ร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองสีเทาดำนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้บุนวมในร้านอาหารซึ่งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลนิวยอร์คออกมาไม่ไกล นัยน์ตาสีน้ำเงินส่องประกายดุดันและสีหน้าเคร่งเครียดบอกว่ามีบางสิ่งค้างคาในใจที่มิอาจขจัดได้หมด
แน่นอนว่ามันยังเป็นเรื่องของคู่หมั้นสาวที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนโดยที่คิลเลียนไม่ทันได้ตั้งตัว เวลาผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วที่นาวาอากาศเอกหนุ่มยังคงจมจ่อมอยู่กับความเจ็บปวดที่ต้องมองดูร่างของคนรักที่ยังนอนหายใจหากก็มิอาจพูดคุยกับเขาได้ดังเดิม
เลทิเธียกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราจากอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดฝัน ทว่าหลังจากแพทย์ช่วยชีวิตเธอได้เพียงสองวันเขากลับต้องรับรู้ข่าวใหม่จากตำรวจที่แจ้งมายังซินดี้และเฟเดอริค
ข่าวที่ทำให้เลือดในกายของนายทหารหนุ่มร้อนจนเดือด นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเลทิเธียไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดา
“จากการเข้าไปตรวจสอบในโรงแรมฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ลและดูจากกล้องวงจรปิด ก่อนเกิดเหตุเราเห็นว่าคุณเลทิเธียอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่บันไดห้องพักของชั้นที่ยี่สิบ เราสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในครั้งนี้เราจะสืบสวนต่อไปว่าผู้ชายที่อยู่กับคุณเลทิเธียเป็นใครกันแน่”
ตำรวจแจ้งมาเช่นนั้นและทำให้เขาคิดไปต่างนานาว่าไอ้ผู้ชายที่อยู่กับคู่หมั้นของเขาอาจเป็นพวกอาชญากร ขโมยกระจอก หรือไม่ก็เป็นคนโรคจิต...ทุกการสันนิษฐานล้วนเป็นไปได้ทั้งสิ้น หากแต่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะทำให้ทุกอย่างกระจ่างชัดมากยิ่งขึ้น
“ลีรอยด์...ทางนี้!”
คิลเลียนลุกขึ้นโบกมือให้ชายผมทองรูปร่างผอมเพรียวที่เข้ามายืนหันรีหันขวางอยู่ตรงประตูทางเข้ามานั่งร่วมโต๊ะ
”สวัสดี...คิลเลียน”
ลีรอยด์ทักทายพลางเหลือบมองอาหารในจานที่ยังไม่มีอะไรพร่องเลยสักอย่าง
“คุณเพิ่งมาถึงหรือ คิลเลียน?...ผมว่าผมไม่ได้มาสายนะ”
นักสืบเอกชนหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู เขาคลี่ยิ้มทว่าอีกฝ่ายกลับเม้มริมฝีปากและขบกรามเบา ๆ ลีรอยด์เป็นนักสืบเอกชนฝีมือดีที่คิลเลียนโทรตามให้มาช่วยคลี่คลายเงื่อนงำในอุบัติเหตุซึ่งทำให้คู่หมั้นของเขาอยู่ในอาการโคม่าร์ งานจัดเลี้ยงที่จะมีขึ้นในสัปดาห์ที่จะถึงหยุดชะงัก ทุกอย่างเป็นศูนยากาศสำหรับนาวาอากาศเอกหนุ่มซึ่งกำลังจะได้เป็นเจ้าบ่าว
“คุณไม่สายหรอก ผมแค่มาก่อนเวลานัดครึ่งชั่วโมง”
คิลเลียนตอบ ใบหน้าเข้มด้วยสันกรามแกร่งแสดงออกชัดเจนว่าเขากำลังเครียดจัด
“ผมขอแสดงความเสียใจด้วยนะ คิลเลียน สำหรับเรื่องของเลทิเธีย”
“มันไม่ใช่อุบัติเหตุใช่มั้ย ลีรอยด์?”
“ผมยังบอกอะไรไม่ได้ตอนนี้ แต่ก็มีหลักฐานบางอย่างซึ่งอาจบอกที่มาที่ไปของการเกิดอุบัติเหตุได้”
นาวาอากาศเอกหนุ่มขมวดคิ้ว เขาไม่สนใจอาหารตรงหน้ามากไปกว่าซองเอกสารที่ลีรอยด์ยื่นให้
“ก่อนเกิดเรื่องประมาณหนึ่งชั่วโมงกล้องวงจรปิดของโรงแรมจับภาพของเลทิเธียกับผู้ชายคนหนึ่งได้บนทางเดินของชั้นที่ยี่สิบ หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงก็มีพนักงานไปพบเธอนอนสลบอยู่ที่บันไดทางลงไปชั้นที่สิบเก้า ที่ตรงนั้นไม่มีกล้องวงจรปิดทำให้ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น คนคนเดียวเท่านั้นที่จะบอกเราได้คือผู้ชายในรูป”
นักสืบหนุ่มอธิบายพร้อม ๆ กับที่คิลเลียนหยิบภาพถ่ายขาวดำในซองเอกสารสีน้ำตาลออกมาดูทีละใบ มันเป็นภาพของเลทิเธียในชุดราตรีกับผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ผิวขาวสวมเสื้อยืดสีดำและกางเกงยีนส์ แม้เป็นแค่ภาพจากกล้องวงจรปิดก็ทำเอาชายหนุ่มนั่งแทบไม่ติดเก้าอี้ นาวาอากาศเอกหนุ่มวางรูปลงบนโต๊ะพลางถอนใจหนัก
“ถ้าเลทิเธียพูดได้ เธอคงจะบอกผมว่าผู้ชายคนนี้เป็นใคร แต่นี่เราก็ยังมืดแปดด้าน เพราะแม้แต่ตำรวจก็ยังบอกไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่”
“เราอาจไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่อย่างน้อยที่สุดเราก็รู้แล้วว่าผู้ชายที่อยู่กับเลทิเธียคนนั้นชื่อ แม็กซิมิลเลียน เอ็ม.เจ.”
คำกล่าวของลีรอยด์ทำให้คนฟังตาวาว คิลเลียนกุมเอกสารในมือแน่นขณะฟังอีกฝ่ายพูดต่อ
“เขาเป็นช่างซ่อมรถอยู่ในอู่ฟินน่า การาจ แถวชานเมืองเขตดาวน์ทาวน์...เขาน่าจะรู้จักกับคู่หมั้นของคุณมาก่อนหน้านี้เพราะรถของเลทิเธียมีประวัติการเข้าซ่อมที่นั่น เมื่อวานผมไปที่อู่ เจ้าของบอกว่าแม็กซิมิลเลียนไม่ได้มาทำงานเกือบอาทิตย์แล้ว ซึ่งระยะเวลาที่เขาหายไปมันประจวบเหมาะกับวันที่เกิดเหตุพอดี”
“บ้าเอ๊ย!”
คิลเลียนคำรามอยู่ในลำคอและเผลอขย้ำซองเหมือนจะให้มันแหลกคามือ ลีรอยด์ชั่งใจชั่วขณะเมื่อเห็นอาการเดือดดาลของอีกฝ่าย แม้จะรู้ว่าลูกค้าของเขาคนนี้เลือดร้อนแค่ไหนหากแต่เขาก็ต้องทำตามหน้าที่ให้ลุล่วง
“การหายตัวไปแบบนี้ยิ่งทำให้น่าสงสัยว่าเขาต้องทำอะไรผิด แต่จากการสืบประวัติครอบครัวของแม็กซิมิลเลียน เขาไม่เคยมีประวัติเสียหายหรือเคยก่อคดีอะไรมาก่อนเลย เป็นแค่ช่างซ่อมรถธรรมดา แต่เขามีน้องสาวทำงานอยู่ในโรงแรมที่เกิดเหตุด้วย”
“น้องสาว?”
คิลเลียนหรี่ตา ลีรอยด์มองไปที่ซองเอกสารยับย่นในมืออีกฝ่ายก่อนบอก
“รูปของเธออยู่ในซอง...เอ้อ...ในมือคุณ”
นาวาอากาศเอกหนุ่มรีบคลายมือและดึงรูปหลายใบที่เป็นรอยยับออกมากระทั่งใบสุดท้ายถูกคลี่ออก แม้รอยยับจะทำให้รูปบิดเบี้ยวทว่าใบหน้างามของสาวไทยใต้กรอบเรือนผมเข้มขลับยาวเคลียไหล่ก็ยังงดงามสะกดสายตา
ความทรงจำบางอย่างผุดพรายขึ้นมาในความนึกคิด เขาเคยพบผู้หญิงคนนี้...คืนนั้น คืนที่เขาพาเลทิเธียไปนั่งในห้องอาหารของโรงแรมพร้อมเพื่อนอีกสองคน คิลเลียนเผลอจ้องใบหน้าในภาพไม่วางตากระทั่งเสียงของลีรอยด์ดังขึ้น
“เธอชื่อมุกมาริน มนัญญา เป็นนักร้องอยู่ในห้องอาหารของโรงแรม เป็นคนไทยและเป็นน้องสาวของแม็กซิมิลเลียน”
“แต่เธอ...ดูไม่เหมือนพี่ชายสักนิด” คิลเลียนจับสังเกต
“ใช่...เธอแตกต่างจากพี่ชาย เพราะจริง ๆ พ่อแม่ของเธอเป็นคนไทย แต่ตอนนั้นพวกเขาไม่มีลูกก็เลยรับแม็กซิมิลเลียนมาป็นบุตรบุญธรรม แม็กซิมิลเลียนไม่ได้เรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย เขาแยกตัวไปอยู่คนเดียวและเป็นช่างซ่อมรถประมาณสองปีเห็นจะได้ แต่จากที่สืบทราบก็คือเขายังติดต่อกับน้องสาวคนเดียวอยู่เสมอ มุกมารินน่าจะเป็นคนเดียวที่รู้และบอกเราได้ว่า ตอนนี้พี่ชายของเธออยู่ที่ไหน”ลีรอยด์รู้สึกคอแห้งจนต้องจิบน้ำชาเล็กน้อย บรรยากาศรอบตัวเขาและคิลเลียนเหมือนมีความกดดันอวลอยู่โดยรอบ แววตาของนาวาอากาศเอกหนุ่มฉายความขึ้งเคียดออกมาอย่างน่ากลัว“ขอบคุณมากลีรอยด์”คิลเลียนเก็บรูปกลับเข้าไปในซอง เขาไม่ยอมแตะอาหารบนโต๊ะแม้แต่น้ำในแก้ว“ถ้ารอให้ตำรวจเข้ามาสืบคดีผมอาจรู้ช้ากว่านี้ อย่างน้อยคุณก็ทำให้ผมรู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป”“คุณยังต้องการอะไรอีกไหม คิลเลียน?” ลีรอยด์ถามขณะที่อีกฝ่ายนั่งลูบคางอย่างใช้ความคิด“ผมขอตารางเวลาทำงานของผู้หญิงคนนั้น...ด่วนที่สุด”“ไม่มีปัญหา ตอนเย็นนี้คุณคอยรับโทรศัพท์จากผมก็แล้วกัน”นักสืบหนุ่มยกแก้วขึ้นจิบน้ำก่อนลงมือเฉือนเสต๊กเนื้อในจานโดยไม่ทันสังเกตเห็นอะไรบางอย่างฉายวาบในดวงตาสีน้ำ
เมื่อบทเพลง Greatest love of all อันไพเราะจบลง เสียงปรบมือภายในห้องอาหารชั้นที่ห้าสิบของโรงแรมหรู ฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ลซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจบนถนน ฟิฟท์ อะเวนิว แห่งมหานครนิวยอร์คก็ดังกึกก้องพริซซิลล่ามองตามนักร้องสาวร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวปักเลื่อมสีขาวเจิดจรัสที่เดินลงจากเวทีด้วยความชื่นชมก่อนหันกลับมายังอีวานซึ่งนั่งข้าง ๆ และตรงข้ามคือคิลเลียนที่วันนี้ควงคู่มากับ เลทิเธีย คู่หมั้นสาวแสนสวย“นักร้องผู้หญิงคนนั้นคงเป็นชาวเอเชีย เธอสวยมากเลยนะคะ”พริซซิลล่าหันมาบอกทุกคนซึ่งอีวานวาดวงแขนโอบไหล่หญิงสาวก่อนพูด“ถ้าผมเห็นด้วย คุณจะหึงหรือเปล่าที่รัก?”“คุณมีสิทธิ์พยักหน้าค่ะ แต่ห้ามแสดงความเห็น โอเคมั้ยคะ อีวาน”หญิงสาวทำเสียงเข้มซึ่งทำให้ทุกคนหัวเราะพร้อมกันก่อนที่คิลเลียนจะหันไปทางคู่หมั้นของเขาบ้าง“ผมอยากให้คุณหึงผมแบบนี้บ้างจัง”“อะไรกัน! นี่นายกำลังจะแต่งงานกับเธออยู่แล้วนะ คงไม่ต้องมาหึงหวงกันอย่างคู่รักที่เพิ่งคบกันหรอกน่า”อีวานกระเซ้าเพื่อนของเขาซึ่งอยู่ในชุดสูทหล่อเหลากว่าปกติ คิลเลียนแทบไม่แตะชุดพวกนี้เพราะคุ้นชินกับการแต่งกายอย่างทหาร ทว่าหลังจากคบกับ เลทิเ
“ครั้งนี้ผมจะไม่เอาเรื่อง!” คิลเลียนลั่นออกมาอย่างเดือดดาล “ถ้าอยากมีเงินใช้ก็ไปเสนอตัวให้ไอ้พวกเศรษฐีแก่ ๆ โน่นเลยไป หน้าตาแบบนี้คงหาได้ไม่ยาก ไม่ใช่มาทำนิสัยแย่ ๆ หัดลักขโมยของคนอื่นแบบนี้!”ชายหนุ่มชี้หน้าหญิงสาวที่ยืนทนฟังเสียงก่นว่าก่อนพาคู่หมั้นของเขาเดินจากไป“เพิร์ลลี่...มาอยู่นี่เอง ถึงคิวเธอร้องเพลงต่อไปแล้วนะ”มุกมารินต้องรีบดึงสติกลับมาเมื่อเพื่อนนักร้องสาววิ่งกระหืดกระหอบมาหา หญิงสาวรีบกลั้นน้ำรื้นในดวงตาคู่สวย“เพิร์ลลี่...มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”“เปล่าจ้ะ...คือ...มุกว่า มุกพบคนที่เคยรู้จักน่ะจ้ะ”“เหรอจ๊ะ...แล้วตอนนี้เขาไปไหนเสียแล้วล่ะ?”“เอ้อ...เขาจำมุกไม่ได้ หรือบางที มุกอาจจะทักคนผิดเองก็ได้”ร่างเล็กบอบบางกล่าวคล้ายรำพึงกับตัวเองขณะมองไปยังห้องอาหารที่มีแขกนั่งเต็มทุกโต๊ะกับความรู้สึกที่ยังมึนงงไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเธอไม่ได้ทักคนผิด เธอรู้จักผู้หญิงคนนั้น แต่...ผู้ชายที่พบเมื่อครู่เป็นใครกัน ช่างดุดันดิบห่ามจนเธอนึกเกลียดขึ้นมาจับหัวใจบทที่ 2 เหตุไม่คาดฝัน เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นตอนกลางดึกทำให้นาวาอากาศเอกคิลเลียน แม็คไพรด์
ทว่าไม่เคยมีช่วงเวลาแห่งความโรแมนติกระหว่างเขาและเธอตราบจนใกล้พิธีวิวาห์ คงไม่มีใครเชื่อเป็นแน่ว่าเขาไม่เคยใกล้ชิดเลทิเธียมากกว่าการกอดและจูบดูดดื่มเหมือนคู่รักที่เพิ่งคบกันใหม่ ๆ อย่างไรอย่างนั้นนาวาอากาศเอกหนุ่มครุ่นคิดเรื่องอาการคู่หมั้นของเขากระทั่งไปถึงโรงพยาบาลนิวยอร์คตามคำบอกกล่าวของซินดี้ มารดาของเลทิเธีย คิลเลียนตรงดิ่งไปถึงหน้าห้องฉุกเฉินที่เขาเห็นร่างของหญิงและชายวัยกลางคนยืนรออย่างกระวนกระวายใจ“คิลเลียน!...โอ...คิลเลียน”หญิงผมบลอนด์ทองอายุราวห้าสิบปลาย ๆ ในชุดกระโปรงสีอิฐวิ่งเข้ามาสวมกอดร่างสูงใหญ่ด้วยใบหน้ชื้นไปด้วยคราบน้ำตาทว่าก็มีรอยยิ้มบอกความยินดีที่เห็นว่าอีกฝ่ายมาถึง“เลทิเธียล่ะครับ คุณแม่”“เธอยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน...เรารอมาเกือบจะทั้งคืนแล้ว”เฟเดอริก นักธุรกิจใหญ่ผู้เป็นบิดาของเลทิเธียกล่าวขึ้น เขายังอยู่ในชุดสูทและมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด คิลเลียนก้มลงดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าเวลากำลังจะล่วงถึงตีห้าแล้ว ทว่าทุกอย่างกลับดูเชื่องช้าเสมือนเรือนแห่งกาลหยุดอยู่กับที่“ทำใจดี ๆ นะครับคุณแม่...บอกหน่อยได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับเลทิเธีย”ชายหนุ่มยังกอดหญิงว