“ใช่...เธอแตกต่างจากพี่ชาย เพราะจริง ๆ พ่อแม่ของเธอเป็นคนไทย แต่ตอนนั้นพวกเขาไม่มีลูกก็เลยรับแม็กซิมิลเลียนมาป็นบุตรบุญธรรม แม็กซิมิลเลียนไม่ได้เรียนต่อจนจบมหาวิทยาลัย เขาแยกตัวไปอยู่คนเดียวและเป็นช่างซ่อมรถประมาณสองปีเห็นจะได้ แต่จากที่สืบทราบก็คือเขายังติดต่อกับน้องสาวคนเดียวอยู่เสมอ มุกมารินน่าจะเป็นคนเดียวที่รู้และบอกเราได้ว่า ตอนนี้พี่ชายของเธออยู่ที่ไหน”
ลีรอยด์รู้สึกคอแห้งจนต้องจิบน้ำชาเล็กน้อย บรรยากาศรอบตัวเขาและคิลเลียนเหมือนมีความกดดันอวลอยู่โดยรอบ แววตาของนาวาอากาศเอกหนุ่มฉายความขึ้งเคียดออกมาอย่างน่ากลัว
“ขอบคุณมากลีรอยด์”
คิลเลียนเก็บรูปกลับเข้าไปในซอง เขาไม่ยอมแตะอาหารบนโต๊ะแม้แต่น้ำในแก้ว
“ถ้ารอให้ตำรวจเข้ามาสืบคดีผมอาจรู้ช้ากว่านี้ อย่างน้อยคุณก็ทำให้ผมรู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อไป”
“คุณยังต้องการอะไรอีกไหม คิลเลียน?” ลีรอยด์ถามขณะที่อีกฝ่ายนั่งลูบคางอย่างใช้ความคิด
“ผมขอตารางเวลาทำงานของผู้หญิงคนนั้น...ด่วนที่สุด”
“ไม่มีปัญหา ตอนเย็นนี้คุณคอยรับโทรศัพท์จากผมก็แล้วกัน”
นักสืบหนุ่มยกแก้วขึ้นจิบน้ำก่อนลงมือเฉือนเสต๊กเนื้อในจานโดยไม่ทันสังเกตเห็นอะไรบางอย่างฉายวาบในดวงตาสีน้ำเงินดุจห้วงทะเลลึก
มุกมาริน มนัญญา...แม่นักร้องสาวไทยที่คิลเลียนยังจดจำได้ไม่ลืม คืนนั้นถ้าคู่หมั้นของเขาไม่ร้องห้ามก็จะพาหล่อนไปพบผู้จัดการโทษฐานประพฤติตัวไม่เหมาะสม ยิ่งได้รู้ว่าเจ้าหล่อนเข้ามาพัวพันแม้อาจไม่รู้เห็นกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็ยิ่งเพิ่มความเกลียดชังทบเท่าทวีคูณ
เขาต้องหาทางลากคอไอ้ผู้ชายคนนั้นมาเค้นความจริง ไม่ว่าจะด้วยวิธีการไหนหรือทำเช่นไรทุกวิถีทาง
ร่างเล็กบอบบางในชุดราตรีสั้นสีครีมยังคงนั่งอยู่เพียงลำพังหน้ากระจกภายในห้องแต่งตัวซึ่งเต็มไปด้วยชุดและเครื่องประดับแสนสวยภายใต้แสงไฟนวลตา มุกมารินนั่งกุมโทรศัพท์และหลายครั้งก็ก้มลงมองหน้าจอด้วยสีหน้าเป็นกังวล เธอรอคอยเสียงเรียกเข้าด้วยคาดหวังว่า ใครคนหนึ่ง จะติดต่อกลับมา
“เพิร์ลลี่...เธอมาอยูที่ที่เองหรือจ๊ะ”
เสียงที่ดังขึ้นเบื้องหลังทำให้หญิงสาวรีบเก็บโทรศัพท์ไว้ในกระเป๋าก่อนหันไปยังบุรุษร่างสูงในชุดสูท
“เนส...มีอะไรหรือคะ?” มุกมารินเอ่ยถาม เนส ผู้จัดการห้องอาหารหนุ่มวัยสามสิบห้าซึ่งเธอคุ้นเคยเป็นอย่างดี เขาเป็นอเมริกันผิวสี ผมหยิกหยองทว่ามีบุคลิกอันอบอุ่นและเป็นกันเองในแบบฉบับชาวสีม่วง เนสมองนักร้องสาวชาวไทยวัยยี่สิบสี่ผู้มีน้ำเสียงราวกับนางสวรรค์ด้วยดวงตาเป็นประกาย
“ฉันตามหาเธอแทบแย่เลยสาวน้อย”
“คืนนี้ฉันหมดคิวร้องเพลงแล้วค่ะ เนส”
“ขอบคุณพระเจ้าที่เธอยังไม่กลับบ้าน เพราะมีแขกวีไอพี รีเควสให้เธอร้องเพลงให้เขาฟังเป็นการส่วนตัวจ้ะ”
“พรุ่งนี้หรือคะ...ถ้าเป็นช่วงบ่ายฉันว่างค่ะ”
“ตอนนี้จ้ะ”
มุกมารินหยุดชะงักขณะกำลังหันกลับไปหยิบกระเป๋าถือ ร่างเล็กบอบบางหันกลับมามองหน้าผู้จัดการอีกครั้ง
“แต่ตอนนี้มันหมดเวลางานของฉันแล้วนะคะ”
“สเปเชี่ยล”
เนสจีบนิ้วโป้งกับนิ้วชี้ขณะมองเธออย่างเว้าวอน
“เขาอยากให้เธอไปร้องเพลงให้เขาฟังที่ห้อง”
“เขาหรือคะ...ไม่ค่ะ เนส!” หญิงสาวปฏิเสธทันทีที่ได้ยินเช่นนั้น “คุณก็รู้ว่าฉันจะไม่ร้องเพลงที่ห้องพักของแขกแบบสองต่อสองโดยเฉพาะแขกผู้ชาย”
“ได้โปรด ที่รัก...นึกว่าช่วยฉันสักครั้ง มันไม่ได้มีอะไรน่ากลัว”
“แต่ไม่เหมาะสมค่ะ” มุกมารินเน้นเสียงหนัก “คุณจะไล่ฉันออกก็ได้นะคะ แต่ฉันคงจะทำตามความต้องการของแขกไม่ได้จริง ๆ “
“เธอจะไม่โดนไล่ออก แต่คนที่จะโดนไล่ออกคือฉัน”
เนสเสียงอ่อยและนั่นทำให้หญิงสาวเงียบไปในทันที มุกมารินวางกระเป๋าในมือลง เธอเหมือนถูกต่อยเข้าท้องจนจุก แขกคนนั้นเป็นใครถึงมีอำนาจสั่งได้ขนาดนี้
“อย่าถามเชียวนะว่าเขาเป็นใคร...แต่บอกให้ก็ได้ เขาชื่อคิลเลียน แม็คไพรด์ ฉันรู้แค่ว่ามันไม่มีอะไรมากไปกว่าที่เขาอยากฟังเสียงเพราะ ๆ ของเธอ ที่สำคัญเธอจะไม่เหนื่อยเปล่า เพราะว่าเธอจะได้...นี่จ้ะ”
ผู้จัดการหนุ่มล้วงหยิบบางอย่างในกระเป๋าเสื้อก่อนกรีดนิ้วชูให้เธอดู มันเป็นเช็คเงินสดที่ทำเอาหญิงสาวตะลึงเพราะตัวเลขในนั้นมากถึงหนึ่งแสนดอลล่าห์
“แค่เพลงเดียว...ร้องเสร็จก็กลับ” เนสขยิบตา มุกมารินเม้มปากเข้าหากันแน่นขณะมองเช็คใบนั้นชั่วครู่
“ได้ค่ะ...เนส ฉันจะไปร้องเพลงให้แขกคนนั้นฟัง...เพื่อคุณ”
หนุ่มผิวสีถอนใจโล่งทันทีที่หญิงสาวดึงเช็คจากมือของเขา เนสดึงร่างเล็กเข้ามากอดและกล่าวสำทับ
“ขอบคุณที่สุด...ฉันรักเธอจ้ะสาวน้อย โอเค...ถ้าเธอพร้อมแล้วก็ตามบอดี้การ์ดของเขาขึ้นไปบนห้องพักชั้นที่ยี่สิบนะจ๊ะ”
เมื่อบทเพลง Greatest love of all อันไพเราะจบลง เสียงปรบมือภายในห้องอาหารชั้นที่ห้าสิบของโรงแรมหรู ฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ลซึ่งตั้งอยู่ใจกลางย่านธุรกิจบนถนน ฟิฟท์ อะเวนิว แห่งมหานครนิวยอร์คก็ดังกึกก้องพริซซิลล่ามองตามนักร้องสาวร่างเล็กบอบบางในชุดราตรียาวปักเลื่อมสีขาวเจิดจรัสที่เดินลงจากเวทีด้วยความชื่นชมก่อนหันกลับมายังอีวานซึ่งนั่งข้าง ๆ และตรงข้ามคือคิลเลียนที่วันนี้ควงคู่มากับ เลทิเธีย คู่หมั้นสาวแสนสวย“นักร้องผู้หญิงคนนั้นคงเป็นชาวเอเชีย เธอสวยมากเลยนะคะ”พริซซิลล่าหันมาบอกทุกคนซึ่งอีวานวาดวงแขนโอบไหล่หญิงสาวก่อนพูด“ถ้าผมเห็นด้วย คุณจะหึงหรือเปล่าที่รัก?”“คุณมีสิทธิ์พยักหน้าค่ะ แต่ห้ามแสดงความเห็น โอเคมั้ยคะ อีวาน”หญิงสาวทำเสียงเข้มซึ่งทำให้ทุกคนหัวเราะพร้อมกันก่อนที่คิลเลียนจะหันไปทางคู่หมั้นของเขาบ้าง“ผมอยากให้คุณหึงผมแบบนี้บ้างจัง”“อะไรกัน! นี่นายกำลังจะแต่งงานกับเธออยู่แล้วนะ คงไม่ต้องมาหึงหวงกันอย่างคู่รักที่เพิ่งคบกันหรอกน่า”อีวานกระเซ้าเพื่อนของเขาซึ่งอยู่ในชุดสูทหล่อเหลากว่าปกติ คิลเลียนแทบไม่แตะชุดพวกนี้เพราะคุ้นชินกับการแต่งกายอย่างทหาร ทว่าหลังจากคบกับ เลทิเ
“ครั้งนี้ผมจะไม่เอาเรื่อง!” คิลเลียนลั่นออกมาอย่างเดือดดาล “ถ้าอยากมีเงินใช้ก็ไปเสนอตัวให้ไอ้พวกเศรษฐีแก่ ๆ โน่นเลยไป หน้าตาแบบนี้คงหาได้ไม่ยาก ไม่ใช่มาทำนิสัยแย่ ๆ หัดลักขโมยของคนอื่นแบบนี้!”ชายหนุ่มชี้หน้าหญิงสาวที่ยืนทนฟังเสียงก่นว่าก่อนพาคู่หมั้นของเขาเดินจากไป“เพิร์ลลี่...มาอยู่นี่เอง ถึงคิวเธอร้องเพลงต่อไปแล้วนะ”มุกมารินต้องรีบดึงสติกลับมาเมื่อเพื่อนนักร้องสาววิ่งกระหืดกระหอบมาหา หญิงสาวรีบกลั้นน้ำรื้นในดวงตาคู่สวย“เพิร์ลลี่...มีอะไรหรือเปล่าจ๊ะ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น”“เปล่าจ้ะ...คือ...มุกว่า มุกพบคนที่เคยรู้จักน่ะจ้ะ”“เหรอจ๊ะ...แล้วตอนนี้เขาไปไหนเสียแล้วล่ะ?”“เอ้อ...เขาจำมุกไม่ได้ หรือบางที มุกอาจจะทักคนผิดเองก็ได้”ร่างเล็กบอบบางกล่าวคล้ายรำพึงกับตัวเองขณะมองไปยังห้องอาหารที่มีแขกนั่งเต็มทุกโต๊ะกับความรู้สึกที่ยังมึนงงไม่หายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเธอไม่ได้ทักคนผิด เธอรู้จักผู้หญิงคนนั้น แต่...ผู้ชายที่พบเมื่อครู่เป็นใครกัน ช่างดุดันดิบห่ามจนเธอนึกเกลียดขึ้นมาจับหัวใจบทที่ 2 เหตุไม่คาดฝัน เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นตอนกลางดึกทำให้นาวาอากาศเอกคิลเลียน แม็คไพรด์
ทว่าไม่เคยมีช่วงเวลาแห่งความโรแมนติกระหว่างเขาและเธอตราบจนใกล้พิธีวิวาห์ คงไม่มีใครเชื่อเป็นแน่ว่าเขาไม่เคยใกล้ชิดเลทิเธียมากกว่าการกอดและจูบดูดดื่มเหมือนคู่รักที่เพิ่งคบกันใหม่ ๆ อย่างไรอย่างนั้นนาวาอากาศเอกหนุ่มครุ่นคิดเรื่องอาการคู่หมั้นของเขากระทั่งไปถึงโรงพยาบาลนิวยอร์คตามคำบอกกล่าวของซินดี้ มารดาของเลทิเธีย คิลเลียนตรงดิ่งไปถึงหน้าห้องฉุกเฉินที่เขาเห็นร่างของหญิงและชายวัยกลางคนยืนรออย่างกระวนกระวายใจ“คิลเลียน!...โอ...คิลเลียน”หญิงผมบลอนด์ทองอายุราวห้าสิบปลาย ๆ ในชุดกระโปรงสีอิฐวิ่งเข้ามาสวมกอดร่างสูงใหญ่ด้วยใบหน้ชื้นไปด้วยคราบน้ำตาทว่าก็มีรอยยิ้มบอกความยินดีที่เห็นว่าอีกฝ่ายมาถึง“เลทิเธียล่ะครับ คุณแม่”“เธอยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน...เรารอมาเกือบจะทั้งคืนแล้ว”เฟเดอริก นักธุรกิจใหญ่ผู้เป็นบิดาของเลทิเธียกล่าวขึ้น เขายังอยู่ในชุดสูทและมีสีหน้าเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด คิลเลียนก้มลงดูนาฬิกาข้อมือก็เห็นว่าเวลากำลังจะล่วงถึงตีห้าแล้ว ทว่าทุกอย่างกลับดูเชื่องช้าเสมือนเรือนแห่งกาลหยุดอยู่กับที่“ทำใจดี ๆ นะครับคุณแม่...บอกหน่อยได้ไหมครับว่าเกิดอะไรขึ้นกับเลทิเธีย”ชายหนุ่มยังกอดหญิงว
ร่างสูงใหญ่ในชุดลำลองสีเทาดำนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้บุนวมในร้านอาหารซึ่งอยู่ห่างจากโรงพยาบาลนิวยอร์คออกมาไม่ไกล นัยน์ตาสีน้ำเงินส่องประกายดุดันและสีหน้าเคร่งเครียดบอกว่ามีบางสิ่งค้างคาในใจที่มิอาจขจัดได้หมดแน่นอนว่ามันยังเป็นเรื่องของคู่หมั้นสาวที่เกิดขึ้นอย่างปัจจุบันทันด่วนโดยที่คิลเลียนไม่ทันได้ตั้งตัว เวลาผ่านมาเกือบสัปดาห์แล้วที่นาวาอากาศเอกหนุ่มยังคงจมจ่อมอยู่กับความเจ็บปวดที่ต้องมองดูร่างของคนรักที่ยังนอนหายใจหากก็มิอาจพูดคุยกับเขาได้ดังเดิมเลทิเธียกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราจากอุบัติเหตุที่ไม่มีใครคาดฝัน ทว่าหลังจากแพทย์ช่วยชีวิตเธอได้เพียงสองวันเขากลับต้องรับรู้ข่าวใหม่จากตำรวจที่แจ้งมายังซินดี้และเฟเดอริคข่าวที่ทำให้เลือดในกายของนายทหารหนุ่มร้อนจนเดือด นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นกับเลทิเธียไม่ใช่แค่อุบัติเหตุธรรมดา“จากการเข้าไปตรวจสอบในโรงแรมฟิฟท์ อะเวนิว แกรนด์ โฮเต็ลและดูจากกล้องวงจรปิด ก่อนเกิดเหตุเราเห็นว่าคุณเลทิเธียอยู่กับผู้ชายคนหนึ่งที่บันไดห้องพักของชั้นที่ยี่สิบ เราสงสัยว่าผู้ชายคนนั้นอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุในครั้งนี้เราจะสืบสวนต่อไปว่าผู้ชายที่อยู่กับคุณเลทิเธี