่างของคนรักที่ยังนอนหายใจหากก็มิอาจพูดคุยกับเขาได้ดังเดิม

เลทิเธียกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราจากอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดฝัน ทว่าหลังจากแพทย์ช่วยชีวิตเธอได้เพียงสองวันเขากลับต้องรับรู้ข่าวใหม่จากตำรวจที่แจ้งมายังซินดี้และเฟเดอริค

ข่าวที่ทำให้เลือดในกายของนายทหารหนุ่มร้อนจนเดือด นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเลทิเธียไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดา

“จากการเข้าไปตรวจสอบในโรงแรมฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ลและดูจากกล้องวงจรปิด ก่อนเกิดเหตุเราเห็นว่าคุณเลทิเธียอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่บันไดห้องพักของชั้นที่ยี่สิบ เราสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในครั้งนี้เราจะสืบสวนต่อไปว่าผู้ชายที่อยู่กับคุณเลทิเธียเป็นใครกันแน่”

ตำรวจแจ้งมาเช่นนั้นและทำให้เขาคิดไปต่างนานาว่าไอ้ผู้ชายที่อยู่กับคู่หมั้นของเขาอาจเป็นพวกอาชญากร ขโมยกระจอก หรือไม่ก็เป็นคนโรคจิต...ทุกการสันนิษฐานล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น หากแต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัดมากยิ่งขึ้น

“ลีรอยด์...ทางนี้!”

คิลเลียนลุกขึ้นโบกมือให้ชายผมทองรูปร่างผอมเพรียวที่เข้ามายืนหันรีหันขวางอยู่ตรงประตูทางเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ

”สวัสดี...คิลเลียน”

ลีรอยด์ทักทายพลางเหลือบมองอาหารในจานที่ยังไม่มีอะไรพร่องเลยสักอย่าง

“คุณเพิ่งมาถึงหรือ คิลเลียน?...ผมว่าผมไม่ได้มาสายนะ”

นักสืบเอกชนหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เขาคลี่ยิ้มทว่าอีกฝ่ายกลับเม้มริมฝีปากและขบกรามเบา ๆ ลีรอยด์เป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่คิลเลียนโทรตามให้มาช่วยคลี่คลายเงื่อนงำในอุบัติเหตุซึ่งทำให้คู่หมั้นของเขาอยู่ในอาการโคม่าร์ งานจัดเลี้ยงที่จะมีขึ้นในสัปดาห์ที่จะถึงหยุดชะงัก ทุกอย่างเป็นศูนยากาศสำหรับนาวาอากาศเอกหนุ่มซึ่งกำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าว

“คุณไม่สายหรอก ผมแค่มาก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง”

คิลเลียนตอบ ใบหน้าเข้มด้วยสันกรามแกร่งแสดงออกชัดเจนว่าเขากำลังเครียดจัด

“ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะ คิลเลียน สำหรับเรื่องของเลทิเธีย”

“มันไม่ใช่อุบัติเหตุใช่มั้ย ลีรอยด์?”

“ผมยังบอกอะไรไม่ได้ตอนนี้ แต่ก็มีหลักฐานบางอย่างซึ่งอาจบอกที่มาที่ไปของการเกิดอุบัติเหตุได้”

นาวาอากาศเอกหนุ่มขมวดคิ้ว เขาไม่สนใจอาหารตรงหน้ามากไปกว่าซองเอกสารที่ลีรอยด์ยื่นให้

“ก่อนเกิดเรื่องประมาณหนึ่งชั่วโมงกล้องวงจรปิดของโรงแรมจับภาพของเลทิเธียกับผู้ชายคนหนึ่งได้บนทางเดินของชั้นที่ยี่สิบ หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงก็มีพนักงานไปพบเธอนอนสลบอยู่ที่บันไดทางลงไปชั้นที่สิบเก้า ที่ตรงนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนคนเดียวเท่านั้นที่จะบอกเราได้คือผู้ชายในรูป”

นักสืบหนุ่มอธิบายพร้อม ๆ กับที่คิลเลียนหยิบภาพถ่ายขาวดำในซองเอกสารสีน้ำตาลออกมาดูทีละใบ มันเป็นภาพของเลทิเธียในชุดราตรีกับผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ผิวขาวสวมเสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนส์ แม้เป็นแค่ภาพจากกล้องวงจรปิดก็ทำเอาชายหนุ่มนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ นาวาอากาศเอกหนุ่มวางรูปลงบนโต๊ะพลางถอนใจหนัก

“ถ้าเลทิเธียพูดได้ เธอคงจะบอกผมว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่นี่เราก็ยังมืดแปดด้าน เพราะแม้แต่ตำรวจก็ยังบอกไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

“เราอาจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อย่างน้อยที่สุดเราก็รู้แล้วว่าผู้ชายที่อยู่กับเลทิเธียคนนั้นชื่อ แม็กซิมิลเลียน  เอ็ม.เจ.”

คำกล่าวของลีรอยด์ทำให้คนฟังตาวาว คิลเลียนกุมเอกสารในมือแน่นขณะฟังอีกฝ่ายพูดต่อ

“เขาเป็นช่างซ่อมรถอยู่ในอู่ฟินน่า การาจ แถวชานเมืองเขตดาวน์ทาวน์...เขาน่าจะรู้จักกับคู่หมั้นของคุณมาก่อนหน้านี้เพราะรถของเลทิเธียมีประวัติการเข้าซ่อมที่นั่น เมื่อวานผมไปที่อู่ เจ้าของบอกว่าแม็กซิมิลเลียนไม่ได้มาทำงานเกือบอาทิตย์แล้ว ซึ่งระยะเวลาที่เขาหายไปมันประจวบเหมาะกับวันที่เกิดเหตุพอดี”

“บ้าเอ๊ย!”

คิลเลียนคำรามอยู่ในลำคอและเผลอขย้ำซองเหมือนจะให้มันแหลกคามือ ลีรอยด์ชั่งใจชั่วขณะเมื่อเห็นอาการเดือดดาลของอีกฝ่าย แม้จะรู้ว่าลูกค้าของเขาคนนี้เลือดร้อนแค่ไหนหากแต่เขาก็ต้องทำตามหน้าที่ให้ลุล่วง

“การหายตัวไปแบบนี้ยิ่งทำให้น่าสงสัยว่าเขาต้องทำอะไรผิด แต่จากการสืบประวัติครอบครัวของแม็กซิมิลเลียน เขาไม่เคยมีประวัติเสียหายหรือเคยก่อคดีอะไรมาก่อนเลย เป็นแค่ช่างซ่อมรถธรรมดา แต่เขามีน้องสาวทำงานอยู่ในโรงแรมที่เกิดเหตุด้วย”

“น้องสาว?”

 คิลเลียนหรี่ตา ลีรอยด์มองไปที่ซองเอกสารยับย่นในมืออีกฝ่ายก่อนบอก

“รูปของเธออยู่ในซอง...เอ้อ...ในมือคุณ”

นาวาอากาศเอกหนุ่มรีบคลายมือและดึงรูปหลายใบที่เป็นรอยยับออกมากระทั่งใบสุดท้ายถูกคลี่ออก แม้รอยยับจะทำให้รูปบิดเบี้ยวทว่าใบหน้างามของสาวไทยใต้กรอบเรือนผมเข้มขลับยาวเคลียไหล่ก็ยังงดงามสะกดสายตา

ความทรงจำบางอย่างผุดพรายขึ้นมาในความนึกคิด เขาเคยพบผู้หญิงคนนี้...คืนนั้น คืนที่เขาพาเลทิเธียไปนั่งในห้องอาหารของโรงแรมพร้อมเพื่อนอีกสองคน คิลเลียนเผลอจ้องใบหน้าในภาพไม่วางตากระทั่งเสียงของลีรอยด์ดังขึ้น

“เธอชื่อมุกมาริน มนัญญา เป็นนักร้องอยู่ในห้องอาหารของโรงแรม เป็นคนไทยและเป็นน้องสาวของแม็กซิมิลเลียน”

“แต่เธอ...ดูไม่เหมือนพี่ชายสักนิด” คิลเลียนจับสังเกต

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status